ตอนที่ 9 เวลาของเรา
เมื่อจัดการอาหารตรงหน้าเรียบร้อยฉันก็รับยาลดไข้จากเขามาใส่ปากแล้วตามด้วยน้ำเปล่า
“อื้อ พี่เกมส์จะทำอะไร” เสียงหวานร้องท้วงเมื่อเขาโน้มตัวเข้ามาใกล้
“พี่ขอวัดไข้หน่อย” กรภัคยกมือขึ้นทาบหน้าผากพอเห็นว่าอุณหภูมิปกติก็ค่อยเบาใจ
“หายดีแล้ว”
“ขอบคุณนะคะที่ดูแลหนู”
“พี่ขอโทษนะที่รุนแรงไปหน่อย”
“ไม่ต้องพูดก็ได้ค่ะ” รมย์รวินท์พูดเสียงแผ่วก้มหน้างุดหลบสายตาคมที่มองมาราวกับจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว
“หึๆ” กรภัคหัวเราะขำน้อยๆ “แล้วนี่เราจะไปไหนไหม พี่จะพาไป”
“ปกติวันหยุดหนูจะไปซื้อของใส่ตู้เย็น”
“พี่ไม่เห็นของสดในตู้เย็นเลยนะ” เมื่อกี้จะทำกับข้าวให้ ยังต้องกดแกร็บให้ไปซื้อของสดมาให้เลย
“ก็ใครบอกว่าหนูจะไปซื้อของสดล่ะคะ หนูจะไปซื้อขนมใส่ตู้เย็นต่างหาก”
“กินแต่ขนมเหรอ”
“ก็หนูทำอาหารไม่เก่ง ซื้อกินน่าจะสะดวกกว่า ก็เลยไม่อยากซื้อมาไว้ให้มันเน่าเสียไปเปล่าๆ”
“งั้นไปแต่งตัวพี่จะพาไป”
“ใจดีจัง”
“เห็นใจเด็กไม่สบาย”
“แล้วพี่จะไปชุดนี้เหรอคะ” เธอชี้ไปที่ร่างสูงตรงหน้าที่ใส่เพียงกางเกงนอนขายาวตัวเดียวเดินเปลือยอกไปมา
“เราชอบเหรอ มองตาค้างเลย”
“หนูแค่กำลังสงสัยมากกว่าว่าพี่ไม่กลัวเป็นโรคปอดบวมหรือไง”
“นี่แนะ!” กรภัคเขกกำปั้นใส่หน้าผากเล็กแผ่วเบาด้วยความ
หมั่นเขี้ยวจนเธอหน้ามุ่ยยกมือลูบหน้าผากปร่อยๆ“เจ็บนะ”
“ไปแต่งตัวได้แล้ว พี่อาบน้ำเสร็จจะพาไป”
“เจ้าค่ะ ขอขอบพระคุณงามๆอีกครั้งนะคะ ขี้เกียจขับรถพอดี” รมย์รวินท์ยกมือไหว้อย่างทะเล้นก่อนจะรีบเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องอีกครั้ง
กรภัคส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำด้านนอก
@ห้างสรรพสินค้า
“เราอยากกินอะไรก่อนไหม” เพราะเป็นช่วงวันหยุดทำให้รถติดกว่าทุกวัน กว่าจะมาถึงก็เกือบเที่ยงพอดี
“ไปกินข้าวที่ฟู้ดคอร์ทดีกว่าค่ะ”
“โอเคครับ” ผมจูงมือเล็กเดินไปยังสวนอาหารห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองในเครือทวีจิรไพศาล แต่ก็รู้สึกระแวงว่าเพื่อนสนิทอย่าง
เตวิชญ์ทายาทห้างสรรพสินค้าแห่งนี้จะผ่านมาเห็นเข้า จึงมองไปรอบๆอย่างระวังจนพาให้เธอเข้าใจผิด“พี่เกมส์กินที่นี่ได้ไหมคะ”
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ พี่กินได้หมดแหละ”
“ก็หนูเห็นพี่ทำท่าทางแปลกๆ คิดว่ากินไม่ได้” เพราะเขาเป็นลูกชายเศรษฐีนีที่รวยติดอันดับต้นๆของประเทศจะชวนกินข้าวตามร้านธรรมดาๆก็เกรงใจ
