อินทัชไม่ได้ไปไหนไกล เขาแค่หลบออกมาหน้าห้องตรวจ ยืนสงบสติเพื่อให้อารมณ์ที่ปั่นป่วนกลับมาคงที่
“หมออินทัช มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เสียงหวาน ๆ เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง อินทัชเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาก็ส่งยิ้มให้เธอบาง ๆ
“หมอรุ้งแพร”
“ค่ะ แพรเอง หมออินทัชเป็นอะไรไปคะ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
อินทัชส่ายหน้าเบา ๆ รุ้งแพรเหมือนจะถามต่อแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ เธอส่งยิ้มให้อินทัช แววตาเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้อะไรสักอย่าง
“มื้อเย็นนี้มีนัดหรือยังคะ หมออินทัชสนใจไปหาอะไรทานด้วยกันไหม” เธอเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหวานเจี๊ยบ รุ้งแพรเป็นคุณหมอคนเก่งอีกคนในสถาบันนี้ เธออายุเท่ากับอินทัช ตัวเล็ก หน้าตาน่ารักจนดูเหมือนเป็นนักศึกษามากกว่าแพทย์ชำนาญการ
รุ้งแพรมีนิสัยที่เข้าอกเข้าใจคนอื่นเสมอ เป็นเพื่อนร่วมงานคนเดียวที่อินทัชยอมให้ความสนิทชิดเชื้อมากกว่าหมอหรือเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ เพราะเธอไม่เคยทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ผม..”
“หมออินทัชคะ!”
เสียงแว๊ด ๆ จากในห้องตรวจทำเอาสองคุณหมอสะดุ้งโหยง อินทัชหน้าเสีย เขาลืมไปเลยว่ามีคนรอให้เขาเข้าไปตรวจอยู่ในห้อง
อินทัชไม่เคยเสียสมาธิขนาดนี้มาก่อน เขาไม่รู้ว่าวันนี้สติมันหายไปไหนหมด มือทั้งสองยกขึ้นลูบใบหน้าแรง ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับรุ้งแพร
“ผมขอเข้าไปทำงานต่อก่อนนะครับ”
“คะ? อ๋อ ค่ะ”
อินทัชรีบกลับเข้าไปในห้องตรวจ เขาสวมถุงมือยางคู่ใหม่ แล้วนั่งประจำการที่เดิม ตำแหน่งเดิม
ตรงระหว่างขาของอลิษา
“คุณหมอปล่อยให้ฉันอ้าขาจนเมื่อย” อลิษาบ่นอุบ
“ขอโทษครับ ผมผิดเอง”
เมื่อคุณหมอแสดงออกถึงความรู้สึกผิดอลิษาก็ไม่ติดใจอะไรอีก เธอตื่นเต้นอีกครั้งเพราะผ้าคลุมถูกเปิดออกช้า ๆ ความรู้สึกเย็บวาบเข้ามาทักทายเป็นรอบที่สอง
“ครั้งนี้..”
อินทัชถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใบหน้าเคร่งเครียด คิ้วเข้มขมวดแน่นจนหัวคิ้วแทบพันกัน
“ผมต้องใช้ เอ่อ...นิ้ว”
“คะ?”
“เป็นการตรวจขั้นตอนสุดท้ายแล้วครับ ผมต้องใช้นิ้วสอดเข้าไปเพื่อตรวจหาความผิดปกติภายใน”
“นะ นิ้วของคุณหมอเหรอคะ”
“ครับ”
อลิษาหัวใจจะวาย เธอไม่ได้ศึกษามาก่อนว่าจะต้องถูกนิ้วคุณหมอสอดเข้ามา นิ้วจริง ๆ ที่ไม่ใช่เครื่องมือเย็น ๆ พวกนั้น เธอทั้งเขินทั้งกลัวแต่อีกใจก็อยากลอง
“มันจะเจ็บไหมคะ”
“ผมจะเบามือ”
อลิษารู้สึกร้อนไปทั้งหน้า คุณหมอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่าจะเบามือกับเธอ แค่นี้เธอก็เขินจนตัวแดงเป็นกุ้งต้มแล้ว
“งั้น ทะ ทำตามหน้าที่ของคุณหมอเถอะค่ะ”
“ขออนุญาตนะครับ”
อินทัชวางมือซ้ายลงบนท้องน้อย ในขณะที่มือขวาหุบเหลือเพียงนิ้วชี้และนิ้วกลาง จ่อเข้ากับปากทางที่ปิดแน่นสนิท แค่สัมผัสเบา ๆ อลิษาก็เกร็งตัวด้วยความตื่นเต้น
“อย่าเกร็งนะครับ”
“คะ คุณหมอ ฉัน..”
