ซูหวินซียืนลูบหลังให้กับคนตัวสูงด้วยความห่วงใย ที่เขาเอาแต่อาเจียนออกมาอย่างเดียวจนหมดแรง นางใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดมุมปากให้กับเขาที่ยืนพิงอยู่ริมระเบียง
" รบกวนใต้เท้าเสี่ยว ไปตามท่านหมอให้มาดูท่านแม่ทัพที " " ขอรับฮูหยิน " เสี่ยวฮัวที่ได้ยินเสียงแปลก ๆ จึงได้เดินมาดู และเห็นว่าท่านแม่ทัพกำลังยืนพิงราวระเบียงอยู่ด้วยท่าทางอ่อนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาจึงออกมาตามท่านหมอตามคำขอของฮูหยินในทันที ไป๋มู่จินมองเสี้ยวหน้าหวานที่อยู่ใกล้ ๆ คนตัวเล็กนางกำลังใช้ผ้าชุบน้ำมาเช็ดให้หน้าให้เขาอยู่ ด้วยสีหน้าเป็นกังวล " ตัวก็ไม่ร้อน .... ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่ " นางเอ่ยถามเขา ทั้งที่มีเรียวก็ยกขึ้นมาอิงหน้าผากหนาไปด้วย เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยที่เห็นท่าทางห่วงใยของนางเช่นนี้ " เจ้าขยับเข้ามาอีกหน่อยสิ " ถึงจะสงสัย แต่คนตัวเล็กก็ขยับเข้าไปหาเค้าอย่างว่าง่าย มือหนารั้งเอวบางเข้ามาแนบชิดลำตัว ก่อนที่จะซบหน้าลงกับบ่าเล็ก ๆ ของนาง กลิ่นกายหอม ๆ ทำให้เคซูหวินซียืนลูบหลังให้กับคนตัวสูงด้วยความห่วงใย ที่เขาเอาแต่อาเจียนออกมาอย่างเดียวจนหมดแรง นางใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดมุมปากให้กับเขาที่ยืนพิงอยู่ริมระเบียง " รบกวนใต้เท้าเสี่ยว ไปตามท่านหมอให้มาดูท่านแม่ทัพที " " ขอรับฮูหยิน " เสี่ยวฮัวที่ได้ยินเสียงแปลก ๆ จึงได้เดินมาดู และเห็นว่าท่านแม่ทัพกำลังยืนพิงราวระเบียงอยู่ด้วยท่าทางอ่อนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาจึงออกมาตามท่านหมอตามคำขอของฮูหยินในทันที ไป๋มู่จินมองเสี้ยวหน้าหวานที่อยู่ใกล้ ๆ คนตัวเล็กนางกำลังใช้ผ้าชุบน้ำมาเช็ดให้หน้าให้เขาอยู่ ด้วยสีหน้าเป็นกังวล " ตัวก็ไม่ร้อน .... ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่ " นางเอ่ยถามเขา ทั้งที่มีเรียวก็ยกขึ้นมาอิงหน้าผากหนาไปด้วย เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยที่เห็นท่าทางห่วงใยของนางเช่นนี้ " เจ้าขยับเข้ามาอีกหน่อยสิ " ถึงจะสงสัย แต่คนตัวเล็กก็ขยับเข้าไปหาเค้าอย่างว่าง่าย มือหนารั้งเอวบางเข้ามาแนบชิดลำตัว ก่อนที่จะซบหน้าลงกับบ่าเล็ก ๆ ของนาง กลิ่นกายหอม ๆ ทำให้เค
