มาเฟียหนุ่มยกยิ้ม ประกายตาวาววามด้วยความพึงพอใจ
แบล็คการ์ดสีดำถูกส่งต่อ การตอบตกลงเป็นผู้หญิงของมาเฟียบ่งบอกว่าเธอได้รับสิทธิพิเศษในบางอย่าง แต่ฮันนี่ก็ไม่ลืมที่จะบอกกับตัวเองว่าเธอก็ต้องสูญเสียบางอย่างเช่นกัน การกลับไปหาผู้ชายที่เคยนอกกายเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ตบท้ายด้วยสิ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจอย่างเด็ดขาดนั่นคือคลิปที่ทั้งภาพและเสียงชัดเจน ขยะแขยงเกินทนหากจะกลับไป ไม่รู้เหมือนกันว่าการรับข้อเสนอที่เธอเองก็ต้องสูญเสียมันจะดีกว่าแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้ว การเลือกเป็นผู้หญิงของออสตินมันก็มีวันที่สิ้นสุด สักวันเธอจะได้อิสรภาพของเธอคืน "แม่ฉันไม่เชื่อแน่ว่าฉันจะมีปัญญาหาบ้านหลังขนาดนี้ให้ท่านอยู่ได้ แม้จะเป็นการเช่าอยู่ก็เถอะ" ฮันนี่หยั่งเชิง สายตาไล่มององค์ประกอบของบ้านรวมถึงสถานที่โดยรอบ ไม่จำเป็นต้องลงลึกค้นหาความหมายอะไรให้มากความว่าวันละสองหมื่นที่เขาบอกว่าจะจ่ายเขากล้าให้เธอจริงๆ ไหม แค่เขาเปิดประเด็นเรื่องบ้านให้เธอก่อนก็ถือว่าน่าเสี่ยงแล้ว "เรื่องบ้านฉันโอเคแล้ว ว่าแต่...คุณจะให้ฉันบอกกับแม่ฉันว่าเราเป็นอะไรกัน" "เธอเป็นผู้หญิงของฉัน" "แต่คุณไม่ควรทำตัวเป็นเสี่ยเลี้ยงเวลาที่อยู่ต่อหน้าแม่ฉัน ต่อหน้าคนอื่นคุณจะบอกว่าเราเป็นอะไรกันฉันไม่สน แต่ต่อหน้าแม่ของฉัน ฉันจะบอกท่านว่าเราเป็นแฟนกัน คุณอย่าทำให้เขาคิดมาก อย่าแสดงตัวว่าคุณมีอำนาจมืดอยู่ในมือ" "ขอมากเกินไปรึเปล่า" "ฉันเสียตัวให้คุณนะ ฉันมองว่าเรื่องแค่นี้มันไม่ได้มากเกินไปหากเทียบกับสิ่งที่ฉันต้องเสีย" "ตามนั้น" ออสตินตัดบทสั้นๆ ก่อนจะหันไปหาลูกน้องคนสนิท "ส่งคนไปเก็บของจากที่นั่น เอาเฉพาะของที่สำคัญ อันไหนไม่สำคัญก็ทิ้งไป บ้านพร้อมอยู่ใช่ไหม" "พร้อมครับ นายจะไปกับพวกเราด้วยเหรอครับ" "ไม่ล่ะ ส่วนเธอ...สองทุ่มไปเจอฉันที่เพนต์เฮาส์ อย่าช้า เพราะฉันไม่ชอบคนที่ไม่ตรงต่อเวลา" ว่าจบมาเฟียหนุ่มก็หยัดตัวลุกจนเต็มความสูง ขายาวก้าวออกไปจากร้านอาหารโดยไม่คิดจะหันกลับมามอง "...