เข้าสู่ระบบบทที่ 4
เป็นแฟนกันนะ
ทางด้านโณที่จริงแล้วยังคุยธุระไม่เสร็จ แต่เพราะว่าลืมเอกสารสำคัญจึงได้วนรถกลับมาที่คอนโดอีกครั้ง ตอนแรกก็โทรศัพท์หาเพื่อนสนิทให้เอาเอกสารลงมาให้ แต่รุไม่รับ เธอจึงได้ขึ้นมาที่คอนโดด้วยตัวเอง
“อย่า พอแล้ว อย่าทำกับเราแบบนี้”
ใจกระตุกขึ้นมาในทันทีเมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วได้ยินเสียงร้องของรุ ขาเรียวในส้นสูงแหลมปรี๊ดก้าวสับ ๆ เข้าไปยังต้นเสียง เส้นเลือดขึ้นข้างขมับทันทีเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า
แขนของรุถูกจับขึงไว้ที่หัวเตียงทั้งสองข้าง ร่างส่วนบนเสื้อผ้าครบทุกชิ้น แต่ส่วนกระโปรงเอวสูงถูกถอดโดนปัดตกไปที่พื้น โดยที่หว่างขาของเธอนั้นกำลังถูกรุกรานโดยไททัน!
“หวานอย่างนี้นี่เอง โณถึงได้ดูดกลืนทั้งคืน”
เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหวานอาบน้ำตาก่อนที่จะก้มลงไปชอนไชลิ้มรสชาติหวานอีกครั้ง คราวนี้เขาทำท่าจะถอดกางเกงตัวเองออก
แต่ก็ต้องชะงึกกึกเมื่อศีรษะสัมผัสได้ถึงความแข็งของโลหะ เพียงเท่านี้สองมือหนาก็ยกขึ้นเหนือศีรษะเป็นการยอมแพ้แล้ว
“ถ้าไม่อยากหัวกระจุยไปตอนนี้ ฉันแนะนำให้นายเดินออกไปจากห้องนี้ดี ๆ”
ไททันกลืนน้ำลายลงคออึก ด้วยความที่คบกันมาระยะหนึ่ง ทำให้เขารู้ว่าโณยิงปืนแม่นมาก ที่สำคัญบ้านของเธออยู่ในอิทธิพลมืดมานาน เขามั่นใจว่าตนเองจะหายไปจากโลกนี้โดยที่ไม่มีใครสงสัยเลย
ในห้องก็ยังเก็บเสียงอีก
“โณ ผมแค่ แค่พยายามจะยั่วโมโหโณเท่านั้น ผมไม่ได้จะทำอะไรไปมากกว่านี้จริง ๆ นะ”
“เหอะ! ลองฉันไม่เข้ามาดูสิ นายก็คงสอดใส่เข้าไปแล้ว เมื่อคืนก็ส่วนเมื่อคืน วันนี้ก็ส่วนวันนี้ อย่ามาทำเกินคำสั่งของฉัน”
ไททันถอนหายใจเข้าออกลึก ในหัวหาคำพูดดี ๆ เพื่อเป็นการง้อขอคืนดีกับโณ แต่สาวเจ้าก็ไม่ให้โอกาสไททันได้พูดอะไรเลย
“ที่ผ่านมาฉันคบกับนายแก้ขัดเท่านั้น นายก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งในชีวิตฉัน แต่ยัยนี่จะเป็นผู้หญิงคนเดียวในชีวิตของฉัน และตลอดไป”
ไททันกัดฟันกรอด รู้สึกเจ็บใจไม่น้อยที่ตัวเองแพ้ให้กับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ร่างสูงเดินอย่างกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้อง โณเดินตามไปดูแล้วเปลี่ยนรหัสเข้าห้องอีกครั้งหนึ่ง สักพักหนึ่งถึงได้เดินเข้ามาในห้องนอน
“แขนเราชาหมดแล้วโณ”
ที่จริงรุก็ซึ้งใจกับคำพูดที่เพื่อนบอกกับอดีตแฟนเก่าไปอยู่หรอกนะ แต่ว่าตอนนี้เธอซึ้งได้ไม่มาก เพราะแขนชาหนึบไปหมดแล้ว
