Home / รักโบราณ / ข้าก็เป็นสวามีเช่นนี้ / ตอนที่ ๕||ตำหนักฉางหลันกับฝันร้ายหวนคืน

Share

ตอนที่ ