ดาวไม่คิดว่าสิ่งที่ฝาแฝดเตือนเกี่ยวกับเจียเหาจะเป็นจริงในอีกไม่นาน
แต่ก่อนจะไปถึงเหตุการณ์นั้นก็มีแขกไม่คาดฝันมาหาเขาถึงคฤหาสน์ตระกูลจาง
แม่บ้านแตงโมเดินยิ้มมาหา แล้วหล่อนก็เอ่ยกับดาวด้วยน้ำเสียงจริงใจ “พี่ดีใจจังเลยค่ะ”
“ดีใจเรื่องอะไรเหรอฮะพี่โม”
“ก็ที่คุณชายทั้งสามเลิกสั่งให้คุณหนูดาวไปทำงานหนัก ๆ อย่างดูแลคอกม้าแล้วน่ะสิคะ”
หนุ่มดาวิชยิ้มแห้ง ๆ หากแม่บ้านร่างท้วมที่ฝันอยากเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้รู้ว่าการไม่ต้องทำงานหนักดาวต้องแลกกับอะไรบ้าง พี่แตงโมคงทำหน้าไม่ถูก
อย่างไรก็ตามดาวสัญญากับคุณชายทั้งสามแล้วว่าข้อตกลงนั่นคือความลับ จึงไม่อาจแพร่งพรายให้ใครรู้ได้
“ว่าแต่พี่มัวแต่ชวนคุณดาวคุย ตอนนี้มีคนคนมาหาคุณดาวค่ะ เป็นผู้ชายผิวคล้ำ ๆ”
ดาวงง ไม่คิดว่าจะมีคนมาหาถึงคฤหาสน์ตระกูลจาง “คนที่มาหาได้บอกชื่อหรือเปล่าครับ”
“ว้ายพี่โมลืม ขอโทษทีค่ะ”
สะใภ้ตระกูลจางไม่ว่าอะไร ยังไงเขาก็ได้เห็นเองอยู่ดีว่าเป็นใคร
และดาวไม่อยากเชื่อเลยว่ารอนเพื่อนที่มหาวิทยาลัยจะมาหาถึงบ้าน
ขณะหนุ่มโอเมก้าเดินไปหาเพื่อนก็ทบทวนความจำว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองเคยโกหกเรื่องที่มาอาศัยอยู่ที่นี่ไว้อย่างไร เขาจำได้ว่าเคยบอกกับรอนเหมือนที่บอกคุณแซลลี่เมื่อเช้ว่า เขามาทำงานเป็นคนรับใช้ที่คฤหาสน์แห่งนี้
‘จะต้องพูดให้เหมือนเดิมไม่งั้นเดี๋ยวความแตก’
แต่ตอนนั้นพอดาวบอกเพื่อนไป รอนคนดีและช่างสังเกตอย่างไม่น่าเชื่อ เขาถึงกับทำหน้าแปลก ๆ หลังจากดาวบอกเรื่องนี้
‘ดาวเนี่ยนะเป็นคนรับใช้ที่คฤหาสน์ตระกูลจางแถวถนนพัฒนาการ’
‘อื้อ ใช่สิ ทำไมล่ะ’
‘ก็วันก่อนที่เจ้านายฝาแฝดของดาวมาตามตัวถึงมหา’ลัย พวกเขามองดาวไม่เห็นเหมือนมองคนรับใช้เลย’
ตอนนั้นหนุ่มโอเมก้าถึงกับอึ้งไปเลย ไม่ใช่อะไรหรอกนะ กลัวความแตก
ทำให้หนุ่มโอเมก้าลืมถามเพื่อนต่อเลยว่า ‘ถ้าไม่มองเหมือนเราเป็นคนรับใช้แล้วมองเหมือนอะไร’
