เฮ่อเหลียนได้แต่ยืนฟังด้วยสมองดำดิ่งนิ่งอึ้งขาวโพลน นางยืนโงนเงนจนลำตัวโยกโยน ก่อนจะแข้งขาอ่อนยวบนั่งลงบนพื้นหญ้าโดยมีซือจิงคอยจับประคองเอาไว้
หญิงสาวกำมือจนห้อเลือดกัดฟันเม้มปากแน่นไม่ให้เสียงสะอื้นไห้ดังออกมา
นางมีน้ำตาและร้องไห้ตั้งแต่เมื่อได้มิอาจทราบ เมื่อรู้ตัวอีกทีร่างนี้ของนางก็กำลังสั่นเทาเหลือเกิน หยาดน้ำตาร้อนผ่าวเสียดแทงดวงตาทั้งคู่ของนางจนแสบไปหมด ในโพรงอกทรมานเกินจะพรรณนา
ซือจิงลูบไหล่ของเฮ่อเหลียนเบาๆ พยายามใช้สายตาปลอบโยนโดยไร้เสียง
ทุกกิริยาของนายบ่าวเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบตรงมุมมืด
ใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยความข่มขื่นของเฮ่อเหลียนพยายามแขวนรอยยิ้มส่งให้คนสนิทที่นางเคารพรักไม่ต่างจากมารดา อยากบอกเหลือเกินว่าข้าไม่เป็นไร พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรือเป็นกังวล แต่ทว่า...ช่างยากเย็น
หญิงสาวคิดจะจากไปจากริมหน้าต่างบานนี้ แต่ติดตรงที่แข้งขาอ่อนแรง ไม่อาจฝืนยืนได้ ความเจ็บปวดลึกๆ เกาะกุมใจอย่างแน่นหนาจนนางไม่อาจก้าวขาเดินหน้าได้ต่อไป
ในขณะที่กำลังต่อสู้กับปลายเท้าน้อยๆ ของตนว่าควรจากไปได้แล้ว เสียงสวบสาบเสียดสีระหว่างผิวเนื้อกับผ้าปูเตียงก็เกิดขึ้นอีกครา เสียงนั้นคือพายุอารมณ์รอบใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย
“อา...ท่านพี่ อีกแล้วหรือเจ้าคะ”
“อืม...”
ประโยคคำถามและตอบรับช่างชัดเจน เพียงอึดใจก็เกิดเสียงขาเตียงโยกโยนในจังหวะเนิบช้า ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นทีละน้อย
ดวงตาของเฮ่อเหลียนพลันเบิกกว้าง ในขณะที่ม่านตาหดเล็กลงแบบเฉียบพลัน
แน่นอนว่าฤทธิ์ของเหล้าช่างเข้มข้นและยาวนาน
บางทีหลี่ชางคงยังไม่สร่างเมา...
ใบหน้าสะคราญโฉมของเฮ่อเหลียนปรากฏรอยยิ้มหยัน นางหัวเราะตนเองอย่างขมขื่น
นางกำลังช่วยตัวเองโดยการหลอกตัวเองอยู่หรือไม่หนอ?
ครานี้เฮ่อเหลียนไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อยแม้แต่จะคิดที่จะจากไป นางอยากรอให้แน่ใจถึงความรักที่ยึดมั่นของบางคน
และแล้วหญิงสาวก็ได้ประจักษ์ เมื่อคืนนี้ทั้งคืน สามีของนางได้มอบบทเพลงแห่งรักให้สตรีอีกคนได้ตลอดคืน
เสียงครวญคราง อา อา อือ อือ ดังเล็ดลอดเสียดแทงหัวใจของนางทั้งคืน...
จวบจนรุ่งสาง เฮ่อเหลียนที่นั่งตาค้างตลอดราตรีพลันได้สติกลับคืน
แต่กระนั้นนางยังไม่อาจตัดใจเดินจากไป นางอยากรู้ว่ายามที่สามีสร่างเมาแล้ว เขายังจะเป็นแบบใด
จะยังเป็นชายแสนดีที่รักนางเพียงผู้เดียวอยู่หรือไม่?
