Share

บทที่ 5

last update Last Updated: 2025-08-02 10:32:29

ดังที่ว่ามีเงินใช่ว่าจะไปเก็บข้อมูลที่ไหนก็ได้ตามใจ  หลังทำเรื่องขอลาวิจัยแล้ว ยังต้องมีการคัดเลือกคนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานคุณภาพด้วย  อุ่นหล้าและมับไมกลัวคำว่า “มากคนมากความ” เป็นที่สุด  จึงพยายามคัดเลือกลูกทีมที่มีประสิทธิภาพที่แม้จะไปกันน้อยคนแต่ก็คล่องตัว

เมื่อข่าวการประกาศรับสมัครลูกทีมเพื่อการวิจัยภาคสนามของอาจารย์มับไมและอาจารย์อุ่นหล้าถูกติดขึ้นบอร์ด  นักศึกษาทุกระดับชั้นรวมถึงบุคคลากรในคณะต่างให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเพราะทั้งคู่เป็นอาจารย์ที่มีภูมิ รู้ลึกรู้จริงถ่ายทอดให้ผู้เรียนโดยไม่หวงวิชา หรือไม่ว่าจะเพราะอยากรู้อยากเห็นเรื่องส่วนตัวของทั้งคู่ก็ตาม ในวันสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกลูกทีม จึงมีคนไปมุงออกันที่หน้าห้องพักอาจารย์แน่นราวกับมีมหกรรมแจกของฟรี

เมื่อคัดคนที่มีใจแค่อยากผจญภัยตามอย่างภาพยนตร์ฮอลลีวูดออกไป  ในที่สุดก็ได้ผู้ร่วมงานจำนวนหนึ่ง

โดยมี “ชีวิน” หนุ่มตุ้งติ้งที่ชอบให้ทุกคนเรียกเขาว่า “ชิวลี่ (Chiewly)” เป็นนักศึกษาปริญญาเอก  เขาหลงใหลในวัฒนธรรมท้องถิ่น  แต่ยังไม่แน่ใจว่าตนจะเจาะลึกศึกษาวิจัยเรื่องอะไรเป็นพิเศษ  จึงขอตามอาจารย์ทั้งสองมาด้วยเพื่อค้นหาตัวเอง

นักศึกษาระดับปริญญาโท  มี “กมลวรรณ” หรือ “กระแต”  สาวแซ่บประจำคณะ สนใจเรื่องวรรณกรรมพื้นบ้าน

ส่วนนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่ตามไปด้วยมี  “โกวิทย์”   หรือ   “จังโก้”   หนุ่มมาดกวนนั้นสนใจในเรื่องศาสนคารพื้นถิ่น  และ  “รุ้งลาวัลย์” หรือ  “รุ้ง”  เป็นเด็กสาวพูดน้อย  สวมแว่นสายตาท่าทางเรียบร้อยคงแก่เรียน  สนใจเรื่องภาษาโบราณในบัตรถาเป็นพิเศษ

“อ่ะ  อ่ะ  เอ่อ  จังโก้นายก็ไปด้วยเหรอ”  สาวน้อยขยับแว่นสายตาท่าทางขลาด ๆ

“มีปัญหาไรเหรอแว่น  ว่าแต่เธอเหอะจะไปเป็นสัมภารกของอาจารย์เหรอ”

เจ้าแสบขยับปากได้ก็จิกกัดเพื่อนสาวทันที  ทำเอาสาวแว่นหดคอแทบร้องแง   อุ่นหล้าและมับไมมองหน้ากัน แค่เริ่มต้นก็ดูท่าทางจะกลายเป็นทริปส้มตำพ่นไฟใส่พริกร้อยเม็ดเสียแล้ว

ถึงวันออกเดินทางไม่เพียงเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวที่ต้องเอาไปแล้ว  ยังรวมถึงอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ  อย่างกล้องจุลทรรศน์  สารเคมี  และน้ำกลั่นผสมแอลกอฮอล์ที่จะช่วยทำความสะอาดภาพจิตรกรรม เผื่อจะเห็นข้อความลับได้ชัดเจนขึ้นรวมไปถึงอุปกรณ์ปรมาณูเพื่อสันติอย่างเครื่อง *XRF ที่อุ่นหล้าทำ MOU ขอยืมมา  ใช้ตรวจชั้นสีในฮูปแต้ม  ทั้งหมดยังยังไม่แน่ใจว่าอุปกรณ์ไฮเทคโนโลยีสารพัดที่ขนไปนั้น จะเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติการครั้งนี้หรือไม่ แต่ก็ขนกันไปก่อนเพื่อความอุ่นใจ

“กรี๊ด  เจ้  ผ้าพันคอรุ่นลิมิเตดอิดิชั่น ของจิม ทอมป์สัน ลายเส้นของอาจารย์อิทธิพล ตั้งโฉลก  อ่ะ”  มับไมตื่นเต้นกับไอเท็มรุ่นพิเศษที่เจ้าพ่อแห่งวงการสิ่งทอจับมือกับศิลปินแห่งชาติ  ผลิตผ้าพันคอและผ้าคลุมไหล่ออกมาในจำนวนจำกัด  ที่แม้เธอจะใช้เส้นสายของเพื่อนฝูงในวงการแพรพรรณก็ยังหาซื้อไม่ได้