และเพราะกลัวความแตกทำให้ดาวปดต่อไปว่า ‘เอ้อ คือว่า...ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ทำอย่างนั้นล่ะ เอาเข้าจริงก็จิกหัวใช้เราอย่างกับทาส ฮ่า ๆ’
ซึ่งในตอนนั้นเพื่อนหนุ่มของดาวได้แต่ทำหน้าสงสัย
ความจริงแล้วเพื่อนของดาวคนนี้มีใจให้กับหนุ่มโอเมก้าของเล่น ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่รอนจะจับสังเกตได้เวลามีผู้ชายคนอื่นเข้ามา ‘แสดงท่าทีใกล้ชิด’ คนที่ตัวเองเล็งไว้
และนี่คือเหตุผลหนึ่งที่รอนตัดสินใจบุกมาถึงนี่เพราะอยากพิสูจน์ให้เห็นกับตา
+++++
สะใภ้ที่กลายเป็นของเล่นทักทายรอนอย่างร่าเริงขณะเดินเข้าไปหา แต่ไม่ทำเสียงดังเกินไปเพราะตระหนักว่าอยู่นี่ตัวเองเป็นแค่คนใช้
“อ้าว รอนรู้จักที่นี่ด้วยเหรอ” ดาวจำได้เคยบอกแค่ว่า คฤหาสน์อยู่แถวถนนพัฒนาการแต่ไม่รู้รอนมาถึงนี่ถูกได้อย่างไร
เพื่อนหนุ่มออกตัวว่า “เราว่าจะโทร.ถามดาว แต่บังเอิญไปที่ฝ่ายทะเบียนแล้วเจ้าหน้าที่สนิทกันบอกตำแหน่งคร่าว ๆ แล้วเราบังเอิญเจอในกูเกิลแมปส์คิดว่าใช่แล้วก็ใช่จริง ๆ ด้วย”
“เหรอ หาเก่งจังนะ” ดาวทำหน้างง คาดไม่ถึงกับความพยายามในแบบผู้ชายของรอน
รอนมองไปรอบตัวแล้วก็ทำหน้าทึ่ง
“ที่ที่ดาวอยู่นี่ใหญ่โตดีจังนะ”
“โอ๊ย ก็อย่างที่บอกล่ะ เราแค่มาทำงานเป็นคนใช้ที่นี่หาเงินน่ะ”
“แล้วงานหนักไหม”
“ก็ไม่หนักมาก”
“แล้วตอนนี้พอจะมีเวลาว่างคุยกันหรือเปล่า”
ดาวอึกอัก ที่จริงคือว่างมาก ครั้นจะตอบอย่างนั้นก็กลัวจะผิดสังเกต
“ถ้านิดหน่อยเจ้านายคงไม่ว่ามั้ง ฮ่า ๆ”
รอนอมยิ้ม “เราไม่กวนเวลาดาวนานหรอก งั้นพาเราเดินชมสักหน่อยได้ไหม ไหน ๆ ก็มาถึงคฤหาสน์ใหญ่โตทั้งที อยากเดินดูทั่ว ๆ ให้เป็นบุญตา”
“ได้สิ” ในใจคิดว่า ‘ทำอย่างนั้นเจ้าของบ้านคงไม่ว่าอะไรมั้ง อย่างนั้นรอนก็เป็นเพื่อนของเรานี่หว่า’
ทั้งคู่ตั้งท่าเดิน ดาวคิดว่าจะพาเดินชมแค่รอบคฤหาสน์ภายนอก เพราะหากเข้าถึงในบ้านจะดูละลาบละล้วงเกินไป แต่ยังเดินไปไม่เท่าไร ก็มีเสียงเรียกลั่นจากด้านหลัง
“ดาว เธอมาเดินแถวนี้ทำไม!”