เมื่อโณแก้มัดออกให้ รุก็โผเข้ากอดโณแนบแน่น แขนเรียวเล็กคล้องหมับเข้าที่เอวบางของโณ ร่างกายเสียดสีกับผ้า เพียงเท่านี้รุก็เกิดอาการวาบหวามขึ้นมาในทันที รำพึงรำพันในใจว่า
เรารังเกียจสัมผัสของไททันมาก แต่พอเป็นโณ มันอยากให้เธอสัมผัสแนบชิดเสียงั้น
“ฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอมาโดนเรื่องอะไรแบบนี้”
มือบางกุมใบหน้าเนียนใสอย่างทะนุถนอมก่อนที่จรดริมฝีปากลงทับริมฝีปากอวบอิ่ม ใช้สัมผัสทางร่างกายปลอบขวัญรุ ซึ่งคราวนี้รุไม่ลังเลที่จะเผยอริมฝีปากออกแล้วจูบตอบกลับไป สัมผัสแสนหวานทำให้โณเคลิบเคลิ้มจนเผลอบดขยี้กลืนกินอย่างตะกละตะกลาม เกิดเสียงเร้าอารมณ์ขึ้นจนใบหน้ารุแดงก่ำ
“ที่จริงฉันมีนัดนะ แต่ตอนนี้ไม่สนแล้ว”
ผละริมฝีปากออก เสียงแหบเล็กน้อยยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่ไปอีกเมื่อเธอถอดเดรสสีแดงเพลิงออกจนทั้งตัวเหลือแค่เสื้อชั้นในกับเกาะอกสีดำ มือบางผลักร่างเล็กให้นอนแนบเตียงแล้วกดจูบลงไปอีกครั้ง มือที่ว่างอยู่ก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละนิดแล้วถอดออกไปจากร่างนิ่มโดยการช่วยเหลือของเจ้าของร่าง ความนุ่มหยุ่นอวบอิ่มของรุคือสิ่งที่โณอยากลิ้มลองมาตลอด
“อือ~”
ไม่รอช้าลิ้นนุ่มก็ตวัดไปที่จุกสีชมพูอ่อน ตวัดเบา ๆ พร้อมกับที่ดูสีหน้าของคนใต้ร่างไปด้วย ยิ่งเห็นรุบิดกายด้วยความเสียวซ่าน โณจึงแตะลิ้นตวัดเลียทั้งสองข้างสลับกันไปมาจนผิวส่วนนี้ชุ่ม
“โณ เรา เสียว…”
“งั้นเหรอ อยากให้ฉันบดให้ไหม"
รุหน้าแดงซ่าน เข้าใจความหมายนั้นเป็นอย่างดี แม้จะเขินอายแค่ไหนแต่ก็ยังพยักหน้าขึ้นลงอย่างเอียงอาย
“อือ เรา ยะ อยาก”
โณยิ้มกริ่ม นิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า “เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว เธอไม่คิดว่าสถานะของเราควรเปลี่ยนไปเหรอ”
เปลี่ยนสถานะเหรอ สถานะอะไรกัน หรือว่า…
“เป็นแฟนกันนะ”
รุแน่นิ่งไปจนคน ‘เอ่ยขอเป็นแฟนก่อน’ เริ่มใจไม่ดี หัวใจเต้นตึกตักด้วยรอฟังคำตอบจากปากเพื่อนสาว
“เราคงได้ยินผิดไป เมื่อกี้…”
“เป็นแฟนกันนะ”
โณไม่รู้ว่ารุทำไขสือไปเช่นนั้นหรือว่าไม่ได้ยินจริง ๆ ดีว่าเธอไม่ได้รู้สึกลำบากหากต้องพูดประโยคนั้นออกไปอีกครั้ง
รุยิ้มกว้าง พยักหน้ารับหงึกหงักตอบ โณถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็มอบจูบแสนหวานให้รุแทนการบอกรัก
“จบสักทีนะ เฟรนด์โซน”
