จากเหตุการณ์วันนั้น ก็ผ่านมาห้าวันแล้ว ร่างกายของฉันกลับมาปกติแล้ว
และเหตุการณ์ระหว่างฉันกับเฮียสิงห์ ฉันไม่ได้เล่าให้ใครฟังแม้แต่ข้าวหอมเพื่อนสนิทของฉัน ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ที่สวนหน้าคณะ เพื่อรอเรียนวิชาต่อไป ฉันกำลังงวนกับงานที่อาจารย์สั่ง เพราะอยากทำให้เสร็จก่อนวันที่อาจารย์นัด เพราะฉันจะไม่มีเวลาทำงานส่งอาจารย์ถ้าไม่ใช่เวลาที่มาเรียน เพราะฉันยังคงทำงานที่ผับของเฮียหนึ่งเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าฉันจะได้เช็คเงินสดจากเฮียสิงห์มาหนึ่งล้านบาทก็ตาม ฉันคิดไว้ว่าจะเอาไปคืนเขา แต่ยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าเฮียสิงห์ตอนนี้ เลยจำใจต้องเก็บไว้ก่อน ฉันพยายามคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเฮียสิงห์เป็นสิ่งสวยงามสำหรับฉัน ฉันจะได้ไม่รู้สึกผิดกับตัวเองไปมากกว่านี้ ที่กล้าทำเรื่องน่าอายแบบนั้นลงไป "ฟ้า.. เฮียสิงห์นี่น่ารักเนาะ" ข้าวหอมถามฉันขึ้นในระหว่างที่ฉันกำลังตั้งใจทำงานส่งอาจารย์ ฉันเงยหน้าขึ้นมองหน้าข้าวหอมพร้อมขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันด้วยความสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ข้าวหอมจึงถามฉันแบบนั้น "มีอะไร " ฉันถามข้าวหอมเสียงเรียบเพราะยังไม่รู้ว่าทำไมข้าวหอมถึงได้เอ่ยถึงเฮียสิงห์ "ก็นี่ไง เฮียสิงห์เขาพาคุณพิต้าไปดินเนอร์นะสิ มีคนตาดีแอบถ่ายได้ " ข้าวหอมเธอยื่นโทรศัพท์ใส่หน้าฉัน "อือ.." พอฉันเห็นภาพนั้นก็ตอบข้าวหอมไปสั้นๆ แต่หัวใจฉันสิเต้นแรงเสียจนฉันต้องถอนหายใจแรงๆ ออกมา ใช่ ฉันยังรู้สึกกับเฮียสิงห์และเริ่มมากขึ้นตั้งแต่วันที่มอบร่างกายให้เขา ฉันหวงเขา หวงมากๆ ทั้งที่ทำใจไว้แล้ว แต่พอเห็นแบบนี้กลับรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ขั้วหัวใจ ไม่ใช่อะไร เพียงแค่ฉันนึกขึ้นมาว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์คิดแบบนั้นแม้แต่เสี้ยวเดียว มันทำให้รู้สึกเจ็บแต่ถึงอย่างนั้นฉันก็หยุดรักเฮียสิงห์ไม่ได้ " ฮึ " ฉันหลุดขำออกมา เป็นการหัวเราะเยาะตัวเอง แต่ทำให้ข้าวหอมมองหน้าฉัน แต่พอเธอเห็นฉันยิ้มให้ เธอคงคิดว่าฉันเห็นด้วยกับเรื่องที่เธอกำลังพูดถึง เธอจึงยังคงพูดถึงเรื่องของเฮียสิงห์ต่อ "แกดูดอกไม้ช่อใหญ่ที่คุณพิต้าถือสิ ฉันอิจฉา..." ข้าวหอมเธอพูดเสียงสอง พร้อมบิดตัวไปมา ทำเหมือนตัวเองเป็นคนได้รับดอกไม้ช่อนั้นซะเอง "นี่ถามจริงเธอไม่รู้สึกหวงเฮียสิงห์บ้างเหรอ " ข้าวหอมเธอรู้ว่าฉันแอบรักเฮียสิงห์ เธอคงอยากลองใจฉันดู " หวงอะไร" ฉันตอบคำถามด้วยการถามกลับ "ไม่รู้สิก็ตั้งแต่วันที่ฟ้าไปดูแลเฮียสิงห์ฉันรู้สึกว่าเฮียสิงห์เปลี่ยนไป " "ยังไง " ฉันทำเหมือนไม่สนใจ ยังตั้งใจเขียนงานส่งอาจารย์อยู่ "ก็เมื่อวันอาทิตย์เฮียสิงห์มาที่ผับแล้วถามหาแก แต่พอบอกว่าแกไม่สบาย ลางานเฮียสิงห์ก็ออกไปเลย ไม่ยอมดื่มต่อด้วย ทั้งๆที่วันนั้นคนดูแลที่เคยเรียกประจำก็ว่างอยู่" " แล้วไง " ฉันถามกลับเสียงเรียบ พยายามข่มความรู้สึกภายในใจไว้ เมื่อรับรู้ว่าเฮียสิงห์ถามหา "ไม่ไงหรอก เฮียสิงห์นะทั้งหล่อทั้งน่ารัก เสียอย่างเดียว คู่ควงเขาเยอะจัด ฉันไม่อยากให้ฟ้าเสียใจไง " "ขอบใจนะ ฉันรักเขาในที่ของฉันได้ ฉันอยู่ของฉันมาตั้งนานแล้ว เรื่องพวกนี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก " ฉันอยากให้ข้าวหอมสบายใจเลยเลือกพูดแบบนั้นออกไป เรื่องที่ฉันรักเฮียสิงห์ฉันยังคงรักเขาแบบเดิมนั่นแหละ เพียงแต่จำใส่สมองตัวเองไว้เสมอว่าอย่าคิดไปไกลกว่านี้ เพราะจะเป็นฉันเองที่จะเป็นคนเสียใจ พอฉันไม่ได้แสดงอาการที่ข้าวหอมอยากรู้ออกมา เธอก็เลยเลิกเซ้าซี้ฉัน แล้วไปซื้อน้ำกับผลไม้มานั่งกินเล่นแทน " หอม " "ว่า" "เลิกเรียนแล้ว พาฉันไปห้างหน่อยสิ ฉันจะไปติดฟิล์มกันกระแทกโทรศัพท์ ฉันทำโทรศัพท์ตก ฟิล์มมันแตก " "ได้สิ " วันนี้เลิกเรียนเร็วฉันจึงชวนข้าวหอมไปเดินห้างจุดประสงค์คือติดฟิล์มโทรศัพท์ ที่เฮียสิงห์ทำตกเมื่อคราวก่อน เพราะกลัวว่าถ้าฉันทำตกอีกรอบมันต้องพังแน่ๆ ฉันยังไม่พร้อมที่จะซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ตอนนี้ เงินเดือนที่ได้มาฉันเอาไปจ่ายค่าเทอมแล้ว เหลือใช้ไม่กี่บาท ดีแต่จ่ายค่าห้องไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงยังไม่ต้องรีบหาเงินจ่ายค่าห้อง แต่ยังไงก็ต้องถึงวันจ่ายอยู่ดี และฉันต้องประหยัดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ห้างดังแห่งหนึ่ง " ฉันแค่มาติดฟิล์มโทรศัพท์จำเป็นต้องมาห้างใหญ่ขนาดนี้หรือไง " ฉันว่าให้ข้าวหอมที่คะยั้นคะยอให้ฉันพามาที่ห้างแห่งนี้ ฉันไม่ค่อยอยากมาเพราะของที่นี่แพงมาก ถ้าได้หลงกลซื้อละก็แทบหมดตัวเลยทีเดียว ฉันจึงตัดปัญหาโดยการไม่มาที่ห้างแห่งนี้ไปเลย "อย่าบ่นไปเลยน่า ฉันแค่อยากกินไก่ทอดร้านในห้างนี้นี่นา เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง " " ไม่ต้องประหยัดเงินหรือไง " ฉันถามหอมเพราะเธอต้องดูแลยายด้วยการใช้เงินแต่ละครั้งต้องคิดอย่างถี่ถ้วน เดี๋ยวจะไม่พอใช้จ่าย " เฮียหนึ่งให้พิเศษมา " ข้าวหอมเธอตอบแบบกระซิบกระซาบให้ฉันได้ยินแค่คนเดียว