“กินได้ พี่ไม่ได้ติดหรูขนาดนั้น เรากินอะไรพี่ก็กินแบบนั้นแหละ อยากกินร้านไหนเลือกเลย” ผมหยิกแก้มนุ่มเบาๆก่อนจะโอบไหล่เล็กเดินไปตามแต่ละร้าน
“เลือกได้หรือยัง”
“น่ากินไปหมดเลยค่ะ”
“งั้นเลือกมาให้หมดเลย พี่จ่ายเอง”
“ไม่เอาค่ะ กินไม่หมดเสียดายของ งั้นเอาร้านนี้แล้วกัน”
“โอเคครับ”
“ก๋วยเตี๋ยวต้มยำรวมมิตรปลาค่ะ” รมย์รวินท์เอ่ยสั่งกับพนักงานก่อนจะหันมามองร่างสูงที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง “พี่เกมส์กินอะไรคะ”
“เลือกให้พี่เลยแล้วกัน พี่สั่งไม่ถูก”
“สองที่เลยค่ะ”
“ได้ค่ะ”
“ทั้งหมดเท่าไรคะ”
“เจ็ดสิบบาทจ้า”
“ไม่ต้องพี่จ่ายเอง” กรภัคจับมือเล็กที่กำลังยกโทรศัพท์ขึ้นแสกนคิวอาร์โค้ดเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายจ่ายเอง”
“ป๋ามาก”
“พี่จะให้เราจ่ายได้ไงล่ะ”
“จ่ายให้บ่อยๆหนูเกรงใจนะคะ”
“ทุกอย่างพี่รับผิดชอบเอง”
“สรุปแค่ของเล่นชิ้นโปรด หรือเด็กเสี่ยคะเนี่ย เริ่มไม่แน่ใจละ”
“อยากเป็นแบบไหนล่ะ” ร่างสูงโน้มกระซิบถามเสียงเข้มจนโดนคนตัวเล็กยื่นมือมาบิดหน้าท้อง
“พี่เจ็บนะ เดี๋ยวจะโดนเอาคืน จะกัดให้ช้ำเลย”
“ไอ้พี่เกมส์หมาบ้า”
“กลับไปจะโดน เอาให้ไข้ขึ้นอีกรอบเลย”
“ไม่พูดด้วยแล้ว ในหัวสมองพี่มีแต่เรื่องหื่นกามหรือไงกันคะ”
“หึๆ”
“ขำอะไร”
“ขำเด็กน้อย ทำเป็นอ่อยเก่ง ยั่วเก่ง พอเอาเข้าจริงจอดตั้งแต่ยกแรก”
“หึๆ รอบแรกหนูไม่ทันตั้งตัวต่างหากล่ะคะ รอบสองมาเหอะ พร้อมสู้”
“ให้เก่งเหมือนปากนะ พี่จะรอดู”
“ลองดูไหมล่ะ”
“ไปงั้นกลับบ้านกัน”
“โอ้ย พี่เกมส์หนูพูดเล่นไหม”
“ไม่รู้ แต่พี่คิดจริง”
ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรกลับไป ก๋วยเตี๋ยวสองถ้วยก็ถูกวางลงตรงหน้า พอเธอจะหยิบใส่ถาดก็ถูกมือหนายกตัดหน้า
“มันร้อน เดี๋ยวพี่ยกเอง”
มุมปากเล็กยกยิ้มขณะมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินอยู่ด้านหน้า ก่อนจะเปลี่ยนเป็นใบหน้าเรียบเฉยไม่รู้ไม่ชี้เมื่อเขาหันกลับมามอง
“นั่งรอที่นี่ เดี๋ยวพี่ไปซื้อน้ำให้”
“ค่ะ”
เมื่อเขากลับมาเธอกับเขาจึงเริ่มลงมือกินก๋วยเตี๋ยวของตัวเองจนหมดเกลี้ยง
“ไปไหนต่อไหม”
“ไปซื้อขนม เสร็จก็กลับเลยค่ะ”
“อยากดูหนังไหม”
“ไม่ค่ะ ไปนอนดูซีรีย์ที่ห้องดีกว่า”
“โอเค งั้นพี่พาไปซื้อขนม เสร็จก็กลับไปนอนดูซีรีย์ต่อที่ห้องกัน”
“วันนี้พี่ไม่มีนัดไปไหนเหรอคะ”
“ไม่ วันนี้เป็นเวลาของเรา พี่ให้เราทั้งหมด”
“เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ” เธอเปรยขึ้นจนถูกเขาตวัดตามองแรงใส่
