LOGINเพราะฝนตกหนักและมีเสียงฟ้าดังก้องทำให้ม่านบุษยาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เดินเช็ดผมที่เพิ่งสระออกมานอกห้อง เพื่อตรวจดูว่ากระจกระเบียงปิดเรียบร้อยแล้วหรือไม่ แต่กลับพบพชรยืนอยู่กลางห้องรับแขก
เขาวางกุญแจรถที่ถาดรอง ก่อนจะก้าวเข้ามาช้าๆ บวกกับบรรยากาศฝนฟ้าคะนองและฟ้าแลบแปล๊บ ช่างทำให้รอบตัวของหล่อนอึดอัดเหลือเกิน
ม่านบุษยาพยายามข่มใจให้นิ่ง ทำทีเป็นเช็ดผมและเดินไปที่กระจกระเบียง ตรวจดูกลอนล็อกให้แน่นหนา
“ทำไมไปที่ร้านอาหาร”
เสียงทุ้มที่ฟังรู้ว่าเป็นประโยคคำถาม แต่ช่างเป็นคำถามที่คุกคามเหลือเกิน
“บัวแค่ไปกินข้าวกับเพื่อน และขอโทษค่ะ ไม่คิดว่าคุณเพชรจะไปที่ร้านนั้น”
พชรเดินเข้ามาใกล้ กระชากมือที่กุมผ้าเช็ดผมออก พร้อมบีบข้อมือแน่น
“แล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นในร้าน”
“บัวไม่ได้ทำหน้าอะไรเลยนะคะ”
“เธอจ้องฉัน! เหมือนจะให้คนอื่นรู้”
“เหรอคะ! แต่บัวจำได้ว่าบัวไม่ได้ทำอะไรเลย”
“เธอทำ!”
เสียงคุกคามและมือก็บีบแน่นจนหล่อนเจ็บ แต่มันยังน้อยไปกว่าใจ ตอนนี้ก็ไม่ต่างจากถูกบีบและขยี้ซ้ำๆ
“โอเคค่ะ บัวทำก็ได้”
“ไม่ต้องมาประชด”
“คุณเพชรจะเอายังไงคะ พอบัวบอกว่าบัวไม่ได้ทำ คุณเพชรก็จะให้บัวทำ พอบัวบอกว่าทำ คุณเพชรก็หาว่าบัวประชด”
“ไม่ต้องมาเล่นลิ้นเลย บัว... เธอไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ”
“ใช่ค่ะ! บัวไม่เคยเป็นแบบนี้ และไม่คิดจะเป็นด้วย เป็นคุณเพชรนั่นแหละ ที่ทำให้บัวเป็นแบบนี้”
“ก็ฉันบอกให้เธออยู่เฉยๆ ไง ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง ทำไม! การเป็นเมียฉันเงียบๆ มันลำบากมากนักหรือไง ทีอีตอนอยากได้เงินฉัน อะไรก็ได้ไม่ใช่เหรอ ก็นี่ไง! ฉันจะให้เงินเธอ จะเอาอีกกี่ล้าน บอกมา! ห้าล้าน สิบล้านพอไหม แลกกับให้เธอเงียบ”
เงียบ... ม่านบุษยาเงียบไปจริงๆ ก็หล่อนจะพูดอะไรได้อีก ในเมื่อพชรพูดมันออกมาหมดแล้ว เขาแค่ต้องการให้หล่อนเป็นเมียเก็บ เมียน้อย เป็นของตายของเขาต่อไป ก็เท่านั้น
อยู่ที่ตัวหล่อนเองว่าจะไปทางไหนต่อ จะยอมเป็นของตายที่เขาเลี้ยงด้วยเงิน โดยให้เหตุผลกับตัวเองว่ารักเขา หรือจะไปจากที่นี่ด้วยเหตุผลว่าหล่อนรักตัวเอง
ม่านบุษยาสั่นสะอื้นน้อยๆ ทั้งที่ไม่มีน้ำตาสักหยด
ก็คำตอบหล่อนรู้อยู่แก่ใจนานแล้ว
ไม่มีทางที่จะยอมเป็นของตาย แม้จะต้องตายก็ตามเถอะ
พชรหัวเสีย เมื่อเห็นท่าทีอึ้งไปของม่านบุษยา วันนี้เขาเห็นหล่อนที่ร้านอาหารตั้งแต่เดินเข้ามา แต่พยายามทำเป็นไม่เห็น เพราะไม่อยากให้หล่อนรู้สึกแย่ที่เขาเห็นแต่แสดงออกอะไรไม่ได้ แต่เพราะม่านบุษยาจ้องเขาไม่หยุด นั่นทำให้เขาต้องมองปราม
เขาไม่ได้อยากไปที่ร้านอาหารนั่น เพราะเรื่องเขากับม่านบุษยายังเปราะบาง ไม่อยากให้มีอะไรกระทบอีก แต่เพราะวิกัญญาโทร.มา ขอให้ไปปรากฏตัวด้วยกันในที่สาธารณะ เพราะจะช่วยทำให้เรตติ้งซีรีส์ของหล่อนที่กำลังออนแอร์ดีขึ้น
ซึ่งถ้าเขารู้มาก่อนว่าจะไปเจอม่านบุษยาที่นั่น เขาจะไม่ไปเด็ดขาด
แล้วนี่พอส่งวิกัญญาเสร็จ เขาก็เรียบขับรถฝ่าสายฝนมา แต่กลับมาเจอม่านบุษยาทำหน้าเฉยเมยใส่อีก แล้วตอนนี้หล่อนก็เงียบ ไม่พูดไม่จา ไม่มองหน้า บิดมือออกจากมือเขา
“หึ... เงียบอีกแล้ว พอเถียงไม่ได้ก็เงียบ”
เขาเห็นม่านบุษยากัดริมฝีปากตัวเองแน่นก่อนจะเงยหน้ามองเขา ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยหยาดน้ำที่รู้ดีว่าหล่อนจะไม่มีวันให้มันไหลออกมา
เขาเกลียดท่าทางถือดีแบบนี้ของม่านบุษยาที่สุด
‘มีอะไรดี ถึงได้ถือดีแบบนั้น’
แต่แล้วใบหน้าสวยก็เปลี่ยนเป็นยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มที่เขาเห็นรอยเลือดที่ริมฝีปาก
“แล้วคุณเพชรอยากให้บัวพูดอะไรคะ”
น้ำเสียงสุภาพ แต่ยิ่งทำให้เขาโมโห
“พูดอะไรก็ได้ ที่ไม่ได้มาจากท่าทีจองหอง อวดดีแบบนี้”
“ค่ะ”
ม่านบุษยารับคำเบาๆ อกอวบอิ่มกระเพื่อมขึ้นน้อยๆ อย่างคนสั่นสะอื้น หล่อนมองเขา ยิ้มอย่างอ่อนโยนที่สุด
“จะไม่มีเหตุการณ์แบบวันนี้เกิดขึ้นอีกค่ะ บัวขอตัวไปนอนก่อนนะคะ”
เสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากของเด็กชายตัวน้อยดังก้องไปทั่วสนามหญ้าหน้าบ้านที่กว้างมาก เพราะรั้วกั้นระหว่างกันถูกรื้อออก ‘น้องพอร์ช’ เด็กชายวัย 1 ปีเต็ม เดินเป๋ไปเป๋มา แต่ก็พยายามหนีคุณพ่อที่ทำหน้าตาเหมือนสัตว์ประหลาดคลานสี่ขาหยอกเย้าเจ้าตัวน้อยหัวเราะเมื่อคุณพ่อไล่ตามทัน พร้อมกับแกล้งนอนบนผืนหญ้าเหมือนยอมแพ้ แต่พอคุณพ่อผละออก เด็กน้อยก็พลิกตัวคลานเข่าแล้วรอดหนีจากใต้ท้องสัตว์ประหลาดมาได้ม่านบุษยายืนยิ้มอยู่หน้าบ้าน ยกกล้องในมือถือบันทึกทุกช่วงเวลาแห่งความสุขเอาไว้ ใครกันจะคาดคิดว่าท่านประธานแห่งธาราธรกรุ๊ป จะมีโมเมนต์แบบนี้ด้วยกล้องในมือแพลนไปยังจุดที่แม่นั่งอยู่ที่เปลชิงช้าไม่ไกลจากจุดที่พชรกำลังเล่นกับลูก และที่หน้าบ้านม่านมัสลินกำลังบังคับวีลแชร์ไปตามทางปูนเล็กๆ ที่พชรสั่งให้คนงานมาทำเชื่อมกันไว้กับทุกจุดของบ้าน เพื่อตรงไปยังรถยนต์ของไปรษณีย์ที่เพิ่งมาจอดเทียบ และคุณลุงชัยของน้องพอร์ช ซึ่งตอนนี้ได้เลื่อนขึ้นมาขับรถรับพัสดุฯ กำลังก้าวลงมาชีวิตสงบ เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความรักม่านบุษยามองทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวด้วยความสุข ขณะยกกล้องขึ้นถ่ายรูปด้านหลังของคุณพ่อที่อุ้มลูกชายขึ้นนั่งบนบ่า
คนขับรถที่พูดแบบติดตลก แต่เขาตลกไม่ออกเลย คำ ‘รัก’ เหรอ เพิ่งเคยได้พูดไปแค่ 2 ครั้ง แต่คำว่ารักจะมีความหมายอะไร ถ้าการกระทำสวนทาง‘ฉันรักบัวนะ ถ้าไม่รักจะทำแบบนี้เหรอ นายก็เห็นว่าฉัน... ฉันเปลี่ยนไปแล้วนะ เปลี่ยนไปในทางที่ดี ที่คิดว่าคนอย่างฉันไม่น่าจะทำได้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่รัก คงไม่ทำแบบนี้หรอก’‘แล้วคุณบัวเชื่อไหมครับ’นั่นคือคำถามจากคนขับรถที่เขาให้คำตอบไม่ได้‘อย่าว่าผมแนะนำเลยนะครับ ที่คุณเพชรทำกับคุณบัวมันหนักหนา ถ้าคุณบัวจะไม่เชื่อว่าคุณเพชรรักเธอจริง แต่เธอคิดว่าที่คุณเพชรมาทำดีด้วยเพราะต้องการลูก ผมว่ามันจะไปกันใหญ่ รักแล้วต้องแสดงออกทุกอย่างนะครับ ต้องทำให้เมียแน่ใจเชื่อใจว่ารักเธอจริงๆ แล้วก็ต้องพูดว่ารักออกมาจากปากด้วยครับ ผู้หญิงเป็นเพศที่ซับซ้อน ไม่ว่าคุณเพชรจะพยายามแสดงออกว่ารักมากแค่ไหน แต่พวกเธอก็อยากได้ยินคำนั้นด้วยครับ แค่บอกว่ารักเมีย มันง่ายจะตาย คำสั้นๆ ง่ายๆ แต่พวกเธอมีความสุข’พชรพยายามจะยกมือขึ้นจะเช็ดน้ำตาที่เจิ่งนองใบหน้าสวย แต่อาการขัดยอกก็ทำให้ยกช้า ม่านบุษยาจึงรีบปาดน้ำตาตัวเองจนแห้ง ยิ้มน้อยๆ ว่าหล่อนทำเองได้สิ่งที่เห็นยิ่งทำให้พชรสะท้อนใจ ไม่มีเขา ม่านบุษย
สายฝนโปรยปรายตลอดเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ และปราณบุรี“ช้าหน่อยนะครับคุณเพชร ฝนตกหนักมากเลยครับ”“อืม... ไม่เป็นไร ไปเรื่อยๆ เอาปลอดภัยไว้ก่อน”พชรบอกคนขับรถ นี่คือสาเหตุที่เขาไม่ได้เอารถไปจอดไว้ที่ข้างบ้านม่านบุษยา เพราะตลอด 1 เดือนก่อนที่หล่อนจะคลอด เขาตีรถจากกรุงเทพฯ มาปราณบุรีทุกวัน พอเคลียร์งานเรียบร้อย เขาก็ออกเดินทาง โดยมีคนขับรถมาให้ พอคนขับส่งเขาที่บ้าน ก็ไปจอดนอนพักที่โฮมสเตย์ของป้าแป้น เพื่อตี 5 จะตีรถเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้ง เรียกได้ว่าคนขับรถของเขา เทียวไปเทียวมาจนคุ้นชินกับทุกหลุมบนท้องถนน ที่บ้านม่านบุษยา แม่ชำเลืองมองไปที่หน้าบ้านบ่อยครั้ง เพราะว่าดึกแล้วแต่พชรก็ยังไม่มา “บัว คุณเพชรเขาโทร.มาบอกแม่ว่า จะกลับมาวันนี้ แต่นี่มันดึกแล้วนะลูก ฝนก็ตกหนักอีก” แม่เหมือนจะบ่นให้ฟัง แต่ม่านบุษยารู้ว่านั่นคือความเป็นห่วง หล่อนเองก็ห่วงพชรเช่นกัน “ลองโทร.หาดีไหมลูก” ม่านบุษยาพยักหน้า ก่อนจะกดโทร.ออก ทว่าติดแต่ไม่มีคนรับ ลางสังหรณ์บางอย่างพวยพุ่ง หัวใจของหล่อนสั่นไหว เพราะถึงเสียงฝนจะดัง แต่ถ้าพชรกำลังเดินทาง เขาต้องเ
ข่าวหน้าแรกของเว็บไซต์ข่าวเศรษฐกิจชื่อดังพาดหัวว่า[‘พชร ธาราธร’ ผงาด! คว้าโควต้าส่งออกอาหารทะเลล็อตใหญ่ เปิดตลาดใหม่สู่ยุโรป]ตามด้วยภาพของเขาในชุดสูทเรียบหรู กำลังก้าวลงจากเวทีพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ไม่ได้ดุดันเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเพจข่าวบันเทิงอีกด้านกลับดึงประเด็นดราม่าเก่า[อดีตคู่หมั้นที่วิกัญญาเคยฟ้องว่านอกใจ-ทำร้ายร่างกาย แต่พชรกลับได้เป็นผู้นำธุรกิจไทย]เนื้อข่าวมองมาแต่ดาวอังคารยังรู้ว่านี่การขุดหลุมฝังกลบวิกัญญา แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้เรียกยอดวิวได้มากที่สุด เพราะเหล่าบรรดาประชาชนช่างใส่ใจเข้ามาคอมเมนต์โพสต์กันจ้าละหวั่น[ใครจะยอมแต่งงานแบบคลุมถุงชนกันง่ายๆ ล่ะคะ คุณเพชรเขามีคนรักอยู่แล้ว เขารักกันมา 6 ปี ไม่ใช่เรื่องนอกใจค่ะ]คอมเมนต์จากผู้ใช้ชื่อ ‘ม่านฝัน’ มีคนมากดไลก์นับหมื่นและแชร์กระหน่ำ กระแสกลับตาลปัตรอย่างสมบูรณ์ และชื่อของพชรกลายเป็นภาพจำใหม่ของ ‘ผู้ชายที่มีความรักมั่นคง’ ในสายตาชาวเน็ตแต่เรื่องที่ทำให้คนทั้งประเทศฮือฮา ก็คือการให้สัมภาษณ์สดกับช่องเศรษฐกิจชื่อดังในช่วงเย็นของวันนั้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามคำถามสุดท้าย“มีข่าวซุบซิบว่าคุณเพชรหายไปหนึ่งเดือนกว่าๆ เพราะลาค
พชรทำตัวเหมือนเป็นคนในครอบครัว เช้าตรู่เขามาพาลูกไปรับวิตามินดี พอเอาลูกมาส่งคืนแม่ เขาก็ไปช่วยซักผ้าอ้อม ซึ่งทุกวันก็จะมีผ้าที่เปื้อนอึ แม้ว่าแม่จะล้างอึออกไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นเป็นรอยที่ต้องขยี้ซัก และก็มีบ้างบางวันที่เจ้าตัวน้อยอึออกมาสดๆ ร้อนๆ ขณะที่เขากำลังซักผ้าอ้อมอยู่“ผมทำเองครับแม่”“อุ๊ย! ไม่ได้ค่ะคุณเพชร เดี๋ยวแม่ล้างเอง คุณเพชรไปซักกองนั้นก็พอค่ะ”แม่ของม่านบุษยาพูดขึ้นอย่างเกรงใจ แม้จะเรียกแทนตัวเองว่า ‘แม่-ลูก’ กันไปแล้ว แต่ใครจะกล้าใช้ท่านประธานบริษัทมาล้างอึลูก“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากทำ”“มันเหม็นนะคะ”พชรกลับส่ายหน้า อมยิ้มน้อยๆ“อึลูกไม่เหม็นหรอกครับ ผมอยากทำให้เขา”คนพูดไปน้ำตาคลอไป ทำให้ม่านมัสลินที่แอบดูอยู่ที่ข้างประตูหัวเราะคิกคัก“พี่เพชรหอมจนร้องไห้เลยนะคะ”อีกคนที่เรียกพชรว่า ‘พี่’ อย่างสนิทสนมม่านบุษยานั่งให้นมลูกและฟังเสียงพูดคุยของทั้งสามคนไปด้วย บรรยากาศในบ้านที่อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ อดไม่ได้ที่จะทำให้หล่อนยิ้มตาม คงมีเพียงหล่อนคนเดียวที่ไม่มีความสนิทสนมกับเขาจนน้องพอร์ชอายุได้ 1 เดือน พชรก็ยังมีกิจวัตรเหมือนเดิม ไม่ได้กลับไปทำงาน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ งานเ
เสียงร้องเบาๆ ของเด็กทารกดังลอดออกมาจากบ้านไม้หลังกะทัดรัดข้างเคียง พชรยืนอยู่ข้างรั้วชะเง้อมอง แต่ไม่กล้าก้าวเข้าไป เพราะเจ้าของบ้านไม่ได้อนุญาต ตั้งแต่วันที่ม่านบุษยาคลอดลูก และกลับบ้านได้ในวันรุ่งขึ้น หล่อนก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีกเลย เขารู้ว่าหล่อนเหนื่อย แต่กลับมาบ้านแล้ว ม่านบุษยาก็ยังไม่ได้เรียก ไม่ได้คุยกับเขา ทว่าทุกครั้งที่เขาได้ยินเสียงลูกร้อง ใจเขาจะขาด“แม่ครับ! น้องพอร์ชเป็นอะไรครับ ทำไมร้องเสียงดังล่ะครับ”อดไม่ได้ที่จะตะโกนถาม เมื่อเห็นแม่ของม่านบุษยาเดินออกมาหญิงสูงวัยท่าทางใจดีกวักมือเรียกเขา และทำท่าจุ๊ปากไม่ได้เขาพูด แค่นั้นก็เข้าใจทันทีพชรแทบจะเหาะเข้าไปในบ้านของม่านบุษยา และแม่ของหล่อนก็จูงมือเขาไปแอบอยู่ข้างประตูกระจก ให้แอบมองด้านใน ที่เห็นก็คือ ม่านบุษยากำลังนั่งให้นมลูก และแม่ก็เข้ามากระซิบ“น้องพอร์ชหิวนมน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”พชรพยักหน้าแต่สายตามองภาพนั้นไม่หยุด ภาพใบหน้าสวยหวานของม่านบุษยาที่ทอดมองลูกชายตัวน้อยของเขา แค่เห็นก็มีความสุขเหลือเกิน“เด็กอ่อนยังเอาออกมาโดนลมมากไม่ได้ แต่เช้าๆ ตอนพระอาทิตย์ขึ้น แม่จะอุ้มเขาออกมารับวิตามินดี”“ครับ ขอบคุณครับ”เขารู