“เพราะทุกที่คือรันเวย์จ้า”  ชิวลี่ตอบมับไม  ทำท่าสะบัดบ็อบอย่างน่าหมั่นไส้  ถึงจะอยู่ในฐานะอาจารย์และนักศึกษาแต่อายุของมับไมก็อ่อนกว่าชีวิน  ๕ ปี  ที่เขามาเรียนช้าเพราะกิจการทางบ้านอยู่ในขั้นตรีทูตจากวิกฤกติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง  จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง  ชีวินจึงขอกลับมาใช้ชีวิตตามความฝันอีกครั้ง

“จริงค่ะอาจารย์ถึงจะไปไซต์งาน  แต่เราจะโทรมไม่ได้  ปากไม่แดงไม่มีแรงเดินเด้อ” สาวแซ่บประจำกลุ่มเปิดกระเป๋าเครื่องสำอางค์ใบเล็กที่เสียบลิปติกเรียงเป็นตับอย่างกับกระเป๋าใส่กระสุน .38  มับไมลองดูสีที่สนใจและจดหมายเลขไว้  กลับจากเดินทางเมื่อไร  เคาท์เตอร์เครื่องสำอางค์ต้องลุกเป็นไฟ

รุ้งลาวัลย์เขยิบเข้ามาดูอย่างอยากมีส่วนร่วม  แต่เมื่อพี่ ๆ จะแต่งให้บ้าง  เธอก็โบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวันอย่างขัดเขิน

“หึ”  นายจังโก้คู่กัดพ่นลมออกจากจมูกอย่างรำคาญในความเชย

“เอาล่ะ  ทุกคนได้เวลาออกเดินทางกันแล้ว”  อุ่นหล้ารีบต้อนทุกคนขึ้นรถเอสยูวีเพื่อไม่ให้ไปถึงหมุดหมายค่ำเกินไปนัก

รถเอสยูวีสีน้ำเงินกลางเก่ากลางใหม่แล่นไปตามถนนมิตรภาพมุ่งสู่จังหวัดขอนแก่น  ระหว่างพักรถที่บริเวณเขื่อนลำตะคอง  เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าในโทรศัพท์มือก็ดังขึ้นในกระเป๋ากางเกงของดอกเตอร์สาวก็ดังขึ้น  เมื่อเลื่อนดูก็เห็นว่าเป็นถ่ายทางอากาศที่เพื่อนจากสำนักศิลปากรที่  8  ขอนแก่น  ส่งมาให้

“ขอบใจจ้า”  เธอพิมพ์ตอบกลับไป  ก่อนจะเรียกอุ่นหล้า  และทีมงานล่าช้างให้มาสมทบกัน

เมื่อภาพแผนที่ลายมือจากอาจารย์ผู้ล่วงลับของอุ่นหล้า  มารวมกับภาพถ่ายทางอากาศ  ตำแหน่งที่ตั้งของวัดที่ตามหาก็ชัดเจนขึ้น  แต่มันมีอะไรแปลก ๆ  บางอย่าง  มับไมสบตาอุ่นหล้าด้วยสายที่รู้กัน  จนเมื่อพวกนักศึกษาแยกย้ายไปตามอัธยาศัย  อุ่นหล้าจึงได้ถามขึ้น

“มีอะไรหรือเปล่า”

“คุณดูภาพนี่สิ”  หญิงสาวเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้ง

“ตรงนี้คือเมืองนาดูน  เป็นเมืองเก่าที่คนที่ศึกษาจารึกสมัยทวารวดีจะรู้จักดี  โดยเฉพาะพระเครื่องกรุนาดูนที่เซียนพระตามหากันให้ควัก  หมู่บ้านบริเวณลำน้ำดูนจะมีป่าโบราณพื้นที่เกือบ ๑๐๐๐ ไร่  จากภาพถ่ายทางอากาศทำให้เห็นว่าอีกฟากหนึ่งของป่าเคยมีการตั้งอยู่ของชุมชนเล็ก ๆ  ตรงนี้  แต่ดูจากภาพคล้าย ๆ  จะเป็นหมู่บ้านร้างไปแล้วนะ  ต้นไม้แทรกขึ้นมาพอสมควรทีเดียว”  มับไมใช้นิ้วจิ้มไปตามตำแหน่งต่าง ๆ  บนภาพ  พลางทำคิ้วขมวดมองคู่สนทนา

“อีกอย่างหนึ่งครูบาอ่อนท่านนี้  คลับคล้ายคลับคลาว่าสมัยเป็นเด็กเคยได้ยินย่าและพ่อแม่คุยกันถึงทวดน้อยอ่อนว่าท่านบวชแล้วออกธุดงค์จาริกไป  ญาติ ๆ ทางบ้านเองก็ไม่ได้ยินข่าวท่านอีกเลย”  หญิงสาวเล่าถึงชื่อที่ติดค้างอยู่ในใจ

“เออ  แปลกแฮะ  ตอนแวะไปบ้านคุณ  ลองถามข้อมูลขั้นต้นพ่อกับแม่ก็ดีนะ”

“อืมๆฉันโทรบอกพวกท่านไว้แล้วล่ะ  ว่าพวกเราจะแวะไปกินข้าวด้วยกัน”

………

หมู่บ้านที่มับไมเกิดและเติบโตนั้น  รูปแบบไม่ต่างจากการตั้งหมู่บ้านเก่าแก่ในภาคอีสานอื่น ๆ  เท่าไรนัก  คือมีการอพยพตามผู้นำมาตั้งบ้านเรือนยังบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์  และมักจะใช้นามสกุลเดียวกันทั้งหมู่บ้าน  แต่หมู่บ้านของมับไมนั้นความแตกต่างเห็นจะอยู่ที่งำความลับบางอย่าง

เมื่อรถเอสยูวีสีแหล่อย่างที่เจ้าของเรียกมันเลี้ยวเข้ามาเขตบ้าน  พ่อกับแม่ที่ชะเง้อรอที่ซุ้มม้านั่งมาตั้งแต่บ่ายพากันลุกขึ้นด้วยความดีใจ

“มาๆ  เข้ามาพักมาเซากันสาก่อน  ค่อยกินข้าวกัน” นายเคนเชื้อเชิญทุกคน

“สวัสดีคร้าบ  สวัสดีค่า  คุณพ่อ  คุณแม่” ทุกคนทักทายเจ้าบ้านโดยพร้อมเพรียง

“โห  บรรยากาศบ้านอาจารย์น่ามาถ่ายพรีเวดดิ้งมาก ๆ เลยค่ะ”  รุ้งลาวัลย์ตื่นเต้นกับเรือนโบราณตรงหน้า

“เป็ดแว่นอย่างเธอจะมีใครให้ถ่ายพรีเวดดิ้งด้วยเหรอ”  โกวิทย์อดจิกกัดสาวแว่นไม่ได้

“ไม่มีก็แต่งกับพี่ชิวลี่ก็ได้  จะได้อยู่เป็นเพื่อนกัน  ชิ”  รุ้งกอดแขนชิวลี่ทำหน้าเชิ่ด

“นั่นเขาเรียกว่าเผาหลอกแล้วหล่อน”  โกวิทย์ยังจิกกัดอย่างไม่ลดละ

“เดี๋ยวๆ  แก  จังโก้  เผาหล่งเผาหลอกอะไร  ว่าแต่แกเหอะชอบมาทำเป็นจิกกัดเขา  ระวังเหอะ  กลายเป็นทาสรักยายรุ้งเมื่อไรฉันจะหัวเราะให้ฟันร่วง”  ชิวลี่เอาคืนแทนน้องคนเล็กของกลุ่ม  เจ้าแสบที่กำลังจะอ้าปากต่อคำจำต้องเปลี่ยนท่าทีเป็นสงบเสงี่ยม ทำตัวเป็นคนดีรีบกุลีกุจอเข้าไปช่วย  เมื่อแม่ของมับไมยกพาแลงเข้ามา

“มาลูกมาลองชิมอึ๊บไก่    อั่วแคนาปลาตอง    จี่ปูนา   หมกปลาซิวอ้าว      ต้มแซ่บกระดูกอ่อน  ฝีมือแม่กันก่อน”  นางจันสีภูมิในนำเสนอเมนูอาหารมื้อเย็น

“กับข้าวพื้นบ้านกินกันได้บ่ล่ะ”  นายเคนออกตัว   

“แพ้ปลาร้าค่ะ  หยุดกินไม่ได้”  กระแตเผลอกลืนน้ำลายเอื๊อก  แทบลืมภาพลักษณ์สวยเสมอ  ทำเอาแม่ครัวประจำบ้านหัวเราะ

อาหารพื้นบ้านแต่รสชาติติดดาวที่นางจันสีปรุงในวันนี้ไม่ใช่อาหารที่พบได้ทั่วไปตามร้านอาหารอีสานประเภทส้มตำไก่ย่างที่มีดาษดื่นในกรุงเทพฯแม้จะมีบางเมนูแต่ก็สู้รสมือที่แม่ตั้งใจทำให้ลูกๆ  กินไม่ได้

ไม่มีใครบ่นว่ากินข้าวเหนียวแล้วกลัวท้องจะอืดเลย  ปั้นข้าวเหนียวแล้วตักกับข้าวกันคนละหนุบคนละหนับอย่างเจริญอาหาร  อึ๊บไก่หรือไก่ใต้น้ำรสชาติจัดจ้านหอมเครื่องสมุนไพรถูกใจชิวลี่และจังโก้เป็นที่สุด

แต่สิ่งที่ทำให้สาวๆแซ่บจนลืมอ้วนเห็นจะเป็นความขมของดอกแคนาที่ช่วยกระตุ้นความอยากอาหารทำให้กระแตอร่อยจนลืมคำนวณแคลอรี  และรุ้งที่เห็นเงียบ ๆ แต่ก็เก็บเรียบทุกจาน

หลังมื้ออาหารเย็นเหล่านักศึกษาออกไปสำรวจหมู่บ้านวิถีชนบทเหลือเพียงมับไมและอุ่นหล้าที่ยังนั่งคุยกับนายเคนและนางจันสีบนเรือน

“พ่อ  แม่  ลูกขอถามเรื่องบ้านเฮาจักน้อยแน” มับไมทำท่าทางจริงจังจนผู้นำหมู่บ้านนึกหวั่น

“อยู่  รู้  เห็นมาแต่น้อย  ยังมีหยังที่รอดหูรอดตาลูกไปได้” ผู้เป็นพ่อเลี่ยง  หลบสายตาลูกสาว

“กะเรื่องทวดน้อยอ่อนนั่นเด้คือบ่เคยมีผู้ใด๋เว่าเถิงลาว”

“โรคห่า”  “สัตว์ร้าย”  พ่อแม่พูดโดยไม่พร้อมเพรียง มับไมหรี่ตาเอียงคอรู้สึกถึงพิรุธ  ในขณะที่อุ่นหล้านิ่งรอรับฟัง

“อ่ะ  เอ่อ  ลาวกะออกบวชแล้วกะจาริกไปทั่ว  โดยบ่ได้ส่งข่าวพี่น้องทางบ้านอีกตามที่ฮู้กันเนาะ  ก็เลยสันนิษฐานว่าในยุคสมัยนั้นลาวอาจสิติดโรคห่า  หรือไปเจอสัตว์ร้ายก็สุดที่พี่น้องครอบครัวสิฮู้ได้  กะประมาณนี้”  นายเคนเล่าพลางพยามยามสบตาลูกกลบเกลื่อนพิรุธ

แม้จะฟังแล้วรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ค่อยสมเหตุสมผลแต่หญิงสาวก็เลือกที่จะไม่ดึงดันคาดคั้นเอาความจริงจากผู้เป็นพ่อ  เพราะเธอทราบดีถึงความห่วงใยของบุพการีถึงได้พยายามปิดบังอำพราง  ดอกเตอร์สาวจึงสะกิดอุ่นหล้าให้ตามน้ำ  เออออห่อหมกไป

ที่สำคัญถ้าเกิดนายเคนถามกลับ  ความเป็นลูกที่ไม่เคยโกหกพ่อแม่  ถ้าพ่อรู้ว่าเธอไปพบอะไรเข้า  และพยายามทำอะไร  เป็นต้องโดนค้ดค้านบ้านแตกแน่  กลับบ้านครานี้หญิงสาวจึงไม่ได้นอนค้างที่บ้านเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติภารกิจลับ

เมื่อรถเอสยูวีสีน้ำเงินแล่นลับรั้วบ้านไปแล้วนางจันสีเกาะแขนสามีอย่างกังวล

“อ้ายเคน”นางเรียก  แต่ไม่มีคำพูดใดไปมากกว่านั้น

“บ่มีหยังดอกๆเป็นเรื่องบังเอิญซือๆดอกน่ะ”ผู้นำหมู่บ้านตบที่มือคู่ชีวิตเบาๆ  ปลอบใจทั้งตนเองและภรรยา โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่ากุญแจที่จะทำให้ลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาต้องจากไปไกลสุดปลายฟ้าอยู่แค่ปลายจมูกนี่เอง

………

รุ่งเช้าหลังอุ่นกระเพาะกันด้วยไข่กระทะร้านดังประจำจังหวัด  ก่อนจะตบท้ายด้วยเกาเหลาเซี่ยงจี๊ร้านที่โลกออนไลน์รีวิวว่าพลาดไม่ได้จนพลังงานเต็มเปี่ยมแล้ว  คณะทัวร์ตัวแตกจึงออกเดินทางสู่จังหวัดมหาสารคาม  โดยมีหมุดหมายอยู่ที่อำเภอนาดูน

“ผมว่าเดี๋ยวเราน่าจะแวะซื้อเสบียงกรังที่ตลาดท่าขอนยางสักหน่อย  เผื่อเราต้องอยู่ที่หมู่บ้านร้างนั่นหลายวัน”  อุ่นหล้าเสนอความคิด  ทุกคนพยักหน้าหงึดหงักเป็นม้าได้หญ้าเห็นดีด้วย  ทั้งที่เพิ่งจะบ่นอิ่มจนตัวจะแตกไปแหม่บ ๆ  แต่ก็พอพูดถึงตลาดก็วางแผนจะซื้อของกินโน่นนี่นั่นกันอีกแล้ว  อุ่นหล้ามองความครื้นเครงของบรรดาลูกทีมผ่านกระจกหลัง  คิดหวังในใจหวังว่าขออย่าให้เกิดเหตุไม่คาดคิดพลิกผันใด ๆ ขอให้ปลอดภัยกลับบ้านกันทุกคน

ตลาดสดทุกวันนี้แทบไม่รู้จักคำว่าวาย  พ่อค้าแม่ขายนั่งรอคนมาจับจ่ายตลอดทั้งวัน  แม้ว่าทีมงานล่าสมบัติจะไปถึงตลาดสายสักหน่อยก็ไม่เป็นปัญหา  สาว ๆ นักช้อป ใช้เวลาเพียง ๑๕ นาที สาวๆ ก็หอบหิ้วของกินพะรุงพะรังกลับมาที่รถ

“เด็กกรุงเต๊ฟคะอยากให้ลองชิมสิ่งนี้” อาจารย์สาวส่งขนมหน้าตาคล้ายพุดดิ้งสีเขียวใบเตยให้คนละกระทงใบตอง

“คืออะไรอ่ะคะ/ฮะอาจารย์” เด็กกรุงเต๊ฟทั้งสี่รับกระทงขนมมาแล้วมองไปที่เจ้าภาพอย่างขอคำตอบเป็นตาเดียวกัน

“นี่เรียกว่า  ยาคูข้าวปาด  เป็นขนมอีสานที่มีแค่ช่วงฤดูฝน  ชาวบ้านเค้าเชื่อว่าลูกหลานกินแล้วจะปัญญาดี”

ซ้วบ!

