สุดท้ายแล้ววันหยุดที่เฝ้ารอให้มาถึงก็เปล่าประโยชน์ เพราะท้ายที่สุดก็ต้องออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกคนเดียวเหมือนทุกที นิวเยียร์ออกมาเที่ยวเล่นคนเดียวตั้งแต่ช่วงสาย นั่งรถไปเมืองข้างๆ เพื่อทำให้ตัวเองหายฟุ้งซ่าน กว่าจะกลับมาที่เมืองเดิมก็เย็นแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้คนใจร้ายอย่างนิกซ์จะกลับมาบ้านหรือยัง แต่ตอนนี้เธอยังไม่อยากกลับเข้าไป เลยแวะนั่งทานขนมที่คาเฟ่ใกล้ๆ กับเพนต์เฮาส์
Rrrrrr ~
ระหว่างนั่งรอขนมที่สั่งไป สมาร์ตโฟนในมือก็มีสายเรียกเข้าจากทางไกล นิวเยียร์ฉีกยิ้มกว้างทันทีที่เห็นสายโทรเข้ามาจากคนเป็นแม่
“สวัสดีค่ะคุณแม่คนสวย” นิวเยียร์กดรับสายพร้อมกับทักทายเสียงหวานอย่างออดอ้อน
[เสียงอ้อนมาเชียวนะ น้องนิวทำอะไรอยู่ลูก กินข้าวเย็นหรือยังคะ]
“ยังเลยค่ะ ตอนนี้น้องนิวอยู่คาเฟ่ใกล้ๆ กับบ้านพี่นิกซ์ค่ะ มากินขนม” นิวเยียร์ตอบด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว ใบหน้ายิ้มแย้มทุกครั้งที่ได้คุยกับคนเป็นแม่ “แล้วนี่คุณแม่ทำไมยังไม่นอนคะ ที่ไทยจะเที่ยงคืนแล้วนี่นา”
[กำลังจะนอนจ้ะ แต่คุณพ่อบอกว่าไม่ได้คุยกับน้องนิวหลายวันแล้วแล้วคิดถึง เลยให้แม่โทรหาตอนนี้]
“แล้วทำไมไม่ได้ยินเสียงคุณพ่อเลยคะ” ได้ยินคนเป็นแม่ตอบกลับมาแบบนั้น เธอก็รีบถามถึงคนเป็นพ่อทันที เพราะยังไม่ได้ยินเสียงเลย
[เป็นไงบ้างคะคนสวย ไม่คิดถึงพ่อบ้างเหรอ]
เสียงทุ้มอบอุ่นที่ดังมาจากปลายสาย ทำให้นิวเยียร์ถึงกับเม้มปากแน่น รู้สึกเหมือนตัวเองจะร้องไห้ เมื่อได้ยินเสียงอบอุ่นและอ่อนโยน จากผู้ชายที่เธอรักมากที่สุดอีกคน ถึงเธอจะคุยผ่านตัวหนังสือกับพ่อแม่อยู่ทุกวัน แต่ก็ไม่ใช่ทุกวันที่เธอโทรหาแล้วคนเป็นพ่อจะว่างคุย เพราะท่านเองก็มีงานต้องทำ
“คิดถึงสิคะ คิดถึงที่สุดเลย” นิวเยียร์พยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น
[คิดถึงก็รีบกลับมาหาสิ นี่วันหยุดหน้าพ่อว่าจะชวนแม่ไปดูคุณเสือด้วยนะ น้องนิวไม่อยากไปด้วยกันเหรอคะ]
“อยากไป~ น้องนิวอยากไปค่ะ”
[อยากไปก็ต้องรีบกลับนะคะ แล้วนี่…นิกซ์อยู่ด้วยมั้ย ขอพ่อคุยด้วยหน่อย]
“ไม่อยู่ค่ะ วันนี้พี่นิกซ์มีงานด่วนตั้งแต่เช้าเลย” เป็นอีกครั้งที่เธอต้องเม้มปากแน่น เมื่อคนเป็นพ่อถามหาอีกคน ก่อนจะตอบออกไปตามตรงไม่ได้โกหกหรือปิดบัง เพราะเขาบอกเองว่ามีงาน เธอก็แค่พูดเสริมเข้าไปว่าเป็นงานด่วนเฉยๆ
ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองไหม ที่รู้สึกว่าน้ำเสียงของคนเป็นพ่อตอนที่ถามหาคนใจร้ายอย่างนิกซ์นั้น ฟังดูน่ากลัวแปลกๆ ไม่เหมือนตอนที่คุยกับเธอเลยสักนิด
[งั้นเหรอ…]
