ร่างสูงในชุดเปียกปอนเดินกอดตัวเองเข้ามายืนหน้าบ้านด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ปากสีแดงกลายเป็นสีม่วงคล้ำเพราะความเย็นจัด ผิวขาวซีดเหมือนคนขาดเลือดเธอแสร้งทำเป็นไม่สนใจเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเอง แล้วก้มหน้าทานข้าวต่อ แอบชำเลืองมองด้วยหางตาเป็นระยะ หูคอยฟังว่าสองคนพ่อลูกพูดอะไรกันบ้าง"เดี๋ยวหนูเอาผ้าเช็ดตัวมาให้นะคะ คุณพ่อยืนรอตรงนี้ก่อน" ได้ยินเสียงบุตรสาวบอกกล่าวกับคนเป็นพ่อ และนาทีต่อมาก็เดินมาหาเธอ"คุณแม่คะขอผ้าเช็ดตัวให้คุณพ่อหน่อยค่ะ""เดี๋ยวแม่ไปหยิบมาให้ค่ะ" ความจริงเธอไม่อยากจะหยิบยื่นอะไรให้เขาเลย แต่มันติดตรงที่บุตรสาวนี่แหละเธอเดินขึ้นไปยังห้องนอนบนชั้นสองของบ้านหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ที่อยู่ในตู้มาให้บุตรสาว"นี่ค่ะ""ขอบคุณค่ะ" บุตรสาวยิ้มหวานให้เธอ แล้วรีบเอาผ้าเช็ดตัวจากมือเธอไปให้ผู้เป็นพ่อ"คุณพ่อเช็ดตัวก่อนนะคะ""ขอบคุณค่ะ" ศรัณย์ระบายยิ้มอ่อนโยนให้บุตรสาวพลางรับผ้าเช็ดตัวมาซับตามร่างกายสั่นเทาที่เปียกปอนไปด้วยน้ำ เสร็จแล้วก็เช็ดผมต่อจนหมาด ๆ "คุณพ่อเข้ามาในบ้านสิคะ จะได้กินข้าวกัน" เด็กน้อยคาริสายื่นมือไปจับมือผู้เป็นพ่อหมายจะพาเข้าบ้านหลังจากเห็นว่าเช็ดผมเสร็จแล้ว"ไม่ได
เหมือนดาริกาจะดูถูกชายหนุ่มเกินไปเพราะผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้วเขายังนั่งคุกเข่าอยู่ที่เดิมทั้งที่ตะวันเริ่มลับขอบฟ้า เมฆฝนตั้งเค้า ลมพัดกระโชกเหมือนพายุจะเข้า"หนูสงสารคุณพ่อจังเลยค่ะ คุณแม่หายโกรธคุณพ่อ แล้วให้คุณพ่อเข้ามาในบ้านนะคะ" เด็กน้อยคาริสาที่ยืนมองพ่อจากหน้าต่างเงยหน้าขึ้นเอ่ยกับผู้เป็นแม่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เสียงเศร้าดาริกาละสายตาจากคนที่นั่งคุกเข่าอยู่กลางสนามหญ้า หันกลับมามองหน้าบุตรสาวพร้อมกับย่อตัวลงนั่งย่อง ๆ ตรงหน้าพลางคว้ามือเล็กมากอบกุมไว้"ดูลูกรักและเป็นห่วงคุณพ่อมากเลยนะคะทั้งที่เพิ่งเจอกันไม่นานเอง" เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล"ใช่ค่ะ หนูรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมากเลยค่ะเวลาได้อยู่กับคุณพ่อ คุณพ่อใจดีที่สุดเลยค่ะคุณพ่อมาหาหนูที่โรงเรียนทุกวัน ซื้อไอศกรีมกับขนมที่หนูชอบมาฝากด้วยนะคะ พอหนูบอกว่าอยากไปดูหมูหวานคุณพ่อก็จะพาไป หนูอยากทำอะไรคุณพ่อก็ตามใจค่ะ""...""รู้ไหมคะคุณแม่เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนต่างอิจฉาหนูที่มีคุณพ่อหล่อและใจดีมาก"เสียงและสีหน้าบุตรสาวเวลาพูดถึงผู้เป็นพ่อเต็มไปด้วยความสุข แววตาทอประกายสดใสแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน บุตรสาวคงรักและภูมิใจในตัวผู้เป็นพ