บทที่ 80 บทส่งท้ายตอนเช้ารุเปลี่ยนมาใส่ชุดสูทลินินขาสั้นสีเขียวพร้อมสวมหมวกสีเดียวกับชุด ตอนแรกเนเห็นก็คิดว่าหญิงสาวเผยแค่เรียวขาเท่านั้นจนกระทั่งเธอเข้ามาในเต็นท์แล้วรูดซิปเสื้อสูทลง จึงเห็นว่าด้านในเป็นบิกีนี่สีเขียวขี้ม้า แหวกหน้าอกจนเห็นเนื้อสีขาวทะลักออกมา เขาจึงรีบเอื้อมมือไปรูดซิปขึ้นจนถึงคอทำเอาหญิงสาวหน้าเหวอไปเลย“อะไรเน พี่จะพ่นสเปย์รักแร้”เนหน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง แต่ก็ยังทำเป็นเข้ม “ก็ทำสิครับ”ชุดสูทตัวนี้ต้องถอดเสื้อออกก่อนรุถึงจะสามารถพ่นสเปย์ให้โดนใต้วงแขนในระยะพอดีได้ เพราะเช่นนั้นตอนรุถอดเสื้อออกเนจึงได้เห็นบิกี่นี่ท่อนบนเต็ม ๆ ดวงตาคมกริบจ้องส่วนขาวนวลที่ล้นออกมาจากบิกี่นี่ กลืนน้ำลายเหนียวลงคอเมื่อหญิงสาวเตรียมจะใส่เสื้อตามเดิม1 2 3…“ว้าย!”การทดเลขในใจไว้ของเขาไม่เป็นผลเมื่อสุดท้ายเนก็ผลักรุลงนอนอีกครั้งเตรียมจะจรดริมฝีปากลงอกอิ่มเกินตัว ริมฝีปากหนาครอบครองยอดยกทั้งสองข้างจนชุ่ม กระตุ้นเส้นประสาทจนรุเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงของผู้ตั้งแคมป์คนอื่นเดินผ่านมา เธอก็รีบตีไหล่หนาให้พอได้แล้ว“สักรอบไม่ได้เหรอครับ”เขาเงยหน้าขึ้นจากอกอิ่มด้วยสีหน้า
บทที่ 79รุตัวแข็งทื่อเมื่อโดนเนรุกอย่างกะทันหัน จนกระทั่งสะโพกสัมผัสได้ถึงความแข็งกลางกายเขา เธอจึงทราบว่าแท้จริงแล้วชายหนุ่มมีความรู้สึกมาได้สักพักแล้ว และตอนนี้ก็พร้อมสำหรับก้าวต่อไปแล้วด้วย“เข้าใจแล้ว ดับตะเกียงเพราะกลัวคนเห็นเงาจริง ๆ ด้วย”เนไม่ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่เพราะเขากำลังเน้นปฏิบัติ ริมฝีปากหนาพรมจูบไปยังใบหน้าเนียนกลิ่นสะอาด ก่อนที่จะเลื่อนจมูกลงต่ำเรื่อย ๆ มายังลำคอหอมอ่อน ๆ ยิ่งได้กลิ่นกายเฉพาะตัวเธอมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นการเพิ่มอารมณ์ให้เขามากขึ้นเท่านั้น“เน…เบา ๆ นะ”รุเอ่ยเสียงกระซิบทั้งยังเอียงหน้าไปทางตรงข้ามกับที่ริมฝีปากหนากำลังไล่ลงต่ำ ขนอ่อนบนกายชูชันด้วยหวั่นไหวไปกับสัมผัสของเขา“ที่บอกว่าเบา ๆ เป็นเสียงหรือว่าสัมผัสจากผมครับ”ถามเสร็จมือหนาก็สอดเข้าไปใต้ร่มผ้าในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มขายาวของรุ หญิงสาวไม่ตอบทั้งยังชูแขนขึ้นให้เขาได้ถอดเสื้อยืดตัวโคลงซึ่งด้านในมีเสื้อชั้นในตัวเล็กปกคลุมเอาไว้“หมายถึง…เสียง”ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มมุมปาก เมื่อหญิงสาวเปิดทางให้แบบนี้แล้ว เสื้อชั้นในตัวเล็กก็ไม่ได้เกาะอยู่กับร่างกายเธออีกต่อไป รวมถึงเสื้อผ้าตัวอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