ข้าวหอมเธอมักเป็นแบบนี้แหละ ร่าเริงตลอดเวลา จนแทบดูไม่ออกว่าเธอมีเรื่องทุกข์ใจบ้างหรือเปล่า ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้าเพราะไม่อยากจะเถียงกับข้าวหอมอีกแล้ว ให้เธอได้ทำตามใจบ้างก็ดี เธอคงเหนื่อยไม่น้อยที่ต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว ทั้งที่อายุยังน้อย "ก็ได้ๆ งั้นไปติดฟิล์มก่อนแล้วค่อยไปกินกัน" เมื่อได้ยินฉันตอบแบบนั้นข้าวหอมเธอก็ฉีกยิ้ม ทำตาแป๋วใส่ฉัน คงเพราะดีใจที่ฉันไม่ห้ามเธอแล้ว "ขอบใจนะฟ้า ที่เข้าใจฉัน " ข้าวหอมเธอทำท่าออดอ้อนด้วยการเอาแก้มเนียนมาถูต้นแขนของฉัน เธอทำได้น่ารักดี จนฉันอดยิ้มไม่ได้ "ไม่ต้องดีใจขนาดนั้น นั่นมันเงินแกน่ะหอม " ฉันเตือนข้าวหอมเฉยๆ สุดท้ายก็ใจอ่อนอยู่ดี แต่ก็อย่างว่าคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ไก่ทอดคงไม่ทำฉันหมดกระเป๋าหรอก ฉันคงไม่ให้ข้าวหอมเลี้ยงหรอก เงินหายากจะตายไปกว่าจะได้แต่ละบาทเดินเสิร์ฟเหล้าจนขาลาก ในแต่ละคืนต้องอดหลับอดนอน ฉันคงไม่เอาเปรียบเพื่อนด้วยการให้ข้าวหอมจ่ายคนเดียวหรอก "แต่ต้องหารกันน่ะถ้าไม่อย่างนั้นฉันไม่ยอมด้วย " ระหว่างที่รอพนักงานติดฟิล์มให้ ฉันกำลังทำข้อตกลงกับข้าวหอมอยู่ เพราะถ้าไม่ยอมหารกันฉันก็จะไม่กินด้วยเด็ดขาด ฉันพูดด้วยท่าทางจริงจัง จนข้าวหอมปฏิเสธไม่ได้ และตกลงตามที่ฉันพูดบอก " เอะนั่น! เฮียสิงห์นี่นา " ระหว่างพูดคุยกันอยู่ สายตางามของข้าวหอมก็เลือบไปเห็นเฮียสิงห์ ที่กำลังเดินมา ทำฉันต้องหันมองตาม และจังหวะนั้นเองที่ทำฉันแทบช็อก เมื่อสายตาดุดันของเฮียสิงห์จ้องมาที่ฉัน ข้างหลังของเขายังมีผู้ติดตามคนสนิทเดินตามมาติดๆ บ้าเอ๊ย! ทำไมต้องมาเจอกันที่นี่ด้วยน่ะ ฉันสบถในใจ หันซ้ายหันขวาจะหาที่หลบ แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว ขายาวๆ ของเฮียสิงห์เดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงจุดที่ฉันกับข้าวหอมยืนอยู่ "สวัสดีค่ะเฮียสิงห์ " เป็นข้าวหอมที่ยกมือไหว้และทักทายเฮียก่อน ทำให้ฉันต้องยกมือไหว้เฮียสิงห์ และยิ้มแห้งๆ ให้เฮียสิงห์ ตอนนี้สายตาของเฮียสิงห์เย็นชามาก เขานิ่งเสียจนฉันรู้สึกประหม่า "ทำอะไรกัน " เสียงทุ้มทรงพลังของเฮียสิงห์ถามขึ้น แต่สายตามองมาที่ฉันจนฉันต้องก้มหน้าหลบสายตาคู่นั้นของเฮียสิงห์ เพราะตอนนี้หัวใจของฉันเต้นแรงมาก แทบจะทะลุออกมาจากอกให้ได้เลย "มาติดฟิล์มกันกระแทกโทรศัพท์ค่ะ " เป็นข้าวหอมอีกตามเคยที่เป็นคนตอบคำถามของเฮียสิงห์ ฉันสะกิดที่มือของข้าวหอม เป็นสัญญาณว่าไปได้แล้ว