Share

บทที่ 6

last update Last Updated: 2025-08-16 21:22:10

หมู่บ้านในภาคอีสานนั้นไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก  บ้านเรือนจะมากน้อย  ถนนจะซับซ้อนวกวนอย่างไร  แต่วัดประจำหมู่บ้านล้วนอยู่ศูนย์กลาง  ดังนั้นอุ่นหล้าจึงเดินนำทุกคนลัดเลาะไปตามทางเล็ก ๆ

เห็นทุกคนตั้งหน้าตั้งตากันเดินตามเขาท่าทางมุ่งมั่นอย่างกับลูกเป็ดเดินตามแม่อุ่นหล้าไม่ต้องการให้การเดินทางครั้งนี้ตึงเกินไปนัก  จึงทำลายความเงียบขึ้นด้วยเรื่องที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้

“ตอนที่ผมเป็นนักศึกษาได้ตามอาจารย์ศักดิ์ชัยไปดูภาพจิตรกรรมภายในห้องกรุวัดราชบูรณะ  อาจารย์ได้เล่าเรื่องแปลกให้ฟังว่า   เมื่อตอนปี   ๒๕๐๐   เกิดเหตุการณ์กรุวัดราชบูรณะแตก  อาจารย์ศักดิ์ชัยที่ขณะนั้นท่านเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายได้ติดตามอาจารย์ที่ปรึกษาไปสำรวจ  ก็พากันล่องเรือกันไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา  มีศาสตราจารย์ฝรั่งตามไปอีก    คน  ปรากฏว่าบนเรือต่างก็ได้กลิ่นหอมประหลาดกัน  เป็นกลิ่นหอมเย็นแบบที่ไม่มีขายในท้องตลาด  แต่พวกศาสตราจารย์ฝรั่งนั้นกลับไม่ได้กลิ่น

“กลิ่นหอมนั้นอวลอยู่ตลอดเวลาที่อยู่บนเรือจนกระทั่งเข้าไปในกรุ  อาจารย์ศักดิ์ชัยและอาจารย์ที่ปรึกษาสำรวจความเสียหายของกรุลงไปถึงชั้นที่สาม  ก็ไปเจอบุษบกที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ   เมื่อเปิดผอบทองคำที่อยู่ในบุษบกออกดู  กลิ่นหอมนั้นก็มาจากภายในผอบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุนี่เอง  น่าแปลกที่พวกนักวิจัยฝรั่งไม่ได้กลิ่น  และที่แปลกกว่านั้น  คือ  พวกโจรที่ปล้นกรุมันขนเครื่องทองไปจนหมด  แต่กลับมองไม่เห็นบุษบกทองคำอันประณีตนี้เสียอย่างกับมีอะไรมาบังตา”

“อู้วววว”  พวกนักศึกษาพากันลูบขนแขนที่ลุกซู่

เมื่อเรื่องเล่าจบลงที่เบื้องหน้าก็เป็นซุ้มประตูโขงของวัดโพนสิมที่ทุกคนตามหาแล้ว  คณะสำรวจล้วนตื่นตะลึงไปกับเชิงช่างของผู้ที่สร้างสิม*โบราณหลังนี้ที่ได้ใช้ผนังสิมต่างผ้าใบผืนโตวาดภาพอย่างอิสระ  วาดแทรกลงไปตรงที่ว่างทั้งด้านในและนอกสิมจนเต็มพื้นที่  บางภาพต้องเข้าไปดูใกล้ ๆ  บางภาพต้องถอยออกไปดูไกล ๆ  จึงรู้เรื่อง บางภาพยืนตรง ๆ  มองก็ได้  แต่บางภาพก็ต้องตะแคงหน้า  จนบางครั้งแทบจะตีลังกา ถ้าเป็นคนยุคปัจจุบันคงเป็นศิลปินที่มีนิสัยซุกซนขี้เล่นคนหนึ่ง