"นิดเดียวครับ ไม่นานก็เสร็จแล้ว"
อินทัชเอ่ยปลอบอย่างใจเย็น อลิษาไม่ใช่คนแรกที่เขาต้องปลอบโยนแบบนี้ มีผู้หญิงมากมายที่กลัวการตรวจภายในเพราะกลัวเจ็บ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนแบบอลิษา
“ฉันตื่นเต้น”
‘ผมก็ตื่นเต้น’
อินทัชเคยปลอบผู้หญิงมามากมายก็จริง แต่ทุกครั้งเขาทำโดยไม่รู้สึกอะไร ต่างจากครั้งนี้ที่หัวใจของเขาเต้นถี่รัว คุณหมอหนุ่มเก็บความตื่นเต้นไว้ใต้หน้ากากอนามัย เขารอเวลาให้อลิษาลดความเกร็งลง ไม่เร่งรัดเพราะเข้าใจความรู้สึกของเธอดี อีกอย่าง.. เขาเองก็ต้องการเวลาให้ความตื่นเต้นของตัวเองลดลงเช่นกัน
“คะ คุณหมอ ทำเลยก็ได้ค่ะ”
อลิษาเอ่ยอนุญาต เธอหลับตาปี๋ในตอนที่นิ้วของคุณหมอเริ่มดุนดันเข้ามา ความเจ็บและความอึดอัดมากมายเข้ามาพร้อมกับนิ้วสองนิ้วนั้น แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างเกิดขึ้นด้วย
“อะ อ๊ะ!”
มันเสียว
คุณหมอมากประสบการณ์เหงื่อตก เขาหยุดมือหลังจากสอดใส่เข้าไปได้แค่ครึ่งเดียว ในระยะห่างเพียงน้อยนิดเขาเห็นทุกอย่างชัดเจน ภาพที่ความสาวดูดกลืนนิ้วของเขา พร้อมกับขับน้ำหล่อลื่นออกมาเคลือบ
อลิษามีอารมณ์ระหว่างตรวจ
นับว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากสำหรับอินทัช ปกติคนที่มาตรวจไม่ค่อยมีใครเกิดอารมณ์ระหว่างตรวจเพราะมัวแต่ตื่นเต้น แต่อลิษา.. พอผ่านความตื่นเต้นมาได้เธอก็เริ่มตอบรับการรุกรานของอินทัชด้วยอารมณ์วาบหวาม
“อาาา คุณหมอขา”
อินทัชอยากจะบ้าตาย เขาอยากจะหยุดทุกอย่างลงแล้วให้คนอื่นเข้ามาทำแทน แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมมือข้างนั้นถึงไม่ยอมขยับออกตามที่ใจคิด มันกลับดันเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งสุดทาง
“อ๊า! คุณหมอ มัน อะ มัน”
อลิษาครวญคราง สะโพกเริ่มบิดไปมาอย่างคนที่ทำอะไรไม่ถูก อินทัชรีบยึดสะโพกมนไว้ไม่ให้ขยับไปมากกว่านี้ เพราะทุกครั้งที่เธอขยับ นิ้วของเขาก็จะถูกตอดรัดจนชาหนึบ
“คุณหมอ มันแปลก ๆ”
“ใจเย็น ๆ ครับ” อินทัชบอกทั้งอลิษาและตัวเขาเอง "นิ่ง ๆ ก่อน ผมขอตรวจ..”
“มะ มัน อะ อื้อ”
อินทัชรีบทำหน้าที่ก่อนสถานการณ์จะแย่ไปมากกว่านี้ เขาแช่นิ้วทั้งสองไว้พร้อมกับใช้อีกมืออีกข้างกดหน้าท้องเพื่อคลำหาความผิดปกติภายใน เมื่อไม่พบสิ่งผิดปกติหรือก้อนเนื้อแปลกปลอมเขาก็ทำท่าจะดึงนิ้วยาวออก
“ดะ เดี๋ยวค่ะ!” อลิษาเอื้อมมือมาจับยึดมือคุณหมอไว้ “อย่าเพิ่งเอาออกค่ะ มัน.. อื้อ”
“คุณอลิษา ตอนนี้คุณกำลังขาดสติ ให้ผมเอาออกก่อนครับ”
“ไม่ค่ะ มันทำให้ฉันรู้สึกดี”
“คุณ!”
