“หืม... ต้นอะไรเนี่ยลูกแดงเต็มไปหมดเลย” พลันในหัวก็เกิดเป็นคำตอบ ไม้ยืนต้นไม่เตี้ยไม่สูง กิ่งก้านพอที่จะปีนป่ายเก็บผลได้ ผลไม้ตรงหน้าคือต้นหยางเหมย ออกลูกแดงดกเต็มต้นอีกทั้งยังสามารถกินได้
ร่างบางวางกระบุงไว้ข้างต้นหยางเหมย ก่อนที่เจ้าตัวจะปีนต้นหยางเหมยเพื่อเก็บผลของมัน กระนั้นด้วยความอยากรู้ถึงรสชาติจะเป็นอย่างไร จึงได้เด็ดมาลองชิมหนึ่งลูก เป่าฝุ่นออกนิดหน่อยก่อนจะชิมไปหนึ่งคำ
“ซี้ดดด เปรี้ยว เช่นนี้ต้องเก็บมากหน่อย เอาไปคลุกพริกเกลือต้องอร่อยแน่” กัดคำแรกถึงกับทำตาหยี เปรี้ยวนำหวานตาม เนื้อฉ่ำสีแดง จิ้มพริกเกลือคงอร่อยน่าดู
ไป๋เหลียนปีนป่ายต้นหยางเหมยอย่างชำนาญ เพราะลูกหยางเหมยค่อนข้างนิ่มจึงเก็บใส่มิติวิเศษแทนที่จะโยนลงพื้นดิน ทว่าในขณะที่ปีนเก็บผลไม้อยู่นั้น เมื่อมองจากที่สูงจึงได้เห็นลำธารอยู่ไม่ไกลนัก ประกอบกับเก็บผลไม้ได้มากพอแล้ว นางจึงลงจากต้นหยางเหมยพร้อมกับเก็บสัมภาระแล้วตรงไปยังลำธารทันที
“โห! มีหอยเต็มเลย”
หญิงสาวถึงกับตาโตเมื่อในลำธารตรงหน้ามีหอยหลายชนิดเต็มไปหมด นางไม่รู้หรอกว่ามันมีชื่ออะไรบ้าง รู้เพียงว่าหอยพวกนี้กินได้ก็พอแล้ว
ไป๋เหลียนจัดการวางของที่นำติดตัวมาด้วย พร้อมกับถอดรองเท้าพับแขนเสื้อและเหน็บชายกระโปรงให้สั้นถึงเข่า จากนั้นจึงลงมือเก็บหอยด้วยความตื่นเต้น หากโลกที่จากมาหากินง่ายเช่นนี้ก็คงดี ถึงไม่มีเงินแต่รับรองว่าไม่มีวันอดตาย
เมื่อรู้ว่าของตรงน่ากินได้นางก็จัดการเก็บทุกอย่างที่ขวางหน้าทันที มิติวิเศษสามารถจุของได้ตามที่ต้องการ ทั้งยังไม่เสียไม่เน่าสดใหม่ราวกับเพิ่งเก็บมา และสิ่งที่ทำให้ตกใจนั่นคือใส่ไปหนึ่งจะได้เพิ่มถึงสอง
เหตุเพราะลูกหยางเหมยที่เก็บมาด้วยความโลภ กลัวจะกินหมดเร็วทั้งไม่อยากมาเก็บบ่อย ๆ เพราะระยะทางเข้าป่ามิใช่ใกล้ นางจึงเด็ดมามากโข จากที่ปีนขึ้นไปเด็ดมาสามสิบกว่าลูกบัดนี้มันกองเพิ่มเป็นเท่าตัวก็ว่าได้ ดังนั้นหอยพวกนี้เก็บไปแค่พอกินก็พอ อย่างไรเสียจำนวนก็จะเพิ่มขึ้นอีก
“อุ๊ย! ตรงนั้นมีกุ้ง”
นอกจากหอยตัวใหญ่น่าทาน ก็ยังมีกุ้งที่เพียงแหวกใบหญ้าออกพวกมันก็แตกกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง ใบหญ้าที่ยื่นออกมาลอยละล่องอยู่เหนือน้ำ ปกคลุมไปตลอดแนวลำธาร นั่นเป็นที่หลบซ่อนตัวชั้นดีของกุ้งก้ามแดง ร่างบางค่อย ๆ ใช้สวิงช้อนแล้วยกขึ้นด้วยความเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้กุ้งกระโดดหนีไปได้ ไม่นานนางก็ได้กุ้งเต็มถัง เมื่อจับกุ้งจนพอใจนางจึงนำไปเก็บไว้ในมิติวิเศษอย่างเช่นเคย
“มีมิติวิเศษนี่ดีจริง ๆ” เพราะอยากได้อะไรก็หาได้ทันทีไม่เว้นแม้แต่อุปกรณ์สำหรับทำมาหากิน ส่วนปลานั้นก็พอมีอยู่บ้างแต่ค่อนข้างจับยาก จึงไม่คิดจะจับให้เหนื่อย อย่างไรเสียในมิติวิเศษก็มีแบบที่ไม่ต้องชำแหละเอง จึงเอาแต่กุ้งกับหอยไปเท่านั้น
