LOGINวาสิตาที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะอาหาร เธอได้แต่ยืนจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่ยากจะอธิบาย ผู้หญิงที่ดูเหมาะสมและคู่ควร แล้วเธอล่ะเป็นเพียงเด็กรับใช้ที่ไม่มีอะไรเลย ยังบังอาจที่อยากจะบินสูง ไม่เจียมเนื้อเจียมตัวของตัวเอง หญิงสาวก้มมองที่หน้าท้องแบนราบของตัวเองอีกครั้ง ลูกของเธอที่มีเขาคนนั้นเป็นพ่อ สงสัยว่าจะไม่ได้เกิดมาลืมตาดูโลกใบนี้แล้วจริง ๆ
จะบอกเขาก็คงไม่ได้เพราะชีวิตของเขามีสิ่งที่คู่ควรมากกว่าอยู่แล้ว เธอเป็นแค่ผู้หญิงต่ำต้อยด้อยค่าที่ไม่มีสิทธิ์เสนอหน้าเรียกร้องความรับผิดชอบใด ๆ เลย หนึ่งคืนที่เผลอใจกับความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น ไม่ควรจะโทษใครเพราะเป็นเธอที่จะต้องก้มหน้ายอมรับกับความเผลอไผลที่ไม่ยอมหักห้ามหัวใจของตัวเอง... วาสิตายืนอยู่เคียงข้างกับป้ามาลาเพื่อคอยดูแลรับใช้หากว่าคุณ ๆ ทั้งหลายอยากเรียกใช้อะไร หญิงสาวยืนจ้องมองภาพอาหารบนโต๊ะ จู่ ๆ น้ำตาก็ร่วงเผาะลงจนต้องรีบปาดเช็ดออกอย่างไว “เป็นอะไรน่ะวา แกร้องไห้อีกแล้วหรือไง ไม่ต้องไปคิดเรื่องนั้นแล้ว เดี๋ยวอาทิตย์หน้าฉันว่างฉันจะพาแกไปยุติปัญหานี้เอง แกจะได้กลับมายิ้มได้เหมือนแต่ก่อนนี้สักที” เสียงกระซิบกระซาบพูดคุยพอได้ยินกันสองคน วาสิตาฝืนยิ้มส่ายหน้าให้กับคนเป็นป้าอีกครั้ง “เปล่าจ้ะป้ามา วาแค่คิดถึงแม่ ป่านนี้แม่จะทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้สินะ” “คิดถึงก็โทรไปหายายพวงสิ ให้เขาเอาโทรศัพท์ไปให้แม่แกคุย” “เกรงใจเขาจ้ะป้า กลัวแม่ไม่อยู่บ้านด้วย เดี๋ยวเดือนหน้าว่าง ๆ วาว่าจะกลับไปเยี่ยมแม่ที่บ้านหน่อย จะซื้อโทรศัพท์ไปให้สักเครื่องเอาไว้โทรติดต่อหากัน” “เออ ดี ๆ เป็นความคิดที่เข้าท่า” “เราต้องยืนกันอยู่ตรงนี้อีกนานไหมป้ามา?” วาสิตาหันไปจ้องมองที่โต๊ะอาหารอีกรอบ ความสนิทสนมและทีท่าหยอกเอินของสองหนุ่มสาว แลดูเป็นคู่รักที่น่าอิจฉามากมายเหลือเกิน จนต้องหันกลับมาดูสภาพของตัวเอง เป็นแค่คนรับใช้ที่ไม่มีอะไรจะเทียบเทียมใครเขาได้เลย “มาลา มาลา มาเก็บจานออกไปได้แล้ว เอาของหวานมาเสิร์ฟต่อเลยนะ” เสียงเจ้านายเรียกหาจนนางมาลาต้องรีบสะกิดแขนหลานสาวที่กำลังยืนเหม่อลอย ให้เดินออกไปช่วยกันเก็บจานชามเข้าไปไว้ในครัวเพื่อรอล้าง วาสิตาเดินไปเก็บของคุณหนูนิด ผ่านหน้าคุณากร ชายหนุ่มปรายตาจ้องมองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสนใจพูดคุยกับหญิงสาวคนที่นั่งข้างกายแทน วาสิตาเดินอ้อมไปเพื่อเก็บของรสา เพียงแค่เอื้อมมือไปหยิบจับ กำลังจะยกขึ้นมารวมกับที่ถืออยู่ในมืออีกข้าง กลับเป็นจังหวะเดียวกันที่รสาจะขยับลุกออกจากเก้าอี้ เป็นเหตุให้จานในมือของวาสิตาหล่นลงกระทบกับพื้น เพล้ง! เสียงจานแตกกระจายจนเกลื่อนพื้นเต็มไปหมด “ว้าย ตายแล้ว!” เสียงคนบนโต๊ะอาหารดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง “ขอโทษค่ะ วาขอโทษค่ะคุณผู้หญิง” “รสาซุ่มซ่ามเองค่ะ รสาต้องขอโทษด้วยนะคะ” สีหน้าของรสารู้สึกผิดอยู่มาก หญิงสาวกำลังจะก้มลงไปหยิบจับช่วยวาสิตาเก็บจานชามที่แตก แต่ฝ่ามือหนาของคุณากรจับข้อมือเรียวนั้นเอาไว้เสียก่อน “ไม่ต้องหรอกรสา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่บ้านเขาทำไป เดี๋ยวบาดมือเลือดไหลหรอก” “พี่กร แต่รสาเป็นคนทำให้จานหล่นจากมือเขานะคะ” “ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยให้วาสิตาจัดการไป มันเป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว รสาจะไปห้องน้ำก็ไปเถอะนะ เดินอ้อมมาทางนี้นะ จะได้ไม่เหยียบเศษกระเบื้องแตกพวกนี้” คุณากรขยับเก้าอี้ของตัวเองออก เพื่อจะให้อีกคนได้เดินผ่านทางที่ปลอดภัยไปห้องน้ำได้ วาสิตาลอบมองทุกการกระทำของเขา รู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก เขาดูห่วงใยเธอคนนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ทำไมตัวเองถึงรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจแบบนี้ด้วย ฝ่ามือเรียวรีบหยิบจับจานชามที่แตกเป็นชิ้นขึ้นเรียงกัน ก่อนที่นางมาลาจะยกถังขยะมาวางให้ตรงหน้า “ยายวา ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้นะ คุณผู้หญิงต้องเรียกแกไปต่อว่าแน่ ๆ เลย ทำขายหน้าแขกคนสำคัญหมดแล้ว” “ป้ามา วาไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ เขามาชนมือวาก่อน วาไม่ทันระวังมันเลยเป็นแบบนี้” “เออ ๆ ๆ รีบเก็บเถอะจะได้ไปเอาของหวานมาให้คุณ ๆ ท่านได้ทาน เดี๋ยวฉันไปเตรียมของรอก่อนนะ รีบเก็บเข้าล่ะ” นางมาลารีบเดินออกไป วาสิตาจึงรีบเก็บเศษจานที่แตกร้าวลงใส่ในถัง ไม่ทันระมัดระวังเศษจานจึงบาดมือจนเลือดไหลซิบ ๆ “โอ๊ย! ซี๊ด” หญิงสาวถึงกับสะบัดมือไปมาเบา ๆ ก่อนจะรีบเก็บทำความสะอาดจนแล้วเสร็จ เตรียมจะลุกขึ้น แต่พอแหงนหน้าขึ้นมองกลับปะทะเข้ากับสายตาคมที่จ้องมองมาหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ภายในสวนหลังคฤหาสน์ของครอบครัวจิตติพัฒน์ เสียงหัวเราะของคนที่มาร่วมงานดังสลับกับเสียงเพลงแจ๊สหวาน ๆ ที่เล่นคลออยู่ในงานเลี้ยงเล็ก ๆ ซึ่งจัดขึ้นอย่างอบอุ่นในวันนี้ โต๊ะยาวถูกประดับด้วยดอกไม้โทนสีขาวและสีฟ้าอ่อน