ตอนที่ 2
1/3
"สวัสดีอีกครั้งค่ะ ชื่อน้ำค้าง เสมอเหมือน เรียกสั้น ๆ ว่าน้ำก็ได้ค่ะ อายุ 25 ปี"
"เดี๋ยว ๆ นี่ 25?"
เขายกมือขึ้นมาปราม นี่เธออายุแค่นี้จริง ๆ นะเหรอ อายุห่างกับเขาตั้งเจ็ดปีแหนะ แต่ดูสภาพแล้วเหมือนพี่สาวของแม่มากกว่า ตอนที่เข้ามาในห้องไม่เข้าใจผิดยกมือไหว้ก็ดีเท่าไรแล้ว
"ค่ะ 25 ต่อเลยนะคะ สถานภาพโสดค่ะ มีประสบการณ์ทำงานมาแล้วสามปี งานอดิเรก"
"พอครับ"
น้ำค้างเบรกเอี๊ยดหุบปากลงฉับ แล้วจ้องมองนาฬิกาแขวนเรือนใหญ่ด้านหลังชายหนุ่ม ขณะนี้เข็มวินาทีกำลังเดินต๊อกแต๊กใกล้ถึงเลขห้า
5..4..3...2...1
"ขออเมริกาโน่ร้อนครับ"
โห...พอดีเป๊ะ เป็นเหมือนที่ปัทมาพูดเอาไว้ไม่มีผิด น้ำค้างพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะเดินออกมาแล้วตรงไปยังห้องพักเบรกพนักงาน หยิบกระปุกกาแฟที่อยู่ในตู้เปิดฝาดม แล้วค้นหาวิธีชงอเมริกาโน่จากอินเทอร์เน็ต เธองมอยู่นานและคาดว่านี่น่าจะเป็นสิ่งที่ชวิณต้องการ พอเสร็จแล้วก็ยกมาวางไว้บนโต๊ะทำงานของเขา กาแฟร้อน ๆ ส่งกลิ่นอายหอมฟุ้งไปทั่วห้อง ชวิณยกขึ้นมาเป่าฟู่ ๆ ก่อนจะจิบแต่...
พรวด!
ละอองสีดำถูกพ่นออกมาจากปากกระจายไปทั่วโต๊ะ น้ำค้างกระโดดหลบแทบไม่ทัน พอพ่นออกมาแล้วเขาก็ไอแค่ก ๆ ไปหลายครั้ง เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่โหมดสงบ ชวิณเงยหน้าขึ้นมาจ้องเธออย่างเอาเรื่อง
"นี่มันเรียกว่าเอสเพรสโซ่ซ็อต"
"เอ่อ ขะ...ขอโทษค่ะ น้ำไม่เคยทำค่ะ งั้นท่านประธาน"
"เรียกคุณวิณ"
"คะ?"
"เรียกแค่คุณวิณก็พอ แล้วอีกอย่างท่านประธานน่ะพ่อผม"
น้ำค้างยิ้มแห้ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบไปหาผ้ามาเช็ดทำความสะอาดให้ไว เธอรุดออกจากห้องไปที่ห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดของแม่บ้าน ขณะที่กำลังกำลูกบิดได้มีเสียงคนคุยกันดังออกมาจากข้างใน
"นี่ป้าเจ้ย ได้ข่าวว่าคุณลิลลี่จะหมั้นกับคุณพีท จริง ๆ เหรอป้า"
"ชู่! นังแจ่ม เอ็งอย่าไปพูดแบบนี้ให้คุณวิณได้ยินนะเว้ย ไม่งั้นเอ็งตกงานข้าไม่รู้ด้วยนะ"
"เอ้า ถ้าแจ่มเป็นคุณลิลลี่แจ่มก็เลือกคุณพีทนะป้า หล่อ สุภาพ อบอุ่น เสียดายอย่างเดียวไม่น่าเกิดมาเป็นลูกเมียน้อยคุณศรุตเลย"
"อีนังแจ่ม! บอกว่าอย่าพูด ๆ ไปทำงาน! อย่ามัวแต่นินทาเจ้านายอยู่เลย แต่ถ้าข้าเป็นคุณลิลลี่ก็เลือกคุณพีทเหมือนแกนั่นแหละโว้ย คริ ๆ"
"โอ้ยป้า แก่ปูนนี้แล้วอย่าไปอยากเป็นคุณลิลลี่เลย"
ทั้งสองหัวเราะคิกคักแล้วดันหลังกันเดินออกมา แต่ก็ต้องเจอกับน้ำค้างที่ยืนเซ่ออยู่หน้าห้อง พอเห็นหน้าเธอแม่บ้านทั้งสองทำหน้าเหมือนเห็นผี ตกใจส่งเสียงอุทานลั่น น้ำค้างเห็นฝั่งนั้นแหกปากร้องเธอก็ร้องตามอย่างลืมตัว แต่พอตั้งสติได้จึงรีบบอกไป
