พายรับคำก่อนจะมองตามร่างสูงไปด้วยใจที่หวาดหวั่น เดาใจอีกคนไม่ถูกเลยว่ามีเรื่องอะไรกับเธอ หรือแค่จะเรียกไปเพื่อทำตามใจตัวเองเหมือนเมื่อวานอีกก็ไม่รู้ คนตัวเล็กหยิบเอาแฟ้มที่อยู่ใกล้ๆติดมือไปด้วยเพื่อให้เหมือนว่าเป็นเรื่องงาน เธอเดินตามไปช้าๆขณะที่ในใจนั้นระแวงไปหมดเพราะไม่รู้ว่าต้องเจอกับหมอพอร์ชเวอร์ชั่นไหน นอกจากเธอแล้วคนที่นี่คงไม่มีใครรู้ ว่าหมอพอร์ชที่อบอุ่นแสนดีคนนั้น ยังมีอีกหลายด้านที่ไม่เคยมีใครได้เห็น และคงมีแค่เธอคนเดียวที่ได้อภิสิทธิ์นั้นแม้จะไม่ต้องการเลยก็ตาม
“มีอะไรให้พี่ทำคะ”
พายถามทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาภายในห้องพักของหมอพอร์ช ห้องเย็นฉ่ำที่ทำเอาคนเข้ามาหนาวเหน็บจนอยากออกไปไวๆ หมอพอร์ชเป็นคนขี้ร้อนมากๆและชอบฟังเพลงจนต้องเปิดคลอเบาๆตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน และเพราะเสียงเพลงพวกนั้นเลยทำให้อีกคนดูเป็นผู้ชายที่ใจเย็นและอบอุ่นขึ้นมาอีกด้วย ทั้งที่เธอรู้ดีกว่าใครว่าไม่จริงเลย…
“ล็อกประตูด้วยครับ”
คนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานสั่งออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไร้รอยยิ้มอบอุ่นอย่างก่อนหน้า และแววตาก็เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธที่ทำเอาพายเริ่มหวาดหวั่นในใจ เธอรวบรวมความกล้าก่อนจะก้มหน้าพูดด้วยเสียงสั่นๆอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“รีบสั่งมาเถอะค่ะ”
“แน่ใจนะครับ ว่าจะให้พอร์ชสั่ง”
คนตัวสูงใช้นิ้วเคาะเบาๆลงบนโต๊ะจนเกิดเสียง และมันบีบหัวใจของพายที่ยืนฟังทุกจังหวะจนต้องเรียกชื่ออีกคนอย่างเว้าวอน เธอไปทำอะไรให้ปีศาจในตัวคนคนนี้ตื่นขึ้นมาอีกนะ
“หมอพอร์ช…”
“เดินมานี่ครับ”
“นี่มันที่ทำงานนะคะ พี่ต้องรีบกลับ…”
พายรีบเอางานมาอ้าง แต่ยังไม่ทันจบประโยคหมอพอร์ชก็ขัดขึ้นมาด้วยเสียงที่เข้มขึ้นทันที
“อย่าให้พูดซ้ำ”
“หมอพอร์ช เราคุยกันแล้วนี่คะว่าที่ทำงานจะไม่ทำแบบนี้”
พายเอ่ยท้วงอย่างอ้อนวอน แต่สองขากลับเดินไปหาคนที่นั่งไขว่ห้างเท้าคางอยู่อย่างไม่มีทางเลือก พอเดินไปถึงร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนแล้วกระชากเธอเข้าหาตัวแรงๆจนต้องเอามือยันอกแกร่งเอาไว้
“ทำไมครับ กลัวใครจะรู้นักเหรอว่าโดนเอาในห้องตรวจ”
คนตัวโตก้มลงกระซิบที่ใบหูขาว พลางกระชับแขนรัดเอวบางเข้ามากอดแนบแน่น พายโกรธขึ้นมาจนหน้าแดงก่ำก่อนจะเรียกอีกคนเสียงดังอย่างลืมตัว
“หมอพอร์ช!”
“อย่ามาขึ้นเสียง”
“อ๊ะ!”
