ตอนที่ 8 พิษไข้
ร่างบางเดินขึ้นไปนอนบนเตียงกว้างก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นระหว่างรอเขาอาบน้ำ จนกระทั่งเขาเดินออกมาในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ทำให้เห็นลอนกล้ามหน้าท้องเรียงตัวสวยมีหยดน้ำเกาะพราวตามผิวขาวเนียน ปลายยอดยังเป็นสีชมพูสวย จนเผลอมองอยู่นาน
“หิวพี่เหรอ”
“พูดจาบ้าๆ”
“ก็เห็นมองตามตาเป็นประกายเชียว”
“ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนออกมาล่ะคะ”
“พี่ลืมเอาชุดเข้าไปน่ะ”
กรภัคเอ่ยบอกก่อนจะหยิบกางเกงนอนเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วเดินขึ้นมานอนบนเตียงกว้าง
“พี่เกมส์ไม่กลับไปนอนที่ห้องล่ะคะ หนูไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว”
“พี่เป็นห่วง”
“ไว้ใจได้ป่ะเนี่ย”
“คำถามนี้พี่น่าจะถามเรามากกว่ามั้ง” กรภัคว่าเสียงขำจนร่างบางเบ้ปากกลอกตามองบนใส่ ผมจึงยื่นมือไปหยิกแก้มนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว
“พี่เกมส์ เจ็บนะ”
“หมั่นเขี้ยว นอนได้แล้ว พี่ไม่ทำอะไรหรอก” ผมล้มตัวนอนแล้วรั้งเอวบางเข้ามากอด “ทำไมต้องนอนตัวแข็ง”
“ก็ปกติกอบัวนอนคนเดียว แบบนี้มันไม่ชิน”
“พี่จะมานอนด้วยบ่อยๆจะได้ชิน จะได้ทำความรู้จักกับเราให้มากขึ้นด้วย”
“ลืมไปหรือเปล่าคะว่าเราเป็นอะไรกัน”
“ของเล่นชิ้นโปรดมั้ง”
คำตอบของเขาทำเธอสะอึกเล็กน้อย นั่นสินะเธอเป็นคนยอมรับสถานะนี้เองตั้งแต่แรก มาเสียใจตอนนี้คงไม่ทันแล้ว จะถอยกลับก็คงไม่ได้แล้วมีแต่ต้องเดินหน้าให้สุด
“ระวังให้ดีนะคะ” รมย์รวินท์เอ่ยขึ้นลอย ๆ จนคนที่อยากรู้อดถามขึ้นมาไม่ได้
“ระวังอะไร”
“จะติดใจของเล่นเอา”
“ไม่มีทาง เพราะพี่ไม่ชอบเล่นของเล่นนานๆ”
“แต่ดูๆแล้วพี่เป็นคนชอบพูดอย่าง ทำอย่างนะคะ”
“ยังไง” ผมเท้าแขนขึ้นมองคนตัวเล็กกว่าที่หันมามองแล้วยังยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมอีก
“บอกไม่ชอบเล่นนานๆ แต่ไม่ทันข้ามวันก็มานอนกอดของเล่นเสียแล้ว”
“พูดมาก นอนได้แล้ว”
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบไม่นานเธอก็หลับไปด้วยฤทธิ์ยา ผมจึงเท้าแขนมองใบหน้าสวย พลางยกมือขึ้นลูบแก้มนุ่มอย่างหลงใหล นั่นสินะ ทำไมผมถึงยื่นข้อเสนอบ้าๆนั่นให้กับเธอ ทั้งที่ไม่เคยทำแบบนี้กับใคร
“อื้อ” มือเล็กปัดป่ายไปมาเมื่อรู้สึกรำคาญที่ถูกก่อกวนเวลานอนหลับ ก่อนจะพลิกตัวหันกลับมานอนกอดแล้วซุกหน้าอยู่กับอกกำยำ
“ยัยเด็กนี่ชอบอ่อยจริงๆ”
ผมกดจูบที่หน้าผากได้รูปพร้อมทิ้งตัวลงนอนพลางกระชับอ้อมกอด แล้วนอนหลับตามเธอไปติดๆ
“นะ หนาว”
เสียงหวานครางแผ่ว ไหล่เล็กสั่นสะท้านพร้อมกับเบียดตัวซุกอกกำยำเพื่อหาไออุ่น
ผมปรือตาขึ้นมองด้วยอาการงัวเงียก่อนจะดึงร่างเล็กเข้ามากอด แต่ไอร้อนจากร่างกายของเธอทำผมตื่นจนเต็มตา พอเปิดไฟหัวเตียงก็เห็นแก้มนวลแดงระเรื่อด้วยพิษไข้
“กอบัว ตื่นก่อน มากินยาก่อน”
“หนูหนาว” เสียงหวานสั่นสะท้านซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่โดยไม่ยอมลืมตา
กรภัคที่เห็นท่าไม่ดีจึงไปหยิบยาลดไข้พร้อมกับน้ำสะอาด แล้วเดินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง
“กอบัว กอบัว”
“...”
