บทที่ 3 ผู้บุกรุกจอมยั่ว
“ป้านวนคะ ป้านวน ป้าเห็นหมอนั่นหรือเปล่าคะ”
“หมอนั่น ใครคะคุณหนู” ป้านวนถามเพราะไม่รู้ว่าคนที่คุณหนูของเธอถามหมายถึงใคร
“ไฟค่ะ หมอนั่นของโรสหมายถึงไฟ” เธอขยายความ
“อ่อ คุณทนาย คุณหนูไปดูที่ห้องทำงานของคุณท่านหรือยังคะ”
“ไปมาแล้วค่ะ แต่ก็ไม่เจอใครแล้วโรสก็เดินวนรอบบ้านครบหนึ่งรอบแล้วแต่ก็ยังไม่เจอหมอนั่นอยู่ดี ป้ารู้หรือเปล่าคะว่าหมอนั่นอยู่ที่ไหน” เธอถามป้านวนอีกครั้งเพราะไม่รู้จะไปตามหาเขาได้ที่ไหนแล้ว
“ถ้าไม่อยู่ที่ห้องทำงาน งั้นก็น่าจะอยู่ที่บ้านค่ะ”
“บ้านเหรอคะ” โรสทวนคำพูดของป้านวน แล้วเธอจะไปตามหาเขาได้ยังไงเพราะบ้านเขาอยู่ไหนเธอก็ไม่รู้จัก
“ค่ะ บ้าน คุณหนูไม่ลองไปดูที่บ้านคุณทนายดูละคะไม่แน่อาจจะเจอคุณทนายก็ได้”
“จะไปดูได้ยังไงละคะ โรสรู้จักบ้านของหมอนั่นซะที่ไหน” เธอตอบป้านวนด้วยหน้าบูดๆ ป้านวนพูดยังกับว่าเธอรู้จักบ้านหมอนั่น
“ป้าลืมไปเลยค่ะ ว่าคุณหนูพึ่งจะกลับมา” ป้านวนพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ ก่อนจะบอกทางไปบ้านของทนายหนุ่ม “บ้านของคุณทนายก็อยู่ติดกับบ้านเราตรงนี้เองค่ะ” ป้านวนชี้มือออกไปทางด้านซ้ายของกำแพงบ้าน “แต่ถ้าเดินออกไปทางหน้าบ้านมันจะไกล คุณหนูใช้ทางเชื่อมที่อยู่ตรงโรงจอดรถก็ได้ค่ะ ใกล้กว่ากันเยอะ”
หลังป้านวนบอกทางโรสก็รีบเดินออกมาจากบ้านแล้วตรงไปที่โรงจอดรถก่อนจะมองหาประตูทางเชื่อมทันที
“นั่นไงเจอแล้ว” เธอเดินเข้าไปที่บ้านของเขาโดยผ่านประตูทางเชื่อมที่ป้านวนเป็นคนแนะนำมา ก่อนจะเดินไปจนถึงตัวบ้าน บ้านของเขาเป็นบ้านสองชั้นหลังใหญ่แต่ก็ยังเล็กถ้าเทียบกับคฤหาสน์ของเธอ
“เป็นทนายรวยขนาดนี้เลยเหรอ ดีนะที่มีทางเชื่อมถ้าต้องเดินจากบ้านฉันมาถึงบ้านหมอนี่ฉันได้ตายพอดี แดดประเทศไทยร้อนเป็นบ้า” เธอแอบบ่นกับตัวเองก่อนจะเปิดประตูบ้านของเขาเข้าไปโดยไม่ได้ขออนุญาตใครเลย เพราะเธอไม่เห็นใครให้ขออนุญาต
“มีใครอยู่มั้ย” โรสส่งเสียงถามแต่ก็ไร้เสียงตอบรับ เธอเดินไปเปิดห้องนู้นห้องนี่จนทั่วทั้งชั้นหนึ่งอย่างกับเป็นบ้านของตัวเอง “บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้แต่ไม่เห็นมีใครอยู่ แต่บ้านไม่ได้ล็อกก็น่าจะมีคนอยู่สิ หรือว่า” เธอมองไปที่บันไดที่ขึ้นไปชั้นสอง ก่อนจะเดินขึ้นไปทันที
“แล้วห้องหมอนั่นคือห้องไหน” เธอมองดูประตูห้องก่อนจะเลือกเปิดห้องๆหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด
“โอ๊ะ เก่งจังเลือกถูกด้วย” เธอรู้ว่าห้องนี้เป็นห้องของเขาแน่ๆ เพราะโทนสีและบรรยากาศของห้องบ่งบอกว่านี่เป็นห้องของผู้ชาย เธอสอดส่ายสายตามองหาเจ้าของห้องแต่ก็ไม่พบเขา เธอเลยเข้าไปในห้องของเขาแล้วสำรวจห้องของเขาอย่างถือวิสาสะ ระหว่างที่กำลังสำรวจห้องของเขาอยู่เธอก็ได้ยินเสียงน้ำดังมาจากห้องน้ำ