พายร้องออกมาเมื่อถูกจับให้คว่ำหน้าลงกับโต๊ะทำงาน บั้นท้ายงอนงามภายใต้ชุดพยาบาลที่เข้ารูปถูกอีกคนทาบทับลงมาจนสำผัสได้ถึงความแข็งแกร่งใต้เนื้อผ้าชั้นดีของกางเกงสแลคสีดำนั่น หมอพอร์ชโน้มตัวลงทาบไปบนแผ่นหลังเล็กของพาย มือหนาจับใบหน้าเล็กให้หันมาหา ส่วนอีกข้างกำลังลูบไล้อยู่ที่ขาอ่อนของพาย ใบหน้าหล่อยื่นไปใกล้ใบหูอีกคนแล้วถามด้วยเสียงดุดัน
“ได้ข่าวว่าไปเจอไอ้เพื่อนเก่านั่นมาเหรอ”
“พะ พี่แค่บังเอิญไปเจอกันตอนซื้อข้าว”
พายตอบเสียงสั่น ร่างกายร้อนวูบไปหมดเพราะถูกกดทับทั้งตัว แถมมือที่ร้อนผ่าวนั่นก็ลูบไล้วนเวียนตรงขาเธอไม่หยุด ไม่คิดเลยว่าการได้เจอกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมเมื่อวานจะทำให้หมอพอร์ชโกรธแบบนี้ แล้วก็เพิ่งรู้ว่าทุกการใช้ชีวิตของเธอไม่เคยรอดพ้นจากสายตาของอีกคนได้เลย
“เหรอครับ งั้นได้ชวนมันขึ้นไปกินกันบนห้องมั้ยล่ะ”
“พอร์ช! พี่ไม่ใช่คนแบบนั้นนะ อ๊ะ จะทำอะไร!”
พายขึ้นเสียงด้วยความโกรธ ก่อนจะต้องร้องออกมาอย่างตกใจที่กระโปรงถูกมือหนาถกขึ้นมากองไว้บนเอว
“ทำให้รู้ไงว่าพี่เป็นของใคร พี่พายจะได้ไม่ลืมตัวอีกไงครับ”
หมอพอร์ชกระซิบเสียงพร่าชิดใบหูขาว มือหนาบีบขยำบั้นท้ายงอนงามใต้แพนตี้ตัวน้อยแรงๆ และก่อนที่อะไรๆจะเลยเถิดไปกว่านั้น เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน
“พอร์ช พอร์ชคะอยู่มั้ยบีเข้าไปได้รึเปล่า”
หมอพอร์ชผละออกจากคนตัวเล็กอย่างหงุดหงิด ร่างสูงจิ๊ปากพลางเสยผมแรงๆด้วยความขัดใจ ขณะที่พายลนลานถอยออกมาจัดเสื้อผ้าทรงผมให้เข้าที่แล้วรีบเดินออกไปเปิดประตูห้อง
“อ้าวพี่พายก็อยู่เหรอคะ”
คนมาใหม่มองพายอย่างสงสัย ก่อนจะมองเลยไปทางหมอพอร์ชที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน
“เอางานมาให้หมอพอร์ชค่ะ กำลังจะกลับพอดีเลยค่ะหมอบี”
พายปั้นยิ้มจืดเจื่อนให้หมอรุ่นน้อง ก่อนจะรีบถอยให้หมอบีเดินเข้าไปในห้อง
“เห็นล็อกประตูไว้นึกว่าพอร์ชอยู่คนเดียวซะอีกค่ะ”
“พี่น่าจะเผลอกดล็อกตอนเข้ามาน่ะค่ะ”
พายแก้ตัวก่อนที่หมอพอร์ชจะพูดขึ้นมาเพื่อหยุดคำถามน่าอึดอัดพวกนั้นแทนเธอ
“เข้ามาสิ มีธุระอะไรแต่เช้าเหรอ”
“แหม่ ทำอย่างกับว่าไม่มีธุระจะเข้ามาไม่ได้งั้นแหละ”
หมอบีเดินเข้าไปหาหมอพอร์ชทันที ทำเอาพายเผลอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“แล้วไง มีธุระอะไรครับ”
“เย็นนี้ไปทานข้าวที่บ้านบีนะคะ คุณพ่อฝากชวนมา”
“กะทันหันจัง”