หลังจากขึ้นจากน้ำหญิงสาวจึงนั่งพักกินอาหารก่อนกลับ การเดินป่าวันนี้มันช่างสนุกมากจริง ๆ ทำให้นางเพลิดเพลินเสียจนหลงลืมความกังวลใจไปได้ ทว่าความสนุกผ่อนคลายที่ได้จากการเดินป่า มันกลับมลายหายไปสิ้น เมื่อเดินทางออกจากป่าไม่ทันไร ก็ต้องพบเจอกับเรื่องไม่น่าอภิรมย์
นั่นเพราะมีสี่ยอดมนุษย์ป้าจับกลุ่มนินทาอย่างซึ่ง ๆ หน้าอยู่ไม่ไกล
“ท่าน ท่านแม่ทัพเป็นอะไรหรือไม่” หญิงสาวจับร่างแม่ทัพหนุ่มเขย่าเพื่อให้รู้สึกตัว ทว่าเขากลับนอนนิ่งไม่ไหวติง นางจึงดันกายหนาออกให้พ้นกาย ก่อนที่ร่างคนไม่ได้สติจะร่วงลงไปนอนอีกทางหญิงสาวถึงกับถอนหายใจ เมื่อชุดที่เขาใส่มานั้นมีรอยเลือดซึมออกมา หากให้เดาก็คงจะแค้นกันมากถึงกับไม่รอให้ร่างกายหายดี ดั้นด้นตามสืบเสาะหานางเจอจนได้สินาคราแรกก็ตั้งใจจะไม่เหลียวแลหันหลังหนี ทว่าเห็นสภาพเขาแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ทั้งยังเป็นคนที่นางตั้งใจจะมาหาเขาถึงที่นี่ ติ่งอย่างนางจะปล่อยไว้เช่นนั้นได้อย่างไร“เอาวะ ช่วยก็ช่วย”เมื่อสมองพ่ายแพ้ให้กับความต้องการก็จำต้องหันหลังกลับ จัดแจงให้คนเจ็บได้นอนในท่วงท่าที่สบาย จึงพบว่าอีกฝ่ายกำลังมีไข้อ่อน ๆ รวมไปถึงบาดแผลบางส่วนได้ปริแตกมีเลือดซึมออกมาไม่น้อยร่างบางออกไปตักน้ำใส่กะละมังเล็ก จากนั้นได้กลับมาพร้อมกับกะละมังและผ้าเช็ดตัวผืนน้อย แล้วจัดถอดชุดของหลี่มู่กวาออกเพื่อจะได้เช็ดตัวและทำแผลเสียใหม่ แผลของเขายังไม่หายดีนักนั่นจึงเป็นสาเหตุให้เขายังคงมีไข้เพราะพิษบาดแผล การทำแผลและทายานั้นไม่ใช่ปัญหาในตอนนี้ ทว่าปัญหาใหญ่ก็คือจะทำอย่างไรถึงจะป้อนยาให้คนที่ไม่มีสติได
ไป๋เหลียนถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อวิ่งมาถึงสะพานข้ามลำธาร เหลือแค่ข้ามสะพานนี้ไปก็เท่ากับนางเข้าเขตหมู่บ้าน ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายจากความกลัวได้ไม่น้อย ระหว่างเดินกลับบ้านก็เอาแต่คำนวณเงินค่าสมุนไพร จะดีแค่ไหนถ้าหาเงินได้หลายสิบตำลึงภายในหนึ่งวันหญ้าสมุนไพรเก็บได้มาประมาณหนึ่งกระสอบเห็นจะได้ น้ำหนักก็คงจะประมาณสิบชั่ง ชั่งละห้าร้อยอีแปะก็เท่ากับนางจะได้ห้าตำลึงเงินเชียวนะ เช่นนั้นหากนางเก็บมาขายอีกเรื่อย ๆ ก็มีเงินเก็บพอย้ายที่อยู่ได้โดยที่ไม่ต้องรอให้ถึงสามเดือนเมื่อพูดถึงเรื่องเงินที่จะได้ก็ทำเอาหญิงสาวอารมณ์ดียิ้มไม่หุบ ไป๋เหลียนกระโดดโลดเต้นพร้อมกับร้องเพลงเพิ่มจังหวะไปด้วย ไม่สนใจสายตาชาวบ้านที่ผ่านไปมาดูแคลนมองราวกับนางเป็นตัวประหลาด ต่อไปก็ไม่ต้องรอความตายแล้ว อย่าว่าแต่มีเงินหนีเลยในอนาคตนางก็จะร่ำรวยอยู่อย่างสุขสบายไปทั้งชาติบางช่วงบางตอนไป๋เหลียนหยุดออกวาดลวดลายเต้นไปกับบทเพลง ทั้งโยกทั้งเลื้อยอย่างไม่รู้จักเหนียมอาย กลับมาถึงบ้านได้ก็รีบวางกระบุงเก็บเข้าที่ก่อนจะฮัมเพลงเดินเข้าห้องนอน นางเหนียวตัวจะแย่อยากจะรีบหยิบผ้าเช็ดตัว ได้อาบน้ำแล้วนอนหลับสักงีบก็คงจะดี“เลิกกั๊
