공유

55: หน้าด่านฉู่เจียง [2]

작가: Tuk Kung
last update 최신 업데이트: 2025-08-28 14:47:58

ในสายตาของแม่ทัพหนุ่มตอนนี้ ไม่มีสตรีใดเข้ามาแทนที่ไป๋เหลียนในใจเขาได้อีกแล้ว และยิ่งได้รู้ว่าคนที่มีสัมพันธ์กับตนในคืนนั้นก็คือนาง เพียงเท่านี้เขาก็พอใจแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างต่อกันทั้งนั้น

การกระทำของไป๋เหลียนคนก่อนเขาจะให้อภัย แม้ความผิดนางมากนักทว่าความดีที่ทำให้เขาได้พบรักแท้ ถือว่าทุกอย่างลบล้างกันได้

ก๊อก ๆ

 ระหว่างที่คนทั้งคู่กำลังหวานชื่นกันนั้น กลับมีคนเคาะประตูขัดจังหวะเข้าพอดี สองร่างดีดตัวออกห่างกันอย่างรวดเร็ว ได้แต่นึกเสียดายที่มีคนมาขัดช่วงเวลาสำคัญ

“ฮูหยิน ท่านแม่ทัพ ข้านำของว่างมาให้เจ้าค่ะ”

“เข้ามาได้” เสียงคนด้านนอกช่างคุ้นหูนัก ทว่าเมื่อประตูถูกเปิดออกไป๋เหลียนจึงกระจ่างแล้วว่าน้ำเสียงอันคุ้นหูคือผู้ใด

หลิวซือซือพร้อมหญิงรับใช้อีกสองคนยกของเข้ามาในห้อง นางเผยยิ้มกว้างเมื่อเห็นผู้มีพระคุณ การได้มาอยู่ที่นี่คือวาสนาของนางแล้ว ทั้งสะดวกสบายและมีคนให้เกียรติ ราวกับเป็นโลกใบใหม่ที่เพิ่งได้เคยสัมผัส

“ซือซือเป็นเช่นไรบ้าง เจ้าอยู่ที่นี่สบายดีหรือไม่”

“สบายดีเจ้าค่ะฮูหยิน ข้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเหมือนได้รับชีวิตใหม่เลยเจ้าค่ะ ข้าอยากตอบแทนบุญคุณท่านทั้งสอง ได้โปรดให้ข้าน้อยได้ทำงานรับใช้ด้วยเถอะเจ้าค่ะ” หลิวซือซือคุกเข่าตรงหน้าคนทั้งสอง ก่อนจะก้มลงโขกหัวกับพื้น ขอบคุณน้ำใจที่ช่วยนางอย่างสุดซึ้ง

“พวกเราช่วยก็เพราะเห็นแก่ความเป็นมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น เจ้าก็มีชีวิตของเจ้าจะมารับใช้พวกเราได้อย่างไร อีกอย่างบ่าวรับใช้ข้ามีเยอะแล้ว” หลี่มู่กวาพูดตัดบทเสียดื้อ ๆ เห็นชัดว่าสตรีผู้นี้ตั้งใจจะเกาะติดภรรยาเขาอย่างแน่นอน

“ฮูหยินได้โปรดอนุญาตให้ข้าได้รับใช้เถอะนะเจ้าคะ ข้าตัวคนเดียวไม่มีที่ไป ข้าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นขอเพียงได้ติดตามท่านข้าก็พอใจแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อสิ่งที่หวังไม่สำเร็จอย่างที่คิด หลิวซือซือจึงหันไปอ้อนวอนขอฮูหยินแทน อย่างไรเสียฮูหยินก็เป็นสตรีใจดี นางจะต้องใจอ่อนให้ตนอยู่ต่อเป็นแน่

 “ท่านพี่ซือซือนางก็น่าสงสาร หากส่งออกไปตอนนี้ก็เกรงว่าจะหนีภัยสงครามไม่พ้น เช่นนั้นให้นางทำงานอยู่ที่นี่สักพัก เสร็จเรื่องแล้วค่อยตัดสินใจอีกครั้งได้หรือไม่เจ้าคะ” ความจริงแล้วนางมิได้ใจดีเช่นนั้น ให้เงินไปตั้งตัวก็จบเรื่อง ทว่าหลิวซือซือผู้นี้เป็นตัวแปรสำคัญ หากปล่อยไว้ไกลตัวไม่รู้จะไปก่อเรื่องอะไรขึ้นบ้าง แต่ถ้าเก็บนางไว้จับตาดูทุกฝีก้าว เรื่องวางยาซิงเยี่ยนแล้วปีนขึ้นเตียงคงไม่เกิดขึ้น นั่นเท่ากับว่าขัดขวางแผนการชั่วได้สำเร็จ