เพราะตอนนี้โทรศัพท์ก็ติดฟิล์มเสร็จแล้ว "หอมกับฟ้าขอตัวก่อนนะคะ" "เดี๋ยวสิ จะไปไหนต่อ " ข้าวหอมหันมามองและสบตากับฉัน เสร็จแล้วเธอก็หันไปตอบเฮียสิงห์ทันที " จะไปกินไก่ทอดค่ะ เฮียไปด้วยกันไหมคะ " "อือ ไปสิ " ฉันต้องทำตาโตมองที่ข้าวหอม เพราะตกใจกับคำชวน นี่เธอกล้าชวนเฮียสิงห์กินไก่ทอด และต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อเฮียสิงห์ตอบตกลงด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ฉันสิอยากลับห้องไปเตรียมตัวไปทำงานมากกว่า เพราะมันรู้สึกอึดอัดไปหมดในตอนนี้ ฉันไม่สามารถลบเหตุการณ์วันนั้นได้ ถ้ายังต้องเจอเฮียสิงห์อยู่แบบนี้ ข้าวหอมหันมองหน้าฉันแล้วส่งยิ้มแห้งๆ ให้ "เอ่อ...เฮียสิงห์ค่ะ หอมล้อเล่นค่ะ หอมไม่กล้ารบกวนเฮียสิงห์หรอกค่ะ " "อ้าวได้ไง เฮียหิวข้าวอยู่พอดี เดี๋ยวเฮียเลี้ยงเอง นำไปเลย " "จริงเหรอคะ งั้นไปค่ะทางนี้เลยค่ะ " ข้าวหอมเธอรีบนำทางไปโดยไม่หันมาปรึกษากันบ้างเลย เฮียสิงห์เห็นฉันยังยืนอยู่ที่เดิมก็ยื่นมือหนามาคว้าข้อมือฉันไว้ แล้วดึงให้ฉันเดินตาม ฉันเดินตามมาได้สองก้าวก็รีบแกะมือของเฮียสิงห์ออก เพราะไม่อยากให้ข้าวหอมสงสัย แต่เฮียสิงห์ก็ไม่ยอมปล่อยยิ่งแต่รัดข้อมือฉันไว้แน่น แล้วก็โน้มหน้าหล่อลงมากระซิบที่ข้างหูของฉัน "อย่าดื้อสิ " ไม่ใช่เสียงดุดันเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เป็นเสียงที่ฟังแล้วหัวใจของฉันกลับพองโต รู้สึกดีจัง เฮียสิงห์ใช้จังหวะที่ฉันเผลอใช้นิ้วมือประสานกันกับนิ้วมือของฉัน พอรู้สึกตัวอีกทีเฮียสิงห์ก็กำมือฉันไว้แน่นแล้ว "เฮียสิงห์ค่ะ ปล่อยฟ้าค่ะ " ตอนนี้ฉันหยุดเดินเพื่อจะดึงมือออก "ทำไม " "ฟ้าไม่อยากเป็นเป้าสายตาค่ะ " เมื่อได้ยินแบบนั้นเฮียสิงห์ก็ยอมปล่อยมือฉัน แต่สีหน้าของเฮียสิงห์สิ แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าหงุดหงิดมากๆ เพราะเขาเดินนำฉันไปแบบไม่รอเลย ฉันได้แต่มองที่แผ่นหลังกว้างๆ นั้น และถอนหายใจออกมาเบาๆ และหันไปมองที่คนสนิทของเฮียสิงห์ที่ยังยืนอยู่ เขาส่งสายตาให้ฉันเดินตามเฮียสิงห์ไป ฉันไม่รู้จะทำยังไงเลยต้องรีบก้าวตามข้าวหอมและเฮียสิงห์ไป ในหัวก็คิดถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ทำไมเฮียสิงห์ถึงทำแบบนี้ จะมาจับมือฉันทำไมก็ไม่รู้ ไปจับมือแฟนตัวเองสิ รักกันซะขนาดนั้น ทุกอย่างนี้ฉันคิดในใจไม่ได้เปล่งเป็นเสียงออกมาให้ใครได้ยินสักคำจากเหตุการณ์วันนั้น ก็ผ่านมาห้าวันแล้ว ร่างกายของฉันกลับมาปกติแล้วและเหตุการณ์ระหว่างฉันกับเฮียสิงห์ ฉันไม่ได้เล่าให้ใครฟังแม้แต่ข้าวหอมเพื่อนสนิทของฉันตอนนี้ฉันนั่งอยู่ที่สวนหน้าคณะ เพื่อรอเรียนวิชาต่อไป ฉันกำลังงวนกับงานที่อาจารย์สั่ง เพราะอยากทำให้เสร็จก่อนวันที่อาจารย์นัด เพราะฉันจะไม่มีเวลาทำงานส่งอาจารย์ถ้าไม่ใช่เวลาที่มาเรียนเพราะฉันยังคงทำงานที่ผับของเฮียหนึ่งเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าฉันจะได้เช็คเงินสดจากเฮียสิงห์มาหนึ่งล้านบาทก็ตามฉันคิดไว้ว่าจะเอาไปคืนเขา แต่ยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าเฮียสิงห์ตอนนี้ เลยจำใจต้องเก็บไว้ก่อนฉันพยายามคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเฮียสิงห์เป็นสิ่งสวยงามสำหรับฉันฉันจะได้ไม่รู้สึกผิดกับตัวเองไปมากกว่านี้ ที่กล้าทำเรื่องน่าอายแบบนั้นลงไป"ฟ้า.. เฮียสิงห์นี่น่ารักเนาะ"ข้าวหอมถามฉันขึ้นในระหว่างที่ฉันกำลังตั้งใจทำงานส่งอาจารย์ ฉันเงยหน้าขึ้นมองหน้าข้าวหอมพร้อมขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันด้วยความสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ข้าวหอมจึงถามฉันแบบนั้น"มีอะไร "ฉันถามข้าวหอมเสียงเรียบเพราะยังไม่รู้ว่าทำไมข้าวหอมถึงได้เอ่ยถึงเฮียสิงห์"ก็นี่ไง เฮียสิงห์เขาพาคุณพิต้าไปดิ
ความเจ็บปวดเรียกสติฉันกลับมาได้ แต่มันก็สายไปแล้ว ฉันไม่น่าไว้ใจให้น้ำมันอยู่ใกล้ไฟแบบนี้เลย ตอนนี้ฉันพยายามถอยหนี เพราะการฉีกขาดของเหยื่อบริสุทธิ์ ยังคงรู้สึกเจ็บแปลบๆ " อยู่นิ่งๆ อย่าขยับ ซี๊ดด... " เฮียสิงห์พูดเสียงกระเส่าเขาคงรู้สึกถึงความคับแน่นของฉันที่อ้ารัดลำยักษ์ของเขาไว้แน่น ตอนแรกเฮียสิงห์เหมือนจะเมามากจนแทบนั่งไม่อยู่ แต่ตอนนี้ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ทั้งแววตาที่เร่าร้อนส่งมาที่ฉันนั้น มันทำให้ฉันรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว แล้วเขาก็ค่อยขยับบั้นเอวช้าๆ เนิบๆ เหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ "ฮื้อ เฮียสิงห์ค่ะ ฟ้าเจ็บค่ะ " น้ำตาของฉันไหลอาบสองแก้มถึงแม้เฮียสิงห์จะพยายามทำเบาแค่ไหนก็ไม่สามารถลดความเจ็บแปลบลงได้เลย "อย่าเกร็งนะครับคนดี มันจะเจ็บแค่ครั้งแรก " เฮียสิงห์ก้มลงจูบที่หน้าผากฉันเบาๆ อย่างอ่อนโยนเพื่อเป็นการปลอบขวัญ จมูกโด่งคมสันค่อยๆ ไล้ลงมาที่แก้มของฉัน ริมฝีปากหนาจูบสับน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้มของฉันอย่างอ่อนโยน มือหนาเลื่อนมาประคองแก้มงามของฉัน สายตาหวานเยิ้มจ้องที่ดวงตาฉันไม่ยอมละสายตาไปไหน จนเป็นฉันเองที่ต้องเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย "เอาจริงแล้วน่ะ " เสียงแ
