LOGINวาสิตาคิดตามที่ผู้เป็นป้าพูด สิ่งที่ป้าพูดมามันคือความจริงทุกอย่าง เพราะชีวิตที่ลำบากลำบนมาตั้งแต่เล็กจนโต ครอบครัวยากจนแทบจะไม่มีข้าวให้ประทังชีวิต แม่เธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องอุ้มท้องเธอทั้งที่ไม่มีสามี ไม่เคยเห็นหน้าพ่อ รู้แค่ว่ามีพ่อแต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ตั้งแต่เกิดก็อยู่กับแม่เพียงสองคน มีเพียงแม่ที่สู้ทำงานหาเงินเพื่อมาเลี้ยงดูลูกสาว แค่คิดถึงชีวิตที่ผ่านมาวาสิตาก็ร้องไห้ปล่อยโฮขึ้นมาอีกครั้ง เธอเองเห็นแม่ลำบากมาทั้งชีวิต เพื่อที่จะเลี้ยงดูเธอให้เติบใหญ่ได้อย่างทุกวันนี้ บางวันที่ไม่มีข้าวจะกินแม่ยังอุตส่าห์พาไปขอตามเพื่อนบ้านคนอื่นที่เขามีเมตตา แม้แต่ขอข้าววัดมากินก็เคยทำมาแล้ว เพียงแค่ให้ชีวิตมีลมหายใจได้อยู่ต่อเพื่อวันพรุ่งนี้ เธอรับรู้ดีว่ามันลำบากและต้องอดทนมากมายแค่ไหน
"จ้ะ ป้ามา วาจะทำตามอย่างที่ป้ามาบอก วาจะต้องเรียนให้จบ วาจะได้มีงานที่ดีทำมีเงินส่งให้แม่ใช้ แม่จะได้ไม่ต้องลำบากลำบนเหมือนเมื่อก่อนอีก" นางมาลานั่งลงเคียงข้างหลานสาว กอดปลอบประโลมและเข้าใจเด็กสาวที่อ่อนต่อโลก ยิ่งชีวิตไม่เคยเผชิญโลกกว้างแบบนี้ กรุงเทพมหานครเหมือนสังคมชีวิตใหม่ที่ไม่ได้สวยหรูอย่างบ้านนอกที่วาสิตาเคยอยู่มา หญิงสาวโอบกอดผู้เป็นป้า ร้องไห้สะอึกสะอื้นกับปัญหาชีวิตที่กำลังถาโถม "มาลา วาสิตา นั่งทำอะไรกันตรงนี้นะ" คุณชิดชนกนายหญิงของบ้านถามไถ่ขึ้น ทำให้สองป้าหลานต้องผละห่างออกจากกัน ต่างคนต่างรีบปาดเช็ดน้ำตาที่มีออกจากใบหน้าจนหมด "คุณผู้หญิงมีอะไรจะให้รับใช้เหรอคะ?" นางมาลาถามขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มทักทาย "ฉันตามหามาลาน่ะสิ จะมาบอกว่าวันนี้บ้านเราจะมีแขกคนสำคัญมา ฉันอยากได้อาหารเหนือเมนูพิเศษสามสี่อย่างขึ้นตั้งโต๊ะด้วย" "ไม่มีปัญหาค่ะ ต้องทำเยอะไหมคะ?" "แขกพิเศษของฉัน 3 คน ตากรกับยายหนูนิดก็จะมาด้วย" "โห วันพิเศษหรือไงคะ คุณกรกับคุณหนูนิดถึงได้กลับมาบ้านด้วย" "วันพิเศษกับคนพิเศษของเขาน่ะมาลา แล้วนี่หลานสาวมาลาร้องไห้คิดถึงบ้านหรือยังไงกัน?" คุณชิดชนกหันไปมองหน้าเด็กสาวผู้ใสซื่อ นางเองนึกเอ็นดูอยู่ไม่น้อย วาสิตาเป็นคนขยันทำงานบ้านทุกอย่าง ตั้งแต่มาอยู่บ้านนี้วาสิตาก็ช่วยงานทุกคนได้เป็นอย่างดี "เปล่าค่ะ คุณผู้หญิง" "ถ้าคิดถึงบ้านก็กลับไปเยี่ยมบ้านได้นะฉันอนุญาต" "ขอบคุณนะคะ คุณผู้หญิง" วาสิตาไหว้ขอบคุณอีกครั้ง เจ้านายบ้านนี้ใจดีกับทุกคนแบบนี้เสมอ วันนี้เธอจะได้เจอหน้ากับคุณากรอีกแล้ว หัวใจที่มันดูห่อเหี่ยวเมื่อครู่ พองโตขึ้นมาอย่างรู้สึกดี หรือเธอควรจะบอกเรื่องนี้กับเขา ถ้าหากว่าเขารู้จะรู้สึกอย่างไรบ้างนะ เพราะความสัมพันธ์ที่ยังบอกใครไม่ได้ ทำให้ทุกอย่างที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในตอนนี้คารังคาซังจนหาทางออกไม่เจอ เธอควรจะปรึกษาเขาก่อนดีไหม เผื่อว่าเขาอยากรับผิดชอบ ไม่ต้องทำร้ายเด็กบริสุทธิ์ที่กำลังจะเกิดมาในอีกไม่ช้า ตกเย็นของวันเดียวกัน คุณากรเดินเข้ามาภายในบ้านพร้อมกับน้องสาวและแขกของบ้านอีกสามคน คุณชิดชนกและสามีเดินเข้าไปต้อนรับ โอบกอดทักทายอย่างเป็นกันเอง “ยินดีต้อนรับนะคะ ดีใจมากที่ให้เกียรติมาถึงบ้านในวันนี้” “ต้องมาอยู่แล้ว คุณนกเชิญทั้งทีนี่นา มากี่ครั้งก็ยังได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นเหมือนเดิมเลยนะคะ” คุณกมลวรรณหุ้นส่วนทางธุรกิจที่รู้จักและคบหากันมานานหลายสิบปียิ้มอย่างยินดีเช่นทุกครั้งที่ได้พบเจอหน้า “หนูรสาสวยมากเลยนะจ๊ะ ไม่ได้เจอแค่สองปีเอง ได้แต่ถามข่าวผ่านตากรไป รายนี้ก็นะขยันเดินทางไปดูงานในเครือถึงสิงคโปร์ ไม่รู้ว่าไปดูงานหรือดูหนูรสาคนสวยกันแน่” คุณากรที่ยืนอยู่ข้างกายกับสาวสวยคนที่โดนแซว ต้องหันไปยิ้มมองสบตากันเมื่อถูกหยอกเอินชวนให้ต้องเขินอายนัก “อย่าแซวสิครับแม่ ไม่ดีหรือไงแม่จะได้เลิกบ่นผมเรื่องลูกสะใภ้สักที ผมคงหาว่าที่ภรรยามาได้ถูกใจแม่อยู่หรอกมั้ง” “ถูกใจมาก คนนี้ดีมากเลย แม่ปลื้มที่สุด ว่าแต่พรุ่งนี้แต่งเลยดีไหมจ๊ะหนูรสา?” “คุณป้าคะ แซวอะไรขนาดนั้นก็ไม่รู้” รสาหน้าแดงด้วยความเขินอายอีกครั้ง ทำเอาผู้ใหญ่ทุกคนต้องหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูอย่างพร้อมเพรียง “แหม... หนูนิดต้องไปเตรียมตัดชุดเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วยไหมคะเนี่ย?” น้องสาวถึงกับรีบแซวพี่ชายกลับอย่างอารมณ์ดีเช่นเดียวกัน “คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น อยากมีลูกเป็นของตัวเองแล้ว เลี้ยงแต่ลูกคนอื่นมานาน นี่พี่เพิ่งรู้มานะว่าเพื่อนสาวเราเขากำลังท้องลูกคนที่สองแล้ว” “รุ้งน่ะเหรอคะ ว้าว! เดี๋ยวหนูนิดจะต้องโทรไปถามข่าวซะหน่อยแล้วล่ะ” “อย่ามัวแต่ยืนคุยกันอยู่ตรงนี้เลย เข้าไปทานอาหารเย็นกันเถอะ ตั้งโต๊ะรอทานกันแล้วนะลูก” คุณชิดชนกบอกกล่าว ก่อนที่ทุก ๆ คนจะเดินตามหลังกันเข้าไปภายในบ้านหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ภายในสวนหลังคฤหาสน์ของครอบครัวจิตติพัฒน์ เสียงหัวเราะของคนที่มาร่วมงานดังสลับกับเสียงเพลงแจ๊สหวาน ๆ ที่เล่นคลออยู่ในงานเลี้ยงเล็ก ๆ ซึ่งจัดขึ้นอย่างอบอุ่นในวันนี้ โต๊ะยาวถูกประดับด้วยดอกไม้โทนสีขาวและสีฟ้าอ่อน สื่อถึงความสุขและการเริ่มต้นใหม่ของชีวิตเล็ก ๆ ที่กำลังจะลืมตามาดูโลก บนโต๊ะตรงกลางมีเค้กสามชั้นซึ่งตกแต่งด้วยตุ๊กตาคู่เจ้าบ่าวเจ้าสาว และเด็กทารกตัวจิ๋วที่วางอยู่ระหว่างกลาง สัญลักษณ์ของครอบครัวที่กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง วันนี้ยาหยีสวมเดรสสีครีมที่ออกแบบให้รองรับหน้าท้องของคุณแม่ตั้งครรภ์ได้อย่างสวยงาม เธอยืนยิ้มกว้าง และมองไปรอบ ๆ สวนที่วันนี้ถูกจัดให้เป็นทั้งงานแต่งเล็ก ๆ ซ้ำอีกครั้ง รวมทั้งงานเบบี้ชาวเวอร์ เป็นการเฉลิมฉลองเพื่อต้อนรับเจ้าตัวน้อยของพวกเขา ทิวายืนอยู่ข้าง ๆ เขามองภรรยาด้วยสายตาที่ทั้งรักทั้งหวง “พร้อมไหมครับเจ้าสาวของพี่” เขาก้มลงกระซิบเบา ๆ ข้างหู "งานวันนี้มันเกิดขึ้นเพราะความรักและความเต็มใจของเราสองคนใช่ไหมคะ?" “ใช่ครับ และพี่ก็อยากจัดงานแต่งกับหยีทุกปีเลย" เขาพูดพร้อมรอยยิ้มขี้เล่นเหมือนเดิม ก่อนจะจับมือเรียวเอาไว้
รถคันหรูแล่นผ่านรั้วบ้านหลังใหญ่เข้ามา จนมาจอดสนิทที่โรงจอดรถ บ้านที่เขาคุ้นเคย บ้านที่เขาเคยเดินเข้ามาสารภาพบาปเรื่องรังแกยาหยีในวันที่เมามายและขอเธอแต่งงาน จนกระทั่งวันที่เขาทำให้เธอร้องไห้หนัก ๆ บ้านนี้ก็ไม่เคยเปิดประตูต้อนรับเขาอีกเลย แต่วันนี้เขากลับมาอย่างภาคภูมิใจอีกครั้ง รุ่งทิวาเดินออกมาจากบ้านเพื่อมารอรับลูกสาว นางยิ้มหวานทักทายลูกสาวและลูกเขยด้วยความเป็นมิตรเหมือนเคย “กลับมากันแล้วเหรอลูก” “ค่ะ แม่” ยาหยีตอบ ก่อนจะก้าวเข้าไปกอดแม่แน่น ๆ อย่างคิดถึง ทั้งที่เธอไม่ได้กลับมาบ้านแค่คืนเดียวเท่านั้น "สวัสดีครับคุณแม่" ทิวายกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพอย่างนอบน้อม "ไหว้พระเถอะตาทิ ไปนอนคอนโดมาคงหลับฝันดีสินะ หน้าตาดูสดชื่นกันทั้งคู่เลย" "ก็ดีค่ะแม่ ได้พูดคุย ได้ปลดล็อกอะไรในใจหลาย ๆ อย่าง หยีกับพี่ทิเข้าใจกันดีแล้วนะคะ เราจะกลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม" "ถ้าลูกคิดว่าดีแม่ก็ว่าดีจ้ะ ปะ เราเข้าบ้านกันได้แล้ว ทานข้าวเช้ากันมาหรือยัง" "เรียบร้อยแล้วค่ะ แล้วพ่อล่ะคะแม่?" "รออยู่ข้างในน่ะ ปะ ตาทิ เข้าบ้านกันลูก" นางหันไปยิ้มให้กับลูกเขยอีกครั้ง "เดี๋ยวผมต้องเอาของหลังรถเข้าไ