วีรกรรมนางร้ายตัวประกอบมีมากมายนัก นอกจากทำให้คู่พระนางผิดใจกันสำเร็จ หลิวซือซือผู้นี้ยังฉวยโอกาสในคืนเดียวกัน แอบขโมยแผนการรบไปให้แคว้นฉู่ เพื่อแลกกับการสนับสนุนให้ตนได้มีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งภรรยาชินอ๋อง ทว่าผลของการกระทำครั้งนั้นกลับเกิดผลเสียมากนัก กองทัพแคว้นเป่ยพ่ายแพ้ เป็นผลให้ต้องเสียหัวเมืองต่าง ๆ ไป

“พี่แล้วแต่เจ้า” กายหนาลุกจากเก้าอีกก่อนจะโน้มกายหอมแก้มหญิงสาวฟอดใหญ่ แสดงออกชัดเจนไม่สนใจสายตาผู้อื่น “พี่มีธุระต้องไปทำ เจ้าพักผ่อนเถอะ ถึงเวลาอาหารค่ำพี่จะรีบกลับ”

“เจ้าค่ะ ท่านพี่ก็อย่างหักโหมมากเล่า”

หลังจากที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อได้ หลิวซือซือได้กลายเป็นคนขยันยิ่งกว่าใคร นางทำตัวประหนึ่งเป็นคนสนิทของไป๋เหลียน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะไปที่ใดนางก็จะติดสอยห้อยตามไปทุกที่ ไม่มีบ่นว่าเหน็ดเหนื่อย มิหนำซ้ำยังชักชวนให้ไป๋เหลียนทำอาหารกลางวัน เพื่อรอหลี่มู่กวากลับมากินข้าวด้วยกันทุกวัน

ตลอดหลายวันมานี้ไป๋เหลียนเฝ้ามองนางร้ายปลายแถวทุกย่างก้าว ผ่านมาหลายวันความคิดของนางก็ได้เริ่มเปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าคราวนี้มิใช่เพียงแค่เวลาที่ผิดเพี้ยนไป ทว่ากลับมีบางอย่างที่ผิดเพี้ยนไปอยู่เล็กน้อย ไม่เหมือนกับต้นฉบับที่นางเคยอ่าน

“ซือซือ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่หรือ” หลายวันมานี้นางเอาแต่นั่งทำอะไรคนเดียวดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่ยอมกลับเรือนพัก ยังคงรั้งอยู่ที่เรือนหลักเช่นนี้เป็นประจำ

“ข้าน้อยเห็นว่าชุดของฮูหยินบางชุดมันขาดเจ้าค่ะ ก็เลยรื้อออกมาเย็บให้เรียบร้อยเสียหน่อย”

“เจ้าทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วกลับไปพักเสีย อาภรณ์พวกนั้นเอาไว้ทำพรุ่งนี้ค่อยทำก็ได้ ข้าง่วงจะเข้านอนแล้ว”

“เจ้าค่ะฮูหยิน” หลิวซือซือยอมวางมือทำตัวว่าง่าย ก่อนจะรีบเก็บอุปกรณ์เย็บปักกลับเข้าที่ เตรียมตัวกลับไปพักผ่อนตามคำสั่ง 

เด็กสาวในวัยแรกแย้มตั้งหน้าตั้งตาปะชุนอาภรณ์อย่างตั้งใจ แม้คำพูดของไป๋เหลียนจะไม่ได้เอ่ย ทว่าสายตาของนางกลับเห็นทุกอย่าง อาภรณ์พวกนั้นชุดที่หลิวซือซือกำลังเย็บน่ะใช่ชุดของนางแน่นอน ทว่าที่เหลือกลับเป็นของท่านแม่ทัพทั้งหมด

ดูท่าความคิดที่จะทำให้นางร้ายปลายแถวกลับตัวกลับใจคงยากแล้ว หวังว่าตอนนี้เจ้าตัวคงมิได้เปลี่ยนเป้าหมายไปหรอกใช่หรือไม่

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   59: ทูตมากเล่ห์ [2]

