共有

บทที่ 3

last update 最終更新日: 2025-07-05 15:00:12

ดอกเตอร์สาวนอนเท้าแขนอยู่บนเตียง  ในมือถือใบลานแผ่นที่    ขึ้นมาพลิกหน้าพลิกหลัง  หวังว่าจะพบคำใบ้ใดซ่อนอยู่ในใบไม้แห้งบาง ๆ นั้นอีกครั้ง

“เฮ้อ  ไม่ง่ายเหมือนในหนังอินเดียน่า โจนส์ สินะ” มับไมถอนหายใจ

ตัวอักษรที่จารนั้นลายเส้นคมงดงาม  สีดำจากเขม่าก้นหม้อติดสีเข้มยังไม่ลบเลือน  ทำให้อ่านง่าย  แสดงว่าผู้จารมีการเตรียมการมาอย่างดี  ไม่ได้เขียนขณะที่อยู่ในสภาวะเร่งร้อน  กระจุกสีและเส้นสายที่ป้ายไปมาทำให้หญิงสาวคาดเดาไปต่างๆ  นานาว่าผู้วาดต้องการสื่ออะไรบางอย่าง   แต่ก็จนด้วยเกล้าจริง ๆ คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างนึกโมโหตัวเองว่าสมัยนั้นทำไมไม่ตั้งใจเรียนวิชาจิตรกรรมและฮูปแต้มนะ

ในเวลานี้ผู้เชี่ยวชาญการไขรหัสภาพโบราณคงไม่มีใครมีความสามารถเทียบเท่า “ดอกเตอร์อุ่นหล้า”  อีกแล้ว  เมื่อนึกถึงเจ้าของชื่อนี้ภาพเงาร่างสูงโปร่ง ดวงตาเรียวดุราวเหยี่ยว  ชอบนุ่งโสร่งอย่างชายอีสานชนบทเดินไปเดินมาบนตึกเรียนอย่างภาคภูมิในชาติพันธุ์ของตนก็ปรากฏขึ้นในห้วงคำนึง

นึกถึงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับการที่ต้องไปขอให้ดอกเตอร์หนุ่มช่วยมันช่างเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก  เพราะนั่นเท่ากับว่าตนเองต้องเป็นฝ่ายแพ้  ยอมละวางทิฐิมานะลงก่อน

                                            ………

เมื่อหลับตาลงภาพในอดีตก็แจ่มชัด

ในวันน้องใหม่รายงานตัว  แสงแดดที่แผดเผาไม่อาจทำให้เสียงเพลงและเสียงรัวกลองของรุ่นพี่เบาลงได้เลยมีแต่ยิ่งคึกคัก  โดยเฉพาะเวลารุ่นน้องที่หน้าตาน่ารักแสดงตัว

“ขออนุญาตค่ะ  น้องชื่อ  มับไม  รหัส  สามแปดศูนย์ - สามหนึ่งศูนย์ - ศูนย์สองเจ็ด  ค่ะ”  เฟรชชี่มับไมชูแขนขวาแนบใบหู  รายตัวเป็นจังหวะอย่างที่ได้รับการฝึกมาจากพี่ ๆ รุ่นซอฟฟะมอร์  พวกมากอาวุโสชั้นปีสูง ๆ ขึ้นไปบ้างปรบมือ  บ้างเป่าปากเปี้ยวป้าว ต้อนรับน้องเฟรชชี่หน้าใสกันครื้นเครง

“อ้าว  เธอ ๆ เราอยู่คณะเดียวกันนี่นา  รหัสเราต่อกับเธอด้วยล่ะ”  อุ่นหล้าในวันเยาว์ยิ้มกว้างจนดินสองพองผสมสีที่รุ่นพี่ทาให้แตกลายงาร่วงกราว  สาวน้อยหันมายิ้มให้ด้วยไมตรี

“เราอยากเก่งเรื่องจิตรกรรมอ่ะ  เธอล่ะ”

“โห  เป็นเรื่องยากสำหรับเราเลยนะนั่น  เราชอบอักษรโบราณน่ะ”

“สองคนนั้นคุยอะไรกันน่ะ  ไปออกไปเต้นไก่ย่าง”  รุ่นพี่สต๊าฟปกครองโหวกเหวก ชี้ตัวน้องใหม่ทั้ง    ให้ออกไปรับโทษ

