ตอนที่ 10 บรรยากาศพาไป
“เป็นอะไรหรือเปล่าตั้งแต่ออกจากห้าง พี่เห็นเรานั่งเงียบมาตลอดทางเลย”
“เปล่าค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไร”
“ไข้ขึ้นหรือเปล่า” กรภัคยกฝ่ามือทาบหน้าผากได้รูปแต่คนตัวเล็กกลับเบี่ยงตัวหนี
“ไม่ค่ะ สบายดี”
“แล้วทำไมหน้าดูซึมๆ แบบนี้ล่ะ”
“เอ่อ...หนูคอแห้งเฉยๆ กินเบียร์กันไหมคะพี่เกมส์”
“ยัยเด็กขี้เมา” กรภัคว่าขึ้น เขาก็อุตส่าห์เป็นห่วงที่ไหนได้ร่างกายต้องการแอลกอฮอล์นี่เอง
“สรุปกินไหมคะ”
“พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ”
“มีค่ะแต่แค่กระป๋องเดียว ไม่เมาหรอก”
“โอเค”
ผมหยิบเบียร์ในตู้เย็นออกมาสองกระป๋องก่อนจะเดินมาหาร่างบางที่นั่งอยู่ริมระเบียงที่ไม่ได้กว้างมาก มีเพียงเก้าอี้ในสวนและรอบๆยังปลูกดอกไม้ประดับไว้อย่างสวยงาม
“อื้อ รับไป”
“ขอบคุณนะคะ” รมย์รวินท์เอ่ยบอกพร้อมกับรับกระป๋องเบียร์มาเปิดอย่างชำนาญแล้วกระดกดื่มลงคออึกใหญ่
“สายปาร์ตี้เหรอเรา”
“ก็นิดหน่อยค่ะ เมื่อตอนเรียนมัธยมต้นถูกแม่ส่งมาเรียนที่กรุงเทพตั้งแต่เด็ก”
“อยู่คนเดียวเหรอ”
“ค่ะ แต่ก็ไม่เชิงเพราะแม่เทียวมาหาบ่อยๆ แล้วก็ยังโชคดีที่บ้านของตังเมส่งเข้ามาเรียนเหมือนกันก็เลยมีเพื่อน เลยค่อนข้างได้ใช้ชีวิตแบบอิสระ มีออกเที่ยวบ้างก็เลยดื่มบ่อย”
“ตังเมนี่ใช่...”
“ใช่ค่ะ ตังเมเพื่อนสนิทตอนนี้นี่แหละ”
“ตังเมนี่นักดื่มตัวยงเลยใช่ไหม” เพราะเขาเคยเห็นดวลเหล้ากับคริสหรือคิรากรเพื่อนสนิทร่วมคณะจนเมาแอ๋แต่เธอกลับไม่มีทีท่าว่าจะเมาสักนิด
“เรียกว่าคอทองแดงเลยก็ว่าได้ค่ะ”
“แล้วบ้านเราอยู่ที่ไหน”
รมย์รวินท์ยกเบียร์ขึ้นดื่มก่อนจะตอบคำถามที่เขาถาม “จันทบุรีค่ะ ที่บ้านทำสวนทุเรียน”
“เขาว่าจันทบุรี ทะเลสวยนี่”
“ค่ะสวยมาก แล้วอาหารก็ยังอร่อยอีก มีที่เที่ยวเยอะแยะเลยค่ะ อยากให้พี่ลองไปสัมผัสสักครั้งแล้วพี่จะติดใจ”
“ใช่ ก็สวยจริงๆแหละ พี่เห็นด้วย”
“หืม พี่เคยไปแล้วเหรอ” ฉันเลิกคิ้วขึ้นถาม
“เปล่าพี่ไม่เคยไป”
“อ้าว”
“ที่บอกว่าสวยคือเราต่างหาก” กรภัคเอ่ยบอกพร้อมกับหันมองคนข้างๆที่นั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แหงนมองท้องฟ้าในคืนเดือนมืด
“ปากหวานซะด้วย”
“ลองชิมไหมล่ะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ป่านนี้คงโดนสาวๆจูบจนชืดหมดแล้วมั้ง”
“พี่ไม่เคยจูบใครนะ”
“โกหกตกนรกนะคะพี่เกมส์” ฉันว่าขึ้นเสียงขำ
“ก็ดีเพื่อนเยอะ”
“หึๆ” ฉันย่นจมูกใส่เขาแล้วยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบ ก่อนจะหันไปข้างๆ เมื่อถูกสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองแบบไม่ละสายตา