บ้านหลังไม่ใหญ่มากนักสไตล์มินิมอลสองชั้น มีรั้วไม้ความสูงประมาณจมูกของเขาล้อมรอบ เดินมาหยุดหน้าประตูรั้วพร้อมทอดสายตามองเข้าไปภายในบ้านรอยยิ้มพลันผุดขึ้นประดับใบหน้าคมเข้มในตอนที่ผ้าม่านตรงหน้าต่างปลิวไปตามลมจนทำให้เห็นคนที่อยู่ด้านใน สองคนแม่ลูกอยู่ที่นี่จริง ๆ เขาไม่รอช้ารีบยื่นมือไปเปิดประตูรั้วอย่างถือวิสาสะ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะมันถูกล็อคจากด้านใน จึงตะโกนเรียกแทน"น้องดาครับ น้องดาได้ยินพี่ไหมครับ" เสียงอันแสนคุ้นเคยที่ดังเข้าหูทำดาริกาที่กำลังนั่งเล่นกับลูกอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นขมวดคิ้วมุ่น ยังแอบนึกว่าตัวเองหูแว่วเพราะไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะรู้ว่าเธอกับลูกอยู่ที่นี่"หนูได้ยินเสียงคุณพ่อคะคุณแม่" จนบุตรสาวเอ่ยขึ้นอีกคนเธอจึงมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด เมื่อกี้เสียงเหมือนดังมาจากหน้าบ้าน รีบใช้มือแหวกผ้าม่านตรงหน้าต่างแล้วชะเง้อคอมองดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งที่ยืนเกาะรั้วอยู่ สองคิ้วขมวดมุ่นด้วยความสงสัย เขามาที่นี่ได้ยังไง แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าเธอกับลูกอยู่ที่นี่เพราะนอกจากพ่อแม่และพี่ชายไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่นี่มั่นใจมากว่าครอบครัวไม่มีทางบอกกับชายหนุ่มว่า
ต่อให้เมื่อวานจะปะทะกับแม่ของลูกวันนี้ศรัณย์ยังคงมาที่โรงเรียนแม้ไม่รู้ว่าจะได้พบกับบุตรสาวไหม หรือต้องเจอกับอะไร เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเดินหน้าง้อแม่ของลูกไม่ทำตัวเป็นคนขี้ขลาดอีกต่อไปมาถึงห้องเรียนของบุตรสาวไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรครูประจำชั้นก็เดินออกมาบอกกล่าว "น้องริสาไม่ได้มาเรียนค่ะ""อ๋อ..ขอบคุณครับ" เขาพยักหน้ารับ แล้วเดินกลับไปขึ้นรถขับตรงไปยังบ้านเกียรติกมล ขับมาจอดรถแอบริมรั้วเหมือนเช่นเคย เฝ้ามองว่าสองคนแม่ลูกจะออกไปไหนบ้างเขาจะได้หาโอกาสเข้าไปคุยกับเธอทว่าผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าจนตะวันเริ่มคล้อยก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ สรุปวันนี้เขากลับมาบ้านโดยที่ไม่ได้เห็นหน้าลูกเมียเลย ทว่าวันนี้ไม่เจอพรุ่งนี้อาจจะเจอก็ได้เขาไม่ยอมแพ้วันต่อมาก็ไปหาบุตรสาวที่โรงเรียนอีกครั้ง และได้รับคำตอบจากครูประจำชั้นแบบเดิม ความรู้สึกบอกเขาว่ามันไม่ปกติแล้ว ถ้าไม่มีอะไรบุตรสาวคงไม่ขาดเรียนติดต่อกันในช่วงที่กำลังใกล้ปิดเทอมเขาขับรถไปยังบ้านเกียรติกมล แต่ครั้งนี้ไม่ได้จอดแอบนอกรั้วเหมือนที่ผ่านมา เขาขับรถมาจอดหน้าประตูรั้วแล้วลงจากรถเดินไปกดกริ่งยืนรอราวห้านาทีก็มีหญิงวัยยี่สิบปลายเดินกึ