ไป๋มู่จินลืมตาตื่นขึ้นมา ในตอนเช้าตรู่สายตาคมจ้องมองใบหน้าหวานของภรรยาตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน เขาขยับตัวอย่างแผ่วเบา เพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะตื่น เมื่อคืนนี้เขาคงจะแกล้งนางมากไปหน่อย จึงทำให้นางอ่อนเพลียถึงเพียงนี้ เขาจุมพิตหน้าผากมนอย่างแผ่วเบา หากไม่ใช่ว่าวันนี้เขาจะต้องไปดูความเรียบของของเสบียงที่จะนำกลับไปที่แดนเหนือด้วยแล้วหล่ะก็ วันนี้เขาคงจะไม่มีทางออกจากห้องไปไหนอย่างแน่นอน สายตาคมมองใบหน้าหวานอย่างอ่อนโยน เขาตอบไม่ได้ว่ารักนางไหม แต่กล้าบอกได้เต็มปากว่า หากบุรุษอื่นคิดที่จะเข้าใกล้นางล่ะก็ เขาไม่เอามันไว้แน่ ก่อนที่จะออกจากห้องไปเขากำชับทุกคนไม่ให้ไปรบกวนการพักผ่อนของฮูหยินน้อยอย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้นแล้ว ก็เตรียมตัวรับผลที่จะตามมาได้เลย ทุกคนภายในจวนต่างก็รู้ดีว่า คำพูดของเขาถือเป็นคำขาด และจะพูดเพียงครั้งเดียวไม่มีครั้งที่สอง วังหลวง เมื่อไป๋มู่จินตรวจสอบเสบียงเสร็จก็ถูกฝ่าบาทเรียกตัวไปพบอย่างกระทันหัน ร่างสูงเดินตามหลังกงกงมาศาลาในอุทยานหลวง
รถม้าของขบวนเจ้าสาว เริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง ทุกอย่างดูปกติ เหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ใต้เท้าต้าฉีกลับมานั่งประจำตำแหน่งคนขับเรียบร้อยแล้ว และบอกว่า จูหลงนางสบายดี " คุณหนู ท่านเป็นอะไรหรือป่าวเจ้าค่ะ " หลี่เจินเอ่ยถามผู้เป็นนาย เพราะเห็นว่านางนั่งเงียบตั้งแต่รถม้าเริ่มเคลื่อนตัวออกมาแล้ว " ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ " นางหันมาตอบสาวใช้ข้างกาย แต่ภายในใจของนางกลับรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง ก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรรอนางอยู่ที่จวนแม่ทัพบ้าง ขบวนรถเคลื่อนเข้ามาในเขตเมืองหลวง เสียงคนด้านนอกพูดคุยกันดังเจื้อยแจ้วอยู่ตลอดทั้งสองฝากฝั่งของถนน กว่าจะเดินทางมาถึงจวนแม่ทัพก็เหนื่อยเอาเรื่องเลย วังหลวง บรรยากาศในห้องทรงพระอักษร ขององค์ฮ่องเต้เริ่มตลึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากผู้เป็นใหญ่ที่สุดในแคว้น กำลังเฝ้ารออะไรบางอย่าง อย่างใจจดใจจ่อ " กงกง " " พะย่ะค่ะฝ่าบาท " กงก
จื่อจินหยวน มองแม่นางน้อยที่อยู่ในชุดเจ้าสาวตรงหน้าด้วยความพินิจ เพราะท่วงท่าและวาจาของนางช่างตรงไปตรงมาไม่เหมือนสตรีในห้องหอทั่วไปเอาเสียเลย " หากค่าเปิดผ้าคลุมหน้าของเจ้าออกเป็นคนแรกเจ้าจะถือว่าข้าเป็นเจ้าบ่าวได้หรือไม่ " จื่อจินหยวนเอ่ยกับสตรีร่างกายตรงหน้าด้วยความนึกสนุก แต่นางกลับทำเพียงแค่ไว ๆ เพียงเล็กน้อย " คุณชายน้อยผู้นี้ หากคิดว่าตนเองมีความสามารถมากพอหล่ะก็ ข้าจะรับไว้พิจารณาก็แล้วกัน " " หึ...