บทที่ 78เมื่อเสร็จพิธียกช่อฟ้ารุกับเนไม่ได้กลับในทันทีเพราะวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะขึ้นไปกางเต็นท์บนลานชมดาวของอุทยานแห่งชาติ รุแอบดีใจที่ลานชมดาวไม่ได้มีเพียงเธอและเน ที่นี่มีเต็นท์อีกสิบกว่าหลัง บรรยากาศไม่เงียบสงบเกินไปแต่ก็ไม่เหงาจนเกินไป“ดีนะบนนี้ยังมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตอยู่บ้าง ไม่งั้นอัพโหลดคลิปใหม่ไม่ได้แน่…สำเร็จ!”รุชูมือขึ้นเหนือฟ้าเมื่อสามารถอัพโหลดคลิปวิดีโอลงบนบัญชีติกต๊อกส่วนตัวได้สำเร็จ ช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาเธอสามารถเรียกตัวเองเป็นดาวติกต๊อกได้แล้ว เพราะว่าผู้ติดตามในตอนนี้ขึ้นเลข ‘1M’ แล้วเนที่กางเต็นท์เสร็จแล้วยิ้มดีใจกับพี่สาวคนสวย เขากางเต็นท์คนเดียวโดยให้รุนั่งตัดคลิปไป ตอนแรกเธอก็อยากเข้ามาช่วยเขา แต่ช่วยแล้วเนกางเต็นท์ได้ยากกว่าเดิม เขาจึงให้เธอไปนั่งพักแล้วกางเต็นท์ต่อคนเดียว รุที่ไม่มีอะไรทำจึงได้ตัดคลิปที่ถ่ายในงานพิธีวันนี้ลงโซเชียล“เนเก่งมาก ต่อไปนี้ก็ไปแคมป์ปิ้งกลางป่าได้แล้วสิ แต่พี่ไม่ไปด้วยนะพี่กลัวงู แต่ถ้าเป็นลานชมดาวที่โล่ง ๆ แบบนี้พี่อยู่ได้”เนหยิบเก้าอี้พับอีกตัวให้รุ มือหนาตบลงบนเก้าอี้ให้เธอได้นั่งลง เมื่อรุหย่อนก้นนั่งลงก็กวาดตามองโดยรอบ เ
บทที่ 77พูดคุยเรื่องต่าง ๆ กันอยู่นานเวลาก็ล่วงเลยมาสี่ทุ่มแล้ว รุจึงชวนชายหนุ่มนอนที่นี่ ตอนแรกเธอก็ไม่กล้าชวนเขานอน แต่เมื่อยายพิศเคยเอ่ยปากอนุญาตแล้ว เธอจึงได้ชวนเขาขึ้นมานอนบนบ้าน ปูที่นอนพร้อมกางมุ้งให้อีกฝ่ายด้วยยายพิศได้ยินเสียงเลยตื่นออกมาดูครู่หนึ่ง สนทนากับเนไม่นานก็กลับเข้าไปนอน ก่อนที่รุจะเข้าไปนอนในห้องเธอก็ตรวจความเรียบร้อยของมุ้งว่าเหน็บมุ้งดีหรือไม่ ด้วยกลัวว่ายุงจะเข้าไปด้านในมุ้งของเนเนที่นั่งอยู่ในมุ้งสีขาวให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจยิ่งแล้ว มองรุที่กำลังคลานไปเหน็บมุ้งกับที่นอนรอบทิศ ท่าทางเธอในตอนนี้เหมือนแม่ที่กำลังห่วงลูกน้อยกลัวว่าลูกน้อยจะโดนลิ้นไรไต่ตอม“พอแล้วครับพี่รุ ยุงเข้าไม่ได้แล้ว”“เข้าไม่ได้แน่ แต่ว่าจะเป็นการขังมันไว้ด้วยหรือเปล่า ด้านในมีไหม เผื่อขังยุงเอาไว้” ไม่ว่าเปล่ายังเพ่งสายตาเข้ามาด้านในด้วย เนจึงได้ยื่นมือไปบีบแก้มเธอผ่านมุ้งจนรุร้อง “โอ๊ย!”“ไปนอนได้แล้วครับ พรุ่งนี้ต้องไปงานยกช่อฟ้านะ ผิวไม่ดีเดี๋ยวแต่งหน้าไม่สวยนะครับ”งานยกช่อฟ้าจัดขึ้นพรุ่งนี้ โณและธนาไม่ว่างเนและรุจึงเป็นตัวแทนของทั้งสองเป็นประธานของพิธีแทน“ก็ได้”รุลุกขึ้นยืน ปิดไฟตรงห