วันต่อมาก็มาหาบุตรสาวที่โรงเรียนตั้งแต่เก้าโมงเช้าเพื่อจะพาบุตรสาวไปดูหมูหวานตามที่ได้รับปากไว้เมื่อวานเขาขออนุญาตคุณครูประจำชั้นเรียบร้อย ก่อนจูงมือบุตรสาวเดินไปที่รถ"หนูจะได้ไปดูหมูหวานแล้ว ตื่นเต้นจังเลยค่ะคุณพ่อ" เด็กน้อยแหงนหน้าขึ้นเอ่ยกับคนเป็นพ่อด้วยท่าทางตื่นเต้นเป็นพิเศษศรัณย์เห็นแล้วเอ็นดูยิ่งนัก เดินมาถึงรถเขาก็คลายพันธนาการจากมือเล็กล้วงไปหยิบกล่องบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วย่อตัวลงนั่งย่อง ๆ ตรงหน้าบุตรสาว"ก่อนไปลูกต้องใส่นาฬิกาเรือนนี้ก่อนนะคะ นาฬิกาเรือนนี้มีทั้งแอปติดตาม ยังสามารถโทรออกได้ด้วย เผื่อไปถึงสวนสัตว์แล้วเราเกิดผลัดหลงกันพ่อจะได้รู้พิกัดลูก และถ้ามีอะไรก็ให้ลูกกดตรงนี้มันจะโทรหาพ่อ"เขาอธิบายแล้วหยิบนาฬิกาสุดหรูออกจากกล่องสวมลงบนข้อมือเล็ก"ค่ะคุณพ่อ" เด็กน้อยพยักหน้ารับหงึกงัก"ดีมากค่ะ" ศรัณย์กดจูบบนหน้าผากมนด้วยความรักใคร่ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืน ยื่นมือไปเปิดประตู ผายมือเชิญบุตรสาวขึ้นรถ "เชิญค่ะเจ้าหญิงน้อย""น้องริสามาหาคุณแม่ค่ะ" ไม่ทันที่เด็กน้อยจะได้ก้าวขึ้นรถน้ำเสียงดุดันก็ดังขึ้นทำให้สองคนพ่อลูกชะงักมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก'ความฉิบหายมา
หนึ่งเดือนต่อมา"คุณพ่อคะหนูอยากไปเที่ยวสวนสัตว์ค่ะ หนูอยากไปดูหมูหวาน" เสียงบุตรสาวดังขึ้นทำให้ศรัณย์ที่นั่งเช็คข้อความในไลน์ละสายตาจากหน้าจอมือถือ เงยขึ้นมองบุตรสาวที่นั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามหมูหวานที่บุตรสาวหมายถึงคือฮิปโปโปเตมัสแคระที่กำลังโด่งดังอยู่ตอนนี้ แน่นอนว่าบุตรสาวร้องขอเขาไม่ปฏิเสธ"ได้สิคะ งั้นพรุ่งนี้พ่อพาไปดู แต่เราต้องไปกันแต่เช้าจะได้กลับมาทันก่อนโรงเรียนเลิก ไม่อย่างนั้นโดนคุณแม่จับได้แน่""โอเคค่ะ" เด็กน้อยคาริสายกมือทำท่าโอเคให้พ่อในนาม ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้เดินเข้าไปสวมกอดเอวสอบ ตั้งคางบนหน้าขา เงยหน้าขึ้นมองหน้าพ่อในนามตาปริบ ๆ "หนูรักคุณพ่อนะคะ คุณพ่ออย่าทิ้งหนูนะคะ""ไม่ต้องกลัวนะ พ่อไม่มีวันทิ้งลูกแน่นอน"เขาระบายยิ้มอ่อนโยนให้บุตรสาวพร้อมกับสวมกอดแนบแน่นตอนนี้ดูเหมือนบุตรสาวจะรัก และมีความผูกพันกับเขาบ้างแล้วตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาแอบมาหาบุตรสาวที่โรงเรียนทุกวันต้องการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเขากับบุตรสาวให้แน่นแฟ้น เพราะบุตรสาวเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้เข้ามีโอกาสเข้าหาคนเป็นแม่โดยที่ไม่ต้องถูกไล่ออกมายิ่งบุตรสาวรัก และผูกพันกับเขามากเท่าไรก็ยิ่ง