ทุกคนหันไปมองทางต้นเสียงเป็นตาเดียว

“ได้ยินอาจารย์มับไมบอกว่ากินแล้วจะฉลาดเลยจัดเลย”  เจ้าจังโก้ตัวแสบยิ้มเขินทั้งที่ขนมยังเต็มปาก  สาว ๆ  ในทีมส่ายหน้าระอา

“น่าเกลียดจริงเชียว”  รุ้งลาวัลย์เบ้ปากบ่นคู่กัดเบา ๆ

อุ่นหล้าเหม่อมองขนมในมือจิตใจล่องลอยไปไกลถึงวัดศรีอุบล  ภาพความทรงจำเมื่อครั้งเป็นเด็กชายอุ่นหล้าฉายชัดขึ้น  หลังจากสูญเสียบิดามารดาไปอย่างกระทันหัน ความอัตคัดทำให้ญาติพี่น้องไม่สามารถรับเลี้ยงดูเด็กชายได้  จึงนำมาฝากไว้กับหลวงตาแจ้งที่วัดศรีอุบล  หวังใจว่าความเป็นคนบ้านเดียวกันจะทำให้ภิกษุชราเมตตาเด็กชายบ้าง

นับแต่นั้นอุ่นหล้าจึงดำรงตำแหน่งอารามบอยเต็มตัว  ยามกลางคืนนอนบนกุฏิกับหลวงตา ยามเช้าเดินตามท่านบิณฑบาต  คอยอุปฐากจนกระทั่งถึงเวลาไปโรงเรียน ซึ่งก็เป็นโรงเรียนภายในวัดศรีอุบลนี่เอง  ในตอนที่ใจเศร้าหมองหลวงตายื่นขนมยาคูข้าวปาดมาให้  บอกว่ากินแล้วจะได้ฉลาด  ในตอนที่เขาสอบติดมหาวิทยาลัยแม้จะดีใจแต่ก็กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย  ยังคงเป็นหลวงตายื่นขนมยาคูข้าวปาดมาให้แล้วบอกไม่ต้องกังวลให้ตั้งใจเล่าเรียนให้เต็มที่

แม้หลวงตาจะมรณภาพไปหลายปีแล้ว  แต่ครั้งใดที่ได้กินขนมยาคูข้าวปาดก็คล้ายสัมผัสได้ถึงความปรารถนาดีอันหอมหวานของหลวงตาที่มีให้เขาเสมอ  ดอกเตอร์หนุ่มตักขนมเข้าปากน้ำตาซึม  แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นมับไมส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้หัวใจของเขาก็พลันอบอุ่น

………

“ใช้เทคโนโลยีให้น้อย  ใช้ความเป็นมนุษย์ให้มาก”

เป็นโอวาทที่อาจารย์มอบให้เขาในพิธีจบการศึกษา  เป็นคำสอนที่จะเรียกว่าเหนือกาลเวลาก็เห็นจะไม่ผิด  เพราะเจ้าแอปลิเคชั่นจีพีเอสที่ว่าส่งข้อมูลผ่านดาวเทียมเทคโนโลยีสูงเทียมฟ้า  แต่มันกลับไม่ตอบสนองกับเส้นทางที่ยังเป็นดินลูกรังเอาเสียเลย  พาหลงเข้ารกเข้าพงไปเสียหลายรอบจนมับไมหัวเสีย  โชคยังดีที่ไม่พาไปตกน้ำตกท่าจนเป็นอันตรายเหมือนในข่าวที่เห็นทางโทรทัศน์บ่อย ๆ  ต้องอาศัยถามทางจากชาวบ้านเป็นระยะ ๆ

จนในที่สุดจากภาพถ่ายทางอากาศที่มองเห็นแต่หย่อมความครึ้มเขียว  ตอนนี้ที่เบื้องหน้าเป็นป่าจริงแล้ว  สังเกตจากไม้ยืนต้นพวกเต็ง  รัง  เหียง  และไม้ระดับล่างอย่างเพ็ก  ป่านี่น่าจะเป็นป่าดิบแล้งสลับกับป่าเต็งรัง  อุ่นหล้าสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัวเพื่อเตรียมทางหนีทีไล่  เสียงนกขับขานเจื้อยแจ้วสลับกับเสียงร้องดังโป๋วของเก้งกว้างทำเอาทั้งสาวแท้สาวเทียมจากเมืองกรุงอดตื่นเต้นไม่ได้

ยังโชคดีที่ลักษณะภูมิประเทศแม้จะมีป่าเป็นปราการก่อนเข้าหมู่บ้าน  แต่เพราะเหตุนี้จึงมีเส้นทางเกวียนโบราณที่เรียกว่า “*ทางโสก” เป็นเส้นทางนำเข้าหมู่บ้านทำให้ไม่หลง  ทางโสกลูกรังนี้ทิ้งรอยลึกราว    เมตร  ไว้เหมือนเป็นกำแพงดินขนาบข้าง ผนวกกับต้นไม้สูงแผ่กิ่งก้านประสานกัน  สองข้างทางจึงราวกับเดินรอดอุโมงค์ก็ไม่ปาน

“เดินในป่าแบบนี้ก็เสียวๆ  เสือเหมือนกันเนาะ”  ชิวลี่ลูบต้นแขนทำท่าขนลุก

“ไม่เอาพี่ชิวลี่  เขาว่าเข้าป่าอ่ะอย่าพูดถึงเสือ”  กระแตตีแขนหนุ่มหวานดังเผียะ

“มีเรื่องเล่าว่าเสือที่กินคนมากๆ  วิญญาณอาฆาตเหล่านั้นเข้าไปสิงสู่อยู่ในร่างเสือร้ายทำให้มันกลายเป็นเสือสมิง...”  เจ้าจังโก้ตัวแสบแกล้งเล่าเรื่องหลอน