บางที...ยามที่เขามีสติครบถ้วน เขาคงรีบผละจากสตรีนางนั้นแล้วกลับมาหานางดังเดิม
หญิงสาวยอมรับ ว่าตนเองกำลังมีความคิดที่ฟุ้งซ่านในแบบที่ไม่ควรเป็น เหตุและผลทั้งหลายล้วนไม่ถูกต้องไปหมดแล้วในยามนี้
คำว่าสตรีที่ดีควรเชื่อฟังสามี นอกจากเชื่อฟังแล้วยังต้องเชื่อใจ เชื่อในคำมั่นสัญญาของสองเรา
“ข้าหลี่ชางขอสัญญาว่าจะเป็นสามีที่ดีให้เหลียนเอ๋อร์ และจะมีเพียงเหลียนเอ๋อร์คนเดียวตลอดไป”
เฮ่อเหลียนยิ้มขื่นในใจ คำสัญญาของเขายังคงติดตรึงประหนึ่งโซ่ตรวนพันธนาการ
รอยยิ้มเย็นชืดผุดขึ้นตรงมุมปาก เฮ่อเหลียนให้รู้สึกขมฝาดไปทั่วทั้งลำคอ
ซือจิงเอื้อมมือมาบีบไหล่อย่างต้องการให้กำลังใจนายสาวของตน
สาวใช้ยังคงปราศจากวาจาใดให้เจ้านาย มีเพียงสายตาสื่อความนัยอย่างเงียบงัน ว่าต้องไม่เป็นไร แค่ฝันหนึ่งตื่นเท่านั้น
เฮ่อเหลียนพยายามกลืนน้ำลายขมฝืดลงคออย่างยากลำบาก นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ปาดน้ำตาออกจากวงหน้า และขอโอกาสให้หัวใจตนเองอีกสักคราว่า
เช้านี้สามีย่อมได้สติกลับคืน เขาย่อมคิดถึงนาง...
ซือจิงนั้น ไฉนเลยจะไม่เข้าใจ สาวใช้รุ่นใหญ่ผู้นี้มีความแข็งแรงมากนัก เนื่องจากผ่านการทำงานหนักมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังพอมีฝีมือต่อสู้อยู่บ้าง
นางแอบฝึกปรือเพื่อปกป้องคุณหนูตัวน้อยเมื่อนานมาแล้ว แม้ไม่เก่งกาจหากแต่ก็ทำร้ายสตรีด้วยกันได้ไม่ยากเย็น
ซือจิงคิดว่าเมื่อสามีของนายสาวทำหน้าที่เสร็จกิจแล้ว ก็ควรจะกลับมาหาเพื่อปลอบโยนกัน เห็นหรือไม่ว่าคุณหนูของนางตาช้ำไปหมดแล้ว
การทวงคนรักคืนแปลกที่ใด?
เมื่อคิดแทนเจ้านายอันเป็นที่รักดุจบุตรสาวได้เช่นนั้น ก็ลอบเข้าไปที่ด้านหลังของสาวใช้หน้าห้องผู้หนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนของอนุคนงามที่ติดตามกันมา
หลังจากฟาดหนักๆ ที่ท้ายทอย สาวใช้ตัวน้อยผู้นั้นก็ฟุบหลับไป
ยามรุ่งสางบ่าวไพร่คนอื่นๆ ที่ทำงานจิปาถะยังไม่ออกจากเรือนพักมาทำงาน
จะมีเพียงโรงครัวที่ตื่นมาทำอาหารตั้งแต่ฟ้ามืด ซึ่งก็อยู่ห่างจากเรือนหลังนี้ไปไกลโข รอบด้านจึงปลอดโปร่งโล่งสบาย เหมาะแก่การพาเจ้านายลอบเข้าไปในเรือน
เมื่อจัดการสาวใช้หน้าห้องเสร็จ เฮ่อเหลียนจึงเดินเข้าไปด้านใน เพื่อต้องการเห็นภาพให้แจ้งแก่ใจถึงที่สุด
ยามนี้หญิงสาวไม่มีความคิดตรึกตรองสิ่งใดแล้ว หากว่าความรักมักทำให้คนหน้ามืดตาบอด ความหึงหวงในตัวสตรียิ่งน่ากลัวกว่านั้นมาก
ซือจิงมีความสามารถถึงขั้นสะเดาะกลอนได้อีกด้วย พวกนางสองนายบ่าวเคยทำมาหลายคราแล้ว ตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัยซุกซนอยู่ที่สกุลเดิม
เมื่อปลายเท้าน้อยๆ ของเฮ่อเหลียนย่างกรายเข้ามาถึงห้องด้านใน ที่มีกลิ่นอายวสันต์คละคลุ้งตลบอบอวล กลิ่นคาวเฉพาะหลังการร่วมรักเสียดแทงจมูก นางจึงหยุดนิ่งไม่ไหวติงใดๆ เนื่องจากสายตาคู่งามเหลือบไปเห็นสองชายหญิงนอนเปลื้องผ้าอยู่บนเตียงอุ่น