“เพื่อนคุณพ่อจะมาเยี่ยมด้วยน่ะ เลยอยากให้พวกเราไปทำความรู้จักไว้เห็นว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาลด้วย”
“ก็ได้ครับ”
“ค่อยน่ารักหน่อย”
เสียงพูดคุยกับเสียงหัวเราะนั่นหายไปจากการรับรู้ทันทีที่พายปิดประตูลง เธอไม่ได้หันไปมองแต่ก็รับรู้ได้ถึงความสนิทสนมระหว่างคนทั้งคู่ ความสนิทสนมแสนพิเศษแบบที่เธอเองก็ไม่อาจแทรกเข้าไปได้ คนที่เติบโตมาด้วยกันทุกช่วงเวลา แถมยังเป็นคนที่ถูกวางไว้ให้คู่กันมาตั้งแต่แรกไปจนถึงอนาคตในอีกไม่นานนี้ เธอที่เป็นแค่ของเล่นคั่นเวลาจะเอาอะไรไปสู้ได้
“พี่พาย โดนหมอพอร์ชดุอะไรมารึเปล่าคะทำไมหน้าซีดจังเลย”
“เปล่าค่ะ พี่แค่ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ”
พายฝืนยิ้มแล้วแก้ตัวออกไปแบบนั้นเพราะไม่อยากให้คนอื่นมาจับสังเกตอะไรเธอมากนัก แค่นี้เธอก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว
“ทำไมไม่ลาหยุดสักวันล่ะคะ พี่พายไม่เคยหยุดเลยนี่นาแถมยังมาเข้าเวรแทนคนอื่นบ่อยๆด้วยหนูรู้นะ”
“พี่แค่มาเพราะว่างน่ะ ไม่ได้ลำบากอะไรหรอก”
พายบอกยิ้มๆ พอเห็นว่ามีคนเป็นห่วงเธออย่างจริงใจก็พลอยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ยังมีแหละนะ คนที่ไม่ได้คาดหวังอะไรจากเธอน่ะ
“ถึงจะว่างยังไงก็ควรพักบ้างนะคะ ว่าแต่พี่พายอยากฝากซื้ออะไรมั้ยหนูว่าจะไปร้านกาแฟค่ะ”
“ดีเลย งั้นพี่ขอชาเขียวสักแก้วละกันพี่กินกาแฟไปแล้ว”
“ได้ค่า”
-----------------
“วันนี้ไปเจอพ่อหมอบีมาเหรอ”
เสียงทักจากคนเป็นพ่อดังขึ้นทันทีที่หมอพอร์ชเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ สถานที่น่าอึดอัดที่ไม่เคยอยากกลับมาหากไม่จำเป็น เพราะแค่การเติบโตที่นี่มาตั้งแต่เด็กก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว พอออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้หมอพอร์ชก็ไม่ลังเลที่จะรีบแยกตัวออกไป แม้จะที่นี่จะเหลือแค่พ่อที่เป็นเจ้าของกับคนงานอีกไม่กี่คนก็ตาม ส่วนแม่น่ะ จากโลกนี้ไปตั้งหลายปีแล้ว ทั้งที่เป็นคนเดียวที่เข้าใจเค้ามาตลอดแท้ๆ
“ครับ”
คนตัวสูงทิ้งตัวลงนั่งที่ตรงข้ามคนเป็นพ่ออย่างจำใจ ถ้าวันนี้ไม่กลับมาเอาเอกสารจำเป็นก็คงไม่ต้องเจอกันให้รำคาญใจแบบนี้
“แล้วไง ได้คุยเรื่องจะแต่งงานกันรึยัง พ่อเองก็เปรยๆไปบ้างแล้วรอแค่แกสองคนพร้อมก็จัดได้เลย”
“พ่อครับ…”
หมอพอร์ชเรียกคนเป็นพ่อที่พูดเองเออเองด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย ไม่ใช่ว่าเราคุยกันเป็นครั้งแรก แต่เค้าจำได้ว่าเราคุยกันมาหลายปีแล้วต่างหาก ตั้งแต่ที่รู้ว่าสองครอบครัววางเรื่องของเค้ากับหมอบีไว้แบบไหน พอร์ชก็ไม่ลังเลที่จะบอกอย่างชัดเจนมาตลอด เพียงแต่พ่อไม่เคยสนใจต่างหาก
“อือ ว่าไง”
“ผมว่าผมบอกไปชัดแล้วนะครับว่าไม่แต่ง ผมไม่ได้ชอบหมอบีเราเป็นแค่เพื่อนกันครับ”
“งั้นแกก็คงลืมสินะว่าพ่อไม่ได้ถามว่าแกรักกันมั้ย แต่บอกให้แกแต่งงานกันแค่นั้น”
“ผมไม่แต่งครับ”
“พอร์ช! นี่ไม่ใช่สิ่งที่แกเลือกได้แต่แกต้องทำ”
พีรพัฒน์ตวาดลั่นเมื่อลูกชายคนเดียวต่อต้านเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด ทั้งที่วางแผนกันมาตั้งแต่เด็กสองคนนี้เกิด ว่าจะให้โตมาเพื่อสานต่อธุรกิจและควบรวมกิจการทั้งสองครอบครัวเข้าด้วยกัน
“พ่อ นี่มันชีวิตผมนะ”
“ใช่สิ ชีวิตแกที่ฉันสร้างขึ้นมาไง เพราะงั้นก็เลิกพูดไร้สาระแล้วกลับไปทำหน้าที่แกซะ”
“พ่อครับ”
หมอพอร์ชเรียกคนเป็นพ่ออย่างหมดแรงเมื่อได้ยินประโยคทวงบุญคุณที่เถียงไม่ออก สำหรับพ่อ เค้าก็เป็นแค่เครื่องมือที่สร้างมาเพื่อตอบสนองความต้องการตัวเองเท่านั้นแหละ ชีวิตน่าอิจฉาที่เพียบพร้อมงั้นเหรอ ชีวิตที่ไม่เคยได้ทำอะไรตามใจต่างหากล่ะ
“อย่าให้ฉันต้องบังคับแกนะพอร์ช”
พีรพัฒน์ลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องโถงด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ทิ้งให้หมอพอร์ชนั่งเหม่ออยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน มวลความรู้สึกหลากหลายไหลวนอยู่ในร่างกายจนได้แต่เอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างหมดแรง ก่อนที่ในหัวจะปรากฏใบหน้านึงขึ้นมาเหมือนทุกครั้งที่รู้สึกอ่อนแอ มือหนาหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์ที่ไม่เคยบันทึกชื่อ แต่กลับจำได้ทุกตัวเลขราวกับนิ้วขยับไปด้วยความเคยชินโดยไม่ต้องนึก ไม่นานปลายสายก็กดรับด้วยน้ำเสียงที่หมอพอร์ชชอบฟังที่สุด
‘พอร์ช…’
น้ำเสียงสั่นๆที่เต็มไปด้วยความกังวลและหวาดระแวง…
“พอร์ชจะไปหานะครับพี่พาย”