ดาวไม่กล้าหันไปเพราะจำได้ว่าคือเสียงใคร แต่รอนไม่ใช่ พอเขาหันไปแล้วถึงกับผงะ
เพื่อนหนุ่มของดาวที่คิดไม่ซื่อหวังจีบ ตระหนักถึงพลังอันน่ากลัวได้อย่างรวดเร็ว
‘แววตาแบบนี้คราวที่แล้วมาจากฝาแฝด ครั้งนี้เป็นผู้ชายตัวใหญ่ท่าทางดุดันฉิบหาย’
เจียเหาก้าวขายาวฉับ ๆ มาหาทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว
รอนเกือบเบี่ยงตัวหลบไม่ทันเพราะท่าเดินของคนตัวใหญ่คล้ายจะพร้อมพุ่งชน แววตาของเจียเหาพุ่งไปหาแต่ดาวเท่านั้น
ดาวอึกอักถาม “อ้อ คุณชายเจียเหา กลับจากท่าเรือแล้วหรือครับ”
เจียเหาไม่ตอบ มือใหญ่ของคุณชายใหญ่คว้าข้อมือของดาวทันที
“ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว มากับฉัน”
“เอ๊ะ แต่ตอนนี้ผมพาเพื่อนเดินชมรอบคฤหาสน์อยู่”
รอนผู้น่าสงสารทำหน้างงสนิท
เจียเหาตวัดสายตาปราดเดียว ไม่เกินเสี้ยววินาที ก่อนจะเปลี่ยนเป็นไม่แยแสเพื่อนของดาวอย่างสิ้นเชิง
เขาชักสีหน้าเอาเรื่องใส่ดาวิช ถ้าทำได้คงเอานิ้วชี้ทิ่มใส่หน้าแล้ว “ฉันไม่ชอบนะที่เธอนัดผู้ชายคนอื่นมาในบ้านของฉัน!”
ประโยคนั้นเล่นเอารอนเสียวสันหลังวาบ แต่ดาวหน้าแดงด้วยความอับอาย คำพูดของเจียเหาราวกับจะบอกว่าดาวเป็นคนใช้ที่แอบนัดชู้รักเข้ามาทำอะไรไม่ดีไม่งามในบ้านของเจ้านาย
เท่านั้นยังไม่พอ เจียเหายังทวงคำสัญญาจากของเล่นด้วย “แล้วลืมข้อตกลงของเราหรือไง วันนี้คือวันคู่!”
ดาวหน้าแดง แต่เป็นความอับอายที่มีต่อเพื่อนหนุ่มของเขา
ตอนนี้รอนเห็นความผิดปกติชัดแล้ว และเขารู้ทันตามประสาผู้ชายด้วยกันทันที จึงยอมล่าถอยโดยเร็ว
“โอเค งั้นผมไม่กวนดาวแล้วครับ จะรีบกลับเดี๋ยวนี้” เพื่อนของดาวถึงกับก้มศีรษะปลก ๆ ราวกับขอโทษที่มายุ่มย่ามกับของของคุณชายใหญ่
และตอนหันหลังกลับดูเหมือนเพื่อนมหาวิทยาลัยของดาวจะถอดใจทันที
‘ดาวแม่งฮอตชิบเป๋ง ขนาดเป็นแค่คนใช้ ยังมีเจ้านายฝาแฝดกับเจ้าชายที่ดูเหมือนมาเฟียเปี๊ยบมาสนใจ ขืนกูเข้าไปแหย็มด้วยสงสัยโดนจัดการจนศพไม่สวยแน่ บรื๋อ’
+++++
ดาวผู้เข้าสู่โหมดของเล่นถูกลากแขนถูลู่ถูกังมาที่ห้องนอนของเจียเหา
พอมาถึงหน้าห้องคนตัวใหญ่ถึงยอมปล่อย
เมื่อหนุ่มโอเมก้าได้เป็นอิสระ เขาก็ร้องอุทธรณ์ทันที “โอ๊ย คุณบีบแขนผมแรงมากจนแขนจะหักอยู่แล้ว”
“อ๊ะ สำออยน่า” แม้ปากจะพูดอย่างนี้แต่เจียเหารีบยกมือขึ้นราวกับจะเอื้อมมาปลอบโยน ท่าทีของเขาดูอ่อนข้อลงทันที
แต่เพื่อรักษาฟอร์มคุณชายใหญ่มาเฟีย เขาสูดหายใจแล้วกระชากเสียงถามว่า
“แล้วไอ้หมอนั่นเป็นใคร!”