“ที่พี่บอกว่าเราสวย พี่พูดจริงนะ”
“ก็ปากหวานแบบนี้ไง สาวถึงรุมให้พรึบ”
“งั้นพี่ถามหน่อยได้ไหม ทำไมถึงไม่อยากมีแฟน”
“เจอแต่ผู้ชายเจ้าชู้ ก็เลยไม่อยากมีแฟนน่ะค่ะ” รมย์รวินท์เอ่ยบอกน้ำเสียงเยือกเย็นราบเรียบเมื่อนึกถึงครอบครัวตัวเองที่แม่ต้องแยกทางกับพ่อก็เพราะความเจ้าชู้ จนครอบครัวแสนอบอุ่นมีแต่น้ำตา
“แฟนเก่าเจ้าชู้เหรอ”
“ที่ผ่านมาหนูไม่เคยมีแฟนเลย ผู้ชายคนเดียวที่เข้าใกล้มากที่สุดก็คงมีแค่พี่คนเดียว แล้วพี่ล่ะ ทำไมถึงไม่อยากมีแฟน”
“พี่ไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น แล้วก็ไม่ได้ดีพอที่จะรักใครได้หรอก เลยเลือกใช้ชีวิตแบบนี้”
“เคยอกหักมาเหรอคะ”
“เปล่า พี่ไม่เคยมีแฟน”
ฉันก้มหน้าหลบสายตาคมของเขาที่จ้องมองมานิ่งๆ แต่ก็ถูกมือหนาเชยคางขึ้น จนดวงตาสบประสานกันแน่นิ่ง
“คนที่พี่อยู่ใกล้มากที่สุดก็มีแต่เราคนเดียวเหมือนกัน”
ตึก ตึก ตึก
เสียงหัวใจกระหน่ำเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมา ยิ่งเขาขยับหน้าเข้ามาใกล้ก็แทบหยุดหายใจ
ริมฝีปากหยักประกบลงมาบนปากนุ่ม ทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหว โลกทั้งใบหยุดหมุนเมื่อถูกเขาจูบที่ริมฝีปากล่าง เลาะเล็มบดคลึงเบาๆราวกับขนมแสนหวานก่อนจะสอดลิ้นเข้าเกี่ยวตวัดลิ้นเล็กอยู่นานสองนาน จนเธอเริ่มทำอะไรไม่ถูกตัวแข็งทื่อไปหมด เพราะนี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอจูบกับเขาโดยที่ไม่เมา
ยิ่งเธอไม่ขัดขื่นหรือห้ามปราบผมจึงได้ใจรั้งต้นคอระหงแล้วบดขยี้จูบร้อนแรงขึ้นราวกับคนเอาแต่ใจจนได้ยินเสียงหวานครางอู้อี้อยู่ในลำคอ
“อึก อื้ม”
เสียงหวานครางแผ่วได้ยินเป็นระยะๆยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนในร่างกายผมจึงดึงร่างเล็กขึ้นนั่งคร่อมบนตัก มือหนาสอดเข้าใต้เสื้อครอปตัวเล็กแล้วลูบแผ่นหลังบางด้วยความหลงใหล
“อื้อ อืม”
ครืด ครืด ครืด
ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาก็สั้นสะท้านจนทำให้เธอได้สติ เธอจึงดันเขาออกห่างแล้วก้มหน้างุดด้วยความเก้อเขิน
“พี่เกมส์ปล่อยก่อนค่ะ”
“ใครวะ” กรภัคเปรยเสียงเบา อย่าให้รู้นะว่าใครแม่งโทรมาขัดจังหวะ พอเธอขยับลงมานั่งข้างๆผมจึงล้วงโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
“ไอ้เกมส์ มึงนัดไว้ทำไมไม่มาไอ้เพื่อนเวร มึงมาที่ผับไอ้พายุด่วนๆเลยนะ”
“กูไม่ว่าง”
“มึงอย่ามาแถ”
“กู ไม่ ว่าง” ผมย้ำทีละคำกับปลายสายที่ไม่ใช่ใครนอกจากธนัทฉายาเจ้าพ่อเอไอของกลุ่ม แล้วไอ้พวกสี่หน่อแม่งเลือกคนโทรมาได้ถูกคนเสียด้วย จับผิดเก่งฉิบ! ผมเองก็คงไม่รอด...
“มึงอยู่กับใคร เปิดกล้องดิ”
“เสือก”
“มึงแอบมีแฟนเหรอ”
“มีแฟนอะไร ไม่มี แค่นี้แหละเดี๋ยวกูไป”
ผมชิงตัดสายทันทีก่อนจะเอียงตัวมองคนตัวเล็กกว่าที่นั่งดื่มเบียร์อยู่ข้างๆ แต่แก้มนวลกลับขึ้นสีแดงระเรื่อ
“เมาแล้วเหรอ”
“เมาอะไรคะ ไม่ได้เมา”
“แก้มแดงแบบนี้ถ้าไม่เมาก็คงเขิน” เขาไม่พูดเปล่าแต่มือหนากลับไล้ปลายนิ้วไปกับแก้มใสจนเจ้าตัวตวัดตามอง
“พี่เกมส์ เพื่อนโทรตามแล้วก็รีบไปสิคะ”
“งั้นพี่ขอไปผับนะ”
“ค่ะ”
“งั้นก็นอนได้แล้ว พรุ่งนี้เช้าพี่จะมารับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คนละทางเลยเทียวไปเทียวมาเปลืองน้ำมัน เดี๋ยวหนูไปเอง”
“โอเคครับ”
เมื่อลงจากคอนโดผมก็รีบขับรถตรงไปยังย่านดัง ที่เนืองแน่นไปด้วยร้านเหล้า และสถานบันเทิง ทั้งผับ บาร์ เลาจ์มากมายก่อนจะยกไฟเลี้ยวที่ผับ Mon Ceur
“กว่าจะมาได้นะมึง”
“กูบอกว่าจะมาก็ต้องมาดิ”
“แหม่ ถ้ากูไม่โทรตามมึงคงไม่มากหรอก เอาไป”
“อะไร” ผมเอ่ยถามชวกรที่จู่ๆก็ยื่นทิชชูมาให้
“ลบลิปสติกหน่อยก็ได้ แล้วเสือกบอกไม่ว่าง ไปยุ่งกับสาวไหนอยู่ล่ะมึง”
“หิวเผือกหรอพวกมึง”
“เออ” ทั้งสามคนเอ่ยตอบพร้อมกัน
“แล้วนี่ชะเอมกับมุกไปไหน”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง” ธนัทว่าขึ้นพร้อมกับพิจารณาเพื่อนสนิทอย่างจับผิด
“กูก็ถามเฉยๆไหม ปกติสองสาวไม่พลาดนี่หว่า”
“อยู่ด้านล่าง” เตวิชญ์เป็นฝ่ายตอบก่อนจะหันไปมองข้างล่างเป็นระยะๆด้วยความเป็นห่วงคนรักอย่างมุกตาภา
“เออๆ เอาเหล้ามาดิไอ้ชิน”
“มึงแปลกๆนะ”
“แปลกอะไรอีกไอ้ธันย์ แม่งขยันจับผิดชิบ..”
“วันนี้มึงเรียกหาเหล้าก่อนหาสาว”
“กูแค่เบื่อๆ”
“ชัดเลย มึงแอบคบกับใครแน่ๆไอ้เกมส์” ธนัทตบโต๊ะเสียงดังก่อนจะชี้หน้ากรภัคที่กรอกตาล่อกแล่กไปมาอย่างคนมีความผิดติดตัว
“กูกลับละ”
“มึงหยุดเลย” ชวกรที่นั่งอยู่ใกล้สุดรีบฉุดแขนกรภัคให้นั่งลงตามเดิม
“เล่ามา”
“ไม่มีอะไรจริงๆ”
“สรุปมึงคบกับน้องจีจี้เหรอ”
“เปล่า กูไม่ได้ชอบจีจี้”
“แล้วมึงชอบใคร”
“ไม่ได้ชอบใคร”
“แล้วเจ้าของลิปสติกคือใครวะ”
“เสือก”
“มึงกำลังเบี่ยงประเด็นนะเนี่ย”
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจยาวๆเมื่อถูกเพื่อนสนิทถามแล้วยังจ้องมองอย่างคาดคั้น ในกลุ่มนี้มันจะมีความลับบ้างไม่ได้หรือไงวะ แม่งรู้ทันกันไปหมด
“เออ ถ้ากูพร้อมกูจะบอกแล้วกัน”
“คู่ขาคนใหม่เหรอ” เตวิชญ์หรี่ตาถามเสียงเรียบเพราะยังมีเรื่องสงสัยตั้งแต่ช่วงเย็นที่บังเอิญเจออีกฝ่ายที่ห้างสรรพสินค้า
“ไม่เชิง”
“มึงชอบเขาเหรอ”
“ก็ไม่เชิง”
“มึงตอบเป็นอย่างเดียวหรือไง” ชวกรว่าขึ้นเมื่อถามอะไรก็ได้คำตอบแบบเดิม
“กูไม่รู้จะบอกยังไงว่ะ กูบังเอิญเจอตอนเขาเมาแล้ว...”
“เออ พวกกูเข้าใจ แล้วไงต่อ” ธนัทรวมทั้งคนอื่นพยักหน้ารับก่อนจะพยักพเยิดหน้าให้อีกฝ่ายพูดต่อ
“กูรู้สึกแปลกๆ แต่ไม่ได้รักนะ แค่รู้สึกดีเวลาได้อยู่ใกล้ๆแค่นั้น”
“อือ ไม่นานมึงต้องตกหลุมรักเขาแน่ๆ” ชวกรเปรยขึ้นก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“ไม่หรอก” ผมส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย เพราะผมไม่เคยรักหรือคิดที่จะรักใครด้วยซ้ำ “กูไม่ได้รัก และคงไม่มีวันรักหรอก กูไม่ได้ดีพอจะรักใครว่ะ”
“ทำไม พอเบื่อแล้วมึงก็จะทิ้งเขาว่างั้น” เตวิชญ์เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อือ มันเป็นแค่ข้อตกลงของพวกกูสองคน”
“สถานะอะไร”
“ไม่มี”
“ระวังใจมึงไว้ดีๆเถอะ” ธนัทเอ่ยบอกก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นจิบโดยไม่พูดเรื่องนี้ต่อจนกระทั่งสองสาวเดินกลับขึ้นมาบนชั้นวีไอพี
“ไอ้เกมส์ มึงแปลกๆนะเนี่ย” ทั้งอรปรียาและมุกตาภาพูดขึ้นพร้อมกันแล้วเอียงหัวมอง คิ้วสวยขมวดเป็นปม
“เอาอีกละ” กรภัคพูดขึ้นเสียงเนือยๆพร้อมกับกรอกตามองสองเพื่อนสนิท
“ทำไมอ่ะ” อรปรียาเปรยถาม
“ไอ้พวกนี้ก็พึ่งถามไป”
“ก็มึงแปลกจริงๆอ่ะไอ้เกมส์” มุกตาภาอดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจออกมายาวเหยียดสงสัยจะแปลกจริงๆตามที่เพื่อนพูดนั่นแหละเพราะผมไม่เคยเบื่อแสงสีอะไรมากเท่านี้มาก่อน แล้วไอ้อาการอยากกลับคอนโดไปนอนนี่อีก
