บทที่ 1 กุหลาบกับไฟ
ณ.ผับหรูใจกลางกรุงปารีสที่ตอนนี้เต็มไปด้วยนักท่องราตรียามค่ำคืน ที่กำลังต่างพากันโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะเพลงที่ดีเจกำลังเปิดอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะบริเวณกลางเวทีที่ดูจะร้อนระอุที่สุด เพราะมีร่างของหญิงสาวที่สุดจะแสนเซ็กซี่ในชุดเกาะอกสีแดงสดกำลังเต้นโยกย้ายด้วยท่าทางที่สุดแสนจะยั่วยวน ทุกการเคลื่อนไหวของเธอเรียกเสียงเฮจากบรรดาหนุ่มสาวที่ต่างพากันส่งเสียงเชียร์เธอได้เป็นอย่างดี
“โรเซ่ โร่เซ่ โรเซ่” ยิ่งเสียงเรียกชื่อเธอดังมากเท่าไร หญิงสาวก็ยิ่งเพิ่มความยั่วยวนมากขึ้นเท่านั้น ทำเอาบรรดาหนุ่มๆ ที่อยู่แถวหน้าแทบจะเลือดกำเดาไหลเพราะความเซ็กซี่ของเธอ
โรส หรือที่ทุกคนเรียกด้วยชื่อโรเซ่ เธอคือหญิงสาวชาวไทยที่มีรูปร่างแสนจะเซ็กซี่ อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก ยิ่งรวมกับรูปร่างสูงโปร่งเหมือนนางแบบที่ช่วยส่งเสริมให้เธอดูดียิ่งขึ้น รวมกับหน้าตาที่สวยชนิดที่คนเดินผ่านยังต้องหันมอง ทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจของทั้งชายและหญิงได้ไม่ยาก
“ขอบคุณโรเซ่ที่รักของเรา ที่วันนี้ขึ้นมามอบความสุขให้กับพวกเราทุกคนเป็นการส่งท้ายก่อนที่เธอจะกลับประเทศของเธอ” เป็นเสียงของดีเจที่พูดขึ้นช่วงท้ายเพลงก่อนที่เพลงจะจบลง “ฉันหวังว่าเธอจะคิดถึงพวกเราและกลับมาเยี่ยมพวกเราบ่อยๆ นะ ไม่งั้นพวกเราคงคิดถึงเธอแน่ๆ” โรสได้ยินดีเจพูดแบบนั้นเธอเลยเดินไปหาดีเจคนนั้นก่อนจะแย่งไมค์ของดีเจมาพูด
“อย่ามาโกหก พรุ่งนี้พวกนายก็ลืมฉันแล้ว” คำพูดของโรสเรียกเสียงเฮจากคนในร้านได้เป็นอย่างดี
หลังจากจบเพลงโรสก็ลงจากเวทีมานั่งที่โต๊ะของเธอ ที่มีเพื่อนๆ ของเธอนั่งรออยู่
“เซ็กซี่เป็นบ้า เชื่อมั้ยวันนี้ต้องมีผู้ชายกว่าครึ่งร้านที่อยากพาจะเธอกลับบ้าน” หนึ่งในเพื่อนของโรสพูดขึ้น “แต่พวกนั้นก็ต้องผิดหวังเพราะโรเซ่ของเราไม่เคยสนใจใคร” เพื่อนคนเดิมยังพูดต่อ
“ใช่ ยัยนี่เก่งเรื่องทำให้คนอยากแล้วจากไปเป็นที่สุด ฉันล่ะสงสารคนพวกนั้นจริงๆ” เพื่อนอีกคนของเธอพูด
“ถ้าเธอสงสาร ก็เก็บพวกนั้นกลับไปสิฉันยกให้” โรสพูด
“ที่พวกฉันพาเธอมาก็เพราะแบบนั้นนั่นแหละ”
“นี่พวกเธอเห็นฉันเป็นตัวล่อผู้ชายเหรอ” เธอถามแบบไม่ค่อยใส่ใจ
“เอาน่าถือว่าช่วยพวกฉันออมแรง พวกฉันจะได้มีแรงไว้ทำกิจกรรมที่มันสนุกๆ ว่าแต่เธอเถอะไม่สนใจทำบ้างเหรอ”