ดาวสะบัดข้อมือไปด้วยบีบนวดแขนตัวเองไปด้วย “เขาชื่อรอนครับ เป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยของผม ไม่ใช่ไอ้หมอนั่น”
“หึ เพื่อน? ปกป้องกันดีเหลือเกิน แล้วคนอย่างเธอมีเพื่อนด้วยเหรอ โกหกตอแหลรึเปล่า”
“ทำไมคนอย่างผมถึงมีเพื่อนไม่ได้”
เจียเหาชะงักทันทีเมื่อสัมผัสถึงน้ำเสียงไม่พอใจอย่างรุนแรงของของเล่นชิ้นโปรด
“ก็…ไหนเธอบอกว่ามาจากต่างจังหวัดยังไง”
ดาวส่ายหน้า “ไม่ใช่ คือผมเรียนที่นี่มาปีนึงแล้ว แต่หยุดพักไปเทอมที่แล้วเพราะไม่มีเงิน และนั่นก็คือเหตุผลที่ผมต้องมาอยู่ที่นี่ไง”
“ตัวเองทำผิดยังแล้วทำหน้าตาอวดดีอีก”
ดาวงงว่าตัวเองทำหน้าตาอย่างที่ว่าไปตอนไหน ตอนนี้เขาโกรธจนลืมตัว จนเผลอทำเสียงดังใส่คุณชายใหญ่มาเฟีย โดยลืมไปสนิทว่า ก่อนหน้าที่พวกเขาจะมีสัมพันธ์ทางร่างกายกัน เจียเหาเคยทำตัวร้ายกาจกับดาวได้ขนาดไหน
“ผมทำผิดอะไรอะ ก็แค่มีเพื่อนมาหา ทำไม! ตอนผมอยู่ที่นี่ผมมีหน้าที่เป็นแค่ของเล่นที่เอาไว้สนองตัณหาคุณแค่นั้นรึไง!”
“ฮึ่ม!” เจียเหามีท่าทีโกรธสุดขีด มือใหญ่กำเป็นกำปั้น แต่ท่าทางพยายามข่มกลั้นความไม่พอใจไว้
ซึ่งพอต่อมปากแจ๋วของของเล่นเริ่มร้อน เขาก็ส่งเสียงลั่นต่อ
“ของผมแค่มีเพื่อนมาหา แต่ของคุณมีแฟนมาหา!”
น่าแปลกที่คราวนี้คุณชายร่างยักษ์เอียงคอเหมือนลูกสุนัข กะพริบตาสองสามครั้ง ทำหน้าฉงนได้อย่างน่าหมั่นไส้
“เธอหมายถึงใคร อ๋อ...แซลลี่น่ะเหรอ”
พออีกคนไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง คนตัวใหญ่จึงโน้มตัวมาหาดาว ราวกับอยากให้ดาวิชได้ยินชัด ๆ
“ฉันกับแซลลี่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ว่าแต่ใครบอกเธอว่าแซลลี่เป็นแฟนฉัน”
ดาวิชมองตาอีกคนเพื่อค้นหาความจริงใจ แล้วก็พบว่าเจียเหาจับจ้องแน่วแน่มาทางเขา ไม่มีการหลบตาเลยแม้แต่นิดเดียว
ภาษากายที่บอกว่าคุณชายใหญ่ไม่โกหก
เมียของเล่นเกือบหลุดปากไปแล้วว่าจางหมิงบอก แต่เกรงว่าอาจทำให้คนปากโป้งเดือดร้อน เลยยับยั้งคำพูดไว้
พอเห็นอีกคนอึ้งไป คุณชายใหญ่ก็กระตุกมุมปากแค่นิดเดียว มันดูคล้ายรอยยิ้ม ทว่าสิ่งที่ยิ้มมากกว่าคือดวงตาของเขาที่เป็นประกายระยับขึ้นมา
แล้วคนตัวใหญ่ก็เอ่ยขยายความจากที่พูดไปเมื่อกี้
“ฉันกับแซลลี่ เราไม่เคยตกลงเป็นแฟนกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว เราไม่ได้มีสถานะอะไรทั้งสิ้น”
ดาวมองอีกอย่างกับไม่เคยเห็นเจียเหามาก่อน
และคุณชายใหญ่ก็ยังทำให้อีกคนแปลกใจต่อไป เมื่อเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้นว่า
“สำหรับฉัน เธอยังเป็นมากกว่าแซลลี่อีก เพราะเธอเป็น...”