“ไก่ย่างถูกเผาๆมันจะถูกไม้เสียบ  เอ้ว  มันจะจะถูกไม้เสียบ  เสียบตูดซ้าย  เอ้ว เสียบตูดขวา  เอ้ว  ร้อนจริง ๆ ร้อนจริง ๆ” เพื่อน ๆ ข้างล่างเวทีโห่ฮาให้กับท่าทางตลก ๆ ของหนุ่มสาวหน้าลาย

มับไมและอุ่นหล้าพบกันในลักษณะนี้

ความที่รหัสนักศึกษาติดกัน  ทำให้บ่อยครั้งต้องทำรายงาน  ทำแลป  และออกภาคสนามร่วมกัน  จากความใกล้ชิดเกิดเป็นความผูกพันบางอย่างที่ยากจะอธิบาย

“…เริ่มแต่วันที่เราคบกันคล้ายเพื่อน

แต่ดูเหมือนมีสิ่งเร้าใจ  ไหวหวั่น

ปล่อยให้รุม  สุมสรวงนานวัน

เปลี่ยนเป็นฉันรักเธอ...”

ใครบางคนในไซต์งานเปิดเพลงหนึ่งมิตรชิดใกล้ขึ้นมาสร้างบรรยากาศในการทำงานมับไมอดมองไปทางอุ่นหล้าไม่ได้แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็กลับพบว่าดวงตาเรียวโค้งเป็นประกายยิบหยีนั้นมองมาทางตนอยู่ก่อนแล้วหัวใจของสาวน้อยก็พลันหวั่นไหว

ภายหลังเรียนจบทั้งคู่เลือกที่จะศึกษาต่อในสายงานโบราณคดีเพียงแต่ต่างสาขาออกไปตามที่ตนสนใจแต่ไม่ว่าจะงานราษฎร์งานหลวงทั้งคู่ยังร่วมกิจกรรมด้วยกันเสมอเป็นดังเงาของกันและกันใครๆต่างพูดถึงทั้งสองว่าเป็นนักวิจัยคู่ขวัญที่จะต้องมีข่าวดีในเร็ววันแน่

จนกระทั่งวันหนึ่งทั้งสองเข้าร่วมสำรวจสิมโบราณ  (อุโบสถ)  ในภาคอีสาน  และเกิดถกเถียงกันด้วยเรื่องปูนขาวหมักที่ใช้ในการก่อสร้างสิมหลังนี้  คนหนึ่งเชื่อแหล่งข้อมูลของตนว่าเอาเปลือกหอยกาบกี้ไปเผาแล้วตำให้ละเอียด  อีกคนหนึ่งก็มีแหล่งข้อมูลมายืนยันว่าไปสกัดหินปูนจากภูเขาเอามาตำ

จากการยกเหตุผลมาถกกลายเป็นการเถียงเพื่อเอาชนะ  ต่างคนต่างถือว่าตนก็เป็นที่หนึ่งในตองอู  ไม่มีใครยอมลงให้กันก่อน  จนกระทั่งลุกลามบานปลาย  สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ทั้งคู่เมื่อความสัมพันธ์ถึงขั้นแตกหัก  หันหลังไม่ร่วมทางกันอีก

เรื่องงี่เง่า...ใช่เรื่องงี่เง่าที่เหมือนหาสาระอะไรไม่มี  แต่มันกลับมีพลังลึกลับบางอย่างที่สามารถทุบทำลายความผูกพันที่บ่มเพาะมานานปีจนแหลกสลายราวน้ำค้างโดนแสงอาทิตย์ได้

                                              ………

“ต้องมาขอความช่วยเหลือจริงๆสินะ”   นึกถึงครั้งวันเยาว์ที่ตนมักทำแลปล่ม จนอุ่นหล้าระอาจนต้องร้องขอชีวิต  “ขอร้องล่ะมับไม  เธออย่ามั่นใจตนเองเกินไปนักได้ไหม”  แต่ทุกความพังและเจ้าหน้าที่ประจำห้องแลปที่กำลังนั่งหน้าหงิกเพราะรอปิดตึก จะมีอุ่นหล้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์ไว้ให้เสมอ  ถึงปัจจุบันจะชังน้ำหน้ากันสักแค่ไหน  แต่เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ริมฝีปากสีอินจี่เป็นต้องเผยอยิ้มทุกครั้ง