สื่อถึงความสุขและการเริ่มต้นใหม่ของชีวิตเล็ก ๆ ที่กำลังจะลืมตามาดูโลก บนโต๊ะตรงกลางมีเค้กสามชั้นซึ่งตกแต่งด้วยตุ๊กตาคู่เจ้าบ่าวเจ้าสาว และเด็กทารกตัวจิ๋วที่วางอยู่ระหว่างกลาง สัญลักษณ์ของครอบครัวที่กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง วันนี้ยาหยีสวมเดรสสีครีมที่ออกแบบให้รองรับหน้าท้องของคุณแม่ตั้งครรภ์ได้อย่างสวยงาม เธอยืนยิ้มกว้าง และมองไปรอบ ๆ สวนที่วันนี้ถูกจัดให้เป็นทั้งงานแต่งเล็ก ๆ ซ้ำอีกครั้ง รวมทั้งงานเบบี้ชาวเวอร์ เป็นการเฉลิมฉลองเพื่อต้อนรับเจ้าตัวน้อยของพวกเขา ทิวายืนอยู่ข้าง ๆ เขามองภรรยาด้วยสายตาที่ทั้งรักทั้งหวง “พร้อมไหมครับเจ้าสาวของพี่” เขาก้มลงกระซิบเบา ๆ ข้างหู "งานวันนี้มันเกิดขึ้นเพราะความรักและความเต็มใจของเราสองคนใช่ไหมคะ?" “ใช่ครับ และพี่ก็อยากจัดงานแต่งกับหยีทุกปีเลย" เขาพูดพร้อมรอยยิ้มขี้เล่นเหมือนเดิม ก่อนจะจับมือเรียวเอาไว้
รถคันหรูแล่นผ่านรั้วบ้านหลังใหญ่เข้ามา จนมาจอดสนิทที่โรงจอดรถ บ้านที่เขาคุ้นเคย บ้านที่เขาเคยเดินเข้ามาสารภาพบาปเรื่องรังแกยาหยีในวันที่เมามายและขอเธอแต่งงาน จนกระทั่งวันที่เขาทำให้เธอร้องไห้หนัก ๆ บ้านนี้ก็ไม่เคยเปิดประตูต้อนรับเขาอีกเลย แต่วันนี้เขากลับมาอย่างภาคภูมิใจอีกครั้ง รุ่งทิวาเดินออกมาจากบ้านเพื่อมารอรับลูกสาว นางยิ้มหวานทักทายลูกสาวและลูกเขยด้วยความเป็นมิตรเหมือนเคย “กลับมากันแล้วเหรอลูก” “ค่ะ แม่” ยาหยีตอบ ก่อนจะก้าวเข้าไปกอดแม่แน่น ๆ อย่างคิดถึง ทั้งที่เธอไม่ได้กลับมาบ้านแค่คืนเดียวเท่านั้น "สวัสดีครับคุณแม่" ทิวายกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพอย่างนอบน้อม "ไหว้พระเถอะตาทิ ไปนอนคอนโดมาคงหลับฝันดีสินะ หน้าตาดูสดชื่นกันทั้งคู่เลย" "ก็ดีค่ะแม่ ได้พูดคุย ได้ปลดล็อกอะไรในใจหลาย ๆ อย่าง หยีกับพี่ทิเข้าใจกันดีแล้วนะคะ เราจะกลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม" "ถ้าลูกคิดว่าดีแม่ก็ว่าดีจ้ะ ปะ เราเข้าบ้านกันได้แล้ว ทานข้าวเช้ากันมาหรือยัง" "เรียบร้อยแล้วค่ะ แล้วพ่อล่ะคะแม่?" "รออยู่ข้างในน่ะ ปะ ตาทิ เข้าบ้านกันลูก" นางหันไปยิ้มให้กับลูกเขยอีกครั้ง "เดี๋ยวผมต้องเอาของหลังรถเข้าไ