“หรือว่าหมอนั่นอาบน้ำอยู่งั้นเหรอ” เธอไม่ลังเลเลยที่จะเดินผ่านห้องแต่งตัวของเขาแล้วไปหยุดที่หน้าประตูห้องน้ำ เธอยืนมองประตูห้องน้ำสักพักก่อนจะคิดแผนแกล้งคนที่อยู่ในห้องน้ำออก
เธอเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของเขาก่อนจะเปิดประตูแล้วดันเสื้อผ้าของเขาไปอีกฝั่งเพื่อให้มีพื้นที่พอทีเธอจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้นเพื่อซ่อนตัว
เธอพาตัวเองเขาไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าแล้วปิดประตูตู้ให้เบาที่สุดแล้วเอาหูแนบกับตู้เพื่อฟังเสียงภายนอก เธออยากรู้นักว่าถ้าเขาเปิดประตูตู้เสื้อผ้ามาแล้วเจอเธอเขาจะตกใจแค่ไหน
“ไอ้บ้านั่นทำไมไม่เปิดตู้สักทีนะ” เธอบ่นเบาๆ เพราะเธอรออยู่นานเขาก็ยังไม่เปิดตู้เสื้อผ้าสักที หรือว่าเขาจะเตรียมเสื้อผ้าไว้ข้างนอก แล้วตอนนี้ก็แต่งตัวเสร็จแล้วใช่หรือเปล่า เธอเลยตัดสินใจจะเปิดประตูออกมาดู แต่ดันเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเปิดตู้เสื้อผ้าพอดี
“กรี๊ดดดดด” เธอร้องกรี๊ดเสียงดังไม่ใช่เพราะตกใจที่เขาเปิดประตูตู้เสื้อผ้า แต่เธอร้องกรี๊ดเพราะบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจ่อหน้าผากเธออยู่ต่างหาก นี่เขามีปืนด้วยเหรอ
“เธอเองเหรอ” เขาพูดเสียงเรียบก่อนจะลดปืนลงหลังจากที่เห็นว่าเป็นใคร “มาทำอะไรที่นี่ แล้วเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง”
“นะ นายมีปืนด้วยเหรอ” โรสยังคงตกใจกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่อยู่ ก็เลยเผลอพูดตะกุกตะกัก
“แล้วเมื่อกี้เห็นว่าเป็นอะไรละ” ไฟยังคงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง นั่นทำให้เธอที่ใจไปอยู่ที่ตาตุ่มในตอนแรกเริ่มได้สติ
“นายกล้าดียังไงถึงได้เอาปืนนั่นมาจ่อหัวฉันแบบนี้” ตอนนี้เสียงของเธอเลิกสั่นแล้ว และความมั่นใจก็กลับมาแล้วเพราะถ้าเขารู้ว่าเป็นเธอ เขาก็จะไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นกับเธออีก เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีก
“แล้วใครใช้ให้เธอไปอยู่ในนั้น โชคดีที่ฉันไม่ยิงออกไปไม่งั้นเธอคงกลายเป็นศพไปแล้ว” เขาบอกก่อนจะเดินเอาปืนไปเก็บในลิ้นชักตามเดิม
“นี่นายพูดกับฉันแบบเป็นกันเองเหรอ ทำไมไม่พูดแบบสุภาพกับฉัน” โรสถามออกไปหลังจากพึ่งสังเกตว่าเขาไม่ได้เรียกเธอว่าคุณหนูแบบในตอนแรก
“จำเป็นด้วยเหรอที่ฉันต้องพูดจาสุภาพกับผู้บุกรุก แล้วเธอยังไม่ตอบเลยนะว่ามาทำอะไรที่นี่” ไฟตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ติดจะโมโห
เวลาเธอได้ยินเขาพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์แบบนี้ทีไร มันทำให้เธอหงุดหงิดและอยากเอาชนะเขาอย่างบอกไม่ถูก