"เอ่อ...มาหาผ้าเช็ดโต๊ะอ่าค่ะ พอจะมีสักผืนมั้ยคะ จะเอาไปเช็ดโต๊ะทำงานให้คุณวิณ"
"หนูเป็นเลขาคนใหม่ของคุณวิณเหรอลูก"
ป้าแม่บ้านอาวุโสถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น ส่วนแม่บ้านอีกคนก็ยื่นหน้ามาใกล้ ๆ รอฟัง
"จ้ะ หนูชื่อน้ำ เป็นลาเข เอ้ย! เลขาใหม่ของคุณวิณจ้ะ"
"เอ ปกติคุณวิณไม่เคยรับเลขาอายุเกินสามสิบห้าเข้าทำงานมาก่อนเลยนะป้า"
แม่บ้านที่ชื่อแจ่มหันไปกระซิบแม่บ้านที่ชื่อเจ้ย แล้วค่อยหันกลับมาหัวเราะแหะ ๆ ให้น้ำค้าง น้ำค้างยกยิ้มตอบกลับปากสั่นดิก ๆ อยากบอกเหลือเกินว่าเธอเพิ่งยี่สิบห้าโว้ย คนยี่สิบห้านี่ถือว่ายังสาว ไม่ใช่สาวใหญ่ด้วยนะ เป็นสาวกำลังพอดีกินเข้าใจไหม!
"เอ่อ แล้วเมื่อกี้นี้หนูบอกจะเอาอะไรนะ"
"ผ้าจ้ะ ผ้าสักหนึ่งผืน เมื่อกี้นี้คุณวิณพ่นกาแฟหกเลอะโต๊ะทำงาน"
"ป้า ๆ ปกติจะเห็นแต่คุณวิณเวอร์ชันพ่นไฟ วันนี้คุณวิณพ่นกาแฟด้วยแฮะ"
แม่บ้านแจ่มยังไม่หยุดกระซิบกระซาบ เป็นการกระซิบที่ได้ยินกันครบทุกคนไม่เว้นแม้แต่น้ำค้าง เธอหัวเราะทั้งที่หน้ายังชาอยู่ เสียงลือเสียงเล่าอ้างเรื่องความร้ายกาจของเจ้านายคงไม่ใช่เล่น ๆ แม้แต่แม่บ้านที่ไม่ได้ทำงานคลุกคลีกับชวิณยังรู้เรื่องเขามากมายขนาดนี้
"เดี๋ยวป้าเอามาให้นะหนู รอแป๊ป"
แล้วป้าแม่บ้านอาวุโสก็เดินกลับเข้าไปในห้อง จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดโต๊ะสะอาดผืนหนึ่งออกมาให้
พอน้ำค้างได้ผ้าแล้วก็เดินกลับมาห้องทำงานของเจ้านายหนุ่ม เห็นชวิณกำลังตรวจสอบอีเมลสีหน้าเคร่งเครียด เธอค่อย ๆ ย้ายเอกสารบนโต๊ะออกไปวางที่อื่น แล้วค่อยเช็ดโต๊ะทำงานให้เขาจนสะอาดดี พอโต๊ะสะอาดแล้วก็ขนของเดิมกลับมาวาง
"ไม่มีเอกสารรายงานก่อสร้าง"
"คะ?"
"ให้เวลาแค่ 3 นาที ไม่พูดซ้ำ"
เป็นอันต้องวิ่งแจ้นออกมาพริ้นต์เอกสารรายงานการก่อสร้าง ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดทำให้น้ำค้างเหงื่อตก เธอรีบเร่งมือสุดชีวิต ทว่าห้องถ่ายเอกสารอยู่ห่างจากห้องทำงานของชวิณหนึ่งห้อง พอได้เอกสารดังกล่าวมาแล้วก็ยื่นให้เขา เขารับเอกสารแล้วก็เงยหน้ามองคนตัวเล็กที่ยืนหอบแฮก ๆ ก่อนจะถอนหายใจส่ายหน้าไปมา
"ผมเป็นคนค่อนข้างตรงต่อเวลา เสพติดความสมบูรณ์แบบมาก"
...ยกเว้นตอนเมาสินะพ่อคุณ
น้ำค้างค้านอยู่ในใจเผลอแสยะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว พอเขาเห็นเธอยกยิ้มก็ย่นคิ้วเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจ ในตอนที่เขากำลังพูดหรืออธิบายอะไรให้ฟังห้ามยิ้มแบบนี้เด็ดขาด ชวิณไม่ชอบ!