“กูกลับแล้วนะ” เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงลุกขึ้นเดินลงบันไดไปทันทีโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อนสนิทที่ดังมาตามหลัง
ตอนที่ 43 คู่หมั้นสามเดือนต่อมา@บ้านเพชรปกรณ์บ้านทรงไทยประยุกต์สองชั้นหลังใหญ่ผสานไปกับสไตล์โมเดิร์น อย่างลงตัว ผนังข้างนอกตกแต่งด้วยโทนสีขาวสลับกับโทนสีน้ำตาล ให้บรรยากาศที่อบอุ่น บริเวณหน้าบ้านปลูกดอกไม้ประดับที่ออกดอกชูช่ออวดความสวยบานสะพรั่งราวกับต้อนรับแขกผู้มาเยือนในวันสำคัญของลูกสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของสวนทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพิธีหมั้นถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายมีเพียงแขก ญาติและเพื่อนสนิทเท่านั้นแต่งานก็ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกรียติ สมหน้าสมตาทั้งสองฝ่าย เมื่อเศรษฐีนีเจ้าของตลาดวัฒนาขนเงิน ขนทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ แหวนเพชรสิบกระรัตและที่ดินมาหมั้นว่าที่สะใภ้ในอนาคตให้กับลูกชายเพียงคนเดียว“ว่าที่คู่หมั้นมาแล้วค่ะ” ตังเมและพราวฟ้าเอ่ยบอกขณะพา รมย์รวินท์อยู่ในชุดเดรสคอวีขาวผ้าชีฟองอัดพลีส ยาวคลุมข้อเท้าเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านกรภัคยกยิ้มให้อย่างอ่อนโยนขณะเดินไปจูงมือคู่หมั้นเดินเข้ามาในห้องรับแขก“วันนี้หนูสวยมาก พี่คิดว่านางฟ้าที่ไหนลงมาเดินเล่น”รมย์รวินท์หลุดหัวเราะออกมาเมื่อเจอคำพูดหวานเลียน ยืนยิ้มหน้าแดงด้วยความเขินอายเมื่อเขาจูบที่แก้มแล้วผละออกอย่างรวมเร็วเพราะกลั
ตอนที่ 42 งอนอยู่นะ“พี่เมฆา พี่เมฆา”“...”“เมฆา”“ครับ คุณเกมส์” เมฆาที่เดินกลับมาถึงโต๊ะทำงานได้ยินเสียงผู้บริหารหนุ่มโวยวายเสียงดังจึงรีบเข้ามาในห้องทำงาน"ไปไหนมา"“ผมปวดหนัก ผมขอโทษนะครับ”เมฆาเอ่ยบอกอย่างสำนึกผิดเมื่อปล่อยเจ้านายสัมภาษณ์งานเลขาคนใหม่เพียงลำพัง“คราวหน้าผมไม่เอาแล้วนะเลขาผู้หญิงอ่า เอาผู้ชายเท่านั้น ผู้ชายเท่านั้นนะพี่”“ครับผม แล้วเธอ...ทำอะไรคุณหรือเปล่าครับ”“ผมเกือบโดนสวบแล้วไหมล่ะ”“อาบน้ำก่อนไหมครับ กลิ่นน้ำหอมเธอแรงมาก ถ้าไปรับคุณกอบัวในสภาพนี้ คุณเกมส์จะโดนโกรธเอาได้นะครับ”“ก็คงโดนอยู่แล้ว เพราะผมต้องเล่าให้เธอฟังทุกเรื่อง”“อนาคตไม่มีโอกาสเป็นพ่อบ้านใจกล้านะครับคุณเกมส์”“ยังไง?”“กลัวเมีย”“เขาเรียกให้เกียรติครับ และที่สำคัญผมไม่พูดโกหก”“ครับๆ” เมฆายกยิ้มให้เจ้านายก่อนจะเดินออกมา อยากจะแซวคนกลัวเมียให้นานกว่านี้ แต่เขายังไม่พร้อมหางานใหม่หลังจากร