“นิ้วของคุณหมอมันทำให้ฉันรู้สึกดี อ๊า~”
เธอตอกย้ำความรู้สึกดีด้วยการขมิบเนื้อนุ่มบีบรัดนิ้วยาว อินทัชกัดฟันแน่น ใบหน้าของเขาแดงแจ๋ไปหมด
“คุณหมอ ทำไมมันรู้สึกดีแบบนี้คะ อ๊าา”
“คุณอลิษา เบาเสียงหน่อย ห้องนี้ไม่ได้เก็บเสียง”
อินทัชเตือนเสียงต่ำ ห้องนี้ไม่ได้เก็บเสียงได้ดีเท่าไหร่ ดูได้จากเมื่อครู่ที่อลิษาตะโกนออกไปได้ถึงข้างนอก แล้วถ้าเสียงครางหวาน ๆ นี้ดังออกไปจนคนอื่นได้ยินเข้าล่ะ
เขาคงกลายเป็นหมอที่ถูกครหา เป็นผู้บริหารที่ไม่มีใครอยากนับถืออีกต่อไป
“มันรู้สึกดีนี่คะ อื้ม”
อลิษาหลับตาพริ้ม หมุนส่ายสะโพกวนไปมา เนื้อนุ่มบีบรัดก้านนิ้วยาวไม่ยอมปล่อย เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกที่เหมือนช่องท้องมีบางอย่างวิ่งวนไปมา เหมือนมีผีเสื้อนับล้านตัวกระพือปีกอยู่ข้างใน แบบนี้น่ะเหรอความรู้สึกของนางเอกนิยายที่เธอเคยอ่าน
รู้สึกดีจัง ดีจนไม่อยากให้อินทัชเอามือออกไปเลย
อินทัชไม่ได้ขยับมือ แต่นั่นไม่เป็นปัญหาเพราะอลิษาขยับสะโพกเองได้ เธอค้นพบความลับว่าถ้ายิ่งขยับก็จะยิ่งรู้สึกดี อลิษาจึงทำแบบนั้นซ้ำ ๆ พร้อมกับส่งเสียงครางหวานออกมาเบา ๆ
คุณหมอหนุ่มหันหน้าไปทางอื่น ถึงไม่อยากยอมรับ แต่มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าอลิษากำลังสำเร็จความใคร่กับนิ้วของเขา ขนาดเขาไม่ยอมขยับนิ้วเธอยังดิ้นรนหาทางด้วยตัวเองจนได้ ช่องทางที่ดูดกลืนนิ้วของเขาทั้งคับแน่นและเปียกแฉะ ถุงมือของอินทัชมันวาวเพราะเต็มไปด้วยคราบความใคร่ของเธอ
“ฮ้าา คุณหมอขา”
อินทัชทำเป็นไม่สนใจเสียงหวาน ๆ นั้น เขาปล่อยให้อลิษากระทำกับนิ้วตัวเองเหมือนเป็นแค่เซ็กซ์ทอย และได้แต่ภาวนากับพระเจ้าให้ช่วงเวลานี้ผ่านพ้นไปเสียที
“อะ ทำไมมัน อะ อื้อ!”
เหมือนพระเจ้ารับฟังคำร้องขอของอินทัช อลิษาเริ่มส่งเสียงครางกระเส่า เนื้อนุ่มตอดรัดนิ้วยาวถี่รัว น้ำหวานไหลซึมหยดแหมะ
ดีที่มีผ้ารอง ไม่อย่างนั้น..
“อ๊า! คุณหมอ อ๊ะ”
ผีเสื้อในท้องพากันกระพือปีกเต็มแรง อลิษากัดปากตัวเองจนห้อเลือด ความรู้สึกสุดท้ายมันหมือนเธอถูกมือที่มองไม่เห็นจับโยนขึ้นที่สูง ก่อนจะตกลงมาบนปุยนุ่นนุ่ม ขาเรียวหลุดออกจากขาหยั่งแล้วหนีบเข้าหากัน รวมถึงหนีบมือของคุณหมอไปด้วย สะโพกอวบเกร็งกระตุกถี่ ๆ นานเกือบนาทีกว่าที่ทุกอย่างจะสงบลง
“แฮ่ก!”