“ห้ามพูดแบบนี้อีกนะ ไม่งั้นพี่จะจูบให้ล้มเลย”
“ก็หนูพูดจริง ตามที่ตกลงกันพี่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลยด้วยซ้ำ”
“เพราะพี่อยากทำ พี่อยากรู้จักเรามากขึ้นกว่านี้”
แค่คำตอบสั้นๆกลับทำให้หัวใจของเธอกระหน่ำเต้นแรงไปชั่วขณะ ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองร่างสูงข้างกาย
“ทำไม”
“ไม่รู้สิ พี่คิดยังไงก็พูดแบบนั้น เพราะพี่อยากให้ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันให้มีความสุขที่สุดมั้ง” เพราะอนาคตไม่รู้หรอก ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ผมต้องการแค่นี้ ก็จะทำตรงนี้ให้ดีที่สุดก็พอ
“ยิ่งพูดกับพี่หนูก็ยิ่งงง ไปเลือกซื้อขนมดีกว่า” แม้จะเจ็บจี๊ดในหัวใจแต่เธอก็ไม่สนใจเพราะรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายสถานะบ้าๆนี้ก็ต้องจบลงเมื่อถึงวันที่เขาเบื่อหน่าย เพราะในชีวิตของเขาก็มีผู้หญิงมากมายมาให้เลือก
เมื่อเดินถึงโซนขนมของโปรดสิ่งที่หงุดหงิดอยู่ในใจก็มลายหายไปจนหมดสิ้น ฉันจึงเริ่มหยิบจับขนมใส่รถเข็นที่เขาเข็นตามอย่างเพลินมือ
“กินแต่ช็อกโกแลต”
“บางทีอ่านหนังสือดึก มันก็ต้องพึ่งพาของพวกนี้ด้วยนะคะ”
“คิดว่าพึ่งแต่ขวดเหล้า”
“หนูไม่ได้ติดเหล้าสักหน่อย”
“เออ พูดเรื่องนี้ก็ดีละ ต่อไปพี่ขอสั่งห้ามกินเหล้าโดยไม่มีพี่ไปด้วยเด็ดขาด”
“ทำไมล่ะคะ ปกติหนูก็ไปดื่มกับตังเมบ่อยๆ บางทีก็มีพราวฟ้าไปด้วยอยู่แล้วนะ”
“ไม่รู้ แต่หลังจากกนี้ห้าม หากเราเมาแล้วเกิดไปอ่อย ไปไล่ปล้ำคนอื่นแบบที่ทำกับพี่จะทำอย่างไง”
“มันเป็นแค่ตอนเมาหนักๆเท่านั้นแหละค่ะ แล้วอีกอย่างคนที่ไล่ปล้ำตอนเมาก็คงมีแค่พี่นั่นแหละ คนอื่นหนูก็ไม่เห็นเป็นนะ”
“ไม่รู้ แต่หลังจากนี้พี่ขอห้าม”
“ค่ะ”
“พอหรือยัง”
“พอแล้วค่ะ” เมื่อเลือกขนมเรียบร้อยก็เข็นรถไปรอคิวที่เคาน์เตอร์คิดเงิน แต่ระหว่างยืนรอเธอเห็นว่าลืมขนมรสโปรดไปหนึ่งอย่าง
“พี่เกมส์หนูลืมขนมอีกแบบหนึ่ง เดี๋ยวไปเอาก่อนนะ” ยังไม่ทันทักท้วงร่างเล็กก็วิ่งหายไปแล้ว ก่อนจะหันกลับมาตามเสียงเรียก
“ไอ้เกมส์มึงมาทำอะไร”
“ถามแปลกๆนะมึง กูมาห้างมึงให้กูมาออกกำลังกายมั้ง”
“ยัว ฟิตเนสธุรกิจบ้านมุกอยู่ชั้นหนึ่งนะเผื่อมึงจะไปใช้บริการ”
“กูประชดไหมไอ้เต็ม กูแค่มาซื้อของ”
“ซื้อของ?” เตวิชญ์เลิกคิ้วขึ้นเชิงถาม ก่อนจะก้มมองรถเข็นที่มีแต่ขนมช็อกโกแลต และที่น่าแปลกคือมันไม่กินช็อคโกแลต “มึงไม่กิน จะซื้อไปทำไมเยอะแยะ”
“ให้แม่”
“แล้วนี่มึงมากับใคร มากับแม่มึงเหรอ กูจะได้ไปสวัสดี” เตวิชญ์ชะเง้อคอมองหาแต่ก็ไร้เงาคุณนายเกล้ากะรัต
“กูมาคนเดียว”
“คุณเตวิชญ์ครับ” เสียงเลขาหนุ่มดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้เตวิชญ์ต้องหันกลับไปมอง “อีกสิบห้านาทีต้องขึ้นประชุมแล้วครับ”
“อ๋อครับ”
“มึงไปทำงานเหอะไป ไม่ว่างยังแวะมาเสือกเรื่องของกูอีก”
“เออ ไว้เจอกัน”
ในเวลาเดียวกันกอบัวพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดกับเพื่อนสนิท
“อย่ามาน้อยใจทั้งที่รู้ว่าทุกอย่างมันต้องเป็นแบบนี้สิกอบัว แกเป็นคนเลือกเองที่จะให้มันเป็นแบบนี้นะ”
ตอนที่ 43 คู่หมั้นสามเดือนต่อมา@บ้านเพชรปกรณ์บ้านทรงไทยประยุกต์สองชั้นหลังใหญ่ผสานไปกับสไตล์โมเดิร์น อย่างลงตัว ผนังข้างนอกตกแต่งด้วยโทนสีขาวสลับกับโทนสีน้ำตาล ให้บรรยากาศที่อบอุ่น บริเวณหน้าบ้านปลูกดอกไม้ประดับที่ออกดอกชูช่ออวดความสวยบานสะพรั่งราวกับต้อนรับแขกผู้มาเยือนในวันสำคัญของลูกสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของสวนทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพิธีหมั้นถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายมีเพียงแขก ญาติและเพื่อนสนิทเท่านั้นแต่งานก็ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกรียติ สมหน้าสมตาทั้งสองฝ่าย เมื่อเศรษฐีนีเจ้าของตลาดวัฒนาขนเงิน ขนทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ แหวนเพชรสิบกระรัตและที่ดินมาหมั้นว่าที่สะใภ้ในอนาคตให้กับลูกชายเพียงคนเดียว“ว่าที่คู่หมั้นมาแล้วค่ะ” ตังเมและพราวฟ้าเอ่ยบอกขณะพา รมย์รวินท์อยู่ในชุดเดรสคอวีขาวผ้าชีฟองอัดพลีส ยาวคลุมข้อเท้าเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านกรภัคยกยิ้มให้อย่างอ่อนโยนขณะเดินไปจูงมือคู่หมั้นเดินเข้ามาในห้องรับแขก“วันนี้หนูสวยมาก พี่คิดว่านางฟ้าที่ไหนลงมาเดินเล่น”รมย์รวินท์หลุดหัวเราะออกมาเมื่อเจอคำพูดหวานเลียน ยืนยิ้มหน้าแดงด้วยความเขินอายเมื่อเขาจูบที่แก้มแล้วผละออกอย่างรวมเร็วเพราะกลั
ตอนที่ 42 งอนอยู่นะ“พี่เมฆา พี่เมฆา”“...”“เมฆา”“ครับ คุณเกมส์” เมฆาที่เดินกลับมาถึงโต๊ะทำงานได้ยินเสียงผู้บริหารหนุ่มโวยวายเสียงดังจึงรีบเข้ามาในห้องทำงาน"ไปไหนมา"“ผมปวดหนัก ผมขอโทษนะครับ”เมฆาเอ่ยบอกอย่างสำนึกผิดเมื่อปล่อยเจ้านายสัมภาษณ์งานเลขาคนใหม่เพียงลำพัง“คราวหน้าผมไม่เอาแล้วนะเลขาผู้หญิงอ่า เอาผู้ชายเท่านั้น ผู้ชายเท่านั้นนะพี่”“ครับผม แล้วเธอ...