เมื่อภาพในอดีตจบลงดอกเตอร์สาวก็มาหยุดอยู่หน้าประตูห้องทำงานที่คุ้นเคยพอดี  ทำท่าทางลังเลเก้ ๆ กัง ๆ ถ้าคำกล่าวว่าถอนหายใจหนึ่งครั้งจะแก่ไปสิบปีเป็นความจริง ณ จุดนี้  มับไมคงจะอายุราวร้อยสองร้อยปีได้  เมื่อระบายลมหายใจครั้งสุดท้ายก็กลั้นใจเคาะประตูเป็นรหัสรัวแล้วหยุด  รัวแล้วหยุดอย่างที่เคยทำ  รู้กันเฉพาะสองคนว่าใครมาหา

๓ - ๘ - ๐ - ๓ - ๑ - ๐ - ๐ - ๒ - ๗

คล้ายกับว่าเสียงความเคลื่อนไหวในห้องหยุดชะงักไปชั่วขณะ  เมื่อได้ยินเสียง “เชิญ”  คนมาง้อจึงหมุนลูกบิดแล้วก้าวเข้าไปภายใน   ความเงียบเข้าปกคลุมห้องทำงานขนาด    x    เมตร

“อะแฮ่ม”  มับไมทำลายความเงียบขึ้น

“เอ่อ...เราจะบอกว่าทุกวันนี้ใช้กล้องจุลทรรศน์ตรวจลักษณะของผลึกแคลเซียมได้แล้วว่าปูนน้ำอ้อยน่ะมาจากเปลือกหอยหรือหิน”

“………”  อุ่นหล้าเงียบ  ดวงตาเรียวดุจ้องหญิงสาวเขม็ง

“อ้าว  นี่มาง้อแล้วนะ  ทำไมเงียบ”  เผลอตัวโวยวายอีกจนได้  มาง้อเขาแท้ ๆ พูดไปแล้วหล่อนก็นึกอยากตะครุบคำพูดของตัวเองกลับคืนมา

อุ่นหล้าไม่ต่อปากต่อคำ  ลุกจากเก้าอี้ก้าวยาว ๆ เพียงสามก้าวก็ถึงตัวคนรักเก่า เขากอดร่างเล็กนั้นไว้แน่น  ความรู้สึกของคนหลงทางในทะเลทรายแล้วเจอโอเอซิสคงเป็นเช่นนี้เอง

“ผมคิดถึงมับไมมากเลย  ผมขอโทษ  ต่อไปนี้ไม่ว่ายังไงผมจะเป็นฝ่ายขอโทษมับไมก่อนนะ”

“อุ่นหล้า  อุ่นหล้า  ดอกเตอร์อุ่นหล้า  เฮลโหลมีใครอยู่ไหม”  หญิงสาวโบกมือตรงหน้าคู่สนทนา

เสียงแว่วจากไกลๆดังใกล้เข้ามาๆชายหนุ่มสะดุ้งเมื่อเห็นมือเล็กโบกถี่ๆ  อยู่หน้า

“อ่ะ...เอ่อ  นี่เหรอที่เรียกว่าง้อ” พุทโธ่  ที่แท้ก็ฝันค้างกลางอากาศไปหรอกหรือ ดอกเตอร์ด้านจิตรกรรมอีสานแกล้งทำแง่งอนกลบเกลื่อน

“ก็  ก็ง้อน่ะสิ  ผู้ชายอะไรขี้งอนอย่างกับผู้หญิง”  เจ้าหล่อนบ่นอุบอิบในคอ

“ตอนนั้นเราโกรธกันเพราะเรื่องอะไรนะ”  เจ้าของห้องทำงานแสร้งทำเป็นลืมเหตุการณ์ไร้สาระนั้น

“ก็ตาสีน่ะสิ  ตัวต้นเหตุ  รู้ไม่จริงแล้วให้ข้อมูลเราไม่ตรงกัน”

“พวกเรานี่ก็บ้าเนาะ  ขนาดรู้ว่าข้อมูลผิด  ยังเอาชนะคะคาน  แล้วยังทิฐิมานะอีก”

“ใช่  ผ่านไปตั้งหลายปี  จนมาวันนี้คุณยังให้ฉันเป็นฝ่ายง้ออีก”