“ปล่อยได้แล้วครับ”
อลิษายอมอ้าขาออกแต่โดยดี เธอกระตุกเฮือกเมื่อก้านนิ้วยาวถอดถอนออกไป สติที่หายไปทยอยพากันกลับเข้ามาพร้อมกับอินทัชที่ขยับออกห่าง
เมื่อกี้ เธอ..
พออารมณ์วาบหวามจางหายไปความอับอายก็เข้ามาแทนที่ อลิษายกมือทั้งสองขึ้นปิดหน้าเมื่อสำเนียกได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป มันน่าอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน สุดท้ายก็ทำได้แค่แก้ปัญหาโง่ ๆ ด้วยการยกมือขึ้นปิดหน้าไว้ ซึ่งมันไม่มีประโยชน์และไม่ได้ช่วยอะไรเลย
“จัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนออกไปนะครับ”
เสียงเก้าอี้เลื่อนออก เสียงขยับตัว และเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก้าวห่างออกไป เมื่อมั่นใจว่าอยู่คนเดียวแล้วอลิษาก็ยกมือที่ปิดหน้าออก เธอรีบลงจากเตียงตรวจ จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วรีบไปเปลี่ยนเป็นชุดของตัวเองในห้องน้ำ
“โอ้ย!! เธอทำอะไรลงไปลิษา!”
อลิษาอับอายจนไม่คิดจะไปเจอหน้าหมออินทัชอีก เมื่อกี้เธอทำอะไรลงไป ตัวอะไรเข้าสิงถึงได้ทำแบบนั้น คุณหมอจะมองเธอแบบไหน เรื่องซื้อขายสเปิร์มคงยากขึ้นไปอีกเพราะเธอไม่กล้าเจอเขาแล้ว
“พัง! พังหมดแล้ว ฮือ!”
ก๊อก ก๊อก
“คุณอลิษาคะ” เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมเสียงเรียกของพยาบาลคนเดิม “เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเชิญที่ห้องหมออินทัชนะคะ”
“คะ? ฉันยังกลับไม่ได้เหรอคะ?” อลิษาถามผ่านประตูห้องน้ำ ไม่นาน พยาบาลด้านนอกก็ตอบกลับมา
“ยังค่ะ ต้องไปฟังผลตรวจคร่าว ๆ ก่อนนะคะ”
“ส่งมันมาพร้อมกับผลตรวจทั้งหมดเลยได้ไหมคะ”
“ปกติก็ได้นะคะ แต่พอดีว่าคุณหมออินทัชต้องการเชิญคุณอลิษาไปพบด้วยน่ะค่ะ”
“อะ อะไรนะคะ!?”
“คุณหมออยากพบคุณอลิษาค่ะ”
หมออินทัชอยากเจอเธอทำไม?
หรือว่า.. จะพูดเรื่องเมื่อกี้
อลิษาอยากกัดลิ้นตายให้รู้แล้วรู้รอด เธอไม่พร้อมเจอหน้าหมออินทัชตอนนี้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่หลังจากที่เธอทำแบบนั้นต่อหน้าเขา!
.
.
.
.
.
TBC
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไม่หรอกครับ พี่เป็นหมอ เรื่องแบบนี้ง่ายนิดเดียว”ง่ายนิดเดียวของอินทัช มันไม่ได้ง่ายเลย..อินทัชเป็นหมอก็จริง แต่เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กมืออาชีพ เขามีหน้าที่ทำคลอด ดูแลแม่และเด็กเกี่ยวกับสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ไม่เคยต้องใช้ชีวิตกับเด็กทั้งวันทั้งคืนคนเดียว และก็ใช่ อินทัชมีลูกถึงสามคน สองแฝดก็อายุหกขวบกว่าแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่อินทัชต้องอยู่กับลูกเพียงลำพังโดยไม่มีพี่เลี้ยงที่เชี่ยวชาญอยู่ด้วยหนิงและไหม พี่เลี้ยงสองพี่น้องลากลับบ้านกะทันหันเพราะแม่ป่วย คุณหมออิงอรและคุณหมอพีระก็ไปฮันนีมูนรอบที่สี่สิบห้าเมื่ออาทิตย์ แม่ของภรรยาก็ไปปฏิบัติธรรมบนเขาตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน เหลือแค่อินทัชและอลิษาเพียงสองคนที่ต้องเลี้ยงลูกทั้งสามเอง ซึ่งในตอนแรกพวกเขาไม่กังวลเลย เลี้ยงลูกเองก็ไม่ได้ยา