“โอย  พวกเรามาทันเวลาพอดี”  มับไมคราง  เมื่อเห็นผนังสิมเก่านั้นกระเทาะหลุดร่อนไปไม่น้อยแล้ว

“หวังว่าสิ่งที่เราตามหาจะไม่ลบเลือนไปเสียก่อน”  อุ่นหล้าแตะบ่าดอกเตอร์สาว

ชีวินตรงไปที่มุมหนึ่งของสิมนั่งยองๆ  เก็บตัวอย่างแผ่นปูนที่กระเทาะออกมา  ใส่ในกลักพลาสติกใสขนาดเท่ากลักไม้ขีดไฟ  แล้วใช้ปากกาเมจิกเขียนวันที่เก็บและพิกัดกำกับไว้กันลืม

“เก็บตัวอย่างไว้ไปส่องกล้องจุลทรรศน์อิเลคตรอนดูชั้นรองพื้นและชั้นเขียนสีค่ะ”

อุ่นหล้าพยักหน้าให้กับความรู้งานของหนุ่มหวาน  ก่อนจะหันไปอธิบายให้ทีมเด็กป.ตรีว่า

“ครูช่างโบราณท่านว่าในการเตรียมชั้นรองพื้นเนี่ยให้ทาหนาเท่ากับเส้นตอกสมัยก่อนใช้วิธีขูดสีจากชั้นสีออกมาแล้วใช้เครื่องสเปโตรโฟโต้มิเตอร์มาวัดค่าการดูดกลืนแสงเพื่อหาองค์ประกอบสีว่ามาจากสีสังเคราะห์หรือสีธรรมชาติ  ถ้าจากธรรมชาติน่าจะมาจากอะไร  พืช  สัตว์  หรือแร่ธาตุ  แต่ปัจจุบันใช้เครื่อง **XRF ก็จะช่วยให้ไม่ต้องทำลายชั้นเขียนสี”

รุ้งลาวัลย์พนมมือขอบคุณอาจารย์พลางจดข้อมูลลงในสมุดจดยิกๆ

“เอ๊ะ  อาจารย์ฮะ  ถ้าเราดูผิวชั้นรองพื้นที่วัดนี้  ผมรู้สึกว่าสีมันแตกต่างจากผนังวัดสุทัศน์ที่เราไปเรียนนอกสถานที่กัน”  โกวิทย์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ผนังสิมจนแทบชิด  ก่อนจะหันมาถามอุ่นหล้า

“ใช่  การรองพื้นแบบภาคกลางจะใช้กาวเม็ดมะขามเคี่ยวเทือกกับดินสอพอง  แต่สำหรับภาคอีสานส่วนมากจะไม่นิยมรองพื้น  ถ้ารองเขาก็จะรองแบบบาง ๆ  อย่างสิมวัดไชยศรีที่อาจารย์เคยบรรยายไปในคลาสเมื่อต้นเทอมเนี่ยเป็นลักษณะการรองพื้นด้วยน้ำปูนขาว  ถ้าอยากรู้ว่ารองพื้นกาวเม็ดมะขามดินสอพองทำยังไง เดี๋ยวตอนกลับไป ไปดูเด็กจิตรกรรมตึกข้าง ๆ  เขาทำก็ได้”

“ขอบคุณอาจารย์ครับ”

ความที่จิตรกรรมอีสานหรือฮูปแต้มนั้น  เป็นงานสร้างสรรค์แบบพื้นบ้าน  ช่างจึงไม่ได้เคร่งครัดตามขนบแบบภาคกลาง  นึกตอนใดขึ้นมาได้ก็วาดใส่ลงไปในพื้นที่ที่ว่าง ทำให้ทั้งหมดต้องทั้งยืดตัว  ตะแคงหน้า  ก้มดูตามซอกมุมโดยละเอียด  ทั้งยังต้องถอดความจารึกอักษรไทน้อยที่ช่างเขียนด้วยลายมือยึกยือเพื่อไม่ให้ข้อมูลสำคัญตกหล่นด้วย  ทั้งหมดพยายามจับต้นชนปลายหาจุดเริ่มต้นของเรื่องราว  จนกระทั่งดวงตะวันเลยหัวจึงพากันอพยพไปตั้งหลักที่ใต้ต้นมะม่วงใหญ่ด้านข้างสิม