ดาวกลืนน้ำลาย รอฟังคำต่อไปอย่างจดจ่อ
แต่เจียเหาเอ่ยกลับออกมาในที่สุดว่า “เธอเป็นของเล่นของฉัน”
ไม่รู้ด้วยอารมณ์เช่นไร พอฟังแล้วหนุ่มโอเมก้ารู้สึกหดหู่ เขาจึงพยักหน้าอย่างขอไปทีแล้วเอ่ยว่า “ก็คงงั้นละครับ”
“ว่าแต่เมื่อกี้ที่พูด...เหมือนเธอหึงฉันเลย” พอถึงตอนนี้นัยน์ตาคุณชายใหญ่มีแววนึกสนุกแล้ว
“ฮึ บ้ารึเปล่า ผมจะมีสิทธิ์อะไรไปหึงคุณได้ล่ะ!”
ดาวไม่แค่พูด เขาบิดไหล่ไปด้วย ทำท่าจะหนีออกจากวงล้อมของคนร่างใหญ่ แขนถูกวาดออกไป และฝ่ามือบังเอิญไปถูกด้านข้างใบหน้าคนตัวใหญ่จนเกิดเสียงดังเพียะลั่น
เจียเหาที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับหน้าหัน
ส่วนดาวิชตกตะลึงแทบช็อก
ครู่ต่อมาคนตัวใหญ่ใช้ฝ่ามือลูบหน้า แววตาเปลี่ยนเป็นอีกอย่าง
“อ๋อ วันนี้คงอยากเล่นแรง ๆ กับฉันอย่างนี้สินะ ได้เลยเดี๋ยวจัดให้!”
หนุ่มโอเมก้าเริ่มหวั่นใจว่าหรือเจียเหาจะใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายเขา แต่คุณชายใหญ่กลับรวบตัวดาวเข้าไปแนบชิด แล้วประกบปากลงมาจูบอย่างดูดดื่ม
+++++
จูบของเจียเหาเร่าร้อนกลืนกิน แต่ไม่ได้ออกไปในแนวทำร้ายร่างกายหรือป่าเถื่อน
ยกเว้นแต่นิ้วมือของคุณชายใหญ่ที่ทรงพลังราวกับคีมเหล็ก และตอนนี้มันล็อกคางของของเล่นไว้ จนกระทั่งดาวเบี่ยงหน้าหนีไม่ได้
ทำได้อย่างเดียวคือยอมจำนน
คุณชายมาเฟียจูบ ตะโบม คลุกเคล้าและเคล้นคลึงอย่างหนักหน่วง เขาไม่ยอมผละริมฝีปากออกห่างเลยแม้แต่วินาทีเดียว ลิ้นร้อนและดุดันสอดแทรกเข้ามา สะบัดเคลื่อนไหวคลุกเคล้าแทบทุกส่วนในโพรงปากของดาว
“อื้อ อ๊า” ดาวเริ่มอึดอัดหายใจไม่ออก เขาจึงออกแรงทุบหน้าอกคนตัวใหญ่ดังอั้ก
และที่น่าแปลกคือเจียเหายอมปล่อย
ดาวิชหอบแฮก ๆ เขาไม่ได้หายใจนานเกือบหนึ่งนาทีเท่ากับระยะเวลาที่เจียเหาจูบปากของเขา ตอนนี้ริมฝีปากนุ่มระบมห้อเลือดจนเขาลิ้มรสของเหล็กได้จาง ๆ
และสิ่งที่ทำให้โอเมก้าของเล่นไม่อยากเชื่อคือ แววตาของคนตัวใหญ่ที่มองลงมานั้นมีประกายสั่นไหว ราวกับรู้สึกผิดที่ทำรุนแรงกับดาวเกินไป
ดาวใช้หลังมือเช็ดปาก เห็นคราบเลือดนิดหน่อยติดตรงนั้น
เจียเหาก็เห็นสีแดงจาง ๆ บนหลังมือเช่นกัน เขาทำสีหน้าตกใจ
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะจูบแรงขนาดนั้น”
คนตัวใหญ่ยื่นนิ้วโป้งมาที่ริมฝีปากของดาว แต่โอเมก้าสะบัดหน้าหนีอย่างไม่พอใจ เขาตั้งท่าจะเดินหนี
แต่คนตัวใหญ่รวบตัวเขาไว้จากด้านหลัง ร่างเล็กกว่าลอยขึ้น เท้าไม่แตะพื้น เขาทำได้แค่ร้องตะโกนว่า
“จะพาผมไปไหน”
เจียเหาไม่ตอบแต่อุ้มยกตัวดาวเข้าไปในห้องของเขาทันที
ที่ห้องส่วนตัวของดาว หนุ่มโอเมก้าเดินกลับมาหาสามอัลฟ่าคุณชายที่แทบนั่งไม่ติดด้วยความกระวนกระวายพอเห็นหน้าเจ้าของห้องก็รีบถามทันที“เป็นไง เธอเข้าใจพวกเราแล้วใช่ไหม”ดาวพยักหน้าเร็ว ๆ “ครับ”ภรรยาเดินมานั่งเก้าอี้ที่หนึ่งในแฝดรีบสละให้ทันที พอนั่งลงดาวเขาก็ยังก้มหน้านิ่ง ไร้คำพูดคำจาสามคุณชายทนไม่ไหว รีบผลัดกันถามภรรยาของพวกเขา“เป็นยังไงบ้างล่ะดาว ท่านปู่ว่าอย่างไรบ้าง”“เธอรู้เรื่องราวทั้งหมดจากปากคุณปู่แล้วใช่ไหม”“ถ้าเธอได้รู้จะได้เข้าใจที่มาที่ไปของพวกเราทั้งหมด…ว่าทำไมเราถึงไม่ชอบเธอในตอนแรก”เมียที่กลายเป็นของเล่นตอบแต่ไม่เงยหน้า “สำหรับเรื่องนั้นท่านปู่จางอี้เทาเล่าให้ผมฟังแล้วเหมือนกันครับ”ดาวทราบแล้วและเข้าใจเหตุผลว่าทำไมทั้งสามถึงอาละวาดและตามมาข่มเหงเขาแทบแย่เมื่อรู้ว่าเมียแต่งของพวกตนเป็นโอเมก้า แต่ถ้าพูดอย่างยุติธรรม การกลั่นแกล้งก็คือการกลั่นแกล้ง ไม่อาจซักฟอกให้เป็นสิ่งถูกต้องได้นั่นคือสิ่งที่ดาวคิด แต่แล้วก็ถอ
สามคุณชายยอมให้ดาวใช้เวลาส่วนตัวคุยกับท่านปู่จางอี้เทาโดยพวกเขาไม่เข้ามารบกวนสองแฝดออกตัวว่า‘เผื่อเมียของเราอาจมีเรื่องลับ ๆ อยากคุยกับท่านปู่’‘หรือในทางกลับกันท่านปู่ก็อาจมีอะไรลับ ๆ อยากบอกหลานสะใภ้ก็ได้’‘เอ๊ะ คุณสองคนพูดอย่างนี้แปลว่าอะไรแน่!’ ดาวทำเสียงดุใส่ เขาแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่สถานะระหว่างเขากับสามคุณชายดูจะสลับบทกันอย่างไรบอกไม่ถูกส่วนเจียเหาได้แต่ยิ้มบาง ๆ ก้มหน้าแล้วกอดไหล่น้องชายแฝดเดินหลบมุมไปเงียบ ๆดาวรู้ว่า ก่อนหน้านั้นคุณชายใหญ่เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้อี้เทาฟังคร่าว ๆ แล้วว่า ที่คฤหาสน์หลานสะใภ้ได้ยินเรื่องที่ปู่เล่าให้พวกหลาน ๆ ฟัง และไม่พอใจอย่างรุนแรงจนหนีกลับบ้านดาวได้ยินแล้วทำท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากชูกำปั้นใส่ด้วยที่คุณชายยังใช้คำว่าหนีกลับบ้านไม่เลิก มันฟังเหมือนดาวเป็นแค่เด็กเอาแต่ใจไม่มีผิดตอนนี้ในโทรศัพท์ของเจียเหามีหน้าคุณปู่อยู่ในนั้น ใบหน้าของท่านยังใจดีอย่างเคย[หนูดาวสบายดีไหม][สบายดีครับ แล้วท่านปู่ละครับ]หนุ่มน้อยโอเมก้าว่าที