    “ในที่สุดก็ถึงเวลานี้เสียที ซิงเยี่ยนมาหาข้า” หัวหน้าคณะทูตกวาดสายตามองทุกคนพร้อมกับกระตุกยิ้ม ทว่าผู้ที่เขาหมายตาอยากจะแก้แค้นมากที่สุด บังอาจมาหยามหน้าตนต่อธารกำนัลจะไม่เอาคืนได้อย่างไรข้างกายเตี่ยซำฮวงก็ยังมีโส่วฮุ่ยผู้ร่วมขบวนการ อำมาตย์งูพิษยืนทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ภูมิใจที่ตนมีส่วนช่วยให้งานครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วยดีเมื่อกายหนาของอ๋องผู้สูงศักดิ์ก้าวออกมาตามคำสั่งด้วยสายตาเหม่อลอย บัดนี้เขาไม่เหมือนคนปกติ ดวงตาเลื่อนลอย เพียงแค่ได้ยินคำสั่งจากเตี่ยซำฮวงก็ไม่อาจขัดขืน ยอมทำตามคำสั่งได้อย่างไม่มีข้อแม้“ข้าหรือก็นึกว่าจะแน่ เจ้าหนูคนอ่อนประสบการณ์เช่นเจ้าจะไปสู้จิ้งจอกอย่างข้าได้หรือ ช่างไม่รู้จักเจียมตัว แล้วข้าจะให้เจ้าเห็นว่าคนจริงเขาทำกันอย่างไร ฮ่า ๆ” ทูตเฒ่าตบเบา ๆ ข้างแก้มอ๋องหนุ่ม ก่อนจะออกคำสั่งอีกครั้ง แล้วชี้ไปที่ปลายเท้าของตน “คุกเข่า”ปึก!เพียงแค่ประโยคเดียวกายหนากลับคุกเข่าลงอย่างว่าง่าย ไม่เหลือคราบอ๋องผู้เกรียงไกรกรำศึกมาทุกสนามรบ การกระทำของซิงเยี่ยนพานทำให้คนทั้งสองหัวเราะพร้อมกัน ไม่คิดว่าจะจัดการได้ง่ายดายเช่นนี้“ไม่นึกว่าจะง่ายดายเช่นนี้นะขอรับ” โส่วฮุ่ยกล

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   58: ทูตมากเล่ห์ [1]

    แม้จะเกิดเรื่องราววุ่นวายหลายอย่าง กระนั้นทุกอย่างกลับผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทุกอย่างดูฉุกละหุกไปหมดแต่ก็สามารถทำขึ้นมาใหม่ได้ทันเวลา แม้จะไม่หวือหวาเหมือนดั่งตอนแรกแต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว“คณะทูตแคว้นฉู่มาถึงแล้ว”เสียงประกาศจากคนเฝ้าประตูด้านนอก ทำให้คนที่คอยท่าอยู่ในห้องรับรองต่างลุกขึ้นยืนรอต้อนรับเหล่าคณะทูตแคว้นฉู่ต่างพากันเดินเรียงรายเข้ามาถึงโถงด้านใน สองฝ่ายประจันหน้าต่างฝ่ายต่างก็หยั่งเชิงซึ่งกันและกัน ไม่มีผู้ใดเอ่ยปากทักทายกัน ยกเว้นก็แต่อำมาตย์โส่วฮุ่ยทั้งนอบน้อมและคอยเอาอกเอาใจฝ่ายตรงข้ามอย่างออกหน้าออกตา“ท่านทูตพวกท่านเดินทางกันมาเหนื่อย ๆ เชิญพักชมการแสดงดื่มกินให้สุขสำราญเถิดขอรับ” อำมาตย์โส่ววิ่งรอกจากตรงนั้นไปตรงนี้ให้วุ่น ไม่แม้แต่จะสนใจบุคคลสำคัญของแคว้นตนเองเลยสักนิด“อืม ดี จัดการได้ดี ไม่นึกว่าแคว้นที่เอาแต่ทำศึกติดต่อกันมานานจะคงมั่งคั่งถึงเพียงนี้ แต่ก็เทียบกับแคว้นฉู่เราไม่ได้ละนะ ของพวกนี้ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น” หัวหน้าคณะทูตแคว้นฉู่ เตี่ยซำฮวง วางท่าโอ้อวดเปรียบเทียบทั้งสองแคว้น มิหนำซ้ำเขายังกล่าวกระทบกระทั่ง คล้ายจะชื่นชมแต่กลับดูแคลนอยู่ในที“งานนี้