เอาล่ะ...ถูกหมายหัวแล้วหนึ่ง
"ยิ้มอะไร"
"คะ?"
พอรู้ตัวก็อยากตีปากตัวเองจริง ๆ เชียว น้ำค้างกลอกตาไปมาก่อนจะตอบเพื่อเอาใจเขา
"ขอโทษค่ะ คุณวิณดูดีจนมองเพลิน ปากมันก็เลยยิ้มไปเอง"
"ไม่ใช่คนแรกหรอกนะที่คิดแบบนี้"
เอ้า...หลงตัวเองไปอีก
บทส่งท้ายหลังจากค่ำคืนอันร้อนแรงผ่านไป ลิลลี่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบเที่ยง เธอพยายามกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องเพื่อมองหาผู้ชายที่นอนด้วยกันเมื่อคืน ทว่าหนุ่มรูปหล่อโปรไฟล์ดีกลับหายไป เมื่อคืนนี้ลิลลี่นั่งจิบไวน์ที่ไนต์คลับแห่งหนึ่งกับหนุ่มนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ที่วัลลภติดต่อมาให้ เธอรู้สึกว่าชื่นชอบเขาคนนั้นและคุยกันถูกคอจึงชวนมาต่อที่โรงแรม สุดท้ายจบลงที่การมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง"อาร์บี" ลิลลี่เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างเริ่มไม่ชอบมาพากล รีบลุกขึ้นจากเตียงคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบกาย จากนั้นเดินไปเรียกชื่อผู้ชายคนนั้นอีกครั้งที่หน้าห้องน้ำ"อาร์บีคะ อาร์บี อยู่ในนั้นรึเปล่าคะ" ทว่าเมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องน้ำกลับไร้คน "หายไปไหนนะ"หญิงสาวพึมพำแล้วเดินกลับมาที่เตียง ปลายระยะสายตาเหลือบไปเห็นลิปสติกและของใช้อื่นๆ ซึ่งควรจะอยู่ในกระเป๋าวางเกลื่อนอยู่ เธอรีบปรี่เข้าไปรวบของทุกอย่างแล้วกวาดสายตามองหากระเป๋าถือแบรนด์เนมใบละเกือบล้าน ที่น่าตกใจที่สุดแม้แต่กระเป๋าสตางค์แบรนด์เนมก็หายไปด้วย ในนั้นมีเงินสดอยู่พอสมควรแต่ไม่ได้มากเท่าราคากระเป๋า"มะ ไม่จริง...ไม่จริง!"สิ่งที่ผู้ชายคนน
แสงที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาปลุกหญิงสาวให้ตื่น มองดูนาฬิกาที่หัวเตียงเป็นเวลาเกือบเก้าโมงเช้าแล้ว พอนึกขึ้นได้ว่ากุญแจร้านเบเกอรีอยู่ที่ตนเองก็เริ่มลนลาน กลัวว่าลูกน้องจะเข้าร้านไม่ได้แล้วยืนคอยนาน น้ำค้างรีบคว้าเอาผ้าขนหนูมาพันกายแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ พอกลับออกมาเห็นชวิณนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์แล้วรู้ว่าตัวเองพลาดท่าเข้าอย่างจัง เขาหว่านล้อมจนเธอยินยอมให้ค้างคืน อ้างนู่นอ้างนี่สารพัด และแน่นอนว่าชวิณไม่ได้นอนนิ่งเป็นพระอิฐพระปูน แต่รวบหัวรวบหางจนเธอยอมคล้อยตามอย่างว่าง่าย สุดท้ายก็จบที่การได้เสียกันเหมือนตอนเป็นสามีภรรยาตามเคย"คุณวิณตื่นเดี๋ยวนี้เลย!"เขาลืมตาขึ้นมาแล้วแกล้งทำท่าทีงัวเงียทั้งที่ตื่นตั้งแต่ห้านาทีก่อนแล้ว พอลุกขึ้นได้ก็เดินโทง ๆ เข้ามาซุกจมูกคมกับซอกคอขาว"หอมจัง อาบน้ำแล้วเหรอ""รีบหน่อยค่ะ น้ำต้องรีบไปเปิดร้าน ป่านนี้น้อง ๆ คงกำลังยืนรอที่หน้าร้านแล้วแน่เลย""อา...เข้าใจละ"เมื่อรถมาจอดหน้าร้าน มะเฟืองและพนักงานอีกคนก็กำลังยืนรออยู่หน้าร้านจริง ๆ พอเห็นน้ำค้างลงมาจากรถของชวิณต่างมองเป็นตาเดียวกัน พวกเธอกำลังสงสัยว่าเจ้าของร้านคบหาก