“นายไม่รู้เหรอ ว่าฉันมาที่นี่ทำไม“ เธอเดินไปหยุดที่ข้างหลังเขาก่อนไปใช้มือบางลูบไปที่หลังของเขาเบาๆ “หุ่นนายนี่ดีจัง” เธอไล่มือบางลงมาเรื่อยๆ จนถึงขอบผ้าขนหนูที่พันอยู่ที่เอว ก่อนจะใช่นิ้วเล็กเกี่ยวที่ขอบนั่น และคิดว่าจะดึงออกแต่ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร เขาก็หันกลับมาแล้วจับมือเล็กของเธอไว้ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร
“เธอจะทำอะไร” เขาถามพลางจ้องหน้าคนมือซน ที่ตอนนี้กำลังใช้มืออีกข้างที่เป็นอิสระลูบไปที่อกเขาจนเขาต้องจับมือเธอทั้งสองข้างไปรวบไว้ที่ข้างหลัง
“ทำไม ฉันขอจับนิดจับหน่อยไม่ได้เลยเหรอแค่นี้ก็ต้องทำเป็นหวงด้วย” เธอพูดด้วยสายตายั่วยวน แต่เขาก็ยังไม่สนใจ
“บอกมา ว่ามาทำอะไร” เขาถามเธออีกรอบ เพราะเขาไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนี้นานจนเกินไปเพราะการที่เขารวบแขนเธอไปไว้ที่ข้างหลังมันทำให้หน้าอกของเธอดันออกมาจนชนกับอกของเขา
“มาหานายไง ไม่ได้เหรอ” โรสพูดพร้อมกับจ้องหน้าชายหนุ่ม เขามองสำรวจเธอนิดหน่อยก่อนจะดันตัวเธอให้ถอยออกไป
“เธอคิดจะมายั่วฉันด้วยการแต่งตัวแบบนั้นเหรอ ฉันคงมีอารมณ์หรอก” เธอก้มมองเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ก่อนจะแสดงสีหน้าหงุดหงิด วันนี้เธอใส่เสื้อยืดคอกลมสีดำพอดีตัวกับกางเกงขาสั้นธรรมดาเธอก็แค่แต่งตัวตามปกติเพราะตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะมายั่วเขาไง “จะบอกได้หรือยังว่ามาทำไม” ไฟถามย้ำอีกครั้ง
“ชิ ฉันจะมาบอกนายว่าคืนนี้นายต้องพาฉันออกไปข้างนอก” เธอบอกธุระของเธอออกไป เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะยั่วเขาต่อ
“ที่ไหน”
“P Club” เธอบอกสถานที่นัดเจอของเธอกับเพื่อนๆ
“อืม หนึ่งทุ่มเจอกัน” เขาพยักหน้าก่อนจะบอกเวลากับเธอ
“หนึ่งทุ่ม นายจะบ้าเหรอ ฉันนัดกับเพื่อนตั้งสี่ทุ่มจะแหกขี้ตาไปทำไมตั้งแต่หนึ่งทุ่ม” เธอวีนใส่เขาทันที เพราะคิดว่าเขากวนเธอ
“ฉันมีนัดกับลูกความที่นั่นตอนสองทุ่ม ถ้าเธอไม่ไปพร้อมฉันเธอก็ไปเองก็แล้วกัน”
“นี่นายจะบอกว่าที่ให้ฉันไปด้วยเพราะนายมีธุระงั้นเหรอ นี่นายลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าพ่อฉันให้นายมาดูแลฉันเพราะฉะนั้นนายต้องทำตามที่ฉันสั่ง ไม่ใช่ฉันต้องทำตามนาย” โรสพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจอย่างมาก แต่เขาก็ดูจะไม่สนใจที่เธอพูด เขากอดอกก่อนจะยิ้มที่มุมปากแล้วพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“นี่คุณหนู ฉันว่าเธอเข้าใจอะไรผิดไปนะ พ่อเธอขอให้ฉันช่วยดูแลเธอ ไม่ได้ขอให้ฉันไปเป็นคนรับใช้เธอเพราะฉะนั้นฉันจะทำแค่ในสิ่งที่ฉันอยากทำ หนึ่งทุ่มเจอกันที่หน้าบ้านเธอ ถ้าเธอสายแม้แต่วิเดียวฉันจะไม่รอ แล้วก็ออกไปได้แล้ว” พูดจบเขาก็ลากเธอออกมาจากห้องโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไรเลย เธอเลยได้แต่ชกลมชกฟ้าและด่าเขาตามหลังอยู่ที่หน้าห้องก่อนจะเดินกลับบ้านด้วยอาการหัวเสีย