สามคุณชายเอ่ยเสียงลั่นเกือบพร้อมกันว่า “แล้วเราต้องขอโทษยังไงเธอถึงจะเชื่อล่ะ”แล้ว ณ ตอนนั้นสะใภ้จากสงขลาไม่รู้นึกอย่างไร เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วโพล่งไปว่า“ตามธรรมเนียมคนบ้านผม ถ้าเราอยากให้คนที่เราตั้งใจขอโทษรู้ว่าเราสำนึกผิดจริง ๆ จากใจ ไม่มีทางอื่นเว้นแต่เราต้องกราบขอโทษแทบเท้าคนสำคัญของเขา”สามอัลฟ่าได้ยินแล้วถึงกับทำตาเบิกโพลง “ฮะ?! นั่นหมายถึง…”ดาวิชพยักหน้าแล้วเม้มปากล่าง “หมายถึงเท้าพ่อกับแม่ของผม”คราวนี้ถึงตาสามคุณชายไฮโซถึงกับอึ้งไปนานเลยแต่แล้วก็มีเสียงขัดจังหวะ เมื่อพ่อกับแม่ร้องบอกอย่างร่าเริงว่า“อาหารเย็นพร้อมแล้วมากินข้าวกันเถอะ”+++++อีกไม่นานอาหารง่าย ๆ ข้าวสวยร้อน ๆ น้ำพริกกับผัก และกับข้าวอีกสามสี่จาน–ยำกุ้งหวาน ปลาเล็กปลาน้อยทอดกรอบ กับไข่เจียวใบโหระพาฟูนุ่มก็พร้อมเสิร์ฟ“กินสิขรับคุณ ๆ อาจไม่ถูกปากนัก เพราะของสดที่เอามาทำก็ของพื้น ๆ ชาวประมงแถวนี้ พวกเราจับเอง เหลือก็เอาแบ่งกันกิน
ดาวกลับมาอยู่ที่อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา บ้านเกิดของเขาได้เกือบหนึ่งเดือนแล้วการตัดสินใจแค่ไม่กี่นาทีส่งผลให้ชีวิตของดาวเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ความเป็นอยู่ที่นี่สงบเงียบเรียบร้อย จนหนุ่มโอเมก้าไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือชีวิตเดียวกับตอนที่เป็นของเล่นของสามคุณชายที่คฤหาสน์และวันธรรมดาวันหนึ่ง ระหว่างที่พ่อกับแม่นั่งกินข้าวกลางวัน ส่วนดาวล้างจาน พ่อกับแม่ถามคำถามกับลูกเพราะเพิ่งนึกได้“ดาวเอ๊ย ตกลงแกไม่ได้ทำงานที่กรุงเทพฯ แล้วเหรอ”ลูกชายหรี่ก๊อกน้ำแล้วหันมาตอบ “เปล่าแล้วจ้ะแม่”พ่อกับแม่มองด้วยสีหน้านิ่งอย่างสงสัย แต่ไม่ถามอะไรที่กดดันอย่างเช่น ‘แล้วจะทำอะไรต่อ’ ทั้งคู่รู้ดีกว่าลูกชายของพวกตนไม่ใช่คนหลักลอยเหลวไหลคราวนี้เป็นตาพ่อถามบ้าง “เอ้อ พ่อว่าจะถามเรื่องค่ารักษาของพ่อ หนูไปเอาเงินมาจากไหน”“อ๋อ” ดาวชะงัก แต่ก็รีบแก้ตัวว่า “หนูไปคุยกับหมอและเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลมาแล้วจ้ะ ใช้สิทธิบัตรทองได้ ของแม่ก็เหมือนกันนะ ไม่ต้องกังวล”พ่อกับแม่กลืนอาหา