“พี่ดื่มไม่ไหวแล้ว เข้าบ้านกันเถอะนะ อึก” พายบอกคนที่ยังเติมไวน์ใส่แก้วเธอไม่หยุดด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ ตอนนี้ทั้งสองคนกลับมาที่บ้านริมทะเลด้วยกันเพราะได้วันหยุดยาวครั้งแรกในรอบปี บ้านที่เคยเป็นเรือนหอตอนแต่งงาน กลายเป็นบ้านพักตากอากาศไปเรียบร้อยเมื่อทั้งคู่ตัดสินใจย้ายกลับไปที่โรงพยาบาลเดิม แล้วก็เป็นพอร์ชที่ยังแผนสูงเหมือนเดิม เพราะเค้าตั้งใจจะมอมเหล้าภรรยาในคืนนี้เพื่อที่จะได้ฉลองวันหยุดอย่างหวานฉ่ำได้ง่ายๆ โดยที่พายไม่มีแรงต่อต้านหรือขัดใจเวลาอยากทำซ้ำ “รีบไปไหนล่ะครับ นานๆได้มานี่ก็ใช้เวลาให้คุ้มสิ พอร์ชยังอยากนั่งตรงนี้อยู่เลย” “งั้นก็เลิกเทให้พี่ได้แล้ว อึก มึนไปหมดแล้วเนี่ย” พายบ่นออกมาเมื่ออีกคนรั้งตัวเข้าไปกอดและจ่อแก้วมาที่ปากอีกรอบ “ อ่ะ อีกแก้วเดียวจะพาเข้าบ้านเลย” “จริงนะ” พายถามย้ำแม้จะเริ่มตาลายมากๆ พอเห็นว่าอีกคนพยักหน้าก็ยกขึ้นดื่มรวดเดียวอย่างว่าง่าย เธอโอนเอนจนต้องซบลงไปที่พอร์ชทั้งตัว ไม่นานคนตัวโตก็ฉุดเธอลุกขึ้นแล้วอุ้มจากพื้นจนตัวลอย “อุ้มทำไมพี่เดินได้” “เซขนาดนั้นจะเดินไหวได้ไง พอร์ชทำพี่เมาเดี๋ยวรับผิดชอบเองครับ” พอร์ชบอกพลางขำออกมาอย่างเอ็นดู คนเมามัก
“พอร์ช พี่บอกว่าเดี๋ยวไปตรวจกับหมอผู้หญิงไง”พายยื้อตัวเมื่อถูกลากเข้ามาในห้องที่มีเตียงตรวจ และมันคือห้องเดิมที่หมอพอร์ชเคยทำอะไรๆกับเธอไปในตอนนั้น เพราะตอนนี้เราย้ายกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลเดิมที่พอร์ชรับช่วงต่อจากพ่อเรียบร้อยแล้ว และก็เป็นช่วงที่ต้องตรวจร่างกายประจำปีอีกเหมือนเคย มันคงจะไม่ยุ่งยากอะไรเลยถ้าหมอพอร์ชยอมให้เธอไปตรวจกับหมอผู้หญิงคนอื่น ไม่ใช่พามาตรวจเองทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ตรวจภายในมานานแล้วด้วยซ้ำ “จะใครพอร์ชก็หวงครับ ขึ้นไปเลย” “ไม่เอา” “พี่พาย หรืออยากให้บังคับเหรอ” พอร์ชมองคนตัวเล็กแล้วดุออกมาเสียงเข้ม ปกติก็ไม่บังคับอะไรหรอก แล้วก็เลิกใจร้ายใส่มาตั้งแต่คบกันแล้วด้วย แต่พอเป็นเรื่องแบบนี้ทีไรพอร์ชก็เริ่มสวมวิญญาณตัวร้ายอีกครั้ง ส่วนพายก็ดื้อขึ้นมาอย่างที่ปกติไม่เคยทำเหมือนกัน “พอร์ช ไม่เอา” “กลัวโดนเอาคาเตียงตรวจเหมือนตอนนั้นเหรอครับ” “พอร์ช!” พายดุคนตัวโตเสียงดังก่อนจะตีไปที่แขนแกร่งแรงๆที่พูดอะไรน่าอายออกมา หมอพอร์ชยกนิ้วขึ้นมาทำท่าให้เงียบทั้งที่ข้างนอกก็ไม่ค่อยมีคนอยู่แล้วเนื่องจากเป็นเวลาของเวรบ่าย และทำให้ไม่ได้กลับบ้านกันสักทีก็เพราะมัวแต่เถียงกันอยู่