“ไม่” โรสพูดก่อนจะหยิบกระเป๋าเตรียมตัวที่จะกลับ “พวกเธอทำกันไปเถอะไอ้กิจกรรมอย่างว่า ระวังโรคกับระวังท้องด้วยก็แล้วกัน ฉันกลับก่อนนะเหนื่อยแล้ว” พูดจบโรสก็ลุกขึ้นเพื่อกลับห้องปล่อยให้เพื่อนๆของเธอสนุกกันต่อ แต่ระหว่างทางเดินที่จะออกจากร้านก็มีหนุ่มๆ เข้ามาชวนเธอให้ไปต่อตลอดทาง แต่ทุกคนก็ต้องผิดหวังเพราะเธอปฏิเสธไปอย่างไม่ใยดี
วันนี้เพื่อนๆ พาโรสมาเลี้ยงส่งท้ายเพราะพรุ่งนี้เธอต้องกลับประเทศไทยหลังจากที่เรียนจบ เธอถูกพ่อขับไล่ไสส่งมาเรียนที่ฝรั่งเศสตั้งแต่อายุแค่สิบห้า จนตอนนี้เธออายุยี่สิบห้าพร้อมกับจบปริญญาโทเรียบร้อยแล้ว
“ที่บ้านจะเปลี่ยนไปขนาดไหนนะ” เธอคิด เพราะตั้งแต่ที่เธอถูกพ่อส่งมาอยู่ที่นี่เธอก็ไม่เคยได้กลับไปประเทศไทยอีกเลย
ณ.ห้องทำงานห้องหนึ่งในคฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางกรุงเทพเมืองหลวงของประเทศไทย มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลารูปร่างสูงโปร่งกำลังเดินด้วยจังหวะมั่นคงตรงมาที่โต๊ะทำงานที่มีชายวัยกลางคนกำลังนั่งทำงานอยู่ด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ท่านเรียกผมเหรอครับ” ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานก่อนจะเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่
“ใช่ นั่งก่อนสิฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” ท่านอนุวัตรหรือก็คือท่านที่ชายหนุ่มเอ่อถามบอก ชายหนุ่มจึงนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ทันทีที่ชายหนุ่มนั่งลงท่านก็เริ่มพูดขึ้นทันที
“นายรู้เรื่องที่ลูกสาวฉันจะกลับมาแล้วใช่มั้ย” ท่านอนุวัตรเริ่มเข้าเรื่องทันที
“ทราบแล้วครับ” ชายหนุ่มตอบ เพราะเขาเองก็ทำงานอยู่ที่นี้ต้องเขาออกบ้านหลังนี้บ่อยๆ เขาจะไม่รู้ข่าวเรื่องการกลับมาของลูกสาวท่านอนุวัตรได้ยังไง เพราะหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาคนที่บ้านต่างวิ่งวุ่นเพราะต้องจัดเตรียมห้องสำหรับคุณหนูของบ้านให้วุ่นวายไปหมด
“ฉันอยากให้นายไปเป็นคนดูแลลูกสาวฉัน” ทันทีที่ท่านพูดจบชายหนุ่มก็มองท่านอนุวัตรด้วยสีหน้าสงสัย
ทำไมเขาต้องไปดูลูกสาวของท่านด้วย ไม่ใช่ว่าเธอมีคนดูแลอยู่แล้วหรอกเหรอ เขาเคยได้ยินว่าป้านวนแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่คือคนที่ดูแลลูกสาวของท่านมาตั้งแต่เธอยังเล็กไม่ใช่เหรอ
“นายสงสัยใช่มั้ยว่าทำไมฉันถึงได้ให้นายไปดูแลลูกสาวฉัน” ดูเหมือนท่านอนุวัตรจะอ่านสีหน้าของชายหนุ่มออก
“ครับ ผมเคยได้ยินว่าป้านวนคือคนที่ดูแลคุณหนูมาตั้งแต่เธอยังเด็ก และป้านวนก็ดูดีใจมากที่คุณหนูจะกลับมา” ชายหนุ่มตอบคำถามตามที่เขาเข้าใจ
