"มาทำอะไรที่นี่คะ "
ฉันทั้งตกใจและแปลกใจในคราเดียว แต่ก็อดเอ่ยปากถามออกไปไม่ได้ นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ เขาตามฉันมาเหรอหรือฉันคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป แต่คนตรงหน้ากลับไม่ยอมตอบคำถามฉัน ได้แต่ยืนพิงเสาแล้วจ้องหน้าฉันอยู่แบบนั้น ฉันจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา "มีอะไรหรือเปล่าคะ" "แค่อยากมาส่ง " เป็นคำพูดที่ทำให้ใจฉันเต้นรัวได้ดีทีเดียว แต่ก็นั่นแหละมันยิ่งทำฉันแปลกใจมากกว่าเดิมเสียอีก แต่ก็ต้องตัดใจขอตัวขึ้นห้อง เพราะไม่อยากให้เขามองฉันไม่ดี "ขอบคุณมากค่ะ งั้นฟ้าขอตัวก่อนนะคะ " ถึงแม้จะรู้สึกดีมากแค่ไหนที่เห็นเขาอยู่ตรงนี้ ฉันก็ไม่อยากให้เฮียสิงห์รู้ความในใจของฉันหรอก ยิ่งเห็นเขามายืนอยู่ตรงนี้ฉันยิ่งรู้สึกกลัว กลัวใจตัวเองจะเผลอไผลไปกับเขามากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะคนระดับเขาไม่มาสนใจผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบฉันหรอก ฉันอยากมีเขาอยู่ในฝันมากกว่าความจริง เพราะในฝันฉันจะทำอย่างไรก็ได้ แต่ชีวิตจริงฉันต้องอยู่ให้ห่างจากเขาให้มากๆ เท่าที่จะทำได้ ถ้าไม่อยากเสียใจทีหลัง ฉันก้าวเดินขึ้นไปบนห้องพัก ฉันพักอยู่ชั้นสอง หอพักแห่งนี้มีทั้งหมดสามชั้น ที่นี่ไม่ได้มีระบบความปลอดภัยอะไรหรอก เพราะเป็นห้องเช่าราคาถูก ฉันมีปัญญาจ่ายแค่หลักสองสามพันต่อเดือนเท่านั้น ฉันจนฉันรู้ตัวดี พอเดินมาถึงหน้าห้องก็อดที่จะมองออกไปด้านหน้าหอพักไม่ได้ แล้วฉันก็ได้สบตากับเฮียสิงห์อีกครั้ง เขายืนพิงรถหรูของเขาอยู่หน้าหอพักนี่เอง เมื่อเห็นแบบนั้นฉันก็อดยกมือขึ้นโบกให้เขาไม่ได้ พรุ่งนี้ฉันคงไม่ได้เห็นเขาแล้วละ และฉันก็หันไปเปิดประตูห้องและเข้าไปข้างใน เมื่อบานประตูปิดลง ฉันต้องยกมือขึ้นมาทาบที่หน้าอกข้างซ้าย หัวใจดวงน้อยของฉันมันเต้นรัวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนฉันต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อขับไล่ความรู้สึกบ้าๆ นี้ออกไปจากตัวฉันสักที " รู้จักเจียมตัวบ้างเถอะ " ฉันเตือนตัวเอง แล้วจึงตัดสินใจไปอาบน้ำเพื่อเข้านอน เพราะมันดึกมากแล้ว ควรได้พักร่างและพักหัวใจสักที วันนี้หัวใจฉันมันเต้นแรงบ่อยมาก พอนึกได้ว่ามันเต้นแรงเพราะใครก็อดอมยิ้มออกมาไม่ได้ ใช้เวลาไม่นานฉันก็อาบน้ำใส่ชุดนอน อยากพักร่างเต็มทีแล้ว ก๊อกๆ เหมือนมีเสียงเคาะประตูที่หน้าห้องฉันแต่คงไม่ใช่หรอก อาจจะเป็นห้องข้างๆ พี่เขาทำงานโรงงานอาจมีเพื่อนมาหาหรือเปล่า ก๊อกๆ ฉันกำลังเดินไปจะปิดไฟเพื่อเข้านอน ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอีกครั้งแต่ครั้งนี้ฉันได้ยินชัดเจนว่ามันดังมาจากหน้าห้องของฉัน "ใครมาเคาะประตูตอนดึกๆ แบบนี้นะ" ฉันพึมพำคนเดียว และตัดสินใจแหวกผ้าม่านตรงบานเกล็ดหน้าห้องข้างๆ ประตูเพื่อจะดูว่าเป็นใคร มาเคาะประตูห้องฉันตอนดึกๆ ดืนๆ แบบนี้ ไม่คิดจะเกรงใจกันบ้างเลยหรือไง แต่พอได้เห็นคนที่ยืนหน้าประตูก็ต้องตะลึงอีกครั้ง วันนี้มันวันอะไรของฉันทำไมเฮียสิงห์ถึงได้วุ่นวายกับฉันจังเลย กำลังว่าจะทำเป็นไม่สนใจแล้วปิดไฟนอนไปเสีย เสียงทุ้มของเฮียสิงห์ก็ดังขึ้น "เห็นแล้วก็รีบเปิด ฉันไม่ชอบรอนานๆ " อะไรของเขา รอนานอะไร ใครให้เขารอ ฉันถึงกับต้องยกมือเกาหัวตัวเองเพราะความสงสัย ฉันยืนนิ่งครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นฉันควรเปิดประตูให้เฮียสิงห์หรือเปล่า ก๊อกๆ!! เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูอีกครั้งฉันจึงตัดสินใจเปิดประตูเพื่อพูดคุยกับเฮียสิงห์ให้รู้เรื่องเพราะนี่มันดึกมากแล้ว รบกวนข้างห้องเขาด้วยมีแต่คนทำงานทั้งนั้น " มีอะไรอีกค่ะ นี่มันดึกมากแล้วนะคะ " ฉันพูดบอกเฮียสิงห์ไปแบบเสียงกระซิบกระซาบ และแทนที่เขาจะตอบฉันมาว่ามีอะไร เขากลับถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องของฉันโดยที่ฉันยังไม่อนุญาตให้เข้ามาเลย "เฮียสิงห์ค่ะ!! " จากที่ฉันพูดเสียงเบาๆตอนนี้ฉันอดไม่ได้ที่จะเรียกชื่อเขาแบบดุดัน แต่แทนที่เขาจะรู้สึกถึงความผิดปกติของเสียงฉันเขากลับถามกลับมาเสียงเรียบ "มีอะไร " ทำไมถึงถามคำนี้ออกมา นี่มันห้องคนอื่นนะ ทำไมไม่ให้เกียรติกันบ้าง "หนูเป็นผู้หญิงนะคะ ทำไมเฮียถือวิสาสะเข้ามาแบบนี้ค่ะ " "ทำไม มีผู้ชายคนอื่นอยู่หรือไง " เป็นแบบนั้นไปอีกเขาไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ว่าฉันหมายความว่าอะไร "เพราะฟ้าอยู่คนเดียวไงคะ เฮียสิงห์จึงไม่ควรเข้ามาแบบนี้ไงคะ" " ฉลองวันเกิดเป็นเพื่อนหน่อย " ไปแบบนั้นอีก ทำไมเขาถึงได้เป็นคนที่ดื้อมากขนาดนี้นะ "เฮียสิงห์ค่ะ มันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ฟ้ามีเรียนค่ะ " ฉันไม่ได้ปฏิเสธแบบตรงๆแต่เลือกใช้ข้ออ้างเรื่องเรียนเอามาบอกคนตัวโต " วันนี้วันศุกร์ " เฮียสิงห์ตอบกลับฉันเสียงเรียบ ฉันถึงกับต้องยกมือปิดปากตัวเองไว้ นึกอยากจะเขกหัวตัวเองสักทีสองที โกหกทั้งทีก็โดนจับได้เลย "แค่เป่าเค้กก็ไม่ได้เหรอ " เฮียสิงห์เริ่มพูดเสียงเศร้าๆ พอได้ยินแบบนั้นฉันก็อดใจอ่อนให้เขาไม่ได้ "เป่าเค้กแล้วก็กลับใช่ไหมคะ " ฉันย้ำคำพูดของเฮียสิงห์เพื่อให้เขาได้จำไว้ด้วยว่าเขาต้องการทำอะไรแค่ไหน ฉันเพิ่งรู้วันนี้เองว่าเฮียสิงห์เป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้ "ทำไมต้องเป็นฟ้าด้วยค่ะ ผู้หญิงของเฮียสิงห์มีเยอะแยะไป " "หึงเหรอ" ดูเขาพูดฉันจะมีสิทธิ์อะไรไปหึงเขาละ พูดออกมาได้ไม่คิด ฉันต้องถอนหายใจอีกครั้ง เพราะรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการต่อล้อต่อเถียงกับผู้ชายคนนี้จริงๆ " เอาเค้กมาค่ะ ฟ้าจัดเทียนให้ " ฉันไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับเฮียสิงห์อีกแล้ว จึงเลือกตัดบทไปปักเทียนขนมเค้กที่เฮียสิงห์ถือติดมือมาด้วยแทน "นี่เขาอายุสี่สิบแล้วเหรอ แต่ทำไมยังดูหนุ่มอยู่เลย พอๆ เลิกเพ้อ ฉันเตือนตัวเองในใจ ฉันกำลังจะเผลอไผลคลั่งรักเขาออกมาอีกแล้ว ถ้าอยู่คนเดี๋ยวจะไม่ว่าแต่นี่ เจ้าตัวเขานั่งอยู่ตรงนี้เอง เฮียสิงห์นั่งอยู่ตรงปลายเตียงนอนของฉัน ในมือถือแก้วไวน์ที่เขาเอามาด้วย เขารินไวน์ดื่มเอง และนั่งเงียบๆ รอฉันปักเทียนให้เขา " ได้แล้วค่ะ" ฉันยกโต๊ะพับมากางไว้ที่ปลายเตียงแล้วเอาขนมเค้กที่จุดเทียนแล้วมาวางไว้ "พร้อมหรือยังค่ะ " "อือ" เฮียสิงห์ตอบรับด้วยเสียงในลำคอ พอได้ยินแบบนั้นฉันก็เดินไปปิดไฟ "เดี๋ยวฟ้าขอปิดไฟก่อนค่ะ " เมื่อไฟฟ้าดับลงตอนนี้มีเพียงแสงไฟจากเทียนวันเกิด ทำให้ฉันมองเห็นแค่หน้าของเฮียสิงห์เท่านั้น "แฮปปี้ เบิร์ด เดย์ ทูยู " "แฮปปี้ เบิร์ด เดย์ ทูยู " "แฮปปี้ เบิร์ด เดย์ ทูยู " ฉันร้องเพลงวันเกิดให้เฮียสิงห์สามรอบ ระหว่างนั้นเฮียสิงห์ก็หลับตาอธิษฐานขอพรวันเกิด แล้วฉันก็ปล่อยให้เฮียสิงห์เป่าเค้กวันเกิดตรงหน้า เมื่อเทียนดับลงฉันก็รีบเดินไปเปิดไฟ "เฮียค่ะฟ้าขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะ" "ได้สิ " พอได้ยินคำนั้นฉันก็ยิ้มหวานให้เฮียสิงห์ทันที ฉันเดินไปนั่งข้างๆเฮียสิงห์แล้วยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปคู่กันกับเขา "ทำอะไร " เฮียสิงห์ถามฉันเสียงแข็ง " ถ่ายรูปไงค่ะ " ฉันตอบเฮียสิงห์ด้วยความตื่นเต้นดีใจที่เขายอมให้ฉันถ่ายรูปคู่กับเขา แฉะ / เพล้ง ฉันที่กำลังกดถ่ายภาพไปเพียงภาพเดียว แต่โทรศัพท์มือถือกลับถูกมือหนาของเฮียสิงห์ปัดออกจนตกลงพื้น "ฮะ เฮียปัดออกทำไม ถ้าไม่ให้ถ่ายก็บอกกันดีๆ ก็ได้ค่ะ" ฉันหันไปต่อว่าเฮียสิงห์ทันที ตาของฉันมันร้อนผ่าวด้วยความน้อยใจ ที่เขาทำโทรศัพท์ของฉันตกจนหน้าจอแตกราวอย่างเห็นได้ชัด ฉันก้มลงหยิบโทรศัพท์ที่พื้น เอาขึ้นมาเช็กดูว่าไม่ได้เสียหายจนใช้ไม่ได้ เพราะฉันอยากเก็บเงินไว้จ่ายค่าเทอมมากกว่าซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ เมื่อได้เห็นว่าโทรศัพท์ไม่ได้แตกที่หน้าจอ ฉันก็ยิ้มออกมาได้ ฉันแกะฟิล์มกันรอยออก เพราะที่แตกร้าวคือฟิล์มกันรอยนั่นเอง อยู่ๆเฮียสิงห์ก็หยิบมือถือของฉันไป แล้วจับฉันนั่งบนตักของเขา ฉันที่มัวแต่ตกใจยังไม่ทันได้ขัดขืนอะไร ก็ได้ยินเสียงกดถ่ายรูปรัวๆ "พอแล้วค่ะ ฟ้าไม่อยากถ่ายแล้วค่ะ " ฉันหันไปบอกเฮียสิงห์เพราะตอนนี้ฉันไม่อยากถ่ายแล้วจริงๆ ไม่ได้พูดไปเพื่อประชดอะไรเขาเลย ฉันตำหนิตัวเองในใจที่ชอบลืมตัวอยู่เรื่อยเลย จุ๊บ เฮียสิงห์จูบที่ปากของฉันพร้อมกับกดถ่ายรูปไปด้วย เขาทำหัวใจของฉันเต้นแรงอีกแล้ว " พอแล้วค่ะ " ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ออกจากมือหนาของเฮียสิงห์ ตอนนี้นอกจากหัวใจดวงน้อยจะเต้นรัวแล้ว ตัวฉันก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด ยิ่งได้ใกล้ชิดกับเฮียสิงห์ฉันยิ่งรู้สึกหวั่นไหว ฉันจะทนเก็บความรู้สึกของหัวใจของฉันได้นานแค่ไหนเชียว "อยากถ่ายรูปคู่กับฉันไม่ใช่เหรอ " "พอได้แล้วค่ะ ถ้าฝืนก็ไม่ต้องหรอกค่ะ " ฉันไม่อยากถ่ายรูปกับเขาแล้วจริงๆ ตอนนี้อยากอยู่ห่างๆจากเขามากกว่า " ได้ถ่ายรูปกับฉันแล้วดื่มไวน์เป็นเพื่อนฉันหน่อย " "อ้าวไหงเป็นงั้นละค่ะ ไหนว่าเป่าเค้กเสร็จจะกลับเลยไงคะ " ฉันรีบท้วงขึ้นทันที เพราะตอนนี้ฉันไม่สามารถต้านทานเฮียสิงห์ได้เลย เขารุกเก่งมาก คุยกันไม่กี่คำก็ได้กอดได้จูบฉันแล้ว แต่พอเฮียสิงห์อ้อนเข้าหน่อยฉันก็ใจอ่อนแล้ว " ดื่มแก้วเดียวก็ได้ นะครับ" นอกจากคำพูดจาออดอ้อนแล้ว แววตาคู่คมของเฮียสิงห์ก็เช่นกันมันส่งประกายแวววาวจนฉันต้องหลบสายตา ใครจะทนได้กันละ โอ๊ย ฉันแพ้เขาอีกแล้ว " ถ้าแค่แก้วเดียวก็ได้ค่ะ " ฉันไม่เคยดื่มไวน์สักครั้งในชีวิตแต่เพราะอยากให้เฮียสิงห์กลับเร็วๆ ก็เลยยอมตกลงทำตามที่เฮียสิงห์บอก ไม่รู้ว่าฉันคิดถูกหรือคิดผิดที่ยอมดื่มกับเขา แต่แค่แก้วเดียวมันคงไม่เป็นไรหรอกจากเหตุการณ์วันนั้น ก็ผ่านมาห้าวันแล้ว ร่างกายของฉันกลับมาปกติแล้วและเหตุการณ์ระหว่างฉันกับเฮียสิงห์ ฉันไม่ได้เล่าให้ใครฟังแม้แต่ข้าวหอมเพื่อนสนิทของฉันตอนนี้ฉันนั่งอยู่ที่สวนหน้าคณะ เพื่อรอเรียนวิชาต่อไป ฉันกำลังงวนกับงานที่อาจารย์สั่ง เพราะอยากทำให้เสร็จก่อนวันที่อาจารย์นัด เพราะฉันจะไม่มีเวลาทำงานส่งอาจารย์ถ้าไม่ใช่เวลาที่มาเรียนเพราะฉันยังคงทำงานที่ผับของเฮียหนึ่งเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าฉันจะได้เช็คเงินสดจากเฮียสิงห์มาหนึ่งล้านบาทก็ตามฉันคิดไว้ว่าจะเอาไปคืนเขา แต่ยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าเฮียสิงห์ตอนนี้ เลยจำใจต้องเก็บไว้ก่อนฉันพยายามคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเฮียสิงห์เป็นสิ่งสวยงามสำหรับฉันฉันจะได้ไม่รู้สึกผิดกับตัวเองไปมากกว่านี้ ที่กล้าทำเรื่องน่าอายแบบนั้นลงไป"ฟ้า.. เฮียสิงห์นี่น่ารักเนาะ"ข้าวหอมถามฉันขึ้นในระหว่างที่ฉันกำลังตั้งใจทำงานส่งอาจารย์ ฉันเงยหน้าขึ้นมองหน้าข้าวหอมพร้อมขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันด้วยความสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ข้าวหอมจึงถามฉันแบบนั้น"มีอะไร "ฉันถามข้าวหอมเสียงเรียบเพราะยังไม่รู้ว่าทำไมข้าวหอมถึงได้เอ่ยถึงเฮียสิงห์"ก็นี่ไง เฮียสิงห์เขาพาคุณพิต้าไปดิ
ความเจ็บปวดเรียกสติฉันกลับมาได้ แต่มันก็สายไปแล้ว ฉันไม่น่าไว้ใจให้น้ำมันอยู่ใกล้ไฟแบบนี้เลย ตอนนี้ฉันพยายามถอยหนี เพราะการฉีกขาดของเหยื่อบริสุทธิ์ ยังคงรู้สึกเจ็บแปลบๆ " อยู่นิ่งๆ อย่าขยับ ซี๊ดด... " เฮียสิงห์พูดเสียงกระเส่าเขาคงรู้สึกถึงความคับแน่นของฉันที่อ้ารัดลำยักษ์ของเขาไว้แน่น ตอนแรกเฮียสิงห์เหมือนจะเมามากจนแทบนั่งไม่อยู่ แต่ตอนนี้ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ทั้งแววตาที่เร่าร้อนส่งมาที่ฉันนั้น มันทำให้ฉันรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว แล้วเขาก็ค่อยขยับบั้นเอวช้าๆ เนิบๆ เหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ "ฮื้อ เฮียสิงห์ค่ะ ฟ้าเจ็บค่ะ " น้ำตาของฉันไหลอาบสองแก้มถึงแม้เฮียสิงห์จะพยายามทำเบาแค่ไหนก็ไม่สามารถลดความเจ็บแปลบลงได้เลย "อย่าเกร็งนะครับคนดี มันจะเจ็บแค่ครั้งแรก " เฮียสิงห์ก้มลงจูบที่หน้าผากฉันเบาๆ อย่างอ่อนโยนเพื่อเป็นการปลอบขวัญ จมูกโด่งคมสันค่อยๆ ไล้ลงมาที่แก้มของฉัน ริมฝีปากหนาจูบสับน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้มของฉันอย่างอ่อนโยน มือหนาเลื่อนมาประคองแก้มงามของฉัน สายตาหวานเยิ้มจ้องที่ดวงตาฉันไม่ยอมละสายตาไปไหน จนเป็นฉันเองที่ต้องเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย "เอาจริงแล้วน่ะ " เสียงแ
" ชนแก้ว "เสียงทุ้มของเฮียสิงห์พูดขึ้นชวนให้ฉันชนแก้วกับเขา นี่เป็นแก้วที่สามแล้ว ฉันก็เริ่มจะไม่ไหวแล้ว จากตอนแรกบอกจะดื่มแค่แก้วเดียว แต่พอหมดแก้วแรกเฮียสิงห์ก็เริ่มพูดเสียงเศร้าอย่างน้อยเนื้อต่ำใจว่าไม่มีใครสนใจไม่มีใครอยากอยู่ใกล้เขาเลย เขาขอดื่มอีกแก้ว เฮียสิงห์พูดจาออดอ้อนฉัน จนฉันใจอ่อนไม่ให้ฉันใจอ่อนได้ไง เฮียสิงห์เวลาเมาอ้อนเก่งมากขอบอก ตอนนี้เราสองคนต่างคนต่างเมาพูดเสียงยานใส่กัน ลิ้นก็พันกันฟังแทบไม่รู้เรื่องกันอยู่แล้ว เฮียสิงห์เขาดื่มตั้งแต่ที่ผับหมดไปขวดหนึ่งแล้ว แต่ฉันเพิ่งดื่มได้สองแก้วเข้าแก้วที่สามก็เริ่มมีอาการโลกหมุนแล้ว"หมดแก้วนี้เฮียกลับเลยนะคะ ฟ้าไม่ไหวแล้ว "" ไล่เฮียเหรอ " เฮียสิงห์ตีหน้าเศร้าอีกแล้ว ฉันต้องยอมใจอ่อนให้เขาอีกแล้วเหรอ ไม่ ไม่ได้ ฉันจะตามใจเขามากเกินไปแล้วเมื่อนึกได้แบบนั้นฉันจึงลุกขึ้นแล้วไปยืนอยู่ตรงหน้าของเฮียสิงห์ เฮียสิงห์ช้อนสายตาขึ้นมองหน้าฉัน แล้วเลิกคิ้วเป็นการตั้งคำถาม" เฮียสิงห์ค่ะ ฟ้าไม่ได้อยากให้เฮียสิงห์กลับสักนิด แต่มันดึกมากแล้ว วันนี้ฟ้าเหนื่อยมาทั้งวันเลยค่ะ ฟ้าอยากพักแล้ว "ฉันกลั้นใจลุกขึ้นทั้งๆ ที่ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนโ
"มาทำอะไรที่นี่คะ "ฉันทั้งตกใจและแปลกใจในคราเดียว แต่ก็อดเอ่ยปากถามออกไปไม่ได้ นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ เขาตามฉันมาเหรอหรือฉันคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปแต่คนตรงหน้ากลับไม่ยอมตอบคำถามฉัน ได้แต่ยืนพิงเสาแล้วจ้องหน้าฉันอยู่แบบนั้น ฉันจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา"มีอะไรหรือเปล่าคะ""แค่อยากมาส่ง "เป็นคำพูดที่ทำให้ใจฉันเต้นรัวได้ดีทีเดียว แต่ก็นั่นแหละมันยิ่งทำฉันแปลกใจมากกว่าเดิมเสียอีก แต่ก็ต้องตัดใจขอตัวขึ้นห้อง เพราะไม่อยากให้เขามองฉันไม่ดี"ขอบคุณมากค่ะ งั้นฟ้าขอตัวก่อนนะคะ "ถึงแม้จะรู้สึกดีมากแค่ไหนที่เห็นเขาอยู่ตรงนี้ ฉันก็ไม่อยากให้เฮียสิงห์รู้ความในใจของฉันหรอกยิ่งเห็นเขามายืนอยู่ตรงนี้ฉันยิ่งรู้สึกกลัว กลัวใจตัวเองจะเผลอไผลไปกับเขามากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะคนระดับเขาไม่มาสนใจผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบฉันหรอกฉันอยากมีเขาอยู่ในฝันมากกว่าความจริง เพราะในฝันฉันจะทำอย่างไรก็ได้แต่ชีวิตจริงฉันต้องอยู่ให้ห่างจากเขาให้มากๆ เท่าที่จะทำได้ ถ้าไม่อยากเสียใจทีหลังฉันก้าวเดินขึ้นไปบนห้องพัก ฉันพักอยู่ชั้นสอง หอพักแห่งนี้มีทั้งหมดสามชั้น ที่นี่ไม่ได้มีระบบความปลอดภัยอะไรหรอก เพราะเป