หลังจากที่เธอตอบไปแบบนั้น ก็ได้ยินเสียงคนเป็นพ่อพูดตอบเบาๆ ก่อนที่จะไม่ได้ยินอะไรต่อจากนั้นอีกเลย มือเล็กยกสมาร์ตโฟนออกจากใบหู เมื่อรู้สึกได้ถึงความเงียบที่เข้ามาแทนที่สายสนทนา
“อ้าว… แบตหมดซะงั้น” คนตัวเล็กพึมพำเสียงเบา เมื่อพบกับสาเหตุที่อยู่ๆ ทุกอย่างก็เงียบไป เป็นเพราะสมาร์ตโฟนของเธอนั้นแบตหมด
นิวเยียร์มองซ้ายมองขวาเพื่อหาที่ชาร์ตแบต แต่ก็ลืมนึกไปว่าตัวเองไม่ได้พกที่ชาร์ตออกมาด้วย เลยตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปที่เคาน์เตอร์ เพื่อบอกกับพนักงานให้เปลี่ยนเมนูที่เธอสั่งทานที่ร้าน เปลี่ยนเป็นการกลับไปทานที่บ้านแทน เพราะเธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะเป็นห่วงที่อยู่ดีๆ สายก็ตัดไป แถมยังไม่มีใครสามารถติดต่อได้ด้วย
เหมือนว่าวันนี้อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจให้เธอเลยสักนิด เดินออกมาจากคาเฟ่ได้ไม่กี่ก้าว ก็มีหยดน้ำฝนตกลงมาจากฟ้า นิวเยียร์ยกมือขึ้นป้องกันสายตาเงยหน้ามองฟ้า เธอไม่รู้ว่าระหว่างวิ่งฝ่าสายฝน ที่เพิ่งจะเริ่มโปรยปรายลงมากลับเพนต์เฮาส์เลย กับกลับเข้าไปขอหลบฝนในคาเฟ่ก่อน เธอควรจะเอาแบบไหนดี แต่เธอก็ต้องรีบติดต่อกลับหาพ่อแม่เพื่อไม่ให้ท่านเป็นห่วง
พลั่ก!
ตุ้บ!
“อ้ะ!” นิวเยียร์ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ดีๆ ก็มีคนเดินมาชนเธอจนถุงขนมในมือหล่นลงพื้น
คนตัวเล็กรีบเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินชน แต่ยังไม่ทันจะได้เห็นหน้า รู้แค่ว่าเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ อยู่ๆ ร่างกายเธอก็หมุนไปตามแรงกระชากของกระเป๋า ที่ถูกผู้ชายคนนั้นกระชากออกจากไหล่เธออย่างรวดเร็วและรุนแรง
ฟึ่บ!
“กรี๊ดดดดด!” นิวเยียร์กรีดร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะล้มลงกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า
ตุ้บ!!
ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว ทั้งตกใจ ทั้งเจ็บ จนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรก่อนดี เงยหน้าขึ้นมองตามคนที่กระชากกระเป๋าเธอไปก็เห็นเพียงด้านหลังไวๆ จะร้องให้คนช่วยก็ไม่มีใครเดินผ่านไปผ่านมาสักคน สายฝนก็ยังคงโปรยปรายลงมาเรื่อยๆ
“เจ็บจัง” เสียงหวานสั่นเครือ เมื่อก้มมองที่หัวเข่าของตัวเอง แล้วเห็นว่ามีแผลถลอกจนเลือดซิบออกมา
ดวงตากลมโตสั่นไหว คลอไปด้วยน้ำใสๆ ที่กำลังจะไหลลงมา เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้จะต้องทำยังไงต่อ กลัวก็กลัว เจ็บก็เจ็บ ทุกอย่างผสมปนเปกันไปหมด ในที่สุดน้ำตาที่คลอเบ้าก็ไหลอาบลงที่ใบหน้า พร้อมกับน้ำฝนจากบนฟ้าที่เทกระหน่ำลงมา ราวกับกำลังซ้ำเติมเธออยู่
“คุณนิวเยียร์ครับ!”