“ที่ผ่านมาผมคิดถึงมับไมมากเลย  ผมขอโทษ  ขอโทษทั้งเรื่องที่ผ่านมา  และในวันนี้ที่ปล่อยให้คุณต้องมาง้อก่อนนะ  ต่อไปนี้ไม่ว่ายังไงผมจะเป็นฝ่ายขอโทษมับไมก่อนนะ”

ดอกเตอร์สาวใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าอกอีกฝ่ายอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า

“จำคำพูดตัวเองไว้ด้วยล่ะ”  หล่อนสำทับแสร้งทำหน้าดุ

“กลัวล้าว”  ชายหนุ่มแกล้งทำคอหด  คนมาง้อหัวเราะคิก

“แต่ฉันคิดว่า  เอ่อ เ ราอย่าเพิ่งกลับมาเป็นแฟนกันเลยนะ  ดูกันไปก่อนสักหน่อย ครั้งนั้นพวกเราเปราะบางเหลือเกิน  แล้วก็ความวัยรุ่นเนาะ  มันไม่สุขุมเท่าตอนนี้”

“อืม  ผมก็เห็นด้วยนะ  แต่ก็อยากขอให้มับไมให้โอกาสผมอีกครั้งด้วย” อุ่นหล้ารอคำตอบด้วยใจระทึก  คล้าย ๆ จะกลับไปเป็นวัยรุ่นอายุ  14  อีกครั้ง  ต่อเมื่อเห็นริมฝีปากแดงนั้นยกมุมโค้งขึ้น  ดวงตาดุจึงโค้งตามอย่างสดใสราวกับรุ้งกินน้ำสองสายยามท้องฟ้าหมาดฝน

อะไรของนายเนี่ยอุ่นหล้า  ความงอนหลายปีที่ผ่านมา  แค่เขาพูดว่า  “ง้อ”  ก็ยอมหงอให้เขาแล้ว  นาทีนี้นอกจากต้องเป็นช้างเท้าหลังคอยเดินตามจ่าโขลงแล้วจะเป็นอะไรได้เนี่ย ชายหนุ่มนึกอยากเขกหัวตัวเองขึ้นมา

                                        ………

หลังจากปมที่ค้างคาในใจคลี่คลาย  มับไมได้เล่าถึงสิ่งที่ตนประสบให้ดอกเตอร์อุ่นหล้าฟัง  ตั้งแต่เรื่องที่ย่ามักจะบอกกับเธอตอนเด็ก ๆ ความฝันเมื่อตอนกลับไปทำบุญให้ย่า  การพบช่องลับในพระพุทธรูป และสารลับใบลานที่พบ  ต่างคิดเห็นตรงกันว่าเป็นเกมส์ที่น่าสนุกโดยไม่ได้นึกถึงอันตรายที่รออยู่เลย

ใบลานสองแผ่นแรกมับไมได้เล่าให้เขาฟังแล้วว่า  ผู้จารได้เล่าถึงชาดกนอกนิบาตเรื่องสังสินไซ  โดยยกมาเฉพาะตอนที่สังสินไซรบกับพญาช้างฉัททันต์  คาดว่าจะเป็นการสื่อว่าพญาช้างจะพาไปพบบางสิ่ง  เพราะฉะนั้นกระจุกสีสามหย่อมบนใบลานแผ่นที่สามนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับตอนสังสินไซรบกับพญาช้างฉัททันต์อย่างแน่นอน

อุ่นหล้าหยิบใบลานแผ่นที่สามขึ้นมาพินิจ  การจัดวางภาพแบบนี้  สีสันแบบนี้มันช่างดูคุ้นตา  ชายหนุ่มรีบเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คขึ้นมา  ลากนิ้วไปบนแทรคแพด  เปิดโฟลด์เดอร์บันทึกการสำรวจภาคสนาม  เลือกแฟ้มภาพ “วัดโพนสิม” ขึ้นมา  ลักษณะโครงสร้างของภาพ  ลายเส้นและการลงสีคล้ายกันมากทำให้ทั้งสองดอกเตอร์รู้สึกมีความหวังขึ้นมา