ตอนที่ 44 จบเรื่อง และความจริงเรื่องใหม่เสียงคลื่นกระทบฝั่งเบาๆ ดังสม่ำเสมอ บ่งบอกถึงค่ำคืนที่เงียบสงบไม่ต่างจากหัวใจของชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน ที่วันนี้เปี่ยมไปด้วยความหวังอีกครั้ง หลังจากที่ไกรสรถูกจับและทุกอย่างเริ่มคลี่คลายไฟนั่งอยู่หน้าเต็นท์ชั่วคราว ที่พวกชาวบ้านใช้เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมหลักฐานและให้คำปรึกษาทางกฎหมาย เขายังคงสวมผ้าพันแผลที่แขน แม้หมอจะสั่งให้พัก แต่เขากลับเลือกจะใช้เวลาช่วยชาวบ้านยื่นเรื่องฟ้องเพื่อเอาที่ดินคืน“คุณไฟครับ นี่คือรายชื่อเจ้าของที่ดินที่พร้อมจะฟ้องในรอบแรกครับ” ชาวบ้านคนหนึ่งยื่นแฟ้มมาให้ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม“ดีมากครับ เดี๋ยวผมจะจัดเรียงตามลำดับและแนบคำร้องไว้ให้ทุกคนในวันพรุ่งนี้” ไฟตอบกลับอย่างใจเย็น“ยืนยันตามราคานี้อีกครั้งนะคะ” โรสพูดกับผู้ใหญ่ทองคำ ตัวแทนกลุ่มชาวบ้านที่มาเจรจาในวันนี้ “ฉันจะซื้อที่พวกคุณในราคาที่มากกว่าตลาดกลางร้อยละห้าสิบ…เพราะมันควรค่ากับชีวิตของทุกคนที่ปกป้องมันไว้”ผู้ใหญ่ทองคำยิ้มออกมาอย่างซาบซึ้ง เขาไม่คิดว่าสาวสวยจากกรุงเทพฯ ที่ดูภายนอกเหมือนจะเป็นนักธุรกิจเย็นชา จะพูดคำพูดแบบนี้กับเขา“หนูโรส…ขอบใจแทนทุกคนในหมู่บ้า
ตอนที่ 43 รอยแผลและคำว่ารักเสียงฝีเท้าของไฟดังอย่างสม่ำเสมอขณะที่เขาเดินออกจากห้องพักของโรงแรมในเช้าวันถัดมา ใบหน้าของเขานิ่งขรึม ทว่าแววตากลับแฝงไปด้วยความแน่วแน่ เขาสวมเสื้อเกราะใต้เสื้อเชิ้ตเรียบหรู สูทสีน้ำเงินเข้มคลุมทับ ข้างในกระเป๋าเอกสารคือหลักฐานสำคัญที่จะใช้ยื่นฟ้องไกรสรโดยมีธามและแดเนียลเดินเคียงข้าง ลูกน้องของเฟร็ดเดอริกแฝงตัวอยู่รอบบริเวณอย่างแนบเนียน ความเงียบที่ปกคลุมไม่ได้ทำให้ความระแวดระวังของใครลดลง“ระวังตัวด้วย สายบอกว่ามันมาแล้ว”แดเนียลบอก หลังจากที่เขาอ่านข้อความที่ส่งมาในมือถือ สายที่เขาบอกก็คือคนของเฟร็ดเดอริค ที่เขาใช้ให้ไปสืบเรื่องมือปืนการจะจับมือปืนสำหรับเฟร็ดไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเขารู้ตัวมือปืนอยู่แล้ว แต่ไฟต้องการให้มือปืนลงมือ เพราะจะได้มีหลักฐานแน่นหนาพอที่จะจับไกรศรชนิดที่ดิ้นไม่หลุด“ถ้ายัยโรสรู้ว่านายวางแผนแบบนี้ นายได้ถูกด่าแน่”ธามพูดอย่างรู้นิสัยน้องสาวของเขา“ครับ ผมก็คิวว่าน่าจะเป็นแบบนั้น”ไฟตอบ ริมฝีปากเขายกยิ้มขึ้นน้อย ๆ พอพูดถึงโรส เมื่อเช้าโรสจะตามเธอมาให้ได้ แต่ถูกกรห้ามไว้ กรบอกกับหญิงสาวว่าถ้าไม่รออยู่ที่ห้อง เขาจะพาเธอกลับกรุงเทพต่อ