“กรี๊ด  หยุดพูด ๆ ๆ ๆ”  รุ้งลาวัลย์จอมขี้ขลาดปิดหูแน่น

“เอาล่ะๆ  ทุกคน  เข้ามาในพื้นที่โบราณสงบสำรวมกันไว้ก่อนก็ดี”  อุ่นหล้าหย่าศึก

เมื่อเข้าเขตหมู่บ้านจู่ๆ  ลมบ้าหมูขนาดใหญ่ได้ก่อตัวขึ้นและหมุนมาทางทั้งหมดอย่างรวดเร็ว  ลมประหลาดได้ม้วนเอาทั้งฝุ่น  หญ้า  และเศษฟาง  ลอยขึ้นกลางอากาศ ขนาดที่ใหญ่โตอย่างกับลูกหลานทอร์นาโดทำเอาคนต่างถิ่นทั้ง    ถึงกับเซ  ทั้งหาที่ยึด ทั้งปิดจมูกกันฝุ่นเป็นที่วุ่นวาย  แต่เพียงชั่วครู่ลมหมุนประหลาดกลับสลายตัวไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  ราวกับมาหยอกเย้าแขกแปลกหน้าเล่นเฉย ๆ

มับไมคลายมือที่บีบแขนอุ่นหล้าไว้แน่นโดยไม่รู้ตัวออก  พูดแก้ขวย  “ต้อนรับแบบนี้ก็ดูจะเอิกเกริกเกินไปหน่อยนะ”  ดอกเตอร์หนุ่มยิ้มแป้น  ซ่อนความดีใจไว้ไม่มิด

เรือนในหมู่บ้านร้างล้วนแต่เป็นเรือนไม้ยกพื้นสูง  วัสดุแตกต่างกันไปตามฐานะเจ้าของเรือน  ทั้งเฮือนเกย  เฮือนแฝด  เฮือนโข่ง  เฮือนตูบต่อเล้า  ไปจนถึงเฮือนฝาขัดแตะ  แม้จะผ่านกาลเวลามากว่า ๑๐๐ ปี  มีบ้างที่ผุพังแต่ยังคงความงามแบบซื่อใสตามประสางานพื้นถิ่น  ทั้งหมดต่างถ่ายภาพเก็บข้อมูลจนกล้องถ่ายรูปแทบร้องขอชีวิต เป็นมับไมที่ได้สติก่อนใครเพื่อน

“ทุกคนคะเดี๋ยวเมมจะเต็มเสียก่อน  ยังมีงานสำคัญรอเราอยู่ข้างหน้านะ”

ทั้งหมดจึงออกเดินกันต่อโดยคลำทางจากภาพแผนที่ทางอากาศเพื่อหาทางไปวัดประจำหมู่บ้าน  หมู่บ้านแห่งนี้จะว่าไปก็ถือว่าเป็นดินแดนลับแลแห่งยุคดิจิตัลก็ว่าได้ เพราะแม้กระทั่งระบบจีพีเอสในแอปลิเคชั่นยอดนิยมอย่างกูเกิลแมปยังมึนงงราวกับถูกโค้งครอบแก้วมากางกั้นเอาไว้

*XRF (x-ray fluorescein) ใช้ตรวจสอบองค์ประกอบธาตุในแต่ละชั้นของโบราณสถาน สามารถใช้จำแนกได้ทั้งสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์

*ทางโสก หรือ ทางเหลิก เป็นทางเกวียนโบราณที่ชาวบ้านเรียกว่า ทางลึกเนื่องจากว่า ใช้สัญจรมานานจนถนนกลายเป็นร่องลึกลงไปราวสองเมตร มีต้นไม้คลุมทั้งสองฝั่ง เป็นเหมือนอุโมงค์

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ปริศนาในฮูปแต้ม   บทที่ 6

    หมู่บ้านในภาคอีสานนั้นไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก บ้านเรือนจะมากน้อย ถนนจะซับซ้อนวกวนอย่างไร แต่วัดประจำหมู่บ้านล้วนอยู่ศูนย์กลาง ดังนั้นอุ่นหล้าจึงเดินนำทุกคนลัดเลาะไปตามทางเล็ก ๆ เห็นทุกคนตั้งหน้าตั้งตากันเดินตามเขาท่าทางมุ่งมั่นอย่างกับลูกเป็ดเดินตามแม่อุ่นหล้าไม่ต้องการให้การเดินทางครั้งนี้ตึงเกินไปนัก จึงทำลายความเงียบขึ้นด้วยเรื่องที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้“ตอนที่ผมเป็นนักศึกษาได้ตามอาจารย์ศักดิ์ชัยไปดูภาพจิตรกรรมภายในห้องกรุวัดราชบูรณะ อาจารย์ได้เล่าเรื่องแปลกให้ฟังว่า เมื่อตอนปี ๒๕๐๐ เกิดเหตุการณ์กรุวัดราชบูรณะแตก อาจารย์ศักดิ์ชัยที่ขณะนั้นท่านเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายได้ติดตามอาจารย์ที่ปรึกษาไปสำรวจ ก็พากันล่องเรือกันไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา มีศาสตราจารย์ฝรั่งตามไปอีก ๒ คน ปรากฏว่าบนเรือต่างก็ได้กลิ่นหอมประหลาดกัน เป็นกลิ่นหอมเย็นแบบที่ไม่มีขายในท้องตลาด แต่พวกศาสตราจารย์ฝรั่งนั้นกลับไม่ได้กลิ่น“กลิ่นหอมนั้นอวลอยู่ตลอดเวลาที่อยู่บนเรือจนกระทั่งเข้าไปในกรุ อาจารย์ศักดิ์ชัยและอาจารย์ที่ปรึกษาสำรวจความเสียหายของกรุลงไปถึงชั้นที่สาม ก็ไปเจอบุษบกที่ประดิษฐานพระบรมส

  • ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ปริศนาในฮูปแต้ม   บทที่ 5

    ดังที่ว่ามีเงินใช่ว่าจะไปเก็บข้อมูลที่ไหนก็ได้ตามใจ หลังทำเรื่องขอลาวิจัยแล้ว ยังต้องมีการคัดเลือกคนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานคุณภาพด้วย อุ่นหล้าและมับไมกลัวคำว่า “มากคนมากความ” เป็นที่สุด จึงพยายามคัดเลือกลูกทีมที่มีประสิทธิภาพที่แม้จะไปกันน้อยคนแต่ก็คล่องตัวเมื่อข่าวการประกาศรับสมัครลูกทีมเพื่อการวิจัยภาคสนามของอาจารย์มับไมและอาจารย์อุ่นหล้าถูกติดขึ้นบอร์ด นักศึกษาทุกระดับชั้นรวมถึงบุคคลากรในคณะต่างให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเพราะทั้งคู่เป็นอาจารย์ที่มีภูมิ รู้ลึกรู้จริงถ่ายทอดให้ผู้เรียนโดยไม่หวงวิชา หรือไม่ว่าจะเพราะอยากรู้อยากเห็นเรื่องส่วนตัวของทั้งคู่ก็ตาม ในวันสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกลูกทีม จึงมีคนไปมุงออกันที่หน้าห้องพักอาจารย์แน่นราวกับมีมหกรรมแจกของฟรี เมื่อคัดคนที่มีใจแค่อยากผจญภัยตามอย่างภาพยนตร์ฮอลลีวูดออกไป ในที่สุดก็ได้ผู้ร่วมงานจำนวนหนึ่ง โดยมี “ชีวิน” หนุ่มตุ้งติ้งที่ชอบให้ทุกคนเรียกเขาว่า “ชิวลี่ (Chiewly)” เป็นนักศึกษาปริญญาเอก เขาหลงใหลในวัฒนธรรมท้องถิ่น แต่ยังไม่แน่ใจว่าตนจะเจาะลึกศึกษาวิจัยเรื่องอะไรเป็นพิเศษ จึงขอตามอาจารย์ทั้งสองมาด้วยเพื่อค้นหาตัวเองนักศึ

  • ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ปริศนาในฮูปแต้ม   บทที่ 4

    การลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลไม่ใช่ว่าจะมีความรู้ มีทุนทรัพย์แล้วจะไปได้ตามใจ เมื่อเข้าทำงานในระบบมหาวิทยาลัย มีต้นสังกัดก็จำเป็นที่จะต้องยื่นหนังสือชี้แจงแก่หน่วยงาน ทั้งคู่ตกลงกันว่าทำหนังสือขอลาวิจัยฮูปแต้มและอักษรโบราณในสิมภาคอีสาน ซึ่งดำเนินการได้คล่องตัวกว่าการเสนอขอทุนวิจัย เพราะกว่างบจะมาถึงคงนานไม่ทันกาล และอาจจะไม่ได้ตามจำนวนที่ขอทำให้ต้องเสียอารมณ์“หืม ไปพร้อมกันทั้งคู่เหรอ” คณบดีเลิกคิ้ว สงสัยว่าตนตกข่าวอะไรไปมากกว่าจะอยากรู้ว่าทั้งสองจะไปตามหาอะไรที่ยังดูไม่ชัดเจน“อ้าว ก็ฮูปแต้มกับจารึกมันต้องไปด้วยกันไง พี่เอนกก็รู้นี่” หญิงสาวตอบผู้ที่เป็นทั้งรุ่นพี่และผู้บังคับบัญชาหน้าแดง“พี่ มันเกี่ยวกับเรื่องบัตรถา*...”“ชู่...เดี๋ยวพวกเราไปคุยกันต่อข้างนอกดีกว่า”อุ่นหล้ายังพูดไม่จบ เอนกก็ใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปาก ปรามให้เบาเสียงก่อนจะบุ้ยปากไปที่หน้าต่างห้องทำงาน เงาร่างสายหนึ่งวูบไหวอยู่หลังม่านก่อนจะหายไปอย่างเงียบ ๆ*ลายแทงขุมทรัพย์………สถานที่ที่อันตราย นับว่าเป็นที่ที่ปลอดภัยอย่างคาดไม่ถึง แต่สองนักวิจัยไม่นึกว่ารุ่นพี่ของตนจะพามายังสถานที่นี้ ท่ามกลางนักศึกษาและบ

  • ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ปริศนาในฮูปแต้ม   บทที่ 3

    ดอกเตอร์สาวนอนเท้าแขนอยู่บนเตียง ในมือถือใบลานแผ่นที่ ๓ ขึ้นมาพลิกหน้าพลิกหลัง หวังว่าจะพบคำใบ้ใดซ่อนอยู่ในใบไม้แห้งบาง ๆ นั้นอีกครั้ง“เฮ้อ ไม่ง่ายเหมือนในหนังอินเดียน่า โจนส์ สินะ” มับไมถอนหายใจตัวอักษรที่จารนั้นลายเส้นคมงดงาม สีดำจากเขม่าก้นหม้อติดสีเข้มยังไม่ลบเลือน ทำให้อ่านง่าย แสดงว่าผู้จารมีการเตรียมการมาอย่างดี ไม่ได้เขียนขณะที่อยู่ในสภาวะเร่งร้อน กระจุกสีและเส้นสายที่ป้ายไปมาทำให้หญิงสาวคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าผู้วาดต้องการสื่ออะไรบางอย่าง แต่ก็จนด้วยเกล้าจริง ๆ คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างนึกโมโหตัวเองว่าสมัยนั้นทำไมไม่ตั้งใจเรียนวิชาจิตรกรรมและฮูปแต้มนะ ในเวลานี้ผู้เชี่ยวชาญการไขรหัสภาพโบราณคงไม่มีใครมีความสามารถเทียบเท่า “ดอกเตอร์อุ่นหล้า” อีกแล้ว เมื่อนึกถึงเจ้าของชื่อนี้ภาพเงาร่างสูงโปร่ง ดวงตาเรียวดุราวเหยี่ยว ชอบนุ่งโสร่งอย่างชายอีสานชนบทเดินไปเดินมาบนตึกเรียนอย่างภาคภูมิในชาติพันธุ์ของตนก็ปรากฏขึ้นในห้วงคำนึงนึกถึงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับการที่ต้องไปขอให้ดอกเตอร์หนุ่มช่วยมันช่างเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก เพราะนั่นเท่ากับว่าตนเองต้องเป็นฝ่ายแพ้ ยอมละว

  • ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ปริศนาในฮูปแต้ม   บทที่ 2

    การเดินทางในปัจจุบันสะดวกสบายกว่าสมัยที่มับไมยังเป็นนักศึกษาอยู่มาก สายการบินต้นทุนต่ำสยายปีกไปทุกจังหวัดที่มีสนามบิน จึงไม่ต้องทนนั่งหลังขดหลังแข็งเป็นชั่วโมง ๆ บนรถทัวร์ หรือลุ้นระทึกกับห้องน้ำบนรถไฟอีกต่อไป เพียง ๔๕ นาทีก็ได้กลับมากราบแทบตักพ่อแม่ที่ขอนแก่นบ้านเกิดแล้ว “ไหว้พระเทอะอีหล้า” พ่อแม่จับมวยผมยุ่งๆของลูกสาวโยกเบาๆด้วยความเอ็นดู“แต่ละมื้อเฮ็ดเวียกเฮ็ดการทางเมืองหลวงจนเยาไปหมดทั้งตัวคึดฮอดพ่อแม่จนสิไห้แงๆ” หล่อนโอบเอวแม่ออดอ้อน“ใหญ่แล้วอดเอา” พ่อดีดหน้าผากคนเป็นลูกจนดังปั้วะด้วยความหมั่นไส้แล้วพูดต่อ “ตอนไปเรียนเมืองนอกก็ยังอยู่ได้ตอนนี้อยู่บ้านเกิดเมืองนอนเจ้าของแล้วจะกลับมาหาพ่อแม่เมื่อใดก็ได้ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ”“เอ้ามาๆมื้อนี้แม่ป่นเห็ดปลวกตาบกับปิ้งปลายอนของมักลูกนำเด” “ว้าวฮักแม่ที่สุด”หลังล้อมวงพาข้าว อาบน้ำอาบท่าสบายตัวดีแล้ว หญิงสาวจึงทิ้งดิ่งตัวเองลงบนเตียง ไม่เหลือเค้าผู้ทรงภูมิในแวดวงวิชาการ ไม่ต้องเร่งรีบฝ่าฟันการจราจร ไม่ต้องเตรียมการสอน ช่วงเวลาที่ไร้ความกังวล เจ้าของเตียงหลับตาพริ้มตั้งใจว่าจะแค่นอนเล่นพักสายตา หอมกลิ่นดอกสเลเตลอยมาจากที

  • ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ปริศนาในฮูปแต้ม   บทที่ 1

    ค่ำคืนที่ดวงจันทร์ทอแสงนวลใย ภายในห้องน้อยบนเรือนไม้ใต้ถุนสูง “ย่าเกด” กอดประคองหลานสาวตัวน้อย “มับไม” ไว้ในอ้อมแขน พลางเล่านิทานโบราณด้วยน้ำเสียงกังวาล“อินทร์ก็ใส่ชื่อน้อย ในเลขลานคำชื่อว่า สังสินไซ โลกลือฤทธีกล้า...”เด็กน้อยทำตาโตพลางกำชายเสื้อของย่าแน่นด้วยความตื่นเต้น“พญาซ้างฉัททันต์สิพาหลานเดินดงไปพ้อขุม...”หญิงชรายังเล่าไม่ขาดคำก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงผลักประตูบานเฟี้ยมอย่างแรง แผ่นไม้จนกระแทกกับผนังห้องดังปัง! ชายวัยกลางคนก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทีไม่พอใจ ขณะที่ “นางจันสี” รีบเข้ามาอุ้มลูกสาวของตนออกมา“แม่เอาอีกแล้วเซาๆอย่าเล่าเรื่องแบบนี้ให้หลานฟังอีกเด้อมันบ่มีดอกสิ่งที่แม่ว่าน่ะ” น้ำเสียงของนายเคนทั้งหงุดหงิดทั้งอ่อนใจกับผู้เป็นแม่“มันสิบ่มีได้จังได๋มันเป็นภารกิจของตระกูลที่ต้องรักษาไว้ให้เจ้าของเพิ่นเดลูก”“ผู้ได๋ล่ะแม่แล้วสิ่งนั้นมันคืออีหยังก็บ่มีไผเคยฮู้บ่มีไผเคยเห็นจักคน”“เจ้าปางคำ เจ้าปางคำแห่งจำปาสักนั่นเดลูก เทียดโตน่ะเป็นคนสนิทของเพิ่น ทวดโตก็เป็นทั้งเสี่ยวฮักและทหารอารักขาราชบุตรลูกเพิ่น ตอนที่เมืองลาวสิแตกปู่โตที่เป็นทหารจึ่งได้รับคำสั่งเสียให้รั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status