เขาไม่ได้ทำอาชีพที่มันผิดกฎหมายใช่ไหม" ฮันนี่ตั้งคำถามกับอาชา ลูกน้องคนสนิทของมาเฟียมองตามหลังผู้เป็นนายพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ที่ผุดขึ้นมา "ถึงชีวิตของฉันมันจะจำเป็นต้องใช้เงิน แต่เงินสกปรกฉันไม่อยากได้" "อย่าห่วงเลยครับ เงินทุกบาทสะอาดแน่นอน" "เจ้านายของคุณคงรวยมากเลยสินะ" "มีมากพอที่จะให้ในสิ่งที่คุณฮันนี่ต้องการ" "ดี อยากได้ตัวฉันนัก ฉันก็จะกอบโกยจนเขาเจ็บหนักเหมือนกัน" ร่างแบบบางดันตัวลุกจากที่นั่ง หุ่นเย้ายวนในชุดนักศึกษาพอดีตัวเดินนวยนาดออกจากร้าน อาชาที่มองตามหลังและดันประสานเข้ากับสายตาหลายคู่ที่มองฮันนี่ด้วยความสนใจถึงกับหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ สำหรับอาชา เขาซึ่งเป็นผู้ติดตามของออสตินมาหลายปี แม้ผู้เป็นนายจะค่อนข้างเย็นชาและไร้หัวใจ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ มาเฟียหนุ่มหวงของมากทีเดียว "...อธิบายให้แม่ฟังสิฮันนี่ ระหว่างลูกกับอาร์ตมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอาร์ตถึง..." "เราเลิกกันแล้วค่ะแม่ ที่ผ่านมาพี่อาร์ตอาจจะทำเหมือนรักหนูมาก แต่จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้ซื่อสัตย์แบบที่รับปาก หนูกับเขาเลิกกันแล้วค่ะ" "อาร์ตน่ะเหรอไม่ซื่อสัตย์ แม่ว่า..." "คลิปเสียงที่ผู้หญิงของพี่อาร์ตส่งมา มันเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดค่ะ" ฮันนี่ส่งโทรศัพท์มือถือให้ผู้เป็นแม่ แม้จะยังไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะยังไม่ออกคำสั่งให้คลิปวิดีโอเคลื่อนไหว แต่ภาพนิ่งที่เห็นใบหน้าแฟนหนุ่มของบุตรสาว และน้ำตาที่คลอเบ้าของฮันนี่ มาลีรั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดทันที "ทำไมหนูไม่บอกแม่ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ทำไมอาร์ตถึง..." "ปล่อยเขาเถอะค่ะแม่ หนูบอกเลิกเขาแล้ว ปล่อยให้เขาอยู่กับสิ่งที่เขาเลือก เพราะหนูก็จะอยู่กับสิ่งที่หนูเลือกเหมือนกัน" "สิ่งที่หนูเลือก หมายความว่ายังไงฮันนี่" "หนูตกลงคบกับรุ่นพี่ที่เคยรู้จักกันมานานแล้วค่ะ เขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเรื่องนี้ อีกอย่างเขาก็เป็นที่ปรึกษาที่ดีในหลายๆเรื่อง หนูเลยลองให้โอกาสเขาดู" "มันไม่เร็วเกินไปเหรอลูก ใคร ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?" "เขาชื่อออสตินค่ะแม่ ออสตินช่วยหนูเวลาที่พี่อาร์ตเข้ามาวุ่นวายได้ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนูมั่นใจว่าเขา...