"พี่ทิ หยีเจ็บ อื้อ..." "เดี๋ยวก็หายนะที่รัก เราจะไปช้า ๆ มันรู้สึกดีมากเลยหยี คิดถึงหยีที่สุดเลย" จุดเชื่อมต่อค่อย ๆ ขยับเข้าออกช้า ๆ ยิ่งสร้างความเสียวซ่านให้กับคนทั้งคู่ เสียงครวญครางเริ่มดังขึ้น เสียงเนี้อกระทบเนื้อเริ่มไต่ระดับขึ้นตามความปรารถนาของร่างกายที่กำลังนำพา ร่างหนาโยกกายเข้าออกซ้ำ ๆ ยิ่งคนในอ้อมกอดครวญครางมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเร่งเร้าตามให้ทันเธอ ก่อนที่จะจบลงด้วยเสียงหอบกระเส่าของคุณแม่ตั้งครรภ์ และเสียงคำรามอย่างสุขสมของเขาที่ตามมาติด ๆ ทิวากอดร่างของเธอเอาไว้แน่น ใบหน้าหล่อซบลงบนแผ่นหลังของหญิงสาวอย่างหมดแรงไม่ต่างกัน ริมฝีปากหนาพรมจูบแผ่นหลังขาวเนียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงหัวใจยังคงเต้นตึกตักแทบจับจังหวะไม่ได้ นานนับสองนาทีกว่าที่ทุกอย่างจะกลับคืนสู่สภาพเดิม "มันดีใช่ไหมหยี?" เสียงทุ้มถามขึ้นเบา ๆ มือหนายังลูบไล้หน้าท้องที่นูนเด่นไปมาอยู่เช่นเดิม "ดีค่ะ แต่เหนื่อยจังเลย ลูกจะเป็นไงบ้างนะ เมื้อกี้พี่ทิทำรุนแรงเกินไปไหมคะ?" ฝ่ามือเรียวลูบหลังมือของเขาไปมาเบา ๆ "ท่าเบสิกแล้วนะหยี ไม่แรงเกินไปหรอก ลูกคงรับรู้ว่าพ่อคิดถึงแม่มากแค่ไหน ก็หยีนั่นแหละทำให้พี่แทบคลั่งจ
ทิวาใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานมาก และนานพอที่จะเดินออกมาแล้วเห็นยาหยีนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงแล้วในเวลานี้ ร่างสูงเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างเตียงฝั่งที่เธอกำลังนอนหลับ เขามองจ้องหน้าผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าภรรยาและแม่ของลูกด้วยความเอ็นดู เขาไม่เคยได้มองเธอใกล้ ๆ แบบนี้เลยสักครั้ง ทั้งที่มีโอกาสได้ทำมาตลอด เขาไม่เคยรู้สึกว่าหัวใจจะมีเพียงแค่เธออย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้เลยด้วยซ้ำ แต่พอมาวันนี้เขาอยากมีเธอในชีวิต อยากอยู่ใกล้เธอ อยากสร้างครอบครัวที่มีความสุขไปด้วยกันตลอดจนแก่เฒ่า เตียงนอนอีกฝั่งยุบยวบลง ทำให้คนที่เผลอหลับถึงกับงัวเงียลืมตาขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงที่เปลือยเปล่าขยับเข้ามานอนลงใกล้ ๆ แทบจะเรียกได้ว่าเหมือนเขาจะสิงร่างเธอแล้วในตอนนี้ "พี่ทิ จะขยับมานอนใกล้อะไรขนาดนั้นคะ? แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าเนี่ย หยีจะบ้าตาย" เสียงบ่นต่อว่าเขาก็ดังขึ้น แต่คนที่นอนตะแคงอยู่ข้างกายกลับไม่สนใจอะไรแล้วในเวลานี้ อ้อมแขนแข็งแรงพาดทับไปบนเอวหนาของคุณแม่ตั้งครรภ์ ก่อนจะดึงเข้ามากอดแน่น ๆ "ปกติก็นอนแบบนี้ ไม่ชอบใส่เสื้อผ้านอน เธอไม่รู้หรือยังไงหยี" "จะรู้ได้ยังไงคะ ก็ไม่เคยได้นอนด้วยสักครั้ง เตียง