“นายรู้ใช่มั้ยว่าฉันเสียภรรยาไปหลังจากที่เธอคลอดลูกสาวฉันได้ไม่นาน” ชายหนุ่มพยักหน้า ท่านอนุวัตรเคยเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง ภรรยาของท่านเสียชีวิตเพราะว่าท่านป่วยเป็นมะเร็ง ในตอนที่ภรรยาท่านตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งเป็นตอนที่ท่านตั้งท้องได้ประมาณสามเดือน แต่ท่านไม่ยอมรับการรักษาเพราะท่านกลัวว่าการรักษาจะกระทบเด็กในครรภ์ ท่านจึงรอให้คลอดลูกก่อนถึงค่อยทำการรักษา ถึงแม้หลังจากที่ท่านคลอดคุณหนูแล้วท่านจะรับการรักษาทันทีแต่อาการของท่านก็ทรุดมากแล้วทำให้การรักษาไม่ค่อยได้ผล ท่านจึงเสียงไปหลังจากคลอดคุณหนูได้แค่สามปี
“ถ้างั้นนายก็คงเคยได้ยินความร้ายกาจของลูกสาวฉันมาบ้างใช่มั้ย” ชายหนุ่มพยักหน้าเขาเองก็เคยพอได้ยินวีรกรรมของลูกสาวท่านมาอยู่บ้าง เห็นว่ามีชอบปัญหากับเพื่อนในโรงเรียนจนท่านต้องย้ายโรงเรียนให้จนแทบจะย้ายครบทุกโรงเรียนในกรุงเทพแล้ว สุดท้ายท่านเลยต้องส่งไปเรียนที่ฝรั่งเศส
“เพราะว่าเธอขาดแม่ตั้งแต่เด็กฉันเลยตามใจเธอจนกลายเป็นเด็กนิสัยเสีย อยากได้อะไรก็ต้องได้ อยากทำอะไรก็ต้องทำ ส่วนนวนเองก็รักคุณหนูของเธอมากจนไม่กล้าจะขัดใจ ส่วนคนอื่นก็ไม่มีใครกล้าขัดใจเธอเพราะกลัวความร้ายกาจของเธอ ถ้าฉันยังให้นวนดูแลต่อในอนาคตต้องเกิดปัญหายิ่งกว่านี้แน่ๆ ฉันเลยอยากให้นายช่วยดูแลเธอหน่อย ด้วยนิสัยอย่างนายน่าจะรับมือกับความร้ายกาจของลูกสาวฉันได้ ถือว่าฉันขอร้องก็ได้นะไฟ” ท่านอนุวัตรเรียกชื่อของชายหนุ่ม พร้อมกับมองเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง
ชายหนุ่มใช้เวลาคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบรับคำขอของท่านอนุวัตร
“ครับ” ชายหนุ่มตอบรับ เดิมที่เขาไม่อยากจะตอบรับหน้าที่นี้สักเท่าไร แต่เพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณที่เคยช่วยเขาไว้ถ้าไม่ได้ท่านป่านนี้ไม่รู้ว่าเขากับแม่จะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
ชายหนุ่มนึกถึงอดีต เขาในวัยสิบห้าปีได้ถูกตำรวจจับข้อหาทำร้ายร่างกาย โดยคนที่ถูกเขาทำร้ายร่างกายก็คือพ่อเลี้ยงสาระเลวของเขาเอง ในวันนั้นเขากลับบ้านหลังจากที่ทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนเสร็จ เขาเห็นแม่กำลังถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายเพราะแม่ของเขาไม่ยอมให้พ่อเลี้ยงเอาเงินเก็บที่เขาเก็บไว้สำหรับค่าเทอมไปกินเหล้าและเล่นการพนัน ไอ้หมอนั้นเลยทั้งทุบทั้งตีแม่ของเขาจนท่านลงไปนอนกองที่พื้นแต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นท่านก็ยังคงกอดกระปุกเงินของเขาไว้แน่นไม่ยอมให้มันเอาไป และภาพนั้นก็ทำให้ความอดทนของเขาที่มีต่อพ่อเลี้ยงหมดลง