ตอนที่ 41 เอาแต่ใจ2 ปีต่อมา@มหาลัยรถอาวดี้คันหรูจอดสนิทข้างตึกคณะวิศวกรรมก่อนจะดึงร่างบางมาสวมกอดแล้วหอมแก้มนุ่มอย่างเช่นทุกวัน“ตั้งใจเรียนนะ เดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับ”“โอเคค่ะ”“พี่เกมส์ก็ตั้งใจทำงานนะคะ” รมย์รวินท์โน้มตัวไปหอมที่แก้มเขากลับคืนแล้วก้าวลงจากรถแต่ถูกเขาดึงไว้อีกครั้ง“คะ พี่เกมส์”“ฝึกงานเมื่อไหร่”“อีกสองเดือนค่ะ”“พี่ว่าหนู...”“ค่อยคุยกันเรื่องนี้ได้ไหมคะพี่เกมส์” รมย์รวินท์เอ่ยแทรกขึ้นมาเมื่อเขาถามเรื่องฝึกงานอีกครั้ง คุยกันทีไรจบด้วยการเถียงกันและงอนกันทุกครั้งไป“โอเคครับ หวังว่าตอนเย็นพี่มารับหนูจะมีคำตอบให้พี่นะ”“รับทราบค่ะ”ฟู่ว!รมย์รวินท์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วเดินไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ในโรงอาหาร“เป็นอะไรกอบัว”“เครียด เรื่องฝึกงาน”“มีปัญหาหรอ เรื่องเกรดหรือติดกิจกรรมล่ะ ไปปรึกษาอาจารย์ไหม เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน”
ตอนที่ 40 คบกันนะหลังจากเรื่องราวทุกอย่างเคลียร์จบเรียบร้อย ผมจึงพาเธอกลับมาที่คอนโดเพื่อเปลี่ยนชุด ก่อนจะพามาที่ร้านอาหารบนตึกสูงใจกลางเมืองรมย์รวินท์ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีชมพูพิ้งค์โกลด์สั้นเหนือเข่าเดินเคียงข้างเขาในชุดสูทสีดำไม่ทางการ พอมองไปที่มือนุ่มก็ถูกเขากุมไว้ตลอดเวลาจนเธอต้องสลับมองหน้าเขาด้วยแววตาเป็นประกาย“มองแบบนี้พี่เขินนะ”“ก็พี่หล่อนี่คะ”“ไปเอาความปากหวานมาจากไหนหนอ”“พี่มุกกับพี่ชะเอมเคยบอกไว้ค่ะ ว่าพี่ชอบคนอ้อนๆ”“ไปเชื่อพวกมันสองคน โดยต้มจนเปื่อยแล้วมั้ง”“อ้าวไม่ชอบหรอคะ” รมย์รวินท์เอียงคอถามอย่างน่ารักจนกรภัคหลุดหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าเหวอของคนตัวเล็กกว่าแล้วโอบเอวดึงเธอมากอดแนบชิด“ชอบ แต่คนที่อ้อนพี่ ต้องเป็นเราเท่านั้นนะ ถ้าเป็นคนอื่นพี่ไม่ชอบ”“ไม่คุยด้วยแล้ว” รมย์รวินท์หันหน้าหนีซ่อนรอยยิ้ม แต่ลืมไปว่าเป็นกระจกซึ่งเห็นเงาที่สะท้อนออกมาเห็นเขายืนกลั้นขำจนหน้าแดง“อยากยิ้มก็ยิ้ม ไม่ต้องแอบหรอก พอโดนเอาคืนบ้าง ไปไม่เป็นเลยนะเรา”