เสียงเรียกชื่อของเธอดังขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนจะมีชายใส่ชุดสูทสีดำสองคนวิ่งตรงมาที่เธอ ด้วยท่าทีเร่งรีบอย่างคนตกใจ
“เป็นอะไรมากรึเปล่าครับคุณหนู” หนึ่งในสองคนที่วิ่งมารีบทรุดนั่งลงดูอาการให้กับนิวเยียร์ อีกคนก็รีบกางร่มออกเพื่อช่วยบังฝนให้ แม้ว่าตอนนี้เธอแทบจะเปียกไปทั้งตัวแล้วก็ตาม
“เจ็บ…ฮึก! กระเป๋า โจรมันกระชากกระเป๋าไปแล้ว ฮือๆๆ” นิวเยียร์บอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางชี้ไปยังทางที่โจรขโมยกระเป๋าเธอวิ่งหนีไป
เธอไม่รู้ว่าผู้ชายสองคนนี้เป็นใคร แต่จากการแต่งตัวก็พอจะเดาได้ว่าคงเป็นคนของครอบครัวนิกซ์ แถมพวกเขายังรู้จักชื่อเธอและเรียกเธอว่าคุณหนูอีก ถ้าไม่ใช่คนของครอบครัวนิกซ์ เธอก็เดาไม่ออกแล้วว่าพวกเขาจะเป็นใคร
แล้วพวกเขามาได้ยังไงกัน
“ไม่ต้องห่วงครับ คนของเรากำลังตามไป ขออนุญาตนะครับ” ร่างกายที่บาดเจ็บของนิวเยียร์ ถูกประคองให้ลุกขึ้นจากพื้นด้วยความระมัดระวัง
“ทำไมพวกคุณมาได้คะ แล้วทำไมรู้ว่ามีโจรกระชากกระเป๋าฉันไป” ความสงสัยทำให้เธอรีบถามอย่างอยากรู้ มันคงไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญ
“พวกเราตามดูแลความปลอดภัยให้คุณหนูอยู่ห่างๆ ตลอดเวลาเลยครับ ขอโทษที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นครับ” พูดจบชายทั้งสองก็ก้มหัวเป็นการขอโทษต่อเธอทันที
ด้วยความที่ตามดูแลความปลอดภัยอยู่ห่างๆ ทำให้เข้ามาถึงตัวเธอช้า และช่วยไว้ไม่ทันจนเธอได้รับบาดเจ็บแบบนี้
“พี่ครับ คุณนิกซ์กำลังมา” คนที่ถือร่มเอ่ยบอกกับคนที่ช่วยประคองร่างบางของนิวเยียร์ หลังจากที่ได้รับข้อความจากเพื่อนร่วมงานอีกคน ที่รายงานมาว่ากำลังมาที่เกิดเหตุ พร้อมกับเจ้านายหนุ่มอย่างนิกซ์
นิวเยียร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็มองซ้ายมองขวา เพื่อมองหาคนใจร้ายที่ลูกน้องของเขาพูดถึง ก่อนจะเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งแข่งสายฝนที่ตกปรอยๆ ตรงมาที่ที่พวกเธอยืนอยู่ หนึ่งในนั้นเธอจำได้ดีว่าเป็นใคร
ร่างสูงโปร่งของนิกซ์ ที่วิ่งนำหน้าลูกน้องมาด้วยความเร็ว หยุดลงตรงหน้าของนิวเยียร์ พร้อมกับลมหายใจที่เหนื่อยหอบ จากการวิ่งมาจากเพนต์เฮาส์ของตัวเอง ที่อยู่ห่างไปประมาณสองร้อยเมตร
“นิกซ์… ฮึก! ฮือๆๆ” นิวเยียร์เรียกคนตรงหน้าเสียงสั่น ก่อนจะโผเข้าสวมกอดเขาไว้แน่น ด้วยความกลัวและตกใจ
นิกซ์ก้มมองคนที่โผเข้ากอดตัวเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมองลูกน้องของตัวเองด้วยสายตาดุดันอย่างคาดโทษ