" ชนแก้ว "เสียงทุ้มของเฮียสิงห์พูดขึ้นชวนให้ฉันชนแก้วกับเขา นี่เป็นแก้วที่สามแล้ว ฉันก็เริ่มจะไม่ไหวแล้ว จากตอนแรกบอกจะดื่มแค่แก้วเดียว แต่พอหมดแก้วแรกเฮียสิงห์ก็เริ่มพูดเสียงเศร้าอย่างน้อยเนื้อต่ำใจว่าไม่มีใครสนใจไม่มีใครอยากอยู่ใกล้เขาเลย เขาขอดื่มอีกแก้ว เฮียสิงห์พูดจาออดอ้อนฉัน จนฉันใจอ่อนไม่ให้ฉันใจอ่อนได้ไง เฮียสิงห์เวลาเมาอ้อนเก่งมากขอบอก ตอนนี้เราสองคนต่างคนต่างเมาพูดเสียงยานใส่กัน ลิ้นก็พันกันฟังแทบไม่รู้เรื่องกันอยู่แล้ว เฮียสิงห์เขาดื่มตั้งแต่ที่ผับหมดไปขวดหนึ่งแล้ว แต่ฉันเพิ่งดื่มได้สองแก้วเข้าแก้วที่สามก็เริ่มมีอาการโลกหมุนแล้ว"หมดแก้วนี้เฮียกลับเลยนะคะ ฟ้าไม่ไหวแล้ว "" ไล่เฮียเหรอ " เฮียสิงห์ตีหน้าเศร้าอีกแล้ว ฉันต้องยอมใจอ่อนให้เขาอีกแล้วเหรอ ไม่ ไม่ได้ ฉันจะตามใจเขามากเกินไปแล้วเมื่อนึกได้แบบนั้นฉันจึงลุกขึ้นแล้วไปยืนอยู่ตรงหน้าของเฮียสิงห์ เฮียสิงห์ช้อนสายตาขึ้นมองหน้าฉัน แล้วเลิกคิ้วเป็นการตั้งคำถาม" เฮียสิงห์ค่ะ ฟ้าไม่ได้อยากให้เฮียสิงห์กลับสักนิด แต่มันดึกมากแล้ว วันนี้ฟ้าเหนื่อยมาทั้งวันเลยค่ะ ฟ้าอยากพักแล้ว "ฉันกลั้นใจลุกขึ้นทั้งๆ ที่ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนโ
"มาทำอะไรที่นี่คะ "ฉันทั้งตกใจและแปลกใจในคราเดียว แต่ก็อดเอ่ยปากถามออกไปไม่ได้ นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ เขาตามฉันมาเหรอหรือฉันคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปแต่คนตรงหน้ากลับไม่ยอมตอบคำถามฉัน ได้แต่ยืนพิงเสาแล้วจ้องหน้าฉันอยู่แบบนั้น ฉันจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา"มีอะไรหรือเปล่าคะ""แค่อยากมาส่ง "เป็นคำพูดที่ทำให้ใจฉันเต้นรัวได้ดีทีเดียว แต่ก็นั่นแหละมันยิ่งทำฉันแปลกใจมากกว่าเดิมเสียอีก แต่ก็ต้องตัดใจขอตัวขึ้นห้อง เพราะไม่อยากให้เขามองฉันไม่ดี"ขอบคุณมากค่ะ งั้นฟ้าขอตัวก่อนนะคะ "ถึงแม้จะรู้สึกดีมากแค่ไหนที่เห็นเขาอยู่ตรงนี้ ฉันก็ไม่อยากให้เฮียสิงห์รู้ความในใจของฉันหรอกยิ่งเห็นเขามายืนอยู่ตรงนี้ฉันยิ่งรู้สึกกลัว กลัวใจตัวเองจะเผลอไผลไปกับเขามากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะคนระดับเขาไม่มาสนใจผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบฉันหรอกฉันอยากมีเขาอยู่ในฝันมากกว่าความจริง เพราะในฝันฉันจะทำอย่างไรก็ได้แต่ชีวิตจริงฉันต้องอยู่ให้ห่างจากเขาให้มากๆ เท่าที่จะทำได้ ถ้าไม่อยากเสียใจทีหลังฉันก้าวเดินขึ้นไปบนห้องพัก ฉันพักอยู่ชั้นสอง หอพักแห่งนี้มีทั้งหมดสามชั้น ที่นี่ไม่ได้มีระบบความปลอดภัยอะไรหรอก เพราะเป