“กระจายตัวกันหาแบบนี้รู้สึกจะสะปะสะปะกันเกินไป”  มับไมขมวดคิ้วน้อยๆ

“งั้นเราใช้วิธีเก็บข้อมูลบนผนังแต่ละด้าน  เริ่มจากด้านในสิมก่อน”  อุ่นหล้าจัดระเบียบการสำรวจ

“แต่ผู้หญิงเข้าไปในสิมไม่ได้”

“งั้นถ่ายแบบกว้างก่อน  จุดไหนที่สนใจเป็นพิเศษค่อยถ่ายแบบเจาะ แล้วค่อยมาวิเคราะห์กันทีละด้าน  แล้วก็จะได้เครื่อง XRF ตรวจสอบที่จุดนั้นด้วยเลย”

“แล้วอุ่นหล้าจะรู้ได้ไงว่าเราสนใจตรงไหนเป็นพิเศษ”

“แหมคอมพิวเตอร์สมัยนี้มันก็ใช้นิ้วถ่างให้ภาพมันขยายใหญ่ได้จ้ะแม่คุณ”

“แหะ  แหะ  ลืมไป  โอ.เค.  ตามนั้น”

นักศึกษาลูกทีมมองทั้งคู่สลับกันออกความเห็นตอบโต้กันกันไปมาราวกับกำลังชมศึกหวดลูกสักหลาดระหว่างราฟาเอลนาดัลและโรเจอร์เฟเดอร์เรอร์กว่าอาจารย์ทั้งสองจะตกลงกันได้ก็เล่นเอาเด็กๆ  เมื่อยคอ

“เอ่อ  อาจารย์คะ  ขอแทรกนิดนึง  วันนี้ชิวลี่ขอย้ายไปอยู่ทีมชายนะคะ  แบบว่าอยากดูฮูปแต้มในสิมด้วยตาตนเองอ่ะครับ”  จู่ ๆ  ชีวินปรับท่าทางจากหนุ่มแหววมาเป็นโหมดขึงขัง  ทำให้ทุกคนอดขำไม่ได้

………

เมื่อพระอาทิตย์เคลื่อนตรงหัว  เสียง “คร่อกคราก” ก็ดังมาจากหลาย ๆ  ท้อง  ข้าวห่อที่เตรียมไว้เป็นเสบียงจึงถูกนำมาถูกแจกจ่ายให้กับทุกคน  เมื่ออิ่มท้องสมองก็พร้อมจะเรียนรู้   ทั้งห้าเริ่มค้นหาข้อมูลอีกครั้งโดยเริ่มจากภายในสิมก่อน  สิมโบราณในภาคอีสานมักจะมีขนาดเล็กเพียงพอสำหรับพระสงฆ์ประกอบสังฆกรรมได้ราวสี่รูป ทั้งนี้เป็นเพราะเรื่องความอัตคัดของทรัพยากรที่เสาะหามาสร้างด้วย  ทั้งยังเป็นความพอเพียงของคนในท้องถิ่น  ที่ต้องการประโยชน์ใช้สอยมากกว่าความหรูหรา

ถึงแม้ศาสนคารหลังนี้จะมีขนาดกระทัดรัด  แต่การสำรวจฮูปแต้มภายในสิมนั้นกลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย  ดอกเตอร์หนุ่มและลูกศิษย์มองดูตัวละครเอกของเรื่องที่กำลังแสดงบทบาทในฉากที่ไม่คุ้นเคย  คล้ายกับว่ามันเป็นคนละเรื่องเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น

“ว้าว  นี่มันวิเศษมาก”  อาจารย์สาวอุทาน  ทำตาโตขยับนิ้วบนแทร็คแพดเพื่อขยายภาพในจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้ค