“กอบัว”
“...” ไม่ว่าพยายามเรียกเท่าไรร่างเล็กก็ยังคงนอนหลับสนิทผมจึงก้มลงไปหอมแก้มนวลแล้วเรียกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“กอบัว กอบัวๆ”
“หืม”
“ลุกขึ้นมากินยาก่อนนะ เราตัวร้อนมากเลย”
“อื้อ”
รมย์รวินท์ปรือตาขึ้นมองก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่งโดยที่มีเขาช่วยประคอง เธอรับยาลดไข้ใส่ปากตามด้วยน้ำเกือบครึ่งขวด
“เก่งมาก นอนต่อได้แล้ว”
กรภัคนั่งพิงหัวเตียงพลางลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างเบามือแล้วคอยวัดไข้ตลอดด้วยความเป็นห่วง โชคดีที่วันนี้ผมตัดสินใจมานอนด้วย ถ้าไข้ขึ้นตอนดึกแล้วอยู่คนเดียวคงได้ไปฟื้นอีกทีที่โรงพยาบาลแน่นอน
“ทำไมไข้ไม่ลดเลยวะ” ผมเปรยขึ้นเสียงเบาลังเลว่าจะพาเธอไปโรงพยาบาลดีไหม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาเสิร์จข้อมูลหาวิธีดูแลคนป่วย
“เช็ดตัวลดไข้งั้นเหรอ”
ผมรีบลุกขึ้นจากเตียงเตรียมน้ำสะอาดใส่กะละมังใบเล็กพร้อมผ้าขนหนูสะอาด เดินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งจัดการรูดซิปเสื้อแขนยาวลงมาแล้วเบือนหน้าหนี พร้อมรั้งเสื้อแขนยาวออกจากร่างบางแล้วดึงผ้าห่มปิดไว้ ก่อนจะใช้ผ้าขนหนูไปชุบ แล้วบิดหมาด ๆ ก่อนจะนำมาเช็ดตัวให้กับร่างบางเช็ดย้อนไปตามแนวขนเพื่อเปิดรูขุมขนให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น
“หนาว พี่เกมส์ กอบัวหนาว”
“อยู่นิ่งๆ”
“อื้อ หนูหนาว” เสียงหวานแหบแห้งเอ่ยบอกพร้อมกับปัดหน้าออกจากใบหน้า
“ทนหน่อยสิ อย่าดื้อ” แม้เสียงที่เอ่ยบอกจะฟังดูดุแต่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง
“พี่เกมส์ขา”
“อย่าดื้อได้ไหม” ผมบอกเสียงเข้มจนร่างเล็กยอมเชื่อฟัง จึงค่อยๆเช็ดไปตามใบหน้าสวย ต่ำลงมาที่ลำคอที่ยังมีลอยจูบติดอยู่ตามเนินอกอวบอย่างอ่อนโยน ก่อนจะสอดผ้าเข้าไปเช็ดตามหน้าท้องแบนราบ ตามด้วยที่แขนเรียวซ้ำไปซ้ำมาจนอุณหภูมิลดลง
“เฮ้อ”
ผมไม่รู้ว่าเผลอกลั้นหายใจนานเท่าไรกับการเช็ดตัวให้เธอ ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อยืดตัวใหญ่มาสวมให้แล้วกลับมานอนกอดร่างบางแสนนุ่มนิ่มเอาไว้
“ไอ้ยักษ์ นอนได้แล้ว จะตื่นมาฉกยัยเด็กขี้เมาตอนป่วยไม่ได้”
ผมกดเจ้ายักษ์ที่ชอบตื่นเวลานี้ให้นอนลงแล้วท่องยุบหนอ พองหนอในใจหวังให้จิตใจสงบลง แต่ดูเหมือนมันจะเชื่อฟังแต่คำหลังจนพองขยายจนปวดไปทั้งแก่นกาย
“พี่เกมส์ขา” รมย์รวินท์ที่นอนหลับสนิทเผลอละเมอออกมาด้วยพิษไข้แล้วยังวาดแขนกอดเอวหนา หนุนหัวบนลาดไหล่ราวกับลูกแมวน้อยขี้อ้อนจนเจ้ายักษ์ที่ไม่ยอมเชื่อฟังชูคอขึ้นมาอีกครั้ง แล้วมันก็ดื้อจนกดหัวแทบไม่ลง
“พี่เกมส์”
“นอนได้แล้ว พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายไวๆ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างอ่อนโยนจนร่างเล็กยอมสงบแล้วหลับสนิทอีกครั้ง