“ยินดีด้วยนะมึง” หมอคินเดินเข้ามาอวยพรเพื่อนอีกครั้งในงานเลี้ยงตอนเย็น งานช่วงเช้าผ่านไปอย่างราบรื่นและอบอุ่นเกินกว่าที่คาดไว้มาก อาจเพราะปัญหาทุกอย่างถูกพอร์ชคลี่คลายไปตั้งแต่ก่อนแต่งงานหมดแล้ว แถมยังคืนดีกับพ่อตัวเองจนได้มาร่วมงานได้อย่างชื่นมื่นอีกด้วย แม้ทั้งสองคนจะไม่อยากเชิญคนมาร่วมงานเยอะ แต่แค่คนรู้จักและสนิทสนมก็มากพอจนเกือบเต็มห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมแล้ว “อือ รอไปงานมึงกับพี่สาวคนนั้นอยู่นะ” พอร์ชแซวกลับเพื่อนที่ดูอารมณ์ดีมากกว่าทุกวัน และคาดว่าคงเป็นเพราะพี่สาวคนสวยที่มันตามดูแลอยู่แน่ๆ ทำเอาอนาคินที่ร้อนตัวรีบบ่นออกมาทันที “เลิกแซวกูสักวันเถอะขอร้อง” “เห็นเดินตามต้อยๆละสงสาร ขอให้พี่เค้ารับรักไวๆนะมึง” “หุบปากเถอะมึงอ่ะ ยืนทำตัวเป็นเจ้าบ่าวเฉยๆก็พอเดี๋ยวกูทุบเลย” อนาคินยกมือขึ้นมาขู่เพื่อนที่ยืนขำอย่างน่าหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปหาเจ้าสาวคนสวยที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆแล้วชมออกมา “พี่พาย ยินดีด้วยนะครับวันนี้สวยสุดๆเลย” “ขอบคุณค่ะหมอคิน” “ไปได้แล้วอย่ามองเยอะ กูหวง” พอร์ชโอบไหล่พายเข้ามากอดก่อนจะส่งสายตาดุๆให้เพื่อนจนโดนเขม่นกลับมาทันที “แหม่ ไอ้คนขี้หวง” “อย่าทำแบบนั้นก
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ ไม่นานหรอก” คนเป็นพ่อบอกอย่างไม่ถือสาท่าทางแข็งกระด้างและแววตาระแวดระวังของลูก ที่ผ่านมาไม่เคยคุยกันดีๆสักครั้งพอร์ชจะไม่ไว้ใจก็ไม่แปลก พอพูดจบก็เดินไปรอที่ใต้ต้นไม้ใหญ่อีกฝั่งของรั้วบ้าน พอร์ชเดินกลับไปบอกให้พายเอารถเข้าบ้านไปก่อนโดยไม่คิดจะให้ลงมาทักทายพ่อตัวเองสักนิด เพราะพายคือคนที่เค้าต้องปกป้องให้ห่างจากพ่อตัวเองที่สุดแล้ว ร่างสูงเดินกลับมาหาพ่อที่ยืนมองแล้วรีบถามธุระทันที “มีอะไรครับ”“ฉันไม่ได้มาขัดขวางหรือขอร้องอะไรแบบที่แกคิดหรอก ไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้”พีรพัฒน์บอกพลางขำออกมาอย่างจนใจที่ถูกระแวงมากซะจนเกือบพูดไม่ออก และพอรู้แบบนั้นพอร์ชเลยถอนหายใจออกมาก่อนจะถามในสิ่งที่อยากรู้มาตลอด “สบายดีใช่มั้ยครับ” “หึ นี่แกห่วงฉันด้วยเหรอ” “เปล่าครับ ผมถามตามมารยาท”พอถูกจ้องด้วยรอยยิ้มล้อเลียนพอร์ชก็แถด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉยเหมือนเดิม ทำเอาคนเป็นพ่อบ่นออกมาอย่างปลงๆเพราะไม่ได้คาดหวังท่าทีดีๆจากลูกอยู่แล้ว “เหอะ แกนี่ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ ช่างเถอะฉันไม่ได้มาเพราะอยากฟังอะไรแบบนั้นสักหน่อย ได้ข่าวว่าจะแต่งงานแล้วนี่” “ใครบอกครับ” “คิดว่าฉันจะไม่รู้เหรอว่าแกทำอะไรท