ทำอะไรคุณหรือเปล่าครับ”“ผมเกือบโดนสวบแล้วไหมล่ะ”“อาบน้ำก่อนไหมครับ กลิ่นน้ำหอมเธอแรงมาก ถ้าไปรับคุณกอบัวในสภาพนี้ คุณเกมส์จะโดนโกรธเอาได้นะครับ”“ก็คงโดนอยู่แล้ว เพราะผมต้องเล่าให้เธอฟังทุกเรื่อง”“อนาคตไม่มีโอกาสเป็นพ่อบ้านใจกล้านะครับคุณเกมส์”“ยังไง?”“กลัวเมีย”“เขาเรียกให้เกียรติครับ และที่สำคัญผมไม่พูดโกหก”“ครับๆ” เมฆายกยิ้มให้เจ้านายก่อนจะเดินออกมา อยากจะแซวคนกลัวเมียให้นานกว่านี้ แต่เขายังไม่พร้อมหางานใหม่หลังจากร
ตอนที่ 41 เอาแต่ใจ2 ปีต่อมา@มหาลัยรถอาวดี้คันหรูจอดสนิทข้างตึกคณะวิศวกรรมก่อนจะดึงร่างบางมาสวมกอดแล้วหอมแก้มนุ่มอย่างเช่นทุกวัน“ตั้งใจเรียนนะ เดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับ”“โอเคค่ะ”“พี่เกมส์ก็ตั้งใจทำงานนะคะ” รมย์รวินท์โน้มตัวไปหอมที่แก้มเขากลับคืนแล้วก้าวลงจากรถแต่ถูกเขาดึงไว้อีกครั้ง“คะ พี่เกมส์”“ฝึกงานเมื่อไหร่”“อีกสองเดือนค่ะ”“พี่ว่าหนู...”“ค่อยคุยกันเรื่องนี้ได้ไหมคะพี่เกมส์” รมย์รวินท์เอ่ยแทรกขึ้นมาเมื่อเขาถามเรื่องฝึกงานอีกครั้ง คุยกันทีไรจบด้วยการเถียงกันและงอนกันทุกครั้งไป“โอเคครับ หวังว่าตอนเย็นพี่มารับหนูจะมีคำตอบให้พี่นะ”“รับทราบค่ะ”ฟู่ว!รมย์รวินท์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วเดินไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ในโรงอาหาร“เป็นอะไรกอบัว”“เครียด เรื่องฝึกงาน”“มีปัญหาหรอ เรื่องเกรดหรือติดกิจกรรมล่ะ ไปปรึกษาอาจารย์ไหม เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน”
ตอนที่ 40 คบกันนะหลังจากเรื่องราวทุกอย่างเคลียร์จบเรียบร้อย ผมจึงพาเธอกลับมาที่คอนโดเพื่อเปลี่ยนชุด ก่อนจะพามาที่ร้านอาหารบนตึกสูงใจกลางเมืองรมย์รวินท์ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีชมพูพิ้งค์โกลด์สั้นเหนือเข่าเดินเคียงข้างเขาในชุดสูทสีดำไม่ทางการ พอมองไปที่มือนุ่มก็ถูกเขากุมไว้ตลอดเวลาจนเธอต้องสลับมองหน้าเขาด้วยแววตาเป็นประกาย“มองแบบนี้พี่เขินนะ”“ก็พี่หล่อนี่คะ”“ไปเอาความปากหวานมาจากไหนหนอ”“พี่มุกกับพี่ชะเอมเคยบอกไว้ค่ะ ว่าพี่ชอบคนอ้อนๆ”“ไปเชื่อพวกมันสองคน โดยต้มจนเปื่อยแล้วมั้ง”“อ้าวไม่ชอบหรอคะ” รมย์รวินท์เอียงคอถามอย่างน่ารักจนกรภัคหลุดหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าเหวอของคนตัวเล็กกว่าแล้วโอบเอวดึงเธอมากอดแนบชิด“ชอบ แต่คนที่อ้อนพี่ ต้องเป็นเราเท่านั้นนะ ถ้าเป็นคนอื่นพี่ไม่ชอบ”“ไม่คุยด้วยแล้ว” รมย์รวินท์หันหน้าหนีซ่อนรอยยิ้ม แต่ลืมไปว่าเป็นกระจกซึ่งเห็นเงาที่สะท้อนออกมาเห็นเขายืนกลั้นขำจนหน้าแดง“อยากยิ้มก็ยิ้ม ไม่ต้องแอบหรอก พอโดนเอาคืนบ้าง ไปไม่เป็นเลยนะเรา”