หญิงสาวมองรอบป่าไผ่ไปสุดลูกหูลูกตา หน่อไม้ที่นี่มิได้เกิดขึ้นใกล้กอของมันเลย ทว่ามันกลับผุดขึ้นบนพื้นดินแพร่กระจายไปทั่วทั้งบริเวณยามเห็นของกินก็ดันอดใจไม่ได้เป็นต้องปรี่เข้าไปเก็บ ถึงตอนนี้คิดไม่ออกจะเอาไปทำอะไรมากมาย ทว่านิสัยเสียดายของแก้ไม่หายสักที เก็บไว้ก่อนอย่างไรอยู่ในมิติวิเศษก็ไม่มีเน่าเสียมันต้องได้ใช้ประโยชน์ได้สักวัน“เงินทั้งนั้นเก็บไปก่อนดีกว่า”ทว่ายิ่งเก็บก็ยิ่งสนุกหน่อไม้ทั้งอ่อนและกรอบ ครู่เดียวก็ได้หน่อไม้กองโต หญิงสาวจัดการเก็บหน่อไม้ทั้งหมดเข้ามิติวิเศษ ก่อนจะออกเดินทางไปที่ลำธารหาสมุนไพรต่อเมื่อมาถึงจุดหมายไป๋เหลียนจึงได้มองหาหญ้าสมุนไพร กวาดตามองเพียงครู่ก็พบเข้ากับกลุ่มหญ้าเป้าหมาย ร่างบางนั่งลงพร้อมกับบรรจงถอนสมุนไพรที่เกิดปะปนกับหญ้าพิษและหญ้าชนิดอื่น ๆ โชคดีนักที่นางมีความสามารถพิเศษสามารถแยกแยะได้ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่แคล้วจะถอนผิดต้นเช่นกัน ด้วยหน้าตาสมุนไพรมิได้ต่างจากหญ้าทั่วไปมากนัก“เอ๊ะ ต้นอะไรน่ะ อย่างไรก็เป็นสมุนไพร เก็บไปก่อนประเดี๋ยวค่อยไปถามเถ้าแก่ป่าย” ตนหรือก็นึกว่าเป็นต้นผักชีล้อม คราแรกนึกว่าเป็นผักธรรมดาเสียอีกพอเห็นใกล้ ๆ กลับเป็นสมุนไพรเสี
หลังจากวันก่อนทำเงินจากการขายเครื่องสำอางได้ไม่น้อย คราวนี้ก็ได้เวลาต้องไปเก็บสมุนไพรส่งเถ้าแก่ป่าย ไป๋เหลียนเตรียมตัวเข้าป่าแต่เช้าตรู่ เวลาเหลือน้อยเข้าทุกทีนางจำต้องรีบหาเงินให้ได้มากที่สุด ร่างบางสะพายกระบุงขึ้นหลัง ปิดประตูรั้วบ้านให้แน่นหนา แล้วออกจากบ้านเดินทางเข้าป่าอย่างอารมณ์ดีไม่ให้อารมณ์ดีได้อย่างไร ในเมื่อนางสามารถทำให้คู่รักบ้านแตกได้สำเร็จ ข่าวเรื่องซูหนี่อึราดเหม็นหึ่งแพร่ไปทั่วหมู่บ้าน ผลจากการถูกล้อเลียนไม่หยุดหย่อน ทำให้วันต่อมาติงเฉิงประกาศขอยกเลิกการหมั้นทันที ด้วยรู้สึกอับอายเกินกว่าจะทนคบหาต่อไปได้อีก สองครอบครัวจึงแตกหักกันอย่างไม่สามารถต่อได้ติด ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีเสียนี่กระไรทว่าอารมณ์ดีได้ไม่นานก็ต้องพบกับเรื่องน่ารำคาญใจ เมื่อนางเหลียงซูตั้งใจเข้ามาหาเรื่อง พาลใส่ทั้งที่ไป๋เหลียนยังไม่ทันจะได้ทำอะไรด้วยซ้ำ“ก็เหมาะสมกันดีนี่ มิน่าเล่าถึงได้ตัดกันไม่ขาดเสียที ที่แท้ก็เป็นคนประเภทเดียวกัน ดีนะลูกข้าเป็นคนดีสวรรค์ถึงได้คุ้มครองช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป ส่วนสิ่งอัปมงคลก็สมควรแล้วที่จะอยู่ด้วยกัน เอ๊ะ! อะไรของเจ้าแม่พูดความจริง” นางเหลียงซูหิ้วตะกร้า