หลังจากอาบน้ำไปนานกว่าครึ่งชั่วโมง ยาหยีเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูพันกายไว้ และมีผ้าผืนเล็กคลุมไหล่อีกหนึ่งผืน กลิ่นแชมพูหอมอ่อน ๆ ลอยปะปนมาในอากาศ เธอเห็นทิวายืนเลือกเสื้อยืดตัวใหญ่อยู่ เหมือนกำลังตั้งใจเลือกตัวที่ดีที่สุดให้เธอได้ใส่ก็ไม่ปาน “ได้เสื้อยังคะ?” “ได้แล้วครับ ตัวนี้นุ่มสุดเลยนะ รับรองใส่แล้วนอนหลับสบาย” ยาหยีหัวเราะขึ้นเบา ๆ กับคำพูดนั้น ก่อนจะรับเสื้อมาเปลี่ยน ทิวามองภาพนั้นเงียบ ๆ ความคุ้นเคยที่หายไปหลายเดือนมันกลับมาชัดเจนจนใจเขาเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เขาไม่เคยได้สนใจ ไม่เคยเห็นเธอในสภาพที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จแบบนี้ เขาและเธอพลาดอะไรหลาย ๆ อย่างที่ควรจะได้ทำร่วมกันมานานมากเหลือเกิน “พี่ทิ มองอะไรคะ?” “มองเมียครับ เมียสวย กลัวจะหายไปอีกน่ะ” เขาตอบยิ้ม ๆ ไม่เคยมีความสุขแบบนี้มานานมากแล้ว ยาหยีชะงัก มือที่กำลังชโลมครีมทาผิวหยุดนิ่งลง เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาเล็กน้อย “พี่พูดเหมือนหยีจะไปไหนได้อย่างนั้นแหละ” “หยีไปตั้งหลายเดือนแหละ เพิ่งจะได้กลับมาวันนี้เองนะ” ทิวาก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว ก่อนจะยื่นมือมาสัมผัสแก้มเธออย่างแผ่วเบา “ไม่ได้อยากให้หยีอยู่เพราะลูกนะ แ
"ไม่ได้อยู่นาน ห้องทำความสะอาดไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้ หยีแพ้ฝุ่นนะคะ ถ้าฝุ่นเยอะคงนอนไม่ได้" "มีแม่บ้านมาทำความสะอาดวันเว้นวันนั่นแหละหยี ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก ไปอาบน้ำให้สบายตัวไหม เดี๋ยวจะไปหาเสื้อมาให้เปลี่ยน" "เดี๋ยวขอโทรไปบอกพ่อกับแม่ก่อนนะคะ กลัวที่บ้านจะเป็นห่วง ไม่รู้ว่าพ่อแม่จะโอเคไหมที่หยีตัดสินใจแบบนี้" ฝ่ามือหนาของทิวายกขึ้นลูบแก้มนวลนั้นอีกครั้ง ก่อนจะก้มลงจุมพิตริมฝีปากอวบอิ่มเบา ๆ "พ่อตาแม่ยายใจดี พวกท่านจะดีใจมากถ้าเราได้กลับมาเป็นครอบครัวกันอีกครั้ง พ่อหยีอาจจะยังโกรธอยู่ แต่ฉันตั้งใจไว้แล้ว วันพรุ่งนี้จะไปหาพวกท่านที่บ้าน หยีโทรหาพ่อกับแม่เถอะ" ยาหยีหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา เธอไม่ได้โทรไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เลือกที่จะกดส่งข้อความไปหาแม่เพื่อบอกเล่าว่าคืนนี้จะไม่กลับ จะค้างอยู่กับทิวาที่คอนโด ไม่ต้องเป็นห่วง เธอปลอดภัยดี "เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวหยีไปอาบน้ำก่อนนะคะ ไปหาเสื้อมาให้เปลี่ยนด้วยล่ะ" ยาหยีลุกขึ้นยืนช้า ๆ ก่อนจะเดินอุ้ยอ้ายเข้าไปภายในห้องนอนของตัวเองที่เคยอยู่อาศัยเมื่อหลายเดือนก่อน ทิวาก็เดินตามหลังหญิงสาวไปติด ๆ เข้าไปภายในห้องนอนเ