เป็นคนดี" เพนต์เฮาส์ของออสติน "มันไม่มากเกินไปเหรอครับ" อาชาเอ่ยถามเสียงเรียบ ขณะก้มมองถุงเสื้อผ้าแบรนด์เนมหลายสิบตัว ก่อนจะตบท้ายด้วยการทิ้งสายตาไปที่รองเท้าราคาแพงหลายสิบคู่ มองตาก็รู้ว่าผู้เป็นนายดูสนใจผู้หญิงคนนี้มาก แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ "นี่แค่เศษเงิน!" "สนใจเธอมากเลยเหรอครับ จะว่าไปแล้ว คุณฮันนี่หน้าคล้ายกับผู้หญิงของคุณซานย์มาก แต่กับผู้หญิงคนนั้นนายไม่แม้แต่จะปรายตามอง" "ของสกปรก กูไม่แตะให้เสียมือ" "อ้อ หลงความสาว" "แดกดันทำห่าอะไร เป็นเมียกูรึไงมึงอ่ะ" "เปล่าครับ แล้วคุณฮันนี่ล่ะครับ นั่นเมียของนาย แล้วเป็นนายหญิงของผมไหม" "แค่เลี้ยงไว้ดูเล่น ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น!" แกร๊ก~ เสียงปลดล็อกประตูดังขึ้นในเวลาสองทุ่มพอดิบพอดี ออสตินกดสายตาลงมองเรือนร่างสมส่วนที่อยู่ในชุดเดรสสีน้ำตาลรัดรูป เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นกระเบื้องหยุดลงพร้อมกับเสียงลมหายใจที่ถูกกระแทกออกมาแรงๆ "สองทุ่มพอดี หวังว่าคุณจะพอใจ" "ไปพักผ่อนซะ ที่เหลือเดี๋ยวกูจัดการเอง" "ครับ" อาชาวางของทุกอย่าง ก่อนจะผละตัวออกจากห้องชุดหรูในเวลาต่อมา "นั่งลง ไม่เห็นเหรอว่าฉันนั่งอยู่ เธอเด็กกว่าฉันหลายปี" ริมฝีปากที่เคลือบลิปกลอสสีชมพูฉ่ำเม้มเข้ากันน้อยๆ ก่อนที่ขาสวยจะก้าวออกมาเบื้องหน้าตามด้วยการหย่อนสะโพกลงนั่งบนโซฟาตัวที่อยู่ตรงข้ามกัน "ของพวกนี้เป็นของเธอ ฉันสั่งลูกน้องให้ไปซื้อมาเก็บไว้ที่นี่ เผื่อมีความจำเป็นที่จะต้องค้างคืน" "เสร็จแล้วฉันขอกลับดีกว่า แม่ฉันอยู่แปลกที่คนเดียว ฉันเป็นห่วง" "เธอรู้อยู่แล้วว่าพื้นที่ระดับนั้นเรื่องความปลอดภัยมันดีเยี่ยมอยู่แล้ว อย่าใช้ข้ออ้างในขณะที่ฉันจ่ายให้เธอไม่อั้น" "ถ้าจะพูดขนาดนั้นคุณก็รีบบอกมาเถอะว่าอยากให้ฉันทำอะไร" "ใจร้อนจังเลยนะ ไม่ต้องรีบหรอก ถึงยังไงคืนนี้เธอก็ได้เป็นของฉันอยู่ดี" ------- ขอคนละหนึ่งคอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันนะคะ 🥰@หนึ่งเดือนต่อมา “ยัยดี!” ทับทิมโบกไม้โบกมือทักทายเพื่อนสาวที่โดดเด่นตั้งแต่ตอนก้าวขาเข้ามาในร้านนั่งชิลที่ทับทิมเป็นคนนัดหมาย สายตาหลายต่อหลายคู่หันมามองที่ซีดีด้วยความสนใจ แม้สถานที่จะไม่ใช่ผับที่คนจะเยอะมาก แต่ด้วยความที่ร้านมีดีเรื่องอาหารอร่อย บรรยากาศได้ แม้จะเป็นแค่ร้านนั่งชิลคนก็เยอะไม่ต่างกัน “ไม่ได้เจอกันในรอบเดือน