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   57: ยากล่อมประสาท [2]

    “เจ้าเข้ามาวุ่นวายอะไรที่นี่ ท่านแม่ทัพมิได้บอกหรือว่านี่คือเขตหวงห้ามคนนอกห้ามเข้าน่ะ” โส่วฮุ่ยไม่คิดจะให้เกียรติสตรีตรงหน้า เขามองว่าก็แค่สตรีชาวบ้านไร้ชาติตระกูล ยกตนขึ้นมาเป็นฮูหยินแม่ทัพได้คงไม่พ้นใช้เรือนร่าง ไม่มีค่าอะไรให้เขาต้องใส่ใจ“ข้าก็แค่เห็นว่าพวกนางแต่งกายงามนัก จึงอยากจะเข้ามาชื่นชมสักหน่อยเจ้าค่ะ”“เฮอะ! สตรีบ้านนอกไร้ชาติตระกูลก็เช่นนี้ ออกไปได้แล้ว อย่าได้มาก่อความวุ่นวายให้คนอื่น”“อย่างไรเสียท่านผู้นี้คือฮูหยินท่านแม่ทัพนะเจ้าคะ อย่างไรก็ควรให้ความเคารพกันบ้าง” หลิวซือซือทนไม่ได้กับความไร้มารยาทของอีกฝ่าย อย่างไรแม่นางไป๋เหลียนก็เป็นถึงฮูหยินท่านแม่ทัพก็ควรจะให้เกียรติกันบ้าง“พอเถอะซือซือ” หญิงสาวรีบปรามไม่ให้หลิวซือซือ ยามนี้ไม่ควรมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ “ต้องขออภัยที่ข้าถือวิสาสะเข้ามาเอง เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว”“แต่ว่าฮูหยิน เราจะยอมง่าย ๆ เช่นนี้หรือเจ้าคะ”“ช่างเถอะข้าไม่ได้สนใจ” ที่นางมิได้ใส่ใจคำตำหนิ ก็เพราะตัวนางเองก็มิได้มีชาติตระกูลจริง ทั้งตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาต่อปากต่อคำไร้สาระ เรื่องถุงหอมมีพิษสำคัญกว่า“ก็แค่สตรีที่เอาเรือนร่างเข้าแลก มีค่าอะไร

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   56: ยากล่อมประสาท [1]

    พักอยู่เมืองหน้าด่านมาก็หลายวัน ในที่สุดก็ถึงวันที่คณะราชทูตแคว้นฉู่เดินทางมาถึงเมืองหน้าด่าน ขบวนของพวกเขานั้นยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา สมกับเป็นแคว้นที่กำลังรุ่งเรืองในเรื่องการค้า แม้จะขึ้นชื่อเรื่องการค้าทว่ากลับอ่อนด้านฝีมือทหาร ที่ยืนหยัดมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะความมากเล่ห์ จึงไม่แปลกที่แคว้นฉู่มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าตนเองจะต้องเป็นต่อแคว้นเป่ยแคว้นฉู่จึงใช้การแลกเปลี่ยนเพื่อหวังจะได้เปรียบไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง พวกเขาเสนอของมีค่ามากมายเพื่อทำข้อตกลงในการใช้เส้นทางสายไหมของแคว้นเป่ยส่งสินค้า แคว้นเป่ยที่ขาดทรัพย์เพื่อมาฟื้นฟูแว่นแคว้นจึงได้ตกปากรับคำ โดยลดค่าผ่านทางให้แคว้นฉู่หนึ่งในสามส่วนที่ต้องจ่ายในแต่ละปีดังนั้นของที่อยู่บนเกวียนม้ากว่าสามสิบคันรถ พร้อมกับคนคุ้มกันห้าร้อยนายกำลังเคลื่อนขบวนสู่ประตูเมือง ล้วนแล้วแต่เป็นของมีค่ามหาศาล ชาวบ้านชาวเมืองต่างพากันตื่นเต้น ดีอกดีใจที่พวกเขาจะไม่ต้องอดตายในยามศึกสงครามเช่นนี้บัดนี้จวนแม่ทัพกำลังยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมต้อนรับเป็นการใหญ่ คนในเรือนคึกคักตื่นเต้นที่ได้รับโอกาสจัดงานใหญ่ครั้งแรก มีเพียงไป๋เหลียนที่ไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย นา

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   55: หน้าด่านฉู่เจียง [2]