ฝ่ายหญิงคืออนุคนงาม ส่วนฝ่ายชายคือสามีของนาง
ชายผู้มีรักมั่นเพียงนางมาโดยตลอด
เฮ่อเหลียนยืนมองภาพเบื้องหน้าด้วยหัวใจด้านชาเพราะถูกเฉือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากเสียงหอบครางเมื่อคนจนกลวงโบ๋ นางยืนจ้องมองสามีของนางกับสตรีอื่นด้วยสายตาว่างเปล่า ทว่าร่างนางประหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางแผ่นน้ำแข็งเย็นเยียบที่บางแสนบางก็ว่าได้ นางไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้อีกแม้เพียงครึ่งก้าว เพราะปลายเท้าอาจจะสั่นเอาได้ และไม่แน่ว่าร่างของนางอาจจะแหลกเหลวกลายเป็นผุยผงในพริบตา
จวบจนวันหนึ่ง ข่าวดีสำหรับบ้านหลี่หากแต่เป็นข่าวร้ายสำหรับสองสตรีหลังเรือนก็มาถึงหลี่ชางตบแต่งอนุภรรยาเข้ามาอีกหนึ่งคน!ครานี้อนุของเขางดงามมากนัก ใบหน้าเรียวเล็กน่ารักจิ้มลิ้ม มีรอยยิ้มพริ้มเพรา ดวงตาของนางกลมโตทั้งพิสุทธิ์กระจ่างใสดั่งวารีตกผลึกแวววาว ร่างระหงอ้อนแอ้นแช่มช้อยน่านวดเคล้าไปหมดทุกสัดส่วนมองแล้วให้รู้สึกลมหายใจยังสะดุด หัวใจพานจะละลายอ่อนยวบเสียให้ได้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหลี่ชางจักตื่นเต้นปานใดคืนส่งตัวเข้าหอ คืนนั้นหลี่ชางทำสตรีนางน้อยผู้นี้ร้องร่ำไม่เป็นภาษา ส่งเสียงครวญครางแหบพร่าใส่หน้ากันทั้งคืนเสียงเตียงนอนยังโยกคลอนดังลั่นสนั่นหวั่นไหว สั่นสะเทือนเสียจนกำแพงห้องแทบถล่มลงมาเหตุที่เฮ่อเหลียนล่วงรู้ได้อย่างไรน่ะหรือ?ก็เพราะฟางเอ๋อร์มารบเร้าให้นางพาไปแอบฟังเสียงอยู่ริมหน้าต่างตรงมุมอับร้างผู้คน เหตุผลก็เพราะเฮ่อเหลียนยังคงแอบฟังคราวหลี่ชางกับฟางเอ๋อร์ร่วมรักกันนั่นเองถือว่าเป็นการไถ่โทษ ฟางเอ๋อร์ยอมหายโกรธเฮ่อเหลียนและจะไม่พูดถึงมันอีกเฮ่อเหลียนได้แต่ยิ้มขื่น เจ็บระบมอยู่ในอกข้างซ้าย น้ำตาแทบสะกดกลั้นเอาไว้มิได้ยามนั่งเศร้าอยู่ริมหน้าต่าง ท่ามกลางราตรีอันมืดดำ
แม้ในใจจะเจ็บปวดรวดร้าวรุนแรงปานถูกเหล็กร้อนจ้วงแทงทุกวัน แต่เฮ่อเหลียนยังคงพยายามคิดในแง่ดีเสมอมา ว่าหลี่ชางยังคงรักนางไม่เสื่อมคลาย นางคิดว่าอย่างน้อยสามีก็ยังรักนาง ถึงแม้ว่าเขาจะรักสตรีอื่นเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนหญิงสาวคิดด้วยหัวใจที่ยังรักเขาไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งยังเจ็บปวดเพราะเขาไม่สร่างซา ก็ยังอดทนอย่างโง่งมเสมอมาเป็นความจริงที่ว่า บ้านอื่นอาจจะมีสตรีที่ต้องแบ่งปันสามีมากกว่านี้หลายเท่าตัวนัก พวกนางล้วนหน้าชื่นอกตรมไม่ต่างจากนางยิ่งเป็นฝ่ายภรรยาเอกยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกนางต่างต้องรับผิดชอบงานบ้านงานเรือนทุกสิ่ง ดูแลพ่อแม่สามีมิให้ขาดตกบกพร่อง และยังต้องพะวงกับการเก็บอารมณ์อย่างยากลำบาก มิให้แสดงความหึงหวงออกมาซึ่งตัวนางล้วนทำได้ดี นางทำได้ นางต้องทำ...หญิงสาวหยัดกายลุกขึ้นจากหมอนแล้วอิงร่างบางกับกำแพงข้างที่นอนอยู่เงียบๆ พลางครุ่นคิดไปถึงสตรีบ้านอื่นที่มีชะตาชีวิตเหมือนกัน เพื่อปลอบใจตนเองในคืนเดียวดาย คืนที่สามีนางกำลังไปนอนกอดกับสตรีอีกคน...เวลาแห่งความทรมานคืบคลานผ่านไปอย่างช้าๆ ช่างยาวนานเหลือเกินในความรู้สึกแต่กระนั้นเช้านี้กลับมีเสียงแทรกจากฮูหยินผู้เฒ่าว่าเวลาช่างผ
หญิงสาวนิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา นางนั่งมองชายหนุ่มข้างกายอยู่นิ่งๆ เห็นเขาส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ เป็นรอยยิ้มละมุนตาที่นางโหยหาทุกค่ำคืนเฮ่อเหลียนหลับตาลงอย่างช้าๆ นึกปวดแปลบอยู่ในใจหลี่ชางบอกว่าฟางเอ๋อร์ตั้งครรภ์แล้ว จึงได้มารับนางกลับไป เขาหมายความว่าอย่างไร?หลี่ชางคล้ายเข้าใจคำถามนั้นของเฮ่อเหลียน ถึงแม้ว่านางมิได้เอ่ย แต่คำตอบกลับออกมาจากปากเขาช้าๆ เพื่ออธิบาย“การที่ฟางเอ๋อร์ตั้งครรภ์แล้วหนึ่งเดือนหลังจากที่เข้าหอกับข้าเพียงสองเดือน นั่นก็แสดงว่าร่างกายของข้าปกติดี”ประโยคนี้ทำผู้ฟังได้แต่อึ้งงัน หมายความว่าเป็นนางที่ร่างกายบกพร่องเพียงผู้เดียวใช่หรือไม่?“เจ้าอย่าด่วนคิดมากไป” อีกครั้งที่หลี่ชางเอ่ยอย่างเข้าใจเฮ่อเหลียน “ข้ากำลังจะบอกเจ้าว่า เมื่อมีสตรีมารับหน้าที่ตั้งครรภ์แทนเจ้าแล้ว ต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องทายาทอีก จากนี้เราอยู่กันแบบสามคนสามีภรรยาด้วยดีเถิด ข้ายังคงรักเจ้าเช่นเดิม”อ้อ...กระนั้นหรือ?หญิงสาวตอบคำเขาอยู่ในใจ หาได้เอ่ยออกมาไม่ นางมิรู้ว่าควรคุยกับเขาอย่างไรดีความรู้สึกเจ็บลึกยังคงมีไม่สร่างซาคำว่าสามคนสามีภรรยาล้วนเสียดแทงใจแต่ทว่านางกำลังรู้สึกบางอย่างที่เขา
เฮ่อเหลียนพาซือจิงที่ร่างกายบอบช้ำจากการถูกโบยมารักษาตัวที่บ้านเดิมของตน สินเจ้าสาวก็มิได้นำมาคนบ้านเฮ่อต่างมองนางด้วยสายตาไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดนางถึงเป็นสตรีจิตใจคับแคบ แค่สามีรับอนุเข้าบ้านเพียงหนึ่งคนต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ และคำต่อว่าอีกมากมาย ทั้งเรื่องที่คนในบ้านล้วนอับอายเพราะนางเป็นสตรีที่หย่าสามีกลับมาเช่นนี้ คนทั้งบ้านเฮ่อ ทั้งบิดาและมารดาเลี้ยงทั้งหลาย ล้วนกล้ำกลืนฝืนทนกับการกลับมาเยือนอย่างไร้เกียรติเช่นนี้ของเฮ่อเหลียนทุกคนของสกุลเฮ่อ ต้องถูกชาวบ้านเหยียดศักดิ์ศรีอย่างไม่เหลือดีเพราะสตรีหย่าสามีเป็นเรื่องน่าอับอายเฮ่อเหลียนมิใช่ไม่รู้สึก นางเป็นคนธรรมดาย่อมอับอายยิ่งกว่าพวกเขาอย่างที่สุดคำว่าใจร้อน ใจแคบ ล้วนดังเข้าหูให้นางได้ยินทุกวัน และนางก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ นางไม่คิดปฏิเสธแต่จะให้นางทำอย่างไร นางในยามนี้เจ็บปวดเหลือเกินไยไม่มีใครเข้าใจ...สามเดือนหลังจากนั้น นับได้ว่านานเกินพอที่ซือจิงจะหายดี หากแต่สภาพจิตใจของเฮ่อเหลียนกลับไร้ทางเยียวยาซือจิงเห็นนายสาวยังไม่หายเศร้าโศกจึงเอ่ยปากชวนกันไปเที่ยวนอกบ้าน สถานที่ปลายทางคือชานเมืองที่มีป่าผืนน้อยร้างผู้คน ข่าวว่า