เพื่อนฉันสวยขึ้นมากจ้า” ทับทิมจีบปากจีบคอชมเพื่อน ถึงจะไม่ได้เจอกันแต่เธอกับซีดีพูดคุยกันตลอด รู้ข่าวคราวของเพื่อนรักตลอด รู้ว่าตอนนี้ซีดีมีรักที่ดี เป็นรักที่สวยงามที่ควรค่าแก่การรักษาเป็นที่สุดเลย “แกก็ว่าเกินไป ฉันก็เหมือนเดิมไหม” นิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมไปทัดที่ใบหูเล็กก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนที่นั่งตรงข้ามกัน “ดื่มอะไรดี วันนี้ผัวแกมีงานนี่?” “อือ เห็นว่าสองสามวันนี้งานจะยุ่งหน่อย ทำงานให้เจ้านายน่ะ” “แล้วมาเที่ยวกับฉันนี่คือบอกผัวปะ?” “บอกว่ามากินข้าวกัน แล้วฉันก็จะสั่งข้าวจริงๆ” ซีดีหันไปโบกมือเรียกพนักงานให้เข้ามารับออเดอร์ สั่งเมนูอาหารจานเดียวง่ายๆ ทำคนที่ชวนเพื่อนเพราะความเหงามองตามตาเป็นประกาย“มาร้านนั่งชิลคือแกจะมาทานข้าว?”“อือ แกเอาด้วยไหมล่ะ”“
“เวลาแบบนี้คือมันต้องมืดมากแล้วนะคะ แต่ทำไมในความมืดมันถึงมีความสว่างอยู่ล่ะ” ซีดีกวาดสายตามองออกไปรอบๆ ตัวเองที่ถูกปกคลุมด้วยเสียงธรรมชาติ มีลมพัดเบาๆ ในขณะที่แสงจันทร์บนฟ้าทำหน้าที่ให้ความสว่างแม้จะเป็นเวลากลางคืนก็ตาม “นานเหมือนกันที่ฉันไม่ได้อยู่กับบรรยากาศแบบนี้ อยู่ที่กรุงเทพนานเกินไป” “สรุปอยากกลับมาอยู่ที่นี่แบบจริงจังแล้วใช่ไหมคะ” “ก็อยากนะ อยากใช้เวลาชีวิตบ้าง อยากมีความรักมีความสุขแบบที่คนอื่นเขามี” “ไม่นึกเลยค่ะว่าจะเห็นคุณในมุมแบบนี้” แว๊บหนึ่งที่ซีดีลอบมองเสี้ยวใบหน้าคม แม้จะเห็นไม่ชัดมากแต่ตลอดเวลาที่คุยกันก็สัมผัสได้ถึงความสุขผ่านน้ำเสียงจริงๆ “ขอโทษนะ…” ตากลมสวยที่กวาดมองออกไปรอบๆ และจมูกเชิดรั้นที่สูดรับอากาศบริสุทธิ์หยุดชะงักก่อนจะตวัดสายตาไปหาอาชาทันที “ขอโทษเรื่องอะไรคะ” “ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยคิดหักห้ามใจตัวเอง พยายามที่จะไม่รู้สึกอะไรกับเธอ ไหนจะใช้คำพูดแบบไม่แคร์เธออีก ทุกอย่างมันก็เป็นเพราะฉันหากฉันไม่คิดและทำแบบนั้นเรื่องระหว่างเรามันอาจจะเดินเร็วกว่านี้ก็ได้” “แต่สุดท้ายมันก็ทำให้เรายอมรับหัวใจตัวเองไม่ใช่เหรอคะ อย่างน้อยการที่คุณทำแบบนั้น มันก็ทำ