    ในสายตาของแม่ทัพหนุ่มตอนนี้ ไม่มีสตรีใดเข้ามาแทนที่ไป๋เหลียนในใจเขาได้อีกแล้ว และยิ่งได้รู้ว่าคนที่มีสัมพันธ์กับตนในคืนนั้นก็คือนาง เพียงเท่านี้เขาก็พอใจแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างต่อกันทั้งนั้นการกระทำของไป๋เหลียนคนก่อนเขาจะให้อภัย แม้ความผิดนางมากนักทว่าความดีที่ทำให้เขาได้พบรักแท้ ถือว่าทุกอย่างลบล้างกันได้ก๊อก ๆ ระหว่างที่คนทั้งคู่กำลังหวานชื่นกันนั้น กลับมีคนเคาะประตูขัดจังหวะเข้าพอดี สองร่างดีดตัวออกห่างกันอย่างรวดเร็ว ได้แต่นึกเสียดายที่มีคนมาขัดช่วงเวลาสำคัญ“ฮูหยิน ท่านแม่ทัพ ข้านำของว่างมาให้เจ้าค่ะ”“เข้ามาได้” เสียงคนด้านนอกช่างคุ้นหูนัก ทว่าเมื่อประตูถูกเปิดออกไป๋เหลียนจึงกระจ่างแล้วว่าน้ำเสียงอันคุ้นหูคือผู้ใดหลิวซือซือพร้อมหญิงรับใช้อีกสองคนยกของเข้ามาในห้อง นางเผยยิ้มกว้างเมื่อเห็นผู้มีพระคุณ การได้มาอยู่ที่นี่คือวาสนาของนางแล้ว ทั้งสะดวกสบายและมีคนให้เกียรติ ราวกับเป็นโลกใบใหม่ที่เพิ่งได้เคยสัมผัส“ซือซือเป็นเช่นไรบ้าง เจ้าอยู่ที่นี่สบายดีหรือไม่”“สบายดีเจ้าค่ะฮูหยิน ข้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเหมือนได้รับชีวิตใหม่เลยเจ้าค่ะ ข้าอยากตอบแทนบุญคุณท่านทั้งสอง ได้โปรดให้ข้า

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   54: หน้าด่านฉู่เจียง [1]

    หลังจากพักอยู่เมืองเจียงเป่ยหนึ่งคืน รุ่งสางคนทั้งสี่ก็ได้ออกเดินทางกลับเมืองหน้าด่านฉู่เจียงทันที เมื่อรู้แล้วว่าผู้ใดคือหนอนบ่อนไส้ คอยแฝงตัวได้อย่างแนบเนียน เรื่องนี้สำคัญมากซิงเยี่ยนจึงสั่งให้จิ้งกังเป็นผู้ส่งสารให้ถึงมือฝ่าบาทด้วยตนเองอนึ่งเพื่อให้ฝ่าบาทได้วางแผนตั้งรับได้ทันท่วงที พร้อมกับเสนอให้แสร้งทำเป็นเห็นดีเห็นงาม เมื่อได้โอกาสจึงค่อยตลบหลังพวกแคว้นฉู่ในตอนที่พวกมันชะล่าใจหลังจากจิ้งกังตะบึงม้าแยกตัวมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง คนที่เหลือจึงกลับไปรอที่เมืองหน้าด่าน ทว่ากว่าจะไปถึงไป๋เหลียนก็ถึงกับโอดครวญ เป็นครั้งแรกที่นางอยู่บนหลังม้ากว่าครึ่งค่อนวัน ร้าวระบมไปหมดโดยเฉพาะก้นของนาง ที่ต้องกระแทกกับอานม้าเป็นเวลานานดีที่การเดินทางครั้งนี้นางอ้อนขอให้หลี่มู่กวาสอนขี่ม้า เพื่อว่าในภายภาคหน้าจะได้ไม่ต้องคอยเป็นภาระผู้อื่น ซิงเยี่ยนเห็นว่ายังพอมีเวลาไม่ต้องเร่งรีบ จึงอนุญาตให้สหายสอนภรรยาขี่ม้าตามต้องการ ด้วยทั้งสองเมืองห่างกันไม่ไกลนัก หากปล่อยม้าเดินเอื่อย ๆ อย่างมากก็ใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม หรือถ้าวิ่งเหยาะ ๆ ก็คงถึงเมืองหน้าด่านค่ำพอดีเมื่อมาถึงเมืองหน้าด่านฉู่เจียง ทุกคนต่างแยกย้า

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status