“เจ้าทำสิ่งใดลงไป? เหลียนเอ๋อร์!”เส้นเสียงทุ้มต่ำของนายท่านผู้เฒ่าเอ่ยถามอย่างตำหนิมาทางเฮ่อเหลียนตามด้วยฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสริมด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ“เหลียนเอ๋อร์ เจ้าไยทำตัวไม่มีเหตุผลเช่นนี้ สตรีเราเมื่อไม่สามารถมีทายาทให้สามี หากไม่ถูกขับออกก็ต้องยินดีที่จะมีสตรีอื่นมาแบ่งเบา ไฉนเจ้าไม่เข้าใจ เรื่องเช่นนี้มิใช่ว่าไม่เคยเกิดที่บ้านใด เจ้าจะเห็นแก่ตัวมิได้”ฮูหยินเอกหมาดๆ แห่งคฤหาสน์หลี่ทำได้เพียงเงียบงัน ไม่ต่อวาจาใดนายท่านผู้เฒ่าจึงเอ่ยอีกครา “เจ้ารู้หรือไม่? ว่าฟางเอ๋อร์ หาใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า ข้าต้องลำบากออกปากเนิ่นนานกว่าที่บิดามารดาของนางจักยินยอมให้แต่งเป็นเพียงอนุของอาชาง”ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสริมอีกครั้งอย่างรู้สึกผิดต่อสตรีผู้นั้นเป็นอย่างมาก “ใช่แล้วเหลียนเอ๋อร์ เมื่อเช้านี้เจ้าทำฟางเอ๋อร์ตกใจจนร่ำไห้ไม่หยุด ปากก็ร่ำๆ ว่าจะกลับบ้านไป ไม่สืบทายาทแล้ว”เฮ่อเหลียนยืนนิ่งอึ้งฟังประโยคเหล่านั้นด้วยหัวใจแข็งกระด้างเย็นเยียบสตรีนางนั้นเป็นคุณหนูสูงส่ง ยอมลดตัวแต่งเป็นแค่อนุต่ำต้อยให้หลี่ชาง สามารถมีทายาทให้บ้านหลี่ได้ชื่นใจ ทุกคนดูเกรงอกเกรงใจต่อนางเหลือเกินเมื่อเห็นภรรยาของบ
พวกเขาคงมีความรู้สึกบางอย่างต่อกันมาพอควรแล้ว ทั้งยังคงสานสัมพันธ์กันลับหลังนางมาแล้วระยะหนึ่งมิเช่นนั้นพวกเขาจะแต่งงานกันภายในวันเดียวหลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าเรียกหานางได้อย่างไรเมื่อคิดได้กระจ่างแจ้งเช่นนั้น เฮ่อเหลียนจึงยกมือปาดน้ำตาด้วยตนเอง แล้วเงยหน้ามองชายผู้เป็นสามีอย่างเต็มตา เห็นเขาก้มหน้ามองนางอย่างละอายแก่ใจอยู่บ้างแต่แล้วอย่างไรเล่า ในเมื่อเขาเลือกที่จะทำลงไปแล้ว...หญิงสาวกลั้นใจถามออกไปอย่างยากลำบาก “ท่านกับนางมิใช่ว่าเคยเจอกันครั้งแรกใช่หรือไม่? อาชาง”น้ำเสียงเย็นเยียบทำผู้ถูกถามต้องหลบตา ซึ่งนั่นคือคำตอบโดยไม่ต้องเอ่ย ผ่านไปนานทีเดียวกว่าเส้นเสียงแหบพร่าจะตอบกลับมา“ข้าเฟ้นหาสตรีที่พอจะมีทายาทให้ข้าได้ และคนที่บ้านของฟางเอ๋อร์ก็มีลูกง่ายกันทุกคน”“อ้อ...” เฮ่อเหลียนตอบรับเสียงแหบแห้งสะเทือนอารมณ์ในน้ำเสียงนั้นนางเย้ยหยันเขาและตนเองไปพร้อมกัน “เช่นนั้นหรือ?”หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ อย่างเข้าใจ แต่ทว่าดวงตาของนางกลับสะท้อนความขมขื่นเต็มไปหมด ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างเย็นชานางไม่อาจไม่เข้าใจ…หญิงสาวไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะคิดเข้าข้างตัวเองหรือสามีอีกต่อไป ว่าเขายังค