ตอนที่ 42 แผนการและคำว่ารักบรรยากาศภายในห้องนอนเต็มไปด้วยความตึงเครียด หลังจากที่ไฟพาโรสเข้ามาในห้องนอนที่ว่าง เขาก็ไม่พูดอะไร แต่กลับเดินไปนั่งที่ปลายเตียง แล้วถอนหายใจออกมา"เธอมาที่นี่ทำไม โรส" เขาถามเสียงต่ำ โรสยืนหลังตรงก่อนจะตอบคำถาม "ก็มาตามนายไง ใครใช้ให้นายหนีมาหลังจากทำเรื่องพวกนั้นเสร็จ” โรสตอบอย่างกวนๆ“ไม่ตลกโรส ฉันเขียนโน๊ตไว้แล้วไม่ใช่เหรอ เธอไม่เห็นหรือไง” ไฟถาม “ไอ้กระดาษแผ่นนั้นของนายนะเหรอ เห็นสิ” โรสตอบ “แต่ต่อให้เห็นแล้วยังไง ฉันต้องทำตามด้วยเหรอ” “โรส ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันไม่อยากให้เธอมา เพราะว่าที่นี่มันอันตราย” ไฟบอกอย่างโมโห กับความดื้อของหญิงสาว“ใช่ นายก็รู้นี่ว่ามันอันตราย ถ้ารู้ว่ามันอันตรายแล้วนายจะมาทำมัย” โรสเองก็ถามอย่างโมโหเหมือนกัน ไฟถอนหายใจ ดวงตาอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นแววตาดื้อรั้นของเธอที่เต็มไปด้วยความห่วงใย "เธอรู้ไหม ว่าฉันไม่เคยกลัวอะไรเท่ากับ กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปอีกแล้ว"โรสเดินเข้าไปหาไฟ แล้วจับมือเขาไว้แน่นก่อนจะพูดความในใจของเธอออกมา "แล้วนายคิดว่าฉันไม่กลัวหรือไง ถ้าฉันต้องนั่งรอฟังข่าวนายอยู่ที่กรุงเทพ ฉันคงจะบ้าตายเพร
ตอนที่ 41 นายกล้าทิ้งฉันเหรอแสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่านโปร่งบาง โรสพลิกตัวบนเตียงกว้างอย่างงัวเงีย มือของเธอควานหาความอบอุ่นของร่างที่แบบชิดกับเธอเมื่อคืน แต่แล้วเธอก็ต้องลืมตาขึ้นทันทีเมื่อรู้สึกว่าด้านข้างของเตียงว่างเปล่า"ไฟ" เธอเรียกเสียงเบา ลุกขึ้นนั่งแล้วกวาดสายตาไปทั่วห้อง แต่ไม่มีแม้เงาของชายหนุ่มที่เมื่อคืนนอนอยู่ข้างเธอโรสลุกขึ้นเพื่อจะแต่งตัวเพราะเธอคิดว่าเขาน่าจะอยู่ที่ข้างนอก แต่ก็พบเสื้อผ้าที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย พร้อมกับกระดาษโน้ตแผ่นเล็กวางอยู่ด้านบน"ขอโทษที่ออกไปก่อน เรื่องที่ภูเก็ตฉันจะจัดการเอง เธอรอฟังข่าวอยู่ที่นี่" ไฟโรสยืนนิ่งหลังจากที่อ่านข้อความในจดหมายจบ มือของเธอกำกระดาษแน่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งตกใจ ไม่พอใจ และ...เป็นห่วง“หมอนั่นทำอะไร คิดว่าแค่ทิ้งจดหมายไว้แล้วฉันก็จะนั่งรอเฉยๆงั้นเหรอ บ้าไปแล้ว" เธอสบถเบาๆ ก่อนจะรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็วแต่เมื่อเดินออกมาถึงห้องรับแขก โรสก็ต้องชะงักกับภาพที่เห็นตรงหน้า หมอกร หรือพี่กร ญาติผู้พี่ของเธอที่เธอเคารพ กำลังนั่งไขว่ห้างอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา จิบกาแฟอย่างสบายใจ"พี่กร" โรสเรียกด้วยเสียงแผ่วเบา “ทำไมพี่ถึง