ตอนที่ 39 คืนเกิดเหตุตึกคณะบริหารจีจี้เดินเล่นโทรศัพท์ลงมาจากตึกในช่วงห้าโมงเย็น ก่อนจะเดินไปนั่งรอคนขับรถที่บ้านมารับ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอร่างสูงใบหน้าหล่อที่ทำท่าถมึงทึง คนที่เธอพยายามพาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆและตามจีบมานานนับเดือน แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธออยากวิ่งหนีไปให้ไกลๆ ถ้ามีวิชาหายตัวได้ก็คงจะดี“หยุดเลยนะจีจี้”“พี่เกมส์” จีจี้พูดเสียงสลดใบหน้าสวยซีดเผือด “จีจี้ขอโทษ”“รู้ไหมว่าสิ่งที่จีจี้ทำมันทำให้พี่วุ่นวายมากแค่ไหน”“แต่หมอบอกว่าพี่ไม่ถึงตายนะคะ แพ้แต่ไม่รุนแรง แล้วจีจี้ก็ไม่ได้ตั้งใจ จีจี้ขอโทษ”“ใครว่าพี่ไม่ตาย”“นี่จีจี้คุยกับวิญญาณพี่หรอคะ ฮือ จีจี้ขอโทษนะคะขนาดตายไปแล้วยังเป็นผีมาหลอกมาหลอนจีจี้อีก” จีจี้ตีโพยตีพายยกมือปิดหน้าปิดตาร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความกลัว แถวนี้ยิ่งไม่มีคนอยู่ด้วย“พี่ยังไม่ตาย แต่ที่บอกตายเพราะพี่ทรมานใจที่จีจี้ก่อเรื่องจนทำให้พี่กับกอบัวผิดใจกันต่างหาก”“อึกฮือ”“จีจี้ตั้งสติก่อน เลิกร
ตอนที่ 38 หวานต่อไม่รอแล้วนะไม่นานรถอาวดี้คันหรูจอดสนิทที่หน้าร้านอาหารริมชายหาด ภายในตกแต่งสไตล์โมเดิร์นกรุกระจกล้อมรอบ และยังมีโซนด้านนอกริมหาดที่ตกแต่งด้วยไฟสีเหลืองนวล และเสียงเพลงจากนักร้องยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรวมช่างโรแมนติก“นั่งตรงไหนดี หืม” กรภัคโอบไหล่คนตัวเล็กแล้วโน้มมาถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดู“ตรงโซนริมหาดดีกว่าค่ะ บรรยากาศกำลังดีเลย” สายลมพัดเอื่อยๆพัดกลิ่นอายทะเลขึ้นมาจนทำให้ร่างบางที่หน้าบึ้งตึงยิ้มกว้างออกมา นี่สินะกลิ่นอายทะเลบ้านเกิดที่ไม่ได้สัมผัสมานานหลังจากที่ย้ายไปเรียนในเมืองหลวง“ชอบไหม” ผมเอ่ยถามเสียงนุ่มพร้อมกับเกลี่ยปอยผมที่ปลิวไปตามแรงลมขึ้นทัดหูให้อย่างอ่อนโยน“ชอบมากค่ะ”“เห็นเรายิ้มได้พี่ก็ดีใจแล้ว”“ไม่ได้หลอกว่าอะไรหนูอยู่ใช่ไหมคะ”“เปล๊า ใครจะกล้า แล้วเราอยากกินอะไร สั่งเลยนะ วันนี้ป๋าเลี้ยงไม่อั้น” กรภัคเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดูแววตายามมองคนตรงหน้าก็เปี่ยมไปด้วยรัก“จะเอาให้ขนหน้าแข้งป๋าร่วงเลย”“คงยากหน่อยนะ เพราะพี่รวยมาก”“จ้