“แม่คะ…” พายส่งเสียงเรียกคนเป็นแม่ที่นั่งเล่นตรงสวนอย่างระมัดระวัง เพราะแม่เธอมักจะตกใจและกลัวเวลามีใครเข้ามาหาแบบกะทันหัน แต่แปลกที่วันนี้คนเป็นแม่กลับหันมายิ้มให้แล้วทักทายด้วยความสดใส “อ้าว ลูกสาวมาแล้วเหรอ” สรรพนามที่ใช้เรียกแทบทุกคนที่เป็นผู้หญิงไม่ได้ทำให้พายดีใจเหมือนตอนแรกอีกแล้ว เพราะพอรู้ว่าแม่ยึดติดกับการเรียกเธอในความทรงจำเก่า จนเรียกคนอื่นด้วยแบบนั้นไม่ได้หมายถึงว่าแม่จำเธอได้ แต่แค่มีความทรงจำนั้นอยู่ในหัวต่างหาก สุดท้ายแม่ก็ไม่เคยจำเธอตอนนี้ได้อยู่ดี พายส่งยิ้มให้แม่ที่เดี๋ยวนี้ได้เจอกันบ่อยขึ้นเพราะกลับมาอยู่ใกล้ๆ และตั้งใจจะพาพอร์ชมาหาเพื่อให้แม่ได้เห็นหน้าไว้บ้างก่อนที่จะพาไปอยู่ด้วยกันจริงๆ ถึงจะไม่รู้ว่าจะช่วยได้หรือเปล่าก็เถอะ “นี่พอร์ชค่ะแม่ คนที่พายจะแต่งงานด้วย” พายดึงพอร์ชมายืนข้างๆก่อนจะแนะนำอีกคนให้แม่รู้จัก และพอร์ชเองก็ยกมือไหว้ทักทายอย่างนอบน้อม แต่ก็ระวังไม่เข้าไปใกล้มากกว่าเดิมนักเพราะกลัวอีกคนจะตกใจ และน่าแปลกที่วันนี้คนป่วยที่เคยเหม่อลอยทั้งวันกลับมีแต่รอยยิ้มสดใสอย่างที่พายไม่เคยเห็นมานานมากแล้ว แถมยังลุกเดินเข้ามาหาพลางจับตัวพอร์ชแล้วเอ่ยชมออ
“นี่บ้านพอร์ชจริงๆเหรอ” พายถามพลางเบิกตาโตอย่างตื่นเต้นและไม่อยากเชื่อ บ้านหลังโตโทนสีขาวเทาสไตล์ยุโรปมีสวนดอกไม้หลากสีอยู่ด้านหน้า มองเลยไปด้านหลังมีชายหาดที่ไม่ห่างจากทะเลมากนัก มันสวยเหมือนกับบ้านในฝันที่เธอเคยบอกพอร์ชเลย ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าอีกคนจะถามไปทำไมเพราะพายก็บอกไปแล้วว่าบ้านของเธอก็อยู่ได้สบาย แต่พอร์ชก็บอกว่าแค่อยากรู้เท่านั้น ไม่คิดว่าย้ายมาทำงานที่นี่ได้แค่ครึ่งปีพอร์ชก็สร้างมันเสร็จซะแล้ว อีกอย่างที่ทึ่งกว่าคือที่ดินที่สร้างบ้านหลังนี้นี่แหละ ราคามันน่าจะแพงมากจนไม่กล้าคิดถึงเลยเพราะที่ดินติดทะเลแบบนี้ในชลบุรีไม่ได้หาง่ายๆ “ไม่ใช่ครับ นี่บ้านเราสองคนต่างหาก” พอร์ชแก้พลางจับมือบางมากุมไว้แน่น บนใบหน้าเจือด้วยรอยยิ้มตลอดเวลาเพราะมีความสุขมากๆที่ทำบ้านหลังนี้เสร็จแล้ว มันคือสิ่งที่พอร์ชแอบทำมานานมากเพื่อจะเอาไว้เป็นของขวัญให้คนรัก พอความตั้งใจมันสำเร็จก็อดจะภูมิใจไม่ได้จริงๆ ยิ่งเห็นว่าพายตื่นเต้นและมองมันด้วยความชื่นชมขนาดไหน ใจก็ยิ่งพองฟูอีกหลายเท่า “เป็นไปได้ยังไง มันน่าจะแพงมากเลยนะ” “พอร์ชแอบมาสร้างไว้นานแล้วครับ ตั้งแต่ที่รู้ว่าบ้านพี่อยู่ที่นี่พอร์ชก็มาหาที่ไว