“ฮึก… น้องนิว ฮึก ฮือๆๆ”
“หยุดร้อง” นิกซ์สั่งเสียงเรียบ เมื่อเธอยังเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด จนพูดไม่รู้เรื่อง ก่อนจะยกมือขึ้นจับที่ไหล่ของเธอ ดันให้เธอปล่อยแขนที่กอดเขาแน่นออก
นิวเยียร์ที่ยังอยู่ในอาการตกใจกลัว ออกแรงกอดคนตัวสูงไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม เมื่อเขาพยายามจับร่างกายเธอดันออกจากตัวเอง แต่สุดท้ายเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอก็สู้แรงของเขาไม่ได้
“นิกซ์…” นิวเยียร์เรียกคนตัวสูงน้ำตาคลอ ริมฝีปากสั่นระริกจนต้องเม้มปากไว้แน่น
“กลับ” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นสั้นๆ ก่อนจะยื่นมือไปจับมือของคนตรงหน้าดึงให้เธอเดินตามเพื่อกลับบ้าน
“เจ็บ…”
เดินได้ก้าวเดียวก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงของคนตัวเล็กพูดขึ้นเบาๆ พอหันกลับไปมองก็ต้องขมวดคิ้วแน่น ที่เห็นว่าเธอบาดเจ็บที่หัวเข่าทั้งสองข้าง
ขวับ!
เป็นอีกครั้งที่นิกซ์ตวัดสายตา ไปมองลูกน้องของตัวเองด้วยความดุดัน ตอนที่วิ่งมาถึงเขาก็ไม่ทันได้สังเกตอะไร เพราะพอวิ่งมาถึงก็ถูกนิวเยียร์โผเข้าสวมกอดอย่างรวดเร็ว เลยไม่รู้ว่าเธอได้รับบาดเจ็บจนเลือดออกแบบนี้
“น้องนิวเดินไม่ไหว มันเจ็บ… ฮึก!”
หมับ!
มือหนาของนิกซ์คว้าร่มจากในมือของลูกน้อง แล้วยื่นไปตรงหน้าของคนตัวเล็กที่ยืนเม้มปากแน่นน้ำตาคลอเบ้า เตรียมจะไหลลงมาอีกครั้ง
“ถือ” คำสั่งสั้นๆ พร้อมกับยัดร่มใส่มือเล็กให้เธอเป็นคนถือ
นิวเยียร์รับร่มมาถือไว้ด้วยความงุนงง มองคนตัวสูงตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะหันหลังให้แล้วย่อตัวนั่งลงตรงหน้าของเธอ
“ขึ้นมา” นิกซ์เอี้ยวใบหน้ากลับไปด้านหลัง สั่งให้คนที่ยืนทำหน้าตางุนงงขึ้นมาบนหลังของเขา
เมื่อได้ยินแบบนั้น คนตัวเล็กก็ค่อยๆ ก้าวขาขยับเข้าไปยืนชิดด้านหลังของคนตัวสูง ที่นั่งรออยู่ตรงหน้า เธอเข้าใจแล้วว่าเมื่อครู่นี้ทำไมเขาถึงได้ยัดร่มใส่มือเธอ
นิกซ์ลุกขึ้นยืนเมื่อนิวเยียร์ขึ้นขี่หลังเขาเรียบร้อย สองแขนสอดเกี่ยวขาเรียวเล็กไว้แน่น ก่อนจะเดินมุ่งหน้ากลับเพนต์เฮาส์ของตัวเองโดยไม่ได้พูดอะไร
นิวเยียร์ที่อยู่บนหลังของว่าที่คู่หมั้นหนุ่ม ก็ใช้แขนเพียงข้างเดียวโอบกอดรอบลำคอหนาไว้กันตก เพราะมืออีกข้างเธอต้องถือร่มไปด้วย
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนใจร้ายจะยอมให้เธอขี่หลังกลับบ้านแบบนี้