เขาเข้าไปผลักพ่อเลี้ยงที่กำลังจะยกเท้ากระทืบแม่ของเขาจนมันล้มลงที่พื้น ก่อนที่เขาจะขึ้นคร่อมมันแล้วกระหน่ำมัดใส่จนมันสลบไปแต่เขาก็ยังไม่หยุดต่อยมัน จนกระทั่งตำรวจที่ได้รับแจ้งความจากชาวบริเวณนั้นมาถึงและได้คุมตัวของเขาไป
แม่ของเขากลัวว่าเขาจะติดคุกจึงได้ติดต่อหาเพื่อนของพ่อแท้ๆ ของเขา ซึ่งก็คือท่านอนุวัตร ท่านอนุวัตรรีบมาที่โรงพักที่เขาถูกคุมตัวอยู่ทันที และช่วยเรื่องคดีของเขาโชคดีที่เขายังเป็นเยาวชนอยู่การจัดการอะไรก็เลยค่อนข้างง่าย และท่านยังช่วยจัดการเรื่องพ่อเลี้ยงสาระเลวของเขาให้มันได้รับโทษอีก นอกจากท่านจะช่วยเขาในเรื่องของคดีในวันนั้นยังไม่พอ ท่านยังช่วยส่งเสียให้เขาได้เรียนนังสือให้งานแม่ของเขาทำ ทำให้เขาได้มีที่อยู่ที่ดีๆ จนกระทั่งวันนี้เขาเรียนจบจนสามารถเปิดบริษัททนายความก็ยังคงได้รับการสนับสนุนจากท่านจนบริษัทของเข้าเติบโตขึ้นมาจนอยู่แถวหน้าของประเทศ
“ฉันขอบใจนายมาก แล้วเรื่องที่ฉันให้นายไปจัดการล่ะ ได้เรื่องมั้ย” ท่านอนุวัตรถามถึงเรื่องที่ดินที่ภูเก็ตที่ให้ชายหนุ่มไปจัดการ ถึงแม้ว่าเขาจะมีบริษัทของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบแต่เขาก็ยังคงทำงานให้ท่านอนุวัตรอยู่เหมือนเดิม
“เรียบร้อยแล้วครับ ผมส่งเรื่องให้ทนายพัชชาจัดการต่อแล้วครับ“ เขาตอบ
“ดี ขอบใจนายมาก” ท่านอนุวัตรบอก แล้วทั้งสองก็คุยเรื่องงานอื่นๆ กันอีกนาน
ตอนที่ 57เรื่องที่เธอไม่รู้แสงแดดยามบ่ายทอดผ่านหน้าต่างกระจกบานสูงในห้องรับรองของบ้าน บ้านพ่อของเธอ และบ้านของเธอก่อนที่เธอจะไปอยู่กับไฟโรสยืนนิ่งอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่ หัวใจเธอเต้นแรงเหมือนในวันนั้น…วันที่เธอร้องไห้สุดเสียง แต่ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครปกป้องเธอมือเรียวกำแน่นอยู่ข้างตัวขณะที่ไฟเดินมายืนข้าง ๆ เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ส่งสายตาอุ่น ๆ ให้เธอ เหมือนจะบอกกับเธอว่า “เธอไม่ได้อยู่คนเดียว”เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วเคาะประตู“เข้ามาได้เลย” เสียงของอนุวัตรดังลอดออกมา จากในห้องเมื่อโรสเปิดประตูเข้าไป เธอเห็นชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานเงย เขาหน้าขึ้นทันทีที่เห็นลูกสาว เขาอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืนช้า ๆ“โรส…” เขาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงดีใจ“พ่อมีเรื่องที่ยังไม่ได้เล่าให้หนูฟังใช่ไหม?” โรสเอ่ยขึ้นทันที น้ำเสียงไม่ได้แข็งกร้าว แต่ก็ไม่ได้อ่อนโยนไฟยืนอยู่ข้างหลัง เขาไม่ก้าวล้ำ แต่ยังอยู่ในตำแหน่งที่ให้เธอรู้ว่าเขาอยู่ไม่ไปไหนอนุวัตรถอนหายใจ เขาพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะผายมือเชิญให้เธอนั่งลง“พ่อจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง…ทุกอย่างที่ควรจะพูดตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน”เงียบงันครู่
ตอนที่ 56ความจริงที่เธอควรจะรู้บริษัทของอนุวัตร ห้องทำงานส่วนตัวเสียงนาฬิกาติดผนังเดินอย่างช้า ๆ ในห้องทำงานที่ตกแต่งเรียบหรู ไฟนั่งตรงข้ามกับอนุวัตรด้วยสีหน้าครุ่นคิด หลังจากเขาได้รับข้อความด่วนเรียกตัวให้มาที่บริษัทโดยทันที“คุณเรียกผมมาเพราะมีเรื่องด่วน มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?” ไฟเปิดบทสนทนาทันทีอนุวัตรไม่ได้ตอบในทันที เขานิ่งเงียบอยู่อึดใจ ราวกับกำลังเรียบเรียงคำพูดในใจ ก่อนจะเลื่อนแฟ้มเอกสารบางอย่างมาตรงหน้าไฟ“ทศ…ออกจากคุกแล้ว” น้ำเสียงของเขาหนักแน่นแต่แฝงด้วยความกังวลอย่างชัดเจนไฟชะงัก หัวใจเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินชื่อที่เขาเพิ่งรับรู้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับโรสในอดีต“ผมรู้แล้วครับ ลูกน้องผมรายงานมาเมื่อเช้า และ…เขาหายตัวไปพร้อมกับพงศ์”“ใช่ ฉันก็เพิ่งได้รับรายงานเหมือนกัน” อนุวัตรตอบพลางพิงเก้าอี้ มองไฟด้วยสายตานิ่งลึก“ผมจะดูแลโรสให้ดีครับ” ไฟรีบพูดทันที ดวงตาแน่วแน่ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะไม่ให้ใครเข้าใกล้เธออีก โดยเฉพาะคนอย่างทศ”“โรสรู้ไหม?” อนุวัตรถามขึ้นเสียงเรียบ“เรื่องที่ทศออกจากคุกหรือครับ?” ไฟเลิกคิ้ว “ไม่ครับ ผมยังไม่ได้บอก เธอยังไม่รู้ว่าเขา…เคยติดคุก
ตอนที่ 55อดีตกำลังกลับมาโรสนั่งนิ่งอยู่บนตักของไฟ แผ่นหลังเธอแนบกับอกเขา อ้อมแขนอบอุ่นโอบล้อมรอบเอวเธอไว้แน่นหนา ราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปจากตรงนั้นเธอเคยชอบความเงียบแบบนี้ของเขา…มันให้ความรู้สึกปลอดภัย แต่วันนี้มันต่างออกไป เพราะความเงียบของเขามันมาพร้อมความกดดันที่เธอสัมผัสได้“ไฟ…” โรสเอ่ยเรียกเขาเบา ๆ ขณะวางมือบนต้นแขนของเขาอย่างแผ่วเบา“หืม?” เขาขานรับแต่ไม่ขยับเธอหันมามองแค่ครึ่งหน้า สบตากับดวงตาคมเข้มที่ตอนนี้หม่นลงราวกับซ่อนบางอย่างไว้ในเงาลึก“ที่นายดูเงียบ ๆ ตั้งแต่เดินออกมาจากห้องประชุม…เรื่องที่นายกังวลใช่เรื่องฉันหรือเปล่า” โรสพูดเบา ๆ ริมฝีปากยกยิ้มจาง ๆ เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังกังวลเรื่องอะไรเกี่ยวกับ เธอ แต่เธอมั่นใจ ว่ามันเป้นเรื่องเธอแน่ๆแต่ไฟก็ยังนิ่ง เขาไม่ได้ตอบปฏิเสธ…แต่ก็ไม่ได้ยอมรับ เขาเพียงแค่ก้มหน้าลงแนบไหล่เธอเหมือนเดิม“แต่ไม่เป็นไร” โรสพูดต่อ “ฉันจะไม่ถาม…ถ้านายยังไม่พร้อมจะพูด”เธอเลื่อนมือขึ้นไปลูบเรือนผมเขาเบา ๆ ด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอ อย่างเข้าใจเขา“แค่รู้ไว้ว่าฉันอยู่ตรงนี้ ถ้านายอยากพูดเมื่อไหร่ ฉันก็จะรับฟัง…และฉันก็จะไม่กลัว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้
ตอนที่ 54 ข่าวร้ายหลังจากโรสตั้งใจทำอาหารเช้าให้ไฟ เธอเห็นรอยยิ้มละมุนบนใบหน้าของเขาขณะกิน มันทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงกว่าทุกเช้า การได้เห็นเขากินของที่เธอทำ มันมีความสุขมากกว่าที่เธอคิดไว้เยอะ…หลังจากนั้น ทั้งสองก็ออกจากบ้านด้วยกัน มุ่งตรงไปยังสำนักงานทนายความของไฟ สถานที่ที่โรสเริ่มคุ้นเคยจนรู้จักมุมโซฟา มุมกาแฟ และแม้แต่เสียงของพนักงานในแต่ละแผนกโรสทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาหนังสีดำสนิทตามปกติ มือถือในมือเปิดหน้าแอปฯ ช็อปปิ้งออนไลน์ เธอพลิกดูนั่นนี่อย่างเพลิน ๆ ขณะขาเรียวไขว่ห้างเบา ๆ อย่างเคยชินไฟนั่งทำงานอยู่ไม่ไกล แต่อยู่ในตำแหน่งที่มองเธอได้ชัดเจน เขาเริ่มรู้สึกชินตาที่เห็นเธอนั่งอยู่ที่ตรงนั้นในทุกวันแต่ไม่นานนัก ลูกน้องคนสนิทของไฟก็เดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับแฟ้มในมือ สีหน้าเขาดูจริงจังอย่างชัดเจน“คุณไฟครับ มีเรื่องสำคัญต้องแจ้งครับ”ไฟละสายตาจากเอกสารตรงหน้า แล้วเหลือบมองไปยังโรสที่กำลังนั่งหัวเราะกับคลิปวิดีโอแมวในโทรศัพท์ หญิงสาวดูสบายใจจนเขาไม่อยากรบกวน“ไปคุยที่ห้องประชุม” เขาบอกกับลูกน้องเบา ๆลูกน้องเขาพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำออกไป ไฟลุกขึ้นจากโต๊ะ แต่ก่อนจะก้าวออกจากห้องไ