6.น้อยใจ/ผู้ชายในฝัน"เธอรู้ไหมว่าวันนี้ฉันหงุดหงิดและอารมณ์เสียมากแค่ไหน คนที่ฉันไว้ใจคิดว่าเขาจะเห็นฉันสำคัญกว่าใครๆ แต่เขากลับมองไม่เห็นตัวตนของฉันเลย"ฉันมองหน้าเฮียสิงห์และนั่งฟังแบบนิ่งๆ เขาคงอยากระบายความในใจให้ใครสักคนฟังจึงเลือกมาที่แบบนี้ " แต่เธอก็เข้ามาในช่วงที่ฉันต้องการใครสักคนแก้เหงาพอดี " พอฟังคำของเฮียสิงห์จบฉันก็พอเข้าใจความหมายของเฮียสิงห์แล้ว "ฟ้าอยู่เป็นเพื่อนคุณได้ค่ะ อยู่ได้จนถึงเวลาเลิกงานเลยค่ะ""ฉันไม่ได้ต้องการแค่นี้ ฉันอยากได้ทั้งคืน เธอจะว่ายังไง ""ค่ะ หมายความว่ายังไงคะ "ฉันยังคงไม่เข้าใจความหมายทั้งหมดที่เขาสื่อบอกฉัน เพราะฉันไม่คิดว่าเรื่องพวกนี้มันจะตกลงกันง่ายๆ แบบนี้"วันนี้ฉันขอซื้อเวลาเธอทั้งวันทั้งคืนเลยได้ไหม ""อยากให้ไปอยู่เป็นเพื่อนเหรอคะ ฟ้าไม่เข้าใจค่ะ " "ถามจริงไม่เคยหรือแค่แสดงเพื่อโก่งค่าตัวกันแน่ "" เฮียสิงห์ค่ะ อย่าดูถูกผู้หญิงสิคะ ผู้หญิงบางคนเขาก็อยากเก็บความบริสุทธิ์ไว้ให้คนที่เขารักในคืนเข้าห้องหอค่ะ "ฉันอดที่จะตำหนิเฮียสิงห์ไม่ได้ เลยพูดออกไปแบบนั้น พอคิดได้ก็รีบเอามือมาปิดปากไว้ แต่มันคงช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกเพราะมันออกจากปา
จากที่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองมาพักใหญ่ ตอนนี้คนตัวโตเริ่มมีอาการเมาแล้วด้วย เพราะฉันไม่รู้จะทำอะไรพอเห็นแก้วว่างก็หยิบขึ้นมารินท่าเดียวจนตอนนี้เกือบหมดขวดแล้ว ไม่ให้เขาเมาได้ยังไงกินคนเดียวด้วย "จะมอมไวน์ฉันหรือไง เทไวน์ไม่มีป้ายหยุดขนาดนี้ " คนตัวโตเริ่มพูดเสียงยานเพราะดื่มไปมากแล้ว "หนูก็อยากจะมอมให้เมาแหละค่ะ แต่คุณคอแข็งมากเลยนะคะ "พอได้ยินฉันบอกเขาว่าอยากมอมไวน์เขาเท่านั้นแหละ จากที่ดูอ่อนโยนกลายเป็นนั่งตัวตรงและเงียบขรึมทันที พอฉันเห็นเขาทำท่าไม่พอใจก็อดไม่ได้ที่จะเขาไปใกล้ " ขอโทษค่ะ แค่หยอกเล่นค่ะ " "ฉันเป็นเพื่อนเล่นเธอหรือไง " เขาตอบกลับฉันเสียงดุ จนฉันต้องเม้มปากแน่แล้วก้มหน้าลง ฉันคงเล่นเกินไปจริงๆ แหละ เขาเป็นใครฉันเป็นใคร ฉันรู้ตัวดี "ขอโทษอีกครั้งค่ะ" แล้วฉันก็ขยับตัวถอยห่างออกจากเขา ควรระลึกในใจเสมอว่าฉันเป็นใครตื๊ดๆ เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูของคนตัวโตดังขึ้น เป็นการโทรมาแบบวิดีโอคอล ที่ฉันรู้ได้เพราะฉันมองที่โทรศัพท์ของเขา และฉันก็เห็นว่ารูปผู้หญิงที่วิดีโอคอลมานั้นเป็นใคร เธอเป็นนางเอกดังระดับแนวหน้าของประเทศ และคงเป็นคนรักของเขาเพราะช่วงหลังมานี้เขา