"คุณว่าพ่อกับแม่ผมเค้ารักกันมั้ย"หลังจากขับรถออกมาได้ระยะหนึ่งชวิณเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ น้ำค้างเอียงหน้ามองใบหน้าครึ่งเสี้ยวของชายหนุ่มแล้วยิ้มบาง ๆ"ถามอะไรอย่างนั้นล่ะคะ""ไม่รู้สิ""คุณขจีพร""คุณแม่"ยังไม่ทันได้พูดจบเขาก็เปลี่ยนสรรพนามให้เธอเรียกแม่ของเขาใหม่ ตอนอยู่ที่บ้านก็ยังเห็นเรียกขจีพรว่าคุณแม่เสียงเจื้อยแจ้ว พออยู่กับเขาสองคนทำไมถึงเรียกคุณขจีพรซะแล้วล่ะ"คุณแม่ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก ถึงหย่าร้างกับคุณศรุตได้ก็""ทำไมไม่เรียกพ่อผมว่าคุณพ่อด้วย""ตอนที่ยังไม่หย่าก็เรียกคุณพ่อนะคะ ตอนนี้หย่าแล้วไม่ว่าน้ำจะเรียกคุณขจีพร คุณศรุต หรือคุณพ่อคุณแม่ก็คงไม่ผิด""ย้ำจังว่าหย่าแล้ว" เขาเอ่ยเสียงแผ่ว"เอาแต่ขัดแบบนี้ตกลงที่ถามนี่จริงจังมั้ยคะ""จริงจังสิครับ คุณคิดว่าไงล่ะ""น้ำคิดว่าถึงคุณแม่เดินไม่ได้แต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงสิ้นไร้ไม้ตอก ต่อให้เลิกกับคุณพ่อไปก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทอง ถ้าได้กลับไปใช้นามสกุลเดิมก็ถือว่ายังเป็นผู้ดีเก่าอยู่ แต่ที่คุณแม่ไม่ไปไหน ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับคุณพ่อ เค้าสองคนน่าจะมีเยื่อใยแก่กันอยู่ บางคู่อยู่กันไปแบบทั้งรักทั้งแค้น แต่ดูเหมือนว่าคุณแม่จ
ทั้งสองอยู่คุยกับขจีพรราวชั่วโมงกว่าเห็นจะได้ จากนั้นก็ขอตัวกลับ พอเข้ามาในรถแล้วน้ำค้างก็รีบถอดสร้อยใส่กล่องไว้คืน ชวิณมองสีหน้าเป็นกังวลของเธอแล้วอมยิ้ม"ไม่ใช่ถูก ๆ นะ น่าจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้าน ขอบอกว่าเส้นนั้นแม่ผมรักมาก ไม่ได้ให้ใครง่าย ๆ""งั้นวันหลังคุณวิณเอาไปคืนคุณแม่เลยนะคะ"หญิงสาวอ้าปากค้าง มือที่ถือกล่องกำมะหยี่สั่นเทาเพราะกลัวว่าจะเผลอทำหาย ถ้าซุ่มซ่ามทำหายไปล่ะแย่เลย เธอจะหาเงินที่ไหนมาชดใช้คืนตั้งสามสิบล้าน"เรื่องอะไรล่ะ ได้ของแม่มาแล้วก็ต้องรับผิดชอบลูกชายเค้าสิ"น้ำค้างหน้างอ รีบเก็บกล่องกำมะหยี่ใส่กระเป๋าแล้วกอดเอาไว้แน่น อยู่ดีไม่ว่าดีหาเหาใส่หัวเอาของล้ำค่าแบบนี้มาดูแล ต่อไปเธอต้องเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำแน่ ๆ เพราะคิดว่าเก็บไว้ที่ไหนก็คงไม่ปลอดภัยพอ ไม่เอาแล้วได้มั้ยสร้อยประจำตระกูลผู้ดีเนี่ยขณะที่รถเคลื่อนตัวผ่านบ้านใหญ่ น้ำค้างเหลือบเห็นศรุตนั่งจิบกาแฟยามบ่ายอยู่ใต้เงาร่มไม้ในสวน เธอจึงสะกิดแขนชวิณให้หยุดรถก่อน เขามองตามปลายนิ้วเรียวที่กำลังชี้ไปที่ชายสูงวัยแล้วเลิกคิ้วสูง"มีอะไรครับ""คุณศรุตนั่งอยู่ตรงนั้นค่ะ เราเข้าไปทักทายท่านกันเถอะค่ะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว"เขาทำหน
หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็ดูเหมือนจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น วันนี้เป็นวันหยุด ชวิณบอกว่าจะมารับน้ำค้างที่คอนโดแล้วพาไปพบใครบางคน น้ำค้างลงมารอไม่ถึงสามนาทีรถของเขามาก็มาถึง พอเข้ามานั่งในรถแล้วชวิณเอี้ยวตัวมาหอมแก้มเธอเบา ๆ น้ำค้างไม่ค่อยชินกับคุณวิณในโหมดอ่อนโยนจึงรีบโยกตัวหลบ"ทำอะไรคะ""แค่ดมดูเฉยว่าใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร""ใครเขาฉีดน้ำหอมที่หน้า""เหรอ ไม่ได้ฉีดจริงด้วย"เขาเอี้ยวตัวฉวยโอกาสหอมแก้มเธออีกครั้งอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้น้ำค้างเสียท่าหลบไม่ทัน"แล้วหอมกลิ่นอะไรนะ""แป้งเด็กค่ะ""แป้งเด็กจริง ๆ ด้วย ผมชอบกลิ่นนี้จัง"เขายิ้มจนตาหยีแล้วออกรถสู่ถนนกว้าง ใช้เวลาราวสี่สิบนาทีก็ถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ น้ำค้างเคยมาที่นี่หนึ่งครั้งตอนที่ถูกศรุตเรียกพบ แต่ชวิณไม่ได้พาไปที่บ้านหลังที่ศรุตอาศัยอยู่ เขาขับรถเลยไปอีกหลังหนึ่งที่อยู่ในที่ดินแปลงเดียวกัน เป็นบ้านขนาดกลางมีสวนกุหลาบโอบล้อม เมื่อจอดรถแล้วชายหนุ่มก็จูงมือเธอให้เดินเข้าไปด้านในผู้หญิงที่นั่งอยู่บนรถเข็นในมือถักโครเชต์เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มกว้าง ขจีพรยังมีใบหน้าสวยงามแม้ว่าจะมีร่องรอยของกาลเวลาให้เห็นบ้าง หากเธอไม่ใช่คนพ
ในคืนหนึ่ง ขณะที่น้ำค้างปิดร้านกำลังจะกลับบ้าน แสงไฟจากรถยนต์สาดเข้ามาทำให้เธอต้องหันกลับไปมอง ชวิณเปิดประตูลงจากรถเดินเข้ามาหาเธอช้า ๆ"ไปส่งมั้ย""เรียกรถแล้วค่ะ"น้ำค้างหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันดูเวลาที่รถจะเข้ามารับ แต่ก็เหมือนว่าเธอจะถูกกดยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว ชวิณที่หลุบมองมือถือเห็นแล้วยกยิ้มมุมปาก"มาเถอะ ไม่คิดค่าโดยสาร"เขาเดินนำหน้าไปเปิดประตูรถข้างคนขับเพื่อให้น้ำค้างเข้าไปนั่ง พอเธอนั่งลงแล้วชวิณก็จัดการรัดเข็มขัดให้ ใบหน้าของคนทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ น้ำค้างเอนหลังจนชิดพนักเบาะ ได้กลิ่นน้ำหอมที่เขาชอบใช้โชยเข้าจมูกบาง ๆ"น้ำทำเองค่ะ"มือเรียวผลักอกเขาออกเบา ๆ แล้วคว้าเข็มขัดมารัดเอง พอมาถึงหน้าคอนโดชวิณจอดให้เธอลง ส่วนเขาเดินตามหลังไปส่งจนเกือบจะถึงประตูเข้าทางเข้า เธอได้หันกลับมาเพื่อกล่าวขอบคุณเขา"ขอบคุณที่มาส่งค่ะ"ชวิณยิ้มบาง ๆ แล้วดึงเธอเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว น้ำค้างเห็นว่ามีสายตาหลายคู่มองมาก็รู้สึกอายจึงพยายามผลักไสเขาออก แต่เขายิ่งกอดแน่นมากขึ้นไปอีก"คุณวิณ!""ขออยู่อย่างนี้แค่นาทีเดียว ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปผมจะไม่มาให้เจออีกแล้ว""มะ หมายความว่า...""ไม่ใช่ว่