“เฮ้อ เอาไงดีวะกู ไม่เคยทรมานอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”
ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยปอยผมออกจากใบหน้าสวยแล้วโน้มตัวลงหอมที่แก้มนุ่ม กว่าจะข่มตาให้หลับก็ปาเข้าไปเกือบเช้ามืด แล้วยังต้องตื่นเพราะนาฬิกาปลุกอีก ผมจึงรีบเอื้อมมือไปกดปิดแล้วกอดร่างนุ่มนิ่มเอาไว้อีกครั้ง
“อื้อ”
รมย์รวินท์ขยับตัวไปมาเพราะได้พักผ่อนเต็มที่ อาการเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ปวดหัวเหมือนจะไม่สบายก็หายเป็นปลิดทิ้งราวกับได้ยาดี ก่อนจะปรือตาสู้แสงแดดในช่วงสายก็เจอกับใบหน้าหล่อที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ
ดวงตาคู่สวยพิศมองใบหน้าหล่อที่กำลังหลับสนิท คิ้วเข้มได้รูป รับกับจมูกโด่ง ก่อนจะยกนิ้วแตะที่ริมฝีปากหนาอมชมพูที่เคยจูบบางครั้งก็เร้าร้อนจนแทบละลายคาอก บางทีก็อ่อนหวานจนเธอหลงมัวเมาไปกับสัมผัส
“ซนแบบนี้ หายไข้แล้วหรือไง”
“พี่เกมส์” ฉันอุทานเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆคนที่กำลังหลับสนิทลืมตาขึ้นมอง
“ต่อได้นะ เพราะมันกำลังตื่นได้ที่เลย”
รมย์รวินท์มองตามสายตาเขาก็เจอกับเจ้ายักษ์ตัวใหญ่ดันเนื้อผ้าออกมา
“ลามก”
“มันก็ตื่นของมันทุกเช้า เรานั่นแหละที่ลามกมองมันจนตาหวานฉ่ำเชียว”
“บ้าบอ ไปอาบน้ำดีกว่า แต่เอ๊ะ...” รมย์รวินท์ชะงักกึกเมื่อเห็นเสื้อคลุมแขนยาวร่วงที่พื้น แล้วบนตัวก็เป็นเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่แต่ผ้าก็บางมากจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้วมั้ง
“พี่เปลี่ยนให้เอง เมื่อคืนเราตัวร้อนมาก พี่เลยเช็ดตัวให้”
พอเห็นกะละมังพร้อมกับผ้าผืนเล็กวางไว้ด้านข้าง เธอจึงไม่พูดอะไรต่อแล้วลุกขึ้นไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ ออกมาก็ไม่เจอเขาแล้ว เธอจึงเดินออกมาข้างนอกถึงกับฉีกยิ้มกว้างเกือบหลุดขำเมื่อเห็นร่างสูงในชุดผ้ากันเปื้อนลายการ์ตูนน่ารักสีเหลืองสดใสอยู่บนร่างกำยำ
“พี่ทำข้าวต้มหมูไว้ให้ นั่งก่อนสิ” กรภัคเอ่ยบอกเมื่อเห็นร่างเล็กเดินออกมา ชุดที่เธอใส่ผมถึงกับกุมขมับ
“กลัวพี่ขนาดนั้นเลยหรือไง”
“ไม่ได้กลัว แต่ไม่ไว้ใจค่ะ” รมย์รวินท์ในชุดเสื้อกันหนาวตัวใหญ่กับกางเกงขายาวแบรนด์เดียวกันเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะกินข้าว
“อยู่กับผู้ชาย เขาต้องใส่ชุดยั่วๆ ไม่ใช่เหรอ”
“แต่ไม่ใช่กับพี่แน่นอน”
“เราตกลงกันแล้วนี่” ผมว่าขึ้นเสียงแผ่วพร้อมกับวางถ้วยข้าวต้มที่หน้าตาน่ากินมากกว่าครั้งก่อนลงตรงหน้าแล้วเท้าแขนกับโต๊ะพร้อมโน้มตัวลงมาใกล้
“แต่นี่มันสไตล์การแต่งตัวของหนู”
“เหรอ ตอนที่พี่ไปหาเสื้อให้เราชุดอยู่บ้านไม่ใช่แบบนี้นะ”
“ไม่รู้ไม่ชี้” ฉันลอยหน้าลอยตาตอบก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อถูกเขาขโมยหอมแก้ม
ฟอด!