บทที่ 76“แม่รอตั้งนานทำไมมาช้าจังเลย”เมื่อจอดรถแล้วเดินเข้ามาในบ้านประโยคแรกที่มานีทักขึ้นก็คือประโยคนี้ รุไม่เห็นรถเนจอดหน้าบ้านไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือว่ารถมอเตอร์ไซด์จึงเดาว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วไม่อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกหรือว่ากลับไปแล้วนะ“ไหนจ๊ะ ลูกชายที่แม่ว่า”“เนกลับไปแล้ว เราอยากมาช้าเอง”รุได้ยินเช่นนั้นในใจยิ่งรู้สึกระอุขึ้น…มาที่นี่แต่ไม่รับสายกันหมายความว่ายังไงกันแน่“กลับที่ว่ากลับกรุงเทพฯ หรือว่ากลับบ้านมินิมอลคะ”มานียิ้มแก้มปริเมื่อเห็นลูกสาวเก็บอาการไม่อยู่ ไม่วายเอ่ยแซวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ“ทำไม อยากรู้ล่ะสิ ถ้าอยากรู้ทำไมไม่โทร.ไปหาเองล่ะ”โทร.ไปแล้วแต่เขาไม่รับใครจะกล้าโทร.กลับไปอีกรอบล่ะ“หนูจะไปอาบน้ำแล้วจ้ะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”“อ้อ ๆ เสร็จแล้วมากินข้าวนะ แม่กับพ่อกินไปก่อนแล้ว เก็บไว้ให้หนูแล้วด้วย”รุพยักหน้าแทนการพูด จากนั้นก็เดินไปห้องตัวเองผลัดเปลี่ยนเป็นชุดผ้าขนหนูแล้วอาบน้ำในห้องน้ำหลังใหม่เอี่ยมไร้เงาอึ่งอ่างในห้องน้ำเช่นในอดีต“รุ อาบน้ำตั้งนานแล้วยังไม่เสร็จอีกเหรอหนู ตัวเปื่อยยุ่ยแล้วมั้ง”เพราะกำลังอยู่ในภาวะคิดหนัก รุจึงใจลอยจนทำทุกอย่างช้
บทที่ 75‘กิเลสตัณหาใดยับยั้งช่างใจได้เลย’รุเก็บคำพูดของเนวันนั้นมาคิดตลอด กระทั่งผ่านมาหลายวันจนเธอกลับจังหวัดบ้านเกิด ช่วงไหนที่ว่างเธอจะคิดถึงคำพูดนี้ของเขาทันทีแม้กระทั่งตอนที่พายายมาหาหมอในโรงพยาบาลรัฐตามวันที่หมอนัด ช่วงที่ไม่มีอะไรทำเธอก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง“เขาพูดจริงเหรอ หรือแค่กำลังล้อเราเล่น”“ใครล้อใครเล่นหรือหนู”รุกลับมาอยู่ในโลกของความเป็นจริงอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของคุณยายดังขึ้น ใบหน้าที่แต่งบาง ๆ รีบดึงรอยยิ้มกลับมาประดับใบหน้า“หนูกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจ้ะยาย แล้วนี่ยายกำลังหาหมากทานอยู่เหรอจ๊ะ อดใจก่อนได้ไหมจ๊ะยาย เดี๋ยวหมอก็เรียกแล้วใกล้ถึงคิวแล้วจ้ะ”ยายพิศถอนหายเมื่อโดนหลานห้ามไม่ให้เคี้ยวหมาก แต่สุดท้ายก็เชื่อฟังหลาน นั่งมองผู้สูงอายุในวัยไล่เรี่ยกันเดินเข้าห้องตรวจตามคิว การตรวจสุขภาพจะมีทุกสี่เดือน ปรกติแม่กับน้าคนที่สองของเธอจะเป็นคนพามา แต่พอรุย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดแล้ว เธอจึงเป็นคนพายายมาแทนคุณยายพิศมีโรคประจำตัวคือเบาหวาน โรคนี้ถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาถึงน้าคนที่สองและลูกสาวของน้าด้วย ดีว่ามานีไม่เป็น มิเช่นนั้นรุก็มีโอกาสเป็นเบาหวานตามการถ่ายทอด