“ให้ฉันได้ดูแลเธอนะ ซีดี” คนถูกขอน้ำตาคลอเบ้า ข้าวปลายังไม่ตกถึงท้องด้วยซ้ำแต่กลับรู้สึกอิ่มเอมขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “เธอเข้าใจที่ฉันพูด รับรู้ในสิ่งที่ฉันต้องการอธิบายใช่ไหม” คนที่เม้มริมฝีปากกดใบหน้ารับ ไม่กลัวแล้วไม่ว่าจะอุปสรรคหรือใครหน้าไหนที่เคยคิดร้ายกับเธอ ความรู้สึกเหล่านั้นไม่มีเหลือ แค่มีเขาเธอก็รู้สึกปลอดภัย “พ่อกับแม่ไม่มีปัญหาและไม่ติดขัดอะไรอยู่แล้ว ลูกชายมีความรับผิดชอบชาวบ้านเขาก็จะว่าพ่อแม่สอนมาดี แต่อย่าลืมสิ ว่าบ้านเรามันยังมีประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานนะ” “ประเพณีเหรอครับ?” อาชาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ผู้เป็นแม่เองก็ชักสงสัยไม่ต่างกัน“ประเพณีอะไรเหรอพ่อ” “ก็ประเพณีที่ลูกสะใภ้ต้องบอกความรู้สึกและความในใจที่มีต่อลูกชายเราไง จำไม่ได้เหรอว่าตอนที่แม่เข้ามาเป็นสะใภ้บ้านพ่อ แม่ก็เคยผ่านประเพณีนี้มาเหมือนกัน” หางคิ้วของอาชากระตุกตอบรับ ประเพนงประเพณีอะไรไม่เคยได้ยินทั้งนั้น แต่สถานการณ์มันกำลังบ่งบอกว่าพ่อกำลังช่วยลูกชัดๆ พ่อคงเห็นว่าลูกชายรักเขามาก รักจนพร้อมยกทุกอย่างให้เขานั่นแหละ ถึงยอมออกแรงช่วยขึ้นมา “แม่ ยังไม่แก่เท่าไหร่เลยมาทำเป็นหลงเป็นลืมดูทำเข้
“ครับ เมีย!” เสียงตอบรับที่ชัดถ้อยชัดคำส่งผลให้คนเป็นพ่อแม่หันมองหน้ากันแทบจะทันที เรื่องนี้มันอาจจะเป็นไปได้ เกิดขึ้นได้ แต่มันแปลกตรงที่เด็กคนนี้พิเศษแบบไหนถึงทำให้ลูกชายของพวกเขาหลงรักได้ “อึ้งกันเลยเหรอครับ ลูกสะใภ้ของพ่อน่ารักไหมครับ” “เรื่องน่ารักมันก็น่ารัก แต่ไปรักกันตอนไหนก่อน”“ตอนไหนไม่สำคัญ แต่ตอนนี้รักกันแล้วโอเคไหมครับ” ไม่ว่าเปล่า อาชาตวัดแขนขึ้นโอบบ่าของคนตัวเล็กประกอบคำพูด ใบหน้าคมคายผุดรอยยิ้มจางๆ ถึงจะเป็นภาพที่ค่อนข้างแปลกตาแต่ว่าคนเป็นพ่อแม่ค่อนข้างถูกใจ “หน้าบ้านยุงเยอะ พ่อว่าเราเข้าบ้านกันดีไหม” “ไปๆ เข้าบ้านกันลูก” ผู้เป็นแม่ยิ้มหวานให้คนรักของบุตรชาย จากนั้นก็ปล่อยให้พวกผู้ชายลากกระเป๋าเข้าบ้าน คนเป็นแม่ทำหน้าที่จูงมือสะใภ้สาวเข้าบ้านพร้อมกัน “บ้านพ่อกับแม่เก่าหน่อยนะ เราอยู่กันแบบบ้านๆ ไม่ค่อยจะเหมือนคนกรุงเทพหรอก หนูอยู่ที่กรุงเทพใช่ไหมลูก” “ใช่ค่ะ” ซีดียิ้มรับก่อนจะกวาดสายตามองออกไปรอบๆ บ้าน ยอมรับว่าทุกมุมภายในบ้านแตกต่างจากคอนโดมิเนียมของอาชามาก แต่ทุกมุมบ้านกลับสะอาดสะอ้านเช่นกัน “นั่งก่อนลูก มุมนี้พ่อกับแม่ชอบใช้นั่งๆ นอนๆ ดูทีวีจ้ะ” คนเป็นแม่ดึง