ตอนที่ 39 คืนเกิดเหตุตึกคณะบริหารจีจี้เดินเล่นโทรศัพท์ลงมาจากตึกในช่วงห้าโมงเย็น ก่อนจะเดินไปนั่งรอคนขับรถที่บ้านมารับ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอร่างสูงใบหน้าหล่อที่ทำท่าถมึงทึง คนที่เธอพยายามพาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆและตามจีบมานานนับเดือน แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธออยากวิ่งหนีไปให้ไกลๆ ถ้ามีวิชาหายตัวได้ก็คงจะดี“หยุดเลยนะจีจี้”“พี่เกมส์” จีจี้พูดเสียงสลดใบหน้าสวยซีดเผือด “จีจี้ขอโทษ”“รู้ไหมว่าสิ่งที่จีจี้ทำมันทำให้พี่วุ่นวายมากแค่ไหน”“แต่หมอบอกว่าพี่ไม่ถึงตายนะคะ แพ้แต่ไม่รุนแรง แล้วจีจี้ก็ไม่ได้ตั้งใจ จีจี้ขอโทษ”“ใครว่าพี่ไม่ตาย”“นี่จีจี้คุยกับวิญญาณพี่หรอคะ ฮือ จีจี้ขอโทษนะคะขนาดตายไปแล้วยังเป็นผีมาหลอกมาหลอนจีจี้อีก” จีจี้ตีโพยตีพายยกมือปิดหน้าปิดตาร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความกลัว แถวนี้ยิ่งไม่มีคนอยู่ด้วย“พี่ยังไม่ตาย แต่ที่บอกตายเพราะพี่ทรมานใจที่จีจี้ก่อเรื่องจนทำให้พี่กับกอบัวผิดใจกันต่างหาก”“อึกฮือ”“จีจี้ตั้งสติก่อน เลิกร
ตอนที่ 38 หวานต่อไม่รอแล้วนะไม่นานรถอาวดี้คันหรูจอดสนิทที่หน้าร้านอาหารริมชายหาด ภายในตกแต่งสไตล์โมเดิร์นกรุกระจกล้อมรอบ และยังมีโซนด้านนอกริมหาดที่ตกแต่งด้วยไฟสีเหลืองนวล และเสียงเพลงจากนักร้องยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรวมช่างโรแมนติก“นั่งตรงไหนดี หืม” กรภัคโอบไหล่คนตัวเล็กแล้วโน้มมาถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดู“ตรงโซนริมหาดดีกว่าค่ะ บรรยากาศกำลังดีเลย” สายลมพัดเอื่อยๆพัดกลิ่นอายทะเลขึ้นมาจนทำให้ร่างบางที่หน้าบึ้งตึงยิ้มกว้างออกมา นี่สินะกลิ่นอายทะเลบ้านเกิดที่ไม่ได้สัมผัสมานานหลังจากที่ย้ายไปเรียนในเมืองหลวง“ชอบไหม” ผมเอ่ยถามเสียงนุ่มพร้อมกับเกลี่ยปอยผมที่ปลิวไปตามแรงลมขึ้นทัดหูให้อย่างอ่อนโยน“ชอบมากค่ะ”“เห็นเรายิ้มได้พี่ก็ดีใจแล้ว”“ไม่ได้หลอกว่าอะไรหนูอยู่ใช่ไหมคะ”“เปล๊า ใครจะกล้า แล้วเราอยากกินอะไร สั่งเลยนะ วันนี้ป๋าเลี้ยงไม่อั้น” กรภัคเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดูแววตายามมองคนตรงหน้าก็เปี่ยมไปด้วยรัก“จะเอาให้ขนหน้าแข้งป๋าร่วงเลย”“คงยากหน่อยนะ เพราะพี่รวยมาก”“จ้