ตอนที่ 40 ลงโทษเด็กดื้อ NCเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงในที่สุดรถของเธอก็จอดนิ่งในอาคารจอดรถแห่งหนึ่งโรสเงยหน้าจากกองเอกสารก่อนจะเปิดประตูเพื่อลงจากรถ แต่ประตูฝั่งของเธอก็ถูกเปิดออกก่อนที่มือของเธอจะถึงที่จับประตูเธอเงยหน้ามองคนที่เปิดประตูให้เธอก่อนจะแสดงสีหน้าตกใจออกมา เพราะคิดไม่ถึงว่าคนที่เปิดประตูให้เธอจะเป็นเขา“ไฟ” โรสเรียกชื่อของชายหนุ่มด้วยความตกใจชายหนุ่มไม่พูดอะไร เขาก้มลงอุ้มเธอขึ้นพาดบ่าก่อนจะเดินเข้าไปในตัวอาคารทันทีโรสที่พึ่งได้สติเธอมองสำรวจรอบๆ นี่มันไม่ใช่สนามบิน แต่มันเหมือนคอนโดมากกว่า“นี่นายจะทำบ้าอะไร ปล่อยฉันลงนะ” โรสดิ้นพร้อมกับโวยวาย แต่ไฟก็ไม่สนใจยังคงอุ้มเธอขึ้นคอนโดต่อไปทันทีที่เข้ามาในห้องเขาก็โยนเธอลงกับโซฟาอย่างไม่เบา สีหน้าเขาเรียบนิ่งแต่ดวงตานั้นเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธอย่างเห็นได้ชัด“นายทำบ้าอะไร” โรสโวยวายขึ้นมาทันที เธอดันตัวลุกขึ้นยื่นก่อนจะเดินมาเผชิญหน้ากับเขา“ฉันเคยบอกเธอแล้วนะ ว่าห้ามไปภูเก็ตคนเดียว ทำไมเธอถึงไม่ฟัง” ไฟพูดเสียงดังเกือบเป็นตะคอกตอนที่แดเนียลสามีของเฟย่าส่งข้อความมาหาเขาบอกว่าโรสขอไปพบเฟย่า เขารู้สึกใจหายกลัวว่าเธอจะทำอะไรบ้าๆ ถ้า
ตอนที่ 39 ผู้ทรงอิทธิพลตัวจริงรถยนต์คันหรูแล่นไปบนถนนโดยมีโรสนั่งอยู่ที่เบาะหลัง ในมือของเธอถือแฟ้มเอกสาร เธออ่านทวนเอกสารในมืออบย่างตั้งใจ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับแผนการใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในภูเก็ตด้วยตัวเองคนเดียวหลังจากทะเลาะกับไฟในบ้านของเขาวันนั้นนี่ก็ผ่านมาแล้วเกือบหนึ่งอาทิตย์ ที่เธอกับเขาไม่ได้ติดต่อกันเลย เขาไม่ติดต่อมาเธอก็ไม่ติดต่อไป ต่างคนเหมือยต่างหายไปจากชีวิตของกันและกัน แม้กระทั่งเรื่องที่เธอกำลังจะทำวันนี้เธอก็ตัดสินใจเองโดยไม่ได้ปรึกษาเขาวันนี้โรสกำลังไปหาเฟย่า เพื่อนสนิทของริลดาและลาน่า ซึ่งเป็นภรรยาของพี่ธามกับพี่กรพี่ชายทั้งสองของเธอเธอ เพื่อขอความช่วยเหลือในการจัดการกับพวกไกรสร เพราะในภูเก็ตคนที่ได้ชื่อว่าทรงอิทธิพลอย่างแท้จริงคก็คือ พี่น้องริชแมน และวันนี้เธอก็มีนัดกับริชแมนคนน้องนั่นก็คือเฟย่า ความจริงเธออยากเจอคนพี่นะ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เธอจะเจอกับคนนั้นได้ต่อให้จะขอให้พี่ชายเธอช่วยก็ตาม“คุณเฟย่ารออยู่ข้างในค่ะ” เสียงของเลขาที่เปิดประตูให้บอกกับโรส โรสเดินเข้าไปในห้องทำงานของเฟย่า เธอมองสำรวจภายในห้องของเฟย่าที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวสบายตา ภายใ