“พี่เกมส์”
“ทำโทษเด็กดื้อ” กรภัคว่ายิ้มๆก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนแล้วมานั่งกินข้าวพร้อมกับคนตัวเล็กที่นั่งนิ่งอ้าปากค้าง
“ยังไม่หายตกใจอีก มันน่าจับจูบไหมเนี่ย”
“ไอ้พี่เกมส์ ไอ้คนบ้า”
“กินข้าว จะได้กินยา ดื้อมากๆจะโดนทั้งที่เป็นไข้นี่แหละ”
“ค่ะดุจริงๆ เป็นคนหรือเป็นร็อตไวเลอร์คะเนี่ย”
“ลองไหมล่ะพี่จะทำให้รู้ว่าร็อตไวเลอร์เขาเป็นกันแบบไหน”
“พี่เกมส์ แต่ละคำที่พูดมากคิดดีไม่ได้เลย”
“ตอนที่พี่พูด พี่ก็ไม่ได้คิดดีนะ”
“โอ๊ย ไม่คุยด้วยแล้ว”
ตอนที่ 43 คู่หมั้นสามเดือนต่อมา@บ้านเพชรปกรณ์บ้านทรงไทยประยุกต์สองชั้นหลังใหญ่ผสานไปกับสไตล์โมเดิร์น อย่างลงตัว ผนังข้างนอกตกแต่งด้วยโทนสีขาวสลับกับโทนสีน้ำตาล ให้บรรยากาศที่อบอุ่น บริเวณหน้าบ้านปลูกดอกไม้ประดับที่ออกดอกชูช่ออวดความสวยบานสะพรั่งราวกับต้อนรับแขกผู้มาเยือนในวันสำคัญของลูกสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของสวนทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพิธีหมั้นถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายมีเพียงแขก ญาติและเพื่อนสนิทเท่านั้นแต่งานก็ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกรียติ สมหน้าสมตาทั้งสองฝ่าย เมื่อเศรษฐีนีเจ้าของตลาดวัฒนาขนเงิน ขนทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ แหวนเพชรสิบกระรัตและที่ดินมาหมั้นว่าที่สะใภ้ในอนาคตให้กับลูกชายเพียงคนเดียว“ว่าที่คู่หมั้นมาแล้วค่ะ” ตังเมและพราวฟ้าเอ่ยบอกขณะพา รมย์รวินท์อยู่ในชุดเดรสคอวีขาวผ้าชีฟองอัดพลีส ยาวคลุมข้อเท้าเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านกรภัคยกยิ้มให้อย่างอ่อนโยนขณะเดินไปจูงมือคู่หมั้นเดินเข้ามาในห้องรับแขก“วันนี้หนูสวยมาก พี่คิดว่านางฟ้าที่ไหนลงมาเดินเล่น”รมย์รวินท์หลุดหัวเราะออกมาเมื่อเจอคำพูดหวานเลียน ยืนยิ้มหน้าแดงด้วยความเขินอายเมื่อเขาจูบที่แก้มแล้วผละออกอย่างรวมเร็วเพราะกลั
ตอนที่ 42 งอนอยู่นะ“พี่เมฆา พี่เมฆา”“...”“เมฆา”“ครับ คุณเกมส์” เมฆาที่เดินกลับมาถึงโต๊ะทำงานได้ยินเสียงผู้บริหารหนุ่มโวยวายเสียงดังจึงรีบเข้ามาในห้องทำงาน"ไปไหนมา"“ผมปวดหนัก ผมขอโทษนะครับ”เมฆาเอ่ยบอกอย่างสำนึกผิดเมื่อปล่อยเจ้านายสัมภาษณ์งานเลขาคนใหม่เพียงลำพัง“คราวหน้าผมไม่เอาแล้วนะเลขาผู้หญิงอ่า เอาผู้ชายเท่านั้น ผู้ชายเท่านั้นนะพี่”“ครับผม แล้วเธอ...ทำอะไรคุณหรือเปล่าครับ”“ผมเกือบโดนสวบแล้วไหมล่ะ”“อาบน้ำก่อนไหมครับ กลิ่นน้ำหอมเธอแรงมาก ถ้าไปรับคุณกอบัวในสภาพนี้ คุณเกมส์จะโดนโกรธเอาได้นะครับ”“ก็คงโดนอยู่แล้ว เพราะผมต้องเล่าให้เธอฟังทุกเรื่อง”“อนาคตไม่มีโอกาสเป็นพ่อบ้านใจกล้านะครับคุณเกมส์”“ยังไง?”“กลัวเมีย”“เขาเรียกให้เกียรติครับ และที่สำคัญผมไม่พูดโกหก”“ครับๆ” เมฆายกยิ้มให้เจ้านายก่อนจะเดินออกมา อยากจะแซวคนกลัวเมียให้นานกว่านี้ แต่เขายังไม่พร้อมหางานใหม่หลังจากร
ตอนที่ 41 เอาแต่ใจ2 ปีต่อมา@มหาลัยรถอาวดี้คันหรูจอดสนิทข้างตึกคณะวิศวกรรมก่อนจะดึงร่างบางมาสวมกอดแล้วหอมแก้มนุ่มอย่างเช่นทุกวัน“ตั้งใจเรียนนะ เดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับ”“โอเคค่ะ”“พี่เกมส์ก็ตั้งใจทำงานนะคะ” รมย์รวินท์โน้มตัวไปหอมที่แก้มเขากลับคืนแล้วก้าวลงจากรถแต่ถูกเขาดึงไว้อีกครั้ง“คะ พี่เกมส์”“ฝึกงานเมื่อไหร่”“อีกสองเดือนค่ะ”“พี่ว่าหนู...”“ค่อยคุยกันเรื่องนี้ได้ไหมคะพี่เกมส์” รมย์รวินท์เอ่ยแทรกขึ้นมาเมื่อเขาถามเรื่องฝึกงานอีกครั้ง คุยกันทีไรจบด้วยการเถียงกันและงอนกันทุกครั้งไป“โอเคครับ หวังว่าตอนเย็นพี่มารับหนูจะมีคำตอบให้พี่นะ”“รับทราบค่ะ”ฟู่ว!รมย์รวินท์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วเดินไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ในโรงอาหาร“เป็นอะไรกอบัว”“เครียด เรื่องฝึกงาน”“มีปัญหาหรอ เรื่องเกรดหรือติดกิจกรรมล่ะ ไปปรึกษาอาจารย์ไหม เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน”
ตอนที่ 40 คบกันนะหลังจากเรื่องราวทุกอย่างเคลียร์จบเรียบร้อย ผมจึงพาเธอกลับมาที่คอนโดเพื่อเปลี่ยนชุด ก่อนจะพามาที่ร้านอาหารบนตึกสูงใจกลางเมืองรมย์รวินท์ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีชมพูพิ้งค์โกลด์สั้นเหนือเข่าเดินเคียงข้างเขาในชุดสูทสีดำไม่ทางการ พอมองไปที่มือนุ่มก็ถูกเขากุมไว้ตลอดเวลาจนเธอต้องสลับมองหน้าเขาด้วยแววตาเป็นประกาย“มองแบบนี้พี่เขินนะ”“ก็พี่หล่อนี่คะ”“ไปเอาความปากหวานมาจากไหนหนอ”“พี่มุกกับพี่ชะเอมเคยบอกไว้ค่ะ ว่าพี่ชอบคนอ้อนๆ”“ไปเชื่อพวกมันสองคน โดยต้มจนเปื่อยแล้วมั้ง”“อ้าวไม่ชอบหรอคะ” รมย์รวินท์เอียงคอถามอย่างน่ารักจนกรภัคหลุดหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าเหวอของคนตัวเล็กกว่าแล้วโอบเอวดึงเธอมากอดแนบชิด“ชอบ แต่คนที่อ้อนพี่ ต้องเป็นเราเท่านั้นนะ ถ้าเป็นคนอื่นพี่ไม่ชอบ”“ไม่คุยด้วยแล้ว” รมย์รวินท์หันหน้าหนีซ่อนรอยยิ้ม แต่ลืมไปว่าเป็นกระจกซึ่งเห็นเงาที่สะท้อนออกมาเห็นเขายืนกลั้นขำจนหน้าแดง“อยากยิ้มก็ยิ้ม ไม่ต้องแอบหรอก พอโดนเอาคืนบ้าง ไปไม่เป็นเลยนะเรา”