6.น้อยใจ/ผู้ชายในฝัน"เธอรู้ไหมว่าวันนี้ฉันหงุดหงิดและอารมณ์เสียมากแค่ไหน คนที่ฉันไว้ใจคิดว่าเขาจะเห็นฉันสำคัญกว่าใครๆ แต่เขากลับมองไม่เห็นตัวตนของฉันเลย"ฉันมองหน้าเฮียสิงห์และนั่งฟังแบบนิ่งๆ เขาคงอยากระบายความในใจให้ใครสักคนฟังจึงเลือกมาที่แบบนี้ " แต่เธอก็เข้ามาในช่วงที่ฉันต้องการใครสักคนแก้เหงาพอดี " พอฟังคำของเฮียสิงห์จบฉันก็พอเข้าใจความหมายของเฮียสิงห์แล้ว "ฟ้าอยู่เป็นเพื่อนคุณได้ค่ะ อยู่ได้จนถึงเวลาเลิกงานเลยค่ะ""ฉันไม่ได้ต้องการแค่นี้ ฉันอยากได้ทั้งคืน เธอจะว่ายังไง ""ค่ะ หมายความว่ายังไงคะ "ฉันยังคงไม่เข้าใจความหมายทั้งหมดที่เขาสื่อบอกฉัน เพราะฉันไม่คิดว่าเรื่องพวกนี้มันจะตกลงกันง่ายๆ แบบนี้"วันนี้ฉันขอซื้อเวลาเธอทั้งวันทั้งคืนเลยได้ไหม ""อยากให้ไปอยู่เป็นเพื่อนเหรอคะ ฟ้าไม่เข้าใจค่ะ " "ถามจริงไม่เคยหรือแค่แสดงเพื่อโก่งค่าตัวกันแน่ "" เฮียสิงห์ค่ะ อย่าดูถูกผู้หญิงสิคะ ผู้หญิงบางคนเขาก็อยากเก็บความบริสุทธิ์ไว้ให้คนที่เขารักในคืนเข้าห้องหอค่ะ "ฉันอดที่จะตำหนิเฮียสิงห์ไม่ได้ เลยพูดออกไปแบบนั้น พอคิดได้ก็รีบเอามือมาปิดปากไว้ แต่มันคงช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกเพราะมันออกจากปา
จากที่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองมาพักใหญ่ ตอนนี้คนตัวโตเริ่มมีอาการเมาแล้วด้วย เพราะฉันไม่รู้จะทำอะไรพอเห็นแก้วว่างก็หยิบขึ้นมารินท่าเดียวจนตอนนี้เกือบหมดขวดแล้ว ไม่ให้เขาเมาได้ยังไงกินคนเดียวด้วย "จะมอมไวน์ฉันหรือไง เทไวน์ไม่มีป้ายหยุดขนาดนี้ " คนตัวโตเริ่มพูดเสียงยานเพราะดื่มไปมากแล้ว "หนูก็อยากจะมอมให้เมาแหละค่ะ แต่คุณคอแข็งมากเลยนะคะ "พอได้ยินฉันบอกเขาว่าอยากมอมไวน์เขาเท่านั้นแหละ จากที่ดูอ่อนโยนกลายเป็นนั่งตัวตรงและเงียบขรึมทันที พอฉันเห็นเขาทำท่าไม่พอใจก็อดไม่ได้ที่จะเขาไปใกล้ " ขอโทษค่ะ แค่หยอกเล่นค่ะ " "ฉันเป็นเพื่อนเล่นเธอหรือไง " เขาตอบกลับฉันเสียงดุ จนฉันต้องเม้มปากแน่แล้วก้มหน้าลง ฉันคงเล่นเกินไปจริงๆ แหละ เขาเป็นใครฉันเป็นใคร ฉันรู้ตัวดี "ขอโทษอีกครั้งค่ะ" แล้วฉันก็ขยับตัวถอยห่างออกจากเขา ควรระลึกในใจเสมอว่าฉันเป็นใครตื๊ดๆ เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูของคนตัวโตดังขึ้น เป็นการโทรมาแบบวิดีโอคอล ที่ฉันรู้ได้เพราะฉันมองที่โทรศัพท์ของเขา และฉันก็เห็นว่ารูปผู้หญิงที่วิดีโอคอลมานั้นเป็นใคร เธอเป็นนางเอกดังระดับแนวหน้าของประเทศ และคงเป็นคนรักของเขาเพราะช่วงหลังมานี้เขา