“แม่ค้าเจ้าชื่ออะไรหรือ ข้านามอวิ๋นซี แล้วเครื่องประทินผิวพวกนั้นเจ้าขายชิ้นละเท่าไร ไอ้ชอบข้าก็ชอบแต่เงินข้าไม่มีเยอะน่ะสิ” สตรีชุดแดงลดความหยิ่งยโสไปกว่าครึ่งพร้อมกับแนะนำตัวก่อนใคร ความจริงแล้วนางอยากได้ไว้ทั้งหมด ทว่าตำลึงเงินที่มีก็มิได้มากนัก เสียดายคงไม่สามารถซื้อได้ตามต้องการ“ข้านามจูถิง” สตรีชุดเขียวแนะนำตัวเป็นคนต่อไป นางติดใจแป้งผัดหน้ายิ่งนัก เนื้อละเอียดถูกใจเมื่อทาบนใบหน้ากลับดูกลืนไปกับผิว ไม่วอกไม่ลอกเหมือนอันเดิมที่เคยใช้“ส่วนข้านามลู่ฮวา” สตรีชุดส้มแนะนำตัวเป็นคนสุดท้าย ส่วนนางนั้นชอบดินสอเขียนคิ้ว ทั้งยังเพิ่งจะรู้ว่าของสิ่งนี้มิได้มีเพียงแค่สีดำเพียงอย่างเดียว ยังมีสีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม หากเลือกใช้สีที่เข้ากับตัวเพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้ใบหน้าเปลี่ยนได้อย่างน่าเหลือเชื่อ“ข้าชื่อไป๋เหลียนเจ้าค่ะ ข้าขายให้พวกท่านไม่แพง ถือเสียว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราซื้อขายกัน ของทุกอย่างข้าขายให้พี่สาวชิ้นละร้อยอีแปะ นี่ข้าก็ขายขาดทุนมากแล้วนะเจ้าคะ ความจริงแล้วราคาเครื่องประทินผิวพวกนี้ข้าต้องขายชิ้นละหนึ่งตำลึง พี่สาวทั้งสามเป็นลูกค้าคนแรกข้าขายให้ถูกกว่าราคาทุน แต่ครั้งหน้าไ
“เจ้าเนี่ยนะ จะมาสอนพวกข้าแต่งหน้า” สตรีชุดเขียวมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนจะเดินสำรวจสตรีตรงหน้าอย่างตั้งใจ หน้าตาหรือก็จืดชืดแทบจะไม่แต่งแต้มอันใดบนใบหน้าเช่นนี้ จะสอนแต่งหน้าเป็นหรือ“ข้าว่ามีอะไรมาขายก็รีบ ๆ เอาออกมาเถอะ ประเดี๋ยวต้องไปทำงานแล้วไม่มีเวลามาฟังเจ้าพูดได้ทั้งวันหรอกนะ” สตรีชุดส้มกล่าวเตือนไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ นางไม่ได้ลูกค้าสามวันติดแล้ว หากวันนี้พลาดอีกเบี้ยเดือนนี้ไม่พอใช้เป็นแน่คนทั้งสามต่างก็เห็นพ้องต้องกัน พวกนางจะมาเสียเวลาไปด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ยังแต่งหน้าแต่งตัวไม่เสร็จเสียด้วยซ้ำ ออกไปรับแขกไม่ทันกันพอดีหญิงสาวเห็นดังนั้นจึงล้วงเอาเครื่องสำอางในกระเป๋าออกมาวางเรียงรายบนโต๊ะ ของที่นำมาขายวันนี้ก็มีหลายอย่างเช่น ดินสอเขียนคิ้ว รองพื้น แป้งพับ แป้งฝุ่น ลิปสติก มาสคาร่า อายแชโดว์ แต่ละอย่างมิใช่แค่แบบเดียว ไป๋เหลียนนำออกมานำเสนอแทบจะทุกเฉดสีที่คิดว่าเข้ากับสตรีทั้งสาม“วันนี้เห็นว่าพวกพี่สาวรีบ เพื่อเป็นการประหยัดเวลาข้าจะแต่งหน้าให้พวกท่านทุกคนและสอนไปด้วยเจ้าค่ะ ผู้ใดจะลองก่อนเจ้าคะ”“เช่นนั้นข้าขอก่อนแล้วกัน อย่างไรเสียข้าทำผ