“ไม่มีวันเลิกอยู่แล้ว” “ตอนนี้คุณก็พูดได้สิ คำตอบของเขามันไม่ใช่อุปสรรคนี่คะ” “เราไม่ควรมานั่งโกรธกันนะ ที่ฉันไปดูเพราะอยากรู้เผื่อมีสิ่งที่ต้องแก้ไข ทำขนาดนี้แล้วคงรู้ใช่ไหมว่าฉันรักมากแค่ไหน” มือหนาเลื่อนเข้ามาประคองแก้มนิ่ม ส่วนคนที่กำลังหงุดหงิดอยู่ได้แต่ปัดมือนั้นออกห่างทันที “หนูอยากกลับแล้วค่ะ” “แต่ฉันยังมีอีกที่ที่อยากพาเธอไป” “จะพาหนูไปดูดวงที่สำนักไหนอีกหนูไม่อยากไปแล้ว หนูเหนื่อยมาก อยากนอน อยาก…” “ฉันจะพาเธอไปที่บ้านของฉัน” คำตอบที่ดังแทรกขึ้นทั้งที่ซีดียังไม่ทันจบประโยคส่งผลให้เธอชะงัก ตากลมสวยกระพริบถี่ๆ ถึงมันจะตรงต่อใจแต่เธอก็ผิดหวังไปแล้วเช่นกัน“อะไรนะคะ” “ฉันจะพาเธอไปที่บ้านของฉัน ไปรู้จักกับพ่อแม่ของฉันให้เป็นเรื่องเป็นราว” เสียงยืนยันกระตุ้นให้ซีดีลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยความยากลำบาก มือเรียวยกขึ้นมาลูบใบหน้าของตัวเองเบาๆ ถึงกับไปไม่เป็นเลย“พ่อแม่ของฉันมีลูกแค่คนเดียว เดี๋ยวพาเธอไปฝากเป็นลูกสาวอีกคนดีไหม” “ไม่ได้จะพาไปเพราะหนูกำลังโกรธคุณใช่ไหม”“ตั้งใจจะพาไปอยู่แล้ว ถือโอกาสไปเยี่ยมบ้านด้วยเลย” “แล้วบ้านคุณอยู่ที่ไหนคะ ต้องนั่งรถไกลไหม ต้องเตรียมตั
“นี่มันวิสัยของคนแก่มีเมียเด็กค่ะ” “แก่แล้วไง มีหัวใจเหมือนกัน” ซีดีคลี่ยิ้มตอบรับคนที่หาเรื่องเถียงแบบข้างๆ คูๆ “เอาเป็นว่าหนูตามใจคุณก็ได้ค่ะ ท้องตอนไหนก็ตอนนั้นโอเคนะคะ” อาชาเคาะปลายนิ้วกับหน้าขาของตัวเองอย่างคนที่กำลังใช้ความคิด แว๊บหนึ่งที่อยู่ดีๆ หนึ่งเหตุการณ์ที่มันเคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ประเดประดังเข้ามาในหัว เอาวะ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยคาถา ไอ้อาชาสู้ตาย! “อิ่มมาก หนูบอกแล้วว่าขนมจีนร้านนี้อร่อยและได้เยอะมาก ไว้วันหลังเรามาทานกันอีกนะคะ” “สั่งห่อกลับบ้านขนาดนี้ฉันคิดว่าเธอจะอิ่มอีกหลายวันเลยนะ เพิ่งกินมาหมาดๆ ความอยากไม่หายเลย?” “แฮ่ๆ ของชอบนี่คะ” ซีดียิ้มกว้างอวดลักยิ้มเล็กๆ บนแก้ม ตาเป็นประกายเมื่อเห็นขนมจีนน้ำยาอีกชุดที่อยู่ในมือ “เธออยากไปที่ไหนต่อหรือเปล่า” “หนูไม่มีธุระที่ไหนต่อแล้วค่ะ คุณมีงานเหรอคะ” “ไม่เชิงกับว่ามีงาน เอาเป็นว่าถ้าไม่ได้ไปที่ไหนต่อฉันมีที่ที่หนึ่งที่อยากพาเธอไป” “ที่ไหนคะ” ตากลมสวยตวัดมองคนรักด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนหน้านี้คุยกันเรื่องทายาทสืบสกุล อย่าบอกนะว่าเขาจะพาเธอไปเจอคนที่บ้าน พ่อเขาแม่เขา ญาติพ