"พี่ทิ หยีเจ็บ อื้อ..." "เดี๋ยวก็หายนะที่รัก เราจะไปช้า ๆ มันรู้สึกดีมากเลยหยี คิดถึงหยีที่สุดเลย" จุดเชื่อมต่อค่อย ๆ ขยับเข้าออกช้า ๆ ยิ่งสร้างความเสียวซ่านให้กับคนทั้งคู่ เสียงครวญครางเริ่มดังขึ้น เสียงเนี้อกระทบเนื้อเริ่มไต่ระดับขึ้นตามความปรารถนาของร่างกายที่กำลังนำพา ร่างหนาโยกกายเข้าออกซ้ำ ๆ ยิ่งคนในอ้อมกอดครวญครางมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเร่งเร้าตามให้ทันเธอ ก่อนที่จะจบลงด้วยเสียงหอบกระเส่าของคุณแม่ตั้งครรภ์ และเสียงคำรามอย่างสุขสมของเขาที่ตามมาติด ๆ ทิวากอดร่างของเธอเอาไว้แน่น ใบหน้าหล่อซบลงบนแผ่นหลังของหญิงสาวอย่างหมดแรงไม่ต่างกัน ริมฝีปากหนาพรมจูบแผ่นหลังขาวเนียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงหัวใจยังคงเต้นตึกตักแทบจับจังหวะไม่ได้ นานนับสองนาทีกว่าที่ทุกอย่างจะกลับคืนสู่สภาพเดิม "มันดีใช่ไหมหยี?" เสียงทุ้มถามขึ้นเบา ๆ มือหนายังลูบไล้หน้าท้องที่นูนเด่นไปมาอยู่เช่นเดิม "ดีค่ะ แต่เหนื่อยจังเลย ลูกจะเป็นไงบ้างนะ เมื้อกี้พี่ทิทำรุนแรงเกินไปไหมคะ?" ฝ่ามือเรียวลูบหลังมือของเขาไปมาเบา ๆ "ท่าเบสิกแล้วนะหยี ไม่แรงเกินไปหรอก ลูกคงรับรู้ว่าพ่อคิดถึงแม่มากแค่ไหน ก็หยีนั่นแหละทำให้พี่แทบคลั่งจ
ทิวาใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานมาก และนานพอที่จะเดินออกมาแล้วเห็นยาหยีนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงแล้วในเวลานี้ ร่างสูงเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างเตียงฝั่งที่เธอกำลังนอนหลับ เขามองจ้องหน้าผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าภรรยาและแม่ของลูกด้วยความเอ็นดู เขาไม่เคยได้มองเธอใกล้ ๆ แบบนี้เลยสักครั้ง ทั้งที่มีโอกาสได้ทำมาตลอด เขาไม่เคยรู้สึกว่าหัวใจจะมีเพียงแค่เธออย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้เลยด้วยซ้ำ แต่พอมาวันนี้เขาอยากมีเธอในชีวิต อยากอยู่ใกล้เธอ อยากสร้างครอบครัวที่มีความสุขไปด้วยกันตลอดจนแก่เฒ่า เตียงนอนอีกฝั่งยุบยวบลง ทำให้คนที่เผลอหลับถึงกับงัวเงียลืมตาขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงที่เปลือยเปล่าขยับเข้ามานอนลงใกล้ ๆ แทบจะเรียกได้ว่าเหมือนเขาจะสิงร่างเธอแล้วในตอนนี้ "พี่ทิ จะขยับมานอนใกล้อะไรขนาดนั้นคะ? แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าเนี่ย หยีจะบ้าตาย" เสียงบ่นต่อว่าเขาก็ดังขึ้น แต่คนที่นอนตะแคงอยู่ข้างกายกลับไม่สนใจอะไรแล้วในเวลานี้ อ้อมแขนแข็งแรงพาดทับไปบนเอวหนาของคุณแม่ตั้งครรภ์ ก่อนจะดึงเข้ามากอดแน่น ๆ "ปกติก็นอนแบบนี้ ไม่ชอบใส่เสื้อผ้านอน เธอไม่รู้หรือยังไงหยี" "จะรู้ได้ยังไงคะ ก็ไม่เคยได้นอนด้วยสักครั้ง เตียง