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่เด็กน้อยกำลังรอใครบางคนที่จะมาเคาะประตูตอนเจ็ดโมงตรงต่างหากเครื่องปรับอากาศยังคงทำงานของมัน นาฬิกาก็ยังเดินต่อเรื่อย ๆ ทว่าคนที่ต้องไปโรงเรียนไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกง่าย ๆ แม้ว่าจะไม่เหลือความง่วงงุนแล้วก็ตามพาดาจะรอให้หม่าม้ามาปลุกพาดา ภาวิดา เด็กหญิงวัยห้าขวบที่ติดแม่ยิ่งกว่าใคร แม้ว่าปีหน้าจะต้องเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว แต่สาวน้อยก็ยังติดหม่าม้าไม่เปลี่ยน ถึงจะไม่ได้นอนห้องเดียวกันแล้ว แต่ก็ต้องรอให้หม่าม้ามาปลุก แล้วจุ๊บหน้าผากอรุณสวัสดิ์ทุกวัน หากวันไหนไม่ได้ทำ วันนั้นเด็กน้อยจะรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ค่อยดีเข็มสั้นของนาฬิกาเดินดังติ๊กต๊อก เข็มยาวค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้เลขสิบสองอย่างเชื่องช้า พาดาจ้องมองมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ภาวนาให้มันไปถึงซะทีและในที่สุดก๊อก ก๊อก“คนสวยขา” เสียงหวานข
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอดเวลาที่อินทัชตรวจเช็กว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่ เธอทั้งปวดท้อง ทั้งเจ็บช่องคลอด แต่คนเป็นแม่กลับไม่บ่น หรืองอแงจะเปลี่ยนใจแม้แต่วินาทีเดียว“ปากมดลูกเปิดแค่สองเซน ยังบล็อคหลังไม่ได้นะครับ” อินทัชบอกข่าวที่ไม่ค่อยน่ายินดีให้ภรรยารับรู้ “ลิษาจะทนไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหว..”“ไหวค่ะ อึก ลิษาไหว”“ลิษาครับ”“พี่อิน อึก ครั้งนี้ลิษาอยากคลอดธรรมชาติ.. นะคะ”คุณหมอพยักหน้ารับ แม้จะห่วงแค่ไหนแต่เขาเคารพการตัดสินใจของภรรยาเสมอ และอีกอย่าง ครั้งนี้ร่างกายของอลิษาพร้อมสำหรับการคลอดกว่าครั้งที่แล้ว อายุวันคลอดเกือบตรงกับที่เขาคำนวนเอาไว้ ความดันไม่สูงเกินไป ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ให้ต้องกังวล“ถ้าไม่ไหวบอกพี่นะ พี่ต้องไปดูคนอื่นก่อน”อลิษาทำได้แค่พยักหน้ารับ นึกน้อยใจลูกที่อยากเกิดก่อนวันจริงตั้งสี่วัน และมันดั
“ทำไมถึงเลือกมาที่นี่ล่ะครับ”อินทัชวาดแขนรอบเอวภรรยา ริมฝีปากนุ่มฝังเข้ากับซอกคอหอมกรุ่น เขาได้ยินเสียงครางอื้อออกมาจากอลิษา ก่อนที่เธอจะเอียงคอเล็กน้อยให้เขาสัมผัสได้มากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ“พอก่อนค่ะ” อลิษารีบคว้ามือที่ป้วนเปี้ยนบริเวณเอวเอาไว้ เธอเอียงหน้ากลับมาขยิบตาให้คุณหมอ “คืนนี้นะคะ ตอนนี้ยังสว่างอยู่เลย”“ปกติลิษาของพี่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเวลานี่ครับ”“แหม ก็ต้องมีบ้างสิคะ”อินทัชหัวเราะ ทว่าสุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยภรรยาแต่โดยดีสถานที่ฮันนีมูนของพวกเขาเป็นสถานที่เดียวกับเมื่อหกปีที่แล้ว อลิษาเลือกรีสอร์ทเดิม ห้องพักเดิม กิจกรรมเดิม ๆ เหมือนต้องการมารื้อฟื้นความหลังมากกว่ามาฮันนีมูนมื้อเย็นแรกของการมาฮันนีมูน ไม่พ้นต้องเป็นหมูกระทะเจ้าเก่าเจ้าเดิมเมื่อหกปีที่แล้ว วันนี้คุณหมออินทัชสามารถบริการภรรยาได้เต็มที่ เพราะเขาเรียนรู้มาหลายครั้งแล้วว่าหมูกระทะต้องกินยังไง“ทานเยอะ ๆ นะครับ” คุณหมอคีบหมูชิ้นที่มีมันน้อยที่สุดให้ภรรยา “อย่าทานมันเยอะนะครับ ไม่ดีต่อสุขภาพ”"พี่อินว่าลิษาอ้วนขึ้นไหมคะ"อินทัชหน้าตาตื่น “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยนะครับ แค่ห่วงสุขภาพของลิษาเท่านั้