เมื่อเห็นทุกคนจ้องมาที่ตนเป็นตาเดียว  คนถนัดอักษรโบราณจึงกระแอมก่อนจะขยายความให้เข้าใจโดยทั่วกันว่า

“เนี่ยทุกคนดูนี่  ปรกติแล้ววัดที่มีการแต้มฮูปเรื่องสังสินไซ  จะเน้นวาดตอนที่สำคัญอย่างตอนสินไซเดินดง  ผจญเจ็ดย่านน้ำ  เก้าด่านมหาภัย  แล้วก็กลับคืนบ้านเมือง  แต่วัดนี้พิเศษมาก  คือมีการวาดภาคสองของเรื่องด้วย  ปกตินักวิชาการทั่ว ๆ  ไป เขาจะไม่ยอมรับภาคนี้กัน  เพราะพออ่านสำนวนในหนังสือผูก  แล้วคล้ายเป็นคนอื่นมาเขียนต่อจากท้าวปางคำอีกที

“วัดนี้จึงพิเศษมากที่มีการวาดครบทั้งสองภาค  โดยมีตอนที่ท้าวเวสสุวรรณคืนชีพให้กับกุมภัณฑ์  แต่ด้วยความแค้นที่ยังมี  ยักษ์จึงหวนกลับมาลักพาตัวเมียรักกลับไปครองคู่และเอาสินไซไปต้มกิน  ก่อนที่พระอินทร์จะมาห้ามปรามสั่งสอน  และภาพบทสรุปของเรื่องด้านหลังพระประธานที่เรียกว่าตอนม้วนชาดก  ที่ช่างวาดเล่าไว้ว่าชาติต่อมาสินไซไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้า  สังข์ทองไปเกิดเป็นพระสารีบุตร  และสีโหไปเกิดเป็นพระโมคคัลลานะ  ประมาณนี้”  พอได้เล่าเรื่องที่ตนสนใจศึกษามาจึงเผลอบรรยายเสียยืดยาว  ในขณะที่ลูกศิษย์พากันจดบันทึกยิก ๆ  ลงสมุดเล่มน้อย

‘น่าแปลก  ทำไมจึงมีเพียงวัดนี้ที่วาดภาคสองของวรรณคดีจากท้าวปางคำ’  หญิงสาวทดความอยากรู้นั้นไว้ในใจ

*สิม ภาษาอีสานหมายถึง โบสถ์

*XRF (X-ray fluorescein)

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ปริศนาในฮูปแต้ม   บทที่ 6

    หมู่บ้านในภาคอีสานนั้นไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก บ้านเรือนจะมากน้อย ถนนจะซับซ้อนวกวนอย่างไร แต่วัดประจำหมู่บ้านล้วนอยู่ศูนย์กลาง ดังนั้นอุ่นหล้าจึงเดินนำทุกคนลัดเลาะไปตามทางเล็ก ๆ เห็นทุกคนตั้งหน้าตั้งตากันเดินตามเขาท่าทางมุ่งมั่นอย่างกับลูกเป็ดเดินตามแม่อุ่นหล้าไม่ต้องการให้การเดินทางครั้งนี้ตึงเกินไปนัก จึงทำลายความเงียบขึ้นด้วยเรื่องที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้“ตอนที่ผมเป็นนักศึกษาได้ตามอาจารย์ศักดิ์ชัยไปดูภาพจิตรกรรมภายในห้องกรุวัดราชบูรณะ อาจารย์ได้เล่าเรื่องแปลกให้ฟังว่า เมื่อตอนปี ๒๕๐๐ เกิดเหตุการณ์กรุวัดราชบูรณะแตก อาจารย์ศักดิ์ชัยที่ขณะนั้นท่านเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายได้ติดตามอาจารย์ที่ปรึกษาไปสำรวจ ก็พากันล่องเรือกันไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา มีศาสตราจารย์ฝรั่งตามไปอีก ๒ คน ปรากฏว่าบนเรือต่างก็ได้กลิ่นหอมประหลาดกัน เป็นกลิ่นหอมเย็นแบบที่ไม่มีขายในท้องตลาด แต่พวกศาสตราจารย์ฝรั่งนั้นกลับไม่ได้กลิ่น“กลิ่นหอมนั้นอวลอยู่ตลอดเวลาที่อยู่บนเรือจนกระทั่งเข้าไปในกรุ อาจารย์ศักดิ์ชัยและอาจารย์ที่ปรึกษาสำรวจความเสียหายของกรุลงไปถึงชั้นที่สาม ก็ไปเจอบุษบกที่ประดิษฐานพระบรมส

  • ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ปริศนาในฮูปแต้ม   บทที่ 5

    ดังที่ว่ามีเงินใช่ว่าจะไปเก็บข้อมูลที่ไหนก็ได้ตามใจ หลังทำเรื่องขอลาวิจัยแล้ว ยังต้องมีการคัดเลือกคนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานคุณภาพด้วย อุ่นหล้าและมับไมกลัวคำว่า “มากคนมากความ” เป็นที่สุด จึงพยายามคัดเลือกลูกทีมที่มีประสิทธิภาพที่แม้จะไปกันน้อยคนแต่ก็คล่องตัวเมื่อข่าวการประกาศรับสมัครลูกทีมเพื่อการวิจัยภาคสนามของอาจารย์มับไมและอาจารย์อุ่นหล้าถูกติดขึ้นบอร์ด นักศึกษาทุกระดับชั้นรวมถึงบุคคลากรในคณะต่างให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเพราะทั้งคู่เป็นอาจารย์ที่มีภูมิ รู้ลึกรู้จริงถ่ายทอดให้ผู้เรียนโดยไม่หวงวิชา หรือไม่ว่าจะเพราะอยากรู้อยากเห็นเรื่องส่วนตัวของทั้งคู่ก็ตาม ในวันสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกลูกทีม จึงมีคนไปมุงออกันที่หน้าห้องพักอาจารย์แน่นราวกับมีมหกรรมแจกของฟรี เมื่อคัดคนที่มีใจแค่อยากผจญภัยตามอย่างภาพยนตร์ฮอลลีวูดออกไป ในที่สุดก็ได้ผู้ร่วมงานจำนวนหนึ่ง โดยมี “ชีวิน” หนุ่มตุ้งติ้งที่ชอบให้ทุกคนเรียกเขาว่า “ชิวลี่ (Chiewly)” เป็นนักศึกษาปริญญาเอก เขาหลงใหลในวัฒนธรรมท้องถิ่น แต่ยังไม่แน่ใจว่าตนจะเจาะลึกศึกษาวิจัยเรื่องอะไรเป็นพิเศษ จึงขอตามอาจารย์ทั้งสองมาด้วยเพื่อค้นหาตัวเองนักศึ

  • ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ปริศนาในฮูปแต้ม   บทที่ 4

    การลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลไม่ใช่ว่าจะมีความรู้ มีทุนทรัพย์แล้วจะไปได้ตามใจ เมื่อเข้าทำงานในระบบมหาวิทยาลัย มีต้นสังกัดก็จำเป็นที่จะต้องยื่นหนังสือชี้แจงแก่หน่วยงาน ทั้งคู่ตกลงกันว่าทำหนังสือขอลาวิจัยฮูปแต้มและอักษรโบราณในสิมภาคอีสาน ซึ่งดำเนินการได้คล่องตัวกว่าการเสนอขอทุนวิจัย เพราะกว่างบจะมาถึงคงนานไม่ทันกาล และอาจจะไม่ได้ตามจำนวนที่ขอทำให้ต้องเสียอารมณ์“หืม ไปพร้อมกันทั้งคู่เหรอ” คณบดีเลิกคิ้ว สงสัยว่าตนตกข่าวอะไรไปมากกว่าจะอยากรู้ว่าทั้งสองจะไปตามหาอะไรที่ยังดูไม่ชัดเจน“อ้าว ก็ฮูปแต้มกับจารึกมันต้องไปด้วยกันไง พี่เอนกก็รู้นี่” หญิงสาวตอบผู้ที่เป็นทั้งรุ่นพี่และผู้บังคับบัญชาหน้าแดง“พี่ มันเกี่ยวกับเรื่องบัตรถา*...”“ชู่...เดี๋ยวพวกเราไปคุยกันต่อข้างนอกดีกว่า”อุ่นหล้ายังพูดไม่จบ เอนกก็ใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปาก ปรามให้เบาเสียงก่อนจะบุ้ยปากไปที่หน้าต่างห้องทำงาน เงาร่างสายหนึ่งวูบไหวอยู่หลังม่านก่อนจะหายไปอย่างเงียบ ๆ*ลายแทงขุมทรัพย์………สถานที่ที่อันตราย นับว่าเป็นที่ที่ปลอดภัยอย่างคาดไม่ถึง แต่สองนักวิจัยไม่นึกว่ารุ่นพี่ของตนจะพามายังสถานที่นี้ ท่ามกลางนักศึกษาและบ

  • ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ปริศนาในฮูปแต้ม   บทที่ 3

    ดอกเตอร์สาวนอนเท้าแขนอยู่บนเตียง ในมือถือใบลานแผ่นที่ ๓ ขึ้นมาพลิกหน้าพลิกหลัง หวังว่าจะพบคำใบ้ใดซ่อนอยู่ในใบไม้แห้งบาง ๆ นั้นอีกครั้ง“เฮ้อ ไม่ง่ายเหมือนในหนังอินเดียน่า โจนส์ สินะ” มับไมถอนหายใจตัวอักษรที่จารนั้นลายเส้นคมงดงาม สีดำจากเขม่าก้นหม้อติดสีเข้มยังไม่ลบเลือน ทำให้อ่านง่าย แสดงว่าผู้จารมีการเตรียมการมาอย่างดี ไม่ได้เขียนขณะที่อยู่ในสภาวะเร่งร้อน กระจุกสีและเส้นสายที่ป้ายไปมาทำให้หญิงสาวคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าผู้วาดต้องการสื่ออะไรบางอย่าง แต่ก็จนด้วยเกล้าจริง ๆ คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างนึกโมโหตัวเองว่าสมัยนั้นทำไมไม่ตั้งใจเรียนวิชาจิตรกรรมและฮูปแต้มนะ ในเวลานี้ผู้เชี่ยวชาญการไขรหัสภาพโบราณคงไม่มีใครมีความสามารถเทียบเท่า “ดอกเตอร์อุ่นหล้า” อีกแล้ว เมื่อนึกถึงเจ้าของชื่อนี้ภาพเงาร่างสูงโปร่ง ดวงตาเรียวดุราวเหยี่ยว ชอบนุ่งโสร่งอย่างชายอีสานชนบทเดินไปเดินมาบนตึกเรียนอย่างภาคภูมิในชาติพันธุ์ของตนก็ปรากฏขึ้นในห้วงคำนึงนึกถึงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับการที่ต้องไปขอให้ดอกเตอร์หนุ่มช่วยมันช่างเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก เพราะนั่นเท่ากับว่าตนเองต้องเป็นฝ่ายแพ้ ยอมละว

  • ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ปริศนาในฮูปแต้ม   บทที่ 2

    การเดินทางในปัจจุบันสะดวกสบายกว่าสมัยที่มับไมยังเป็นนักศึกษาอยู่มาก สายการบินต้นทุนต่ำสยายปีกไปทุกจังหวัดที่มีสนามบิน จึงไม่ต้องทนนั่งหลังขดหลังแข็งเป็นชั่วโมง ๆ บนรถทัวร์ หรือลุ้นระทึกกับห้องน้ำบนรถไฟอีกต่อไป เพียง ๔๕ นาทีก็ได้กลับมากราบแทบตักพ่อแม่ที่ขอนแก่นบ้านเกิดแล้ว “ไหว้พระเทอะอีหล้า” พ่อแม่จับมวยผมยุ่งๆของลูกสาวโยกเบาๆด้วยความเอ็นดู“แต่ละมื้อเฮ็ดเวียกเฮ็ดการทางเมืองหลวงจนเยาไปหมดทั้งตัวคึดฮอดพ่อแม่จนสิไห้แงๆ” หล่อนโอบเอวแม่ออดอ้อน“ใหญ่แล้วอดเอา” พ่อดีดหน้าผากคนเป็นลูกจนดังปั้วะด้วยความหมั่นไส้แล้วพูดต่อ “ตอนไปเรียนเมืองนอกก็ยังอยู่ได้ตอนนี้อยู่บ้านเกิดเมืองนอนเจ้าของแล้วจะกลับมาหาพ่อแม่เมื่อใดก็ได้ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ”“เอ้ามาๆมื้อนี้แม่ป่นเห็ดปลวกตาบกับปิ้งปลายอนของมักลูกนำเด” “ว้าวฮักแม่ที่สุด”หลังล้อมวงพาข้าว อาบน้ำอาบท่าสบายตัวดีแล้ว หญิงสาวจึงทิ้งดิ่งตัวเองลงบนเตียง ไม่เหลือเค้าผู้ทรงภูมิในแวดวงวิชาการ ไม่ต้องเร่งรีบฝ่าฟันการจราจร ไม่ต้องเตรียมการสอน ช่วงเวลาที่ไร้ความกังวล เจ้าของเตียงหลับตาพริ้มตั้งใจว่าจะแค่นอนเล่นพักสายตา หอมกลิ่นดอกสเลเตลอยมาจากที

  • ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ปริศนาในฮูปแต้ม   บทที่ 1

    ค่ำคืนที่ดวงจันทร์ทอแสงนวลใย ภายในห้องน้อยบนเรือนไม้ใต้ถุนสูง “ย่าเกด” กอดประคองหลานสาวตัวน้อย “มับไม” ไว้ในอ้อมแขน พลางเล่านิทานโบราณด้วยน้ำเสียงกังวาล“อินทร์ก็ใส่ชื่อน้อย ในเลขลานคำชื่อว่า สังสินไซ โลกลือฤทธีกล้า...”เด็กน้อยทำตาโตพลางกำชายเสื้อของย่าแน่นด้วยความตื่นเต้น“พญาซ้างฉัททันต์สิพาหลานเดินดงไปพ้อขุม...”หญิงชรายังเล่าไม่ขาดคำก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงผลักประตูบานเฟี้ยมอย่างแรง แผ่นไม้จนกระแทกกับผนังห้องดังปัง! ชายวัยกลางคนก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทีไม่พอใจ ขณะที่ “นางจันสี” รีบเข้ามาอุ้มลูกสาวของตนออกมา“แม่เอาอีกแล้วเซาๆอย่าเล่าเรื่องแบบนี้ให้หลานฟังอีกเด้อมันบ่มีดอกสิ่งที่แม่ว่าน่ะ” น้ำเสียงของนายเคนทั้งหงุดหงิดทั้งอ่อนใจกับผู้เป็นแม่“มันสิบ่มีได้จังได๋มันเป็นภารกิจของตระกูลที่ต้องรักษาไว้ให้เจ้าของเพิ่นเดลูก”“ผู้ได๋ล่ะแม่แล้วสิ่งนั้นมันคืออีหยังก็บ่มีไผเคยฮู้บ่มีไผเคยเห็นจักคน”“เจ้าปางคำ เจ้าปางคำแห่งจำปาสักนั่นเดลูก เทียดโตน่ะเป็นคนสนิทของเพิ่น ทวดโตก็เป็นทั้งเสี่ยวฮักและทหารอารักขาราชบุตรลูกเพิ่น ตอนที่เมืองลาวสิแตกปู่โตที่เป็นทหารจึ่งได้รับคำสั่งเสียให้รั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status