ตอนที่ 39 คืนเกิดเหตุตึกคณะบริหารจีจี้เดินเล่นโทรศัพท์ลงมาจากตึกในช่วงห้าโมงเย็น ก่อนจะเดินไปนั่งรอคนขับรถที่บ้านมารับ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอร่างสูงใบหน้าหล่อที่ทำท่าถมึงทึง คนที่เธอพยายามพาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆและตามจีบมานานนับเดือน แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธออยากวิ่งหนีไปให้ไกลๆ ถ้ามีวิชาหายตัวได้ก็คงจะดี“หยุดเลยนะจีจี้”“พี่เกมส์” จีจี้พูดเสียงสลดใบหน้าสวยซีดเผือด “จีจี้ขอโทษ”“รู้ไหมว่าสิ่งที่จีจี้ทำมันทำให้พี่วุ่นวายมากแค่ไหน”“แต่หมอบอกว่าพี่ไม่ถึงตายนะคะ แพ้แต่ไม่รุนแรง แล้วจีจี้ก็ไม่ได้ตั้งใจ จีจี้ขอโทษ”“ใครว่าพี่ไม่ตาย”“นี่จีจี้คุยกับวิญญาณพี่หรอคะ ฮือ จีจี้ขอโทษนะคะขนาดตายไปแล้วยังเป็นผีมาหลอกมาหลอนจีจี้อีก” จีจี้ตีโพยตีพายยกมือปิดหน้าปิดตาร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความกลัว แถวนี้ยิ่งไม่มีคนอยู่ด้วย“พี่ยังไม่ตาย แต่ที่บอกตายเพราะพี่ทรมานใจที่จีจี้ก่อเรื่องจนทำให้พี่กับกอบัวผิดใจกันต่างหาก”“อึกฮือ”“จีจี้ตั้งสติก่อน เลิกร
ตอนที่ 38 หวานต่อไม่รอแล้วนะไม่นานรถอาวดี้คันหรูจอดสนิทที่หน้าร้านอาหารริมชายหาด ภายในตกแต่งสไตล์โมเดิร์นกรุกระจกล้อมรอบ และยังมีโซนด้านนอกริมหาดที่ตกแต่งด้วยไฟสีเหลืองนวล และเสียงเพลงจากนักร้องยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรวมช่างโรแมนติก“นั่งตรงไหนดี หืม” กรภัคโอบไหล่คนตัวเล็กแล้วโน้มมาถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดู“ตรงโซนริมหาดดีกว่าค่ะ บรรยากาศกำลังดีเลย” สายลมพัดเอื่อยๆพัดกลิ่นอายทะเลขึ้นมาจนทำให้ร่างบางที่หน้าบึ้งตึงยิ้มกว้างออกมา นี่สินะกลิ่นอายทะเลบ้านเกิดที่ไม่ได้สัมผัสมานานหลังจากที่ย้ายไปเรียนในเมืองหลวง“ชอบไหม” ผมเอ่ยถามเสียงนุ่มพร้อมกับเกลี่ยปอยผมที่ปลิวไปตามแรงลมขึ้นทัดหูให้อย่างอ่อนโยน“ชอบมากค่ะ”“เห็นเรายิ้มได้พี่ก็ดีใจแล้ว”“ไม่ได้หลอกว่าอะไรหนูอยู่ใช่ไหมคะ”“เปล๊า ใครจะกล้า แล้วเราอยากกินอะไร สั่งเลยนะ วันนี้ป๋าเลี้ยงไม่อั้น” กรภัคเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดูแววตายามมองคนตรงหน้าก็เปี่ยมไปด้วยรัก“จะเอาให้ขนหน้าแข้งป๋าร่วงเลย”“คงยากหน่อยนะ เพราะพี่รวยมาก”“จ้