หลังจากอาบน้ำไปนานกว่าครึ่งชั่วโมง ยาหยีเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูพันกายไว้ และมีผ้าผืนเล็กคลุมไหล่อีกหนึ่งผืน กลิ่นแชมพูหอมอ่อน ๆ ลอยปะปนมาในอากาศ เธอเห็นทิวายืนเลือกเสื้อยืดตัวใหญ่อยู่ เหมือนกำลังตั้งใจเลือกตัวที่ดีที่สุดให้เธอได้ใส่ก็ไม่ปาน “ได้เสื้อยังคะ?” “ได้แล้วครับ ตัวนี้นุ่มสุดเลยนะ รับรองใส่แล้วนอนหลับสบาย” ยาหยีหัวเราะขึ้นเบา ๆ กับคำพูดนั้น ก่อนจะรับเสื้อมาเปลี่ยน ทิวามองภาพนั้นเงียบ ๆ ความคุ้นเคยที่หายไปหลายเดือนมันกลับมาชัดเจนจนใจเขาเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เขาไม่เคยได้สนใจ ไม่เคยเห็นเธอในสภาพที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จแบบนี้ เขาและเธอพลาดอะไรหลาย ๆ อย่างที่ควรจะได้ทำร่วมกันมานานมากเหลือเกิน “พี่ทิ มองอะไรคะ?” “มองเมียครับ เมียสวย กลัวจะหายไปอีกน่ะ” เขาตอบยิ้ม ๆ ไม่เคยมีความสุขแบบนี้มานานมากแล้ว ยาหยีชะงัก มือที่กำลังชโลมครีมทาผิวหยุดนิ่งลง เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาเล็กน้อย “พี่พูดเหมือนหยีจะไปไหนได้อย่างนั้นแหละ” “หยีไปตั้งหลายเดือนแหละ เพิ่งจะได้กลับมาวันนี้เองนะ” ทิวาก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว ก่อนจะยื่นมือมาสัมผัสแก้มเธออย่างแผ่วเบา “ไม่ได้อยากให้หยีอยู่เพราะลูกนะ แ
"ไม่ได้อยู่นาน ห้องทำความสะอาดไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้ หยีแพ้ฝุ่นนะคะ ถ้าฝุ่นเยอะคงนอนไม่ได้" "มีแม่บ้านมาทำความสะอาดวันเว้นวันนั่นแหละหยี ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก ไปอาบน้ำให้สบายตัวไหม เดี๋ยวจะไปหาเสื้อมาให้เปลี่ยน" "เดี๋ยวขอโทรไปบอกพ่อกับแม่ก่อนนะคะ กลัวที่บ้านจะเป็นห่วง ไม่รู้ว่าพ่อแม่จะโอเคไหมที่หยีตัดสินใจแบบนี้" ฝ่ามือหนาของทิวายกขึ้นลูบแก้มนวลนั้นอีกครั้ง ก่อนจะก้มลงจุมพิตริมฝีปากอวบอิ่มเบา ๆ "พ่อตาแม่ยายใจดี พวกท่านจะดีใจมากถ้าเราได้กลับมาเป็นครอบครัวกันอีกครั้ง พ่อหยีอาจจะยังโกรธอยู่ แต่ฉันตั้งใจไว้แล้ว วันพรุ่งนี้จะไปหาพวกท่านที่บ้าน หยีโทรหาพ่อกับแม่เถอะ" ยาหยีหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา เธอไม่ได้โทรไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เลือกที่จะกดส่งข้อความไปหาแม่เพื่อบอกเล่าว่าคืนนี้จะไม่กลับ จะค้างอยู่กับทิวาที่คอนโด ไม่ต้องเป็นห่วง เธอปลอดภัยดี "เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวหยีไปอาบน้ำก่อนนะคะ ไปหาเสื้อมาให้เปลี่ยนด้วยล่ะ" ยาหยีลุกขึ้นยืนช้า ๆ ก่อนจะเดินอุ้ยอ้ายเข้าไปภายในห้องนอนของตัวเองที่เคยอยู่อาศัยเมื่อหลายเดือนก่อน ทิวาก็เดินตามหลังหญิงสาวไปติด ๆ เข้าไปภายในห้องนอนเ