ช่วงชีวิตกว่าสามสิบสี่ปีที่ผ่านมาของอลิษา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งความทุกข์ ความสุข ตื่นเต้น สมหวัง และผิดหวัง แต่คงมีแค่ไม่กี่เหตุการณ์ในชีวิต ที่อดีตผู้บริหารไฟแรงลูกสอง จะสลักลึกมันไว้ในความทรงจำตลอดไปหนึ่ง วันที่เธอเปิดบริษัทเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมาสอง วันที่เธอให้กำเนิดสองแฝดและสาม วันนี้.. วันแต่งงานของเธอกับคุณหมออินทัช สามีคนแรกและคนเดียวของเธอ“อู้วหู้ววว!! หม่าม้าสวยจังเลยค่ะ พี่ขูน หม่าม้าสวยเนอะ ๆ”“อื้อ สวย”เสียงเจือยแจ้วร้องลั่นห้องเมื่อพี่หนิง พี่เลี้ยงเปิดประตูห้องแต่งตัวเจ้าสาวให้เด็ก ๆ เข้ามาหาหม่าม้า พาดาในชุดสีขาวกระโปรงฟูฟ่องวิ่งเข้ามาหาหม่าม้าเป็นคนแรก อลิษาอุ้มร่างอวบอัดขึ้นมากอดหอม ดวงตาโตเฉี่ยวฉายแววพอใจเมื่อเห็นลูกสาวในวันนี้“คนสวยของหม่าม้า”วันนี้พาดาแต่งตัวน่ารักน่าชัง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดและสวมมงกุฎดอกไม้สีขาวประดับ ใบหน้าน่ารักถูกแต่งแต้มสีสันพอประมาณ แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อตามธรรมชาติเพราะเล่นซนมา“พี่ขุนมาหาหม่าม้าหน่อยสิครับ”เด็กขายขุนเขาเดินเข้ามาคนเป็นแม่แต่โดยดี ถ้าวันนี้พาดาน่ารักแล้ว ขุนเขาคงเรียกได้ว่าหล่อออร่าจับ เด็
วันนี้คุณหมออินทัชทำงานด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น มีหลายครั้งหลายคราที่คุณพ่อลูกสองหลุดยิ้มออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และถึงรอยยิ้มคุณหมอจะน่ามองแค่ไหน แต่ถ้าจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาไม่มีเหตุผลแบบนี้ มันก็แอบทำให้ใครหลาย ๆ คนตกใจเหมือนกัน“วันนี้มีเรื่องราวดี ๆ อะไรหรือเปล่าคะ”บุศยาอดใจไม่ไหวจนต้องสอบถามออกไป ทุกครั้งที่เธอเข้ามาในห้อง ก็จะได้เห็นหมออินทัชนั่งประสานมือไว้ใต้คาง เหม่อ และยิ้มทุกครั้ง“คุณบุศ” อินทัชยิ้มกว้างอวดฟันขาว “อีกไม่นานผมขอเชิญคุณบุศที่งานแต่งของผมนะครับ”“งานแต่งคุณหมอ กับใครหรือคะ”คำถามของบุศยาทำให้รอยยิ้มของคุณหมอกระตุก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น แต่งงานกับใครอย่างนั้นเหรอ“ผมก็ต้องแต่งกับภรรยาของผมสิครับ”“คะ เอ๊ะ แต่ว่าพวกคุณแต่งงานกันแล้ว..”“พวกเราแค่จดทะเบียนกันเฉย ๆ ยังไม่เคยจัดงานจริงจังครับ” อินทัชอธิบาย “ผมอยากจัดงานเล็ก ๆ ที่มีแต่คนสนิท คุณบุศเองก็อยู่กับผมมาหลายปี ผมเลยอยากชวนให้ไปร่วมงานด้วย แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ”“สะดวกค่ะ สะดวกมาก วันไหนเดือนไหน ดิฉันไปแน่นอนค่ะ”“ไว้ผมจะบอกอีกที”อินทัชลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เก็บของทุก