“วัดนี้อยู่ที่มหาสารคามสร้างขึ้นเมื่อปีสองพันสี่ร้อยแปดโดยครูบาอ่อนเมื่อสามสิบปีก่อนอาจารย์ที่ปรึกษาของผมไปลงพื้นที่เดือนที่แล้วก่อนท่านจะเสียได้ฝากภรรยาให้นำบันทึกภาคสนามนี้มามอบให้ผม  นี่ก็คิดว่าจะลองคลำทางตามรอยครูไปสำรวจสักครั้งก่อน  เผื่อพานักศึกษาไปเรียนด้วย  เลยได้รื้อข้อมูลมาใส่ในคอมพ์ไว้ก่อน”  อุ่นหล้าให้ข้อมูลในเบื้องต้น

“แต่ผมยังไม่แน่ใจนะว่าสิ่งที่เรากำลังหานั้นอยู่นี้หรือเปล่า  เพียงแต่ลักษณะของภาพ และการใช้สี  อาจจะเป็นช่างคนเดียวกัน  เลยคิดว่าถ้าเราไปเริ่มต้นจากที่นั่น  อาจจะได้เบาะแสอะไรบ้าง  มับไม  มับไม  ฟังผมอยู่หรือเปล่า”

“อ๊ะ  อืม  อืม”  หญิงสาวรู้สึกตัวจากภวังค์

“มหาสารคาม...ครูบาอ่อน...อะไรจะบังเอิญขนาดนี้  ไม่หรอกมั้ง” มับไมพึมพำท่าทางครุ่นคิด  ในขณะที่ดอกเตอร์หนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม  แต่เจ้าตัวส่ายหน้า  กล่าวเพียงว่า  “ยังไม่แน่ใจ  ถ้าชัดเจนเมื่อไร  จะเล่าให้ฟัง”

มันช่างเป็นความบังเอิญอันเหมาะเจาะที่ทำให้มับไมอดคิดเข้าข้างตนเองไม่ได้ว่ามันคงเป็นโชคชะตาที่กำหนดมาว่า  ปริศนานี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ตนเป็นผู้ไข

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ปริศนาในฮูปแต้ม   บทที่ 3

    ดอกเตอร์สาวนอนเท้าแขนอยู่บนเตียง ในมือถือใบลานแผ่นที่ ๓ ขึ้นมาพลิกหน้าพลิกหลัง หวังว่าจะพบคำใบ้ใดซ่อนอยู่ในใบไม้แห้งบาง ๆ นั้นอีกครั้ง“เฮ้อ ไม่ง่ายเหมือนในหนังอินเดียน่า โจนส์ สินะ” มับไมถอนหายใจตัวอักษรที่จารนั้นลายเส้นคมงดงาม สีดำจากเขม่าก้นหม้อติดสีเข้มยังไม่ลบเลือน ทำให้อ่านง่าย แสดงว่าผู้จารมีการเตรียมการมาอย่างดี ไม่ได้เขียนขณะที่อยู่ในสภาวะเร่งร้อน กระจุกสีและเส้นสายที่ป้ายไปมาทำให้หญิงสาวคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าผู้วาดต้องการสื่ออะไรบางอย่าง แต่ก็จนด้วยเกล้าจริง ๆ คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างนึกโมโหตัวเองว่าสมัยนั้นทำไมไม่ตั้งใจเรียนวิชาจิตรกรรมและฮูปแต้มนะ ในเวลานี้ผู้เชี่ยวชาญการไขรหัสภาพโบราณคงไม่มีใครมีความสามารถเทียบเท่า “ดอกเตอร์อุ่นหล้า” อีกแล้ว เมื่อนึกถึงเจ้าของชื่อนี้ภาพเงาร่างสูงโปร่ง ดวงตาเรียวดุราวเหยี่ยว ชอบนุ่งโสร่งอย่างชายอีสานชนบทเดินไปเดินมาบนตึกเรียนอย่างภาคภูมิในชาติพันธุ์ของตนก็ปรากฏขึ้นในห้วงคำนึงนึกถึงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับการที่ต้องไปขอให้ดอกเตอร์หนุ่มช่วยมันช่างเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก เพราะนั่นเท่ากับว่าตนเองต้องเป็นฝ่ายแพ้ ยอมละว

  • ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ปริศนาในฮูปแต้ม   บทที่ 2

    การเดินทางในปัจจุบันสะดวกสบายกว่าสมัยที่มับไมยังเป็นนักศึกษาอยู่มาก สายการบินต้นทุนต่ำสยายปีกไปทุกจังหวัดที่มีสนามบิน จึงไม่ต้องทนนั่งหลังขดหลังแข็งเป็นชั่วโมง ๆ บนรถทัวร์ หรือลุ้นระทึกกับห้องน้ำบนรถไฟอีกต่อไป เพียง ๔๕ นาทีก็ได้กลับมากราบแทบตักพ่อแม่ที่ขอนแก่นบ้านเกิดแล้ว “ไหว้พระเทอะอีหล้า” พ่อแม่จับมวยผมยุ่งๆของลูกสาวโยกเบาๆด้วยความเอ็นดู“แต่ละมื้อเฮ็ดเวียกเฮ็ดการทางเมืองหลวงจนเยาไปหมดทั้งตัวคึดฮอดพ่อแม่จนสิไห้แงๆ” หล่อนโอบเอวแม่ออดอ้อน“ใหญ่แล้วอดเอา” พ่อดีดหน้าผากคนเป็นลูกจนดังปั้วะด้วยความหมั่นไส้แล้วพูดต่อ “ตอนไปเรียนเมืองนอกก็ยังอยู่ได้ตอนนี้อยู่บ้านเกิดเมืองนอนเจ้าของแล้วจะกลับมาหาพ่อแม่เมื่อใดก็ได้ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ”“เอ้ามาๆมื้อนี้แม่ป่นเห็ดปลวกตาบกับปิ้งปลายอนของมักลูกนำเด” “ว้าวฮักแม่ที่สุด”หลังล้อมวงพาข้าว อาบน้ำอาบท่าสบายตัวดีแล้ว หญิงสาวจึงทิ้งดิ่งตัวเองลงบนเตียง ไม่เหลือเค้าผู้ทรงภูมิในแวดวงวิชาการ ไม่ต้องเร่งรีบฝ่าฟันการจราจร ไม่ต้องเตรียมการสอน ช่วงเวลาที่ไร้ความกังวล เจ้าของเตียงหลับตาพริ้มตั้งใจว่าจะแค่นอนเล่นพักสายตา หอมกลิ่นดอกสเลเตลอยมาจากที

  • ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ปริศนาในฮูปแต้ม   บทที่ 1

    ค่ำคืนที่ดวงจันทร์ทอแสงนวลใย ภายในห้องน้อยบนเรือนไม้ใต้ถุนสูง “ย่าเกด” กอดประคองหลานสาวตัวน้อย “มับไม” ไว้ในอ้อมแขน พลางเล่านิทานโบราณด้วยน้ำเสียงกังวาล“อินทร์ก็ใส่ชื่อน้อย ในเลขลานคำชื่อว่า สังสินไซ โลกลือฤทธีกล้า...”เด็กน้อยทำตาโตพลางกำชายเสื้อของย่าแน่นด้วยความตื่นเต้น“พญาซ้างฉัททันต์สิพาหลานเดินดงไปพ้อขุม...”หญิงชรายังเล่าไม่ขาดคำก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงผลักประตูบานเฟี้ยมอย่างแรง แผ่นไม้จนกระแทกกับผนังห้องดังปัง! ชายวัยกลางคนก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทีไม่พอใจ ขณะที่ “นางจันสี” รีบเข้ามาอุ้มลูกสาวของตนออกมา“แม่เอาอีกแล้วเซาๆอย่าเล่าเรื่องแบบนี้ให้หลานฟังอีกเด้อมันบ่มีดอกสิ่งที่แม่ว่าน่ะ” น้ำเสียงของนายเคนทั้งหงุดหงิดทั้งอ่อนใจกับผู้เป็นแม่“มันสิบ่มีได้จังได๋มันเป็นภารกิจของตระกูลที่ต้องรักษาไว้ให้เจ้าของเพิ่นเดลูก”“ผู้ได๋ล่ะแม่แล้วสิ่งนั้นมันคืออีหยังก็บ่มีไผเคยฮู้บ่มีไผเคยเห็นจักคน”“เจ้าปางคำ เจ้าปางคำแห่งจำปาสักนั่นเดลูก เทียดโตน่ะเป็นคนสนิทของเพิ่น ทวดโตก็เป็นทั้งเสี่ยวฮักและทหารอารักขาราชบุตรลูกเพิ่น ตอนที่เมืองลาวสิแตกปู่โตที่เป็นทหารจึ่งได้รับคำสั่งเสียให้รั

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status