“นั่นเลยเป็นที่มาตั้งแต่ก่อนพ่อแกจะตาย เราถึงเฝ้าเพียรพยายามหาคนที่ใช่ และมันไม่ง่ายเลย เราใช้เวลานานหลายปี หลายคนที่คุณสมบัติใช่แต่เขาไม่ร้อนเงิน ไม่มีเหตุผลที่จะยอมลำบากมาแต่งงานเป็นสะใภ้ตระกูลจาง มีหนูดาวนี่ละลงตัวที่สุด เป็นดอกบัวขาวอย่างที่เรามองหา แถมฐานะที่บ้านยังขัดสน”ชายชราเว้นช่วงเพื่อให้ความจริงตกตะกอนในสมองทึบ ๆ ของสามหลายชาย ก่อนจะย้ำด้วยประโยคอันเด็ดขาดและเสียงดังว่า“แกคิดว่าจะหาโอเมก้าคุณสมบัติเพียบพร้อมอย่างนี้ได้ง่าย ๆ หรือไง!”สามคุณชายพูดอุบอิบ รู้สึกผิดหวังอะไรสักอย่างกับตัวผู้ให้กำเนิด “แล้วทำไมพ่อกับแม่ไม่เคยบอกพวกเราเรื่องนี้เลย”“พ่อแกเคยมาปรึกษาฉัน แล้วเราก็ตกลงว่า จะดีกว่าถ้าปล่อยให้เรื่องนี้เป็นความลับ”สามคนถามโดยพร้อมเพรียง “ทำไมล่ะครับ”“การรู้จุดด้อยของตัวเองเร็วเกินไปส่งผลไม่ดีต่อความมั่นใจ โดยเฉพาะในช่วงที่แกเปลี่ยนจากวัยรุ่นกลายเป็นวัยผู้ใหญ่เต็มตัว พ่อแกรู้ว่าสักวันตำแหน่งหลงโถวของเขาจะต้องถูกส่งต่อให้พวกแกคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นย่อมไม่ดีแน่ถ้า
เจียเหาในฐานะพี่ใหญ่รวบรวมความกล้าเอ่ยถามท่านปู่ตรง ๆ“ดะ…ดาวเอาเรื่องนี้มาบอกคุณปู่เหรอครับ”“เปล่า ฉันรู้เอง ดังนั้นพวกแกอย่าเอาเรื่องนี้ไปโทษเขาล่ะ เขาไม่ได้เอามาฟ้องฉัน”ตอนแรกอี้เทากระหยิ่มในใจ แผนการโยนหินถามทางกับสามคุณชายปากแข็งน่าจะสำเร็จ ชายชราแค่ลองปะติดปะต่อเรื่องเอาเองแล้วเอ่ยโพล่งออกไป ซึ่งพอเห็นปฏิกิริยาของสามคุณชายเลยฟันธงว่าน่าจะเข้าใจถูกในประเด็นที่ทั้งสามคงตกลงอะไรบางอย่างกับดาวเกี่ยวกับสถานะความเป็นเมียแต่อี้เทาเป็นคนยุติธรรม เขาอยากให้ทั้งสามคุณชายเป็นผู้ใหญ่ เป็นลูกผู้ชายตัวจริงที่กล้ายอมรับเองว่าพวกตนทำอะไรไว้ทั้งสามนั่งตัวลีบแต่ยังปากแข็งไม่ยอมรับเวลาผ่านไป เข็มนาฬิกาของนาฬิกาคุณปู่ หรือนาฬิกาโบราณตั้งพื้นเรือนใหญ่ดังติ๊ก ๆ อย่างต่อเนื่องขนาดอี้เทาเป็นคนอารมณ์เย็นยังหมดความอดทน“ไอ้พวกหลานโง่ นี่ฉันทนพวกแกไม่ไหวแล้วนะ!”สามคนทำหน้าซีด แต่ยังปากแข็งไม่ยอมพูดสักคำท่านปู่จางอี้เทาทนไม่ไหวอีกจึงกระชากเสียงถามหลานชายจอมมึน“แกรู้ไหมว่า