ตอนที่ 53เริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่วุ่นวายแสงแดดยามเช้าส่องลอดผ้าม่านบางในห้องนอนของไฟ โรสค่อย ๆ ขยับตัวลุกจากเตียงอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ วันนี้เธอตื่นเช้ากว่าไฟ เพราะมีภารกิจเล็ก ๆ อยู่ในใจปกติแม่ของไฟจะเป็นคนลงมือทำอาหารเช้าให้ทุกคนในบ้านเสมอ แต่ช่วงนี้ท่านไม่อยู่ไปไฟบอกว่าท่านไปปฏิบัติธรรมที่ไหนสักที่นี่แหละ ไฟจึงรับหน้าที่นั้นแทนมาตลอดแต่เมื่อวานเขาดูเหนื่อยเหลือเกินทั้งสีหน้า ท่าทาง และแววตาที่โรสจำได้ไม่ลืม…แววตาที่แบกบางอย่างไว้เงียบ ๆ จนเธอเองยังรู้สึกหนักอึ้งไปด้วยเพราะแบบนั้น วันนี้…เธออยากทำอะไรให้เขาสักหน่อย แม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ อย่างการทำอาหารเช้าเธอเดินลงบันไดไปอย่างเบามือ เปิดไฟห้องครัวอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยิบผ้ากันเปื้อนของแม่ไฟขึ้นมาสวม“โอเค…เริ่มจากของง่ายที่สุด” โรสพึมพำกับตัวเอง พลางหยิบเบคอนกับไข่ออกมาวางบนเคาน์เตอร์ที่ผ่านมาเธอฝึกฝีมือการเข้าครัวมาบ้างแล้วจากแม่ของไฟ ถึงจะยังทำอาหารเก่งไม่ได้ แต่อย่างน้อย…เธอก็ทอดไข่ดาวกับเบคอนได้แล้วไฟในเตาถูกจุดขึ้น เบคอนถูกวางลงบนกระทะตามด้วยเสียงฉ่าร้อน ๆ ที่ดังทันที กลิ่นหอมเริ่มลอยตลบไปทั่วห้องครัว โรสตั้ง
ตอนที่ 52 ความสงบก่อนพายุลูกใหญ่ที่บริษัทของอนุวัตร ไฟเข้ามาตามปกติเพื่อรายงานความคืบหน้าของงานให้เขาฟังในห้องทำงานที่เงียบและเต็มไปด้วยแสงแดดอ่อนที่ส่องผ่านกระจกบานใหญ่ ไฟนั่งลงตรงข้ามผู้เป็นเจ้านายและในอีกสถานะหนึ่ง…คือพ่อของผู้หญิงที่เขารักหลังจากรายงานเรื่องเอกสาร การประชุม และความคืบหน้าในคดีต่าง ๆ ที่ภูเก็ตเสร็จเรียบร้อย อนุวัตรก็เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ แล้วถอนหายใจอย่างหนัก“แล้วโรสล่ะ…ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” เขาถามเสียงเบา น้ำเสียงนั้นเจือด้วยความห่วงใยที่แฝงอยู่ใต้ความเงียบมานานไฟมองเขานิ่ง ๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง“เธอสบายดีครับ”อนุวัตรพยักหน้าเบา ๆ แววตาที่เคยแข็งกร้าวกลับดูอ่อนแรงลงชั่วขณะ“ช่วยดูแลเธอด้วยนะไฟ…ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันขอแค่นั้น”“ผมจะดูแลเธอให้ดีที่สุดครับ” ไฟตอบหนักแน่น “ไม่ใช่เพราะคุณขอ…แต่เพราะเธอคือคนที่ผมรัก”คำตอบนั้นทำให้อนุวัตรเงียบไปอึดใจ ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้า ๆ ราวกับคำพูดนั้นเป็นทั้งคำสัญญาและการยอมรับกลาย ๆไฟมองเขาอีกครั้ง ก่อนจะถามออกไปตรง ๆ“คุณไม่คิดจะคุยกับเธอบ้างเหรอครับ?”อนุวัตรชะงักเล็กน้อย ดวงตาไหววูบ“ฉันอยากคุย…แต่ไม่รู้จะเริ่มจ