คุณชายน้อยอย่างนั้นหรือ ได้ข้าจะถือว่าเจ้าตกลงแล้วนะ " จื่อจินหยวน ยกยิ้มมุมปากก่อนที่จะถือดาบเล่มใหญ่พุ่งตรงเข้าหาสตรีตัวเล็ก ด้วยความทะนงตน เนื่องจางการสืบประวัติของนางมาแล้ว นางเป็นเพียงคุณหนูในห้องหอ ที่เก่งแค่เรื่องงานบ้านงานเรือน และมีฝีมือในการสกัดน้ำหอมที่ล้ำเลิศเพียงแค่นั้น ไม่เห็นจะมีข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกวรยุทธเลย แต่เขาก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อนางกับหลบหลีกและตั้งรับเขาได้ทุกกระบวนท่า ทั้ง ๆ ที่ ยังมีผ้าคลุมหน้าอยู่ ชายชุดดำขบกร
จูหลงเดินกลับมาพร้อมกับต้าฉี พวกเขาทั้งสองดูเหมือนจะสนิทสนมกันมาก ทำให้ซูหวินซีและจินฟู่หลงหันไปมองหน้ากัน ด้วยความไม่เข้าใจ แต่ต่างคนก็ต่างความคิด แต่ไม่มีใครถามอะไร คนทั้งคู่เลย ต้าฉีเดินเข้ามาใกล้จินฟู่หลง แต่นางกลับเดินหนีไปอีกทาง และทำทีเป็นเลือกดูสินค้าต่าง ๆ โดยไม่ได้สนใจคนที่กำลังมองนางอยู่ สายตาคมมองสตรีตรงหน้าด้วยความฉงนว่านางเป็นอะไรกันแน่ ก็เมื่อวานยังคุยกันดี ๆ อยู่เลย " ฟู่หลง " นางหยุดชะงักไปเมื่อเขาเอ่ยเรียกนางเอาไว้ นางหยุดนิ่งแต่ก็ยังไม่ยอมหันมาสบตาเขาอยู่ " ใต้เท้า อะไรหรือเจ้าคะ " คำที่ใช้เรียกเขาก็เปลี่ยนไปด้วย จนคนใบหน้าคมเริ่มจะไม่พอใจ ว่าเหตุใดนางถึงได้ทำเหมือนกำลังโกรธอยู่ " เจ้าโกรธข้าเรื่องอะไร " " ไม่ได้โกรธ เราเองไม่ได้เป็นอะไรกัน ซักหน่อย " นางเอ่ยขึ้นเสียงเบา และเบือนหน้าหนีไปทางอืนแทน ต้าฉีเดินเข้ามาใกล้ และคว้าแขนคนตัวเล็กกว่าเอาไว้เพื่อมิให้นางเดินหนี " นี่ปล่
อำเภอชิงเหอ ซูหวินซีตรวจดูความเรียบร้อยภายในจวน อย่างละเอียด นางไม่อยากให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น หากนางไม่อยู่แล้ว ร่างบางเดินเข้ามาในสวนดอกไม้ ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบ ๆ จวนด้วยความอาลัย นางอยู่ที่จวนหลังนี้มาตั้งแต่เล็กจนโต หากต้องจากไปจริง ก็ไม่รู้ว่านางจะทำใจได้หรือไม่ " คุณหนู คนของท่านแม่ทัพนำชุดแต่งงานมาส่งเจ้าค่ะ " ร่างบางหันมาตามเสียงเรียกของสาวใช้คนสนิท นางพยักหน้ารับรู้และเดินตรงไปยังหน้าเรือนใหญ่ ภายในห้องโถงมีสตรีรุ่นราวคราวเดียวกับนางนั่งอยู่ ใบหน้าหวานหมดจดแต่งหน้าเบาบาง ดูแล้วงดงามยิ่ง แต่ถึงการแต่งกายจะงดงามและเรียบร้อยเพียงใด ก็ยังซ่อนแววตาซุกซนของแม่นางผู้นี้เอาไว้ไม่ได้ " ฮูหยินน้อย ข้าจูหลง นำชุดแต่งงานและเครื่องประดับมาให้ฮูหยินน้อยได้รองสวมใส่ เจ้าคะ " จูหลงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม และส่งยิ้มอย่างจริงใจให้กับสตรีที่งดงามตรงหน้า ด้วยความถูกชะตาตั้งแต่แรกพบ " เรียกข้า หวินซีก็ได้ ดูแล้วเจ้ากับข้าก็น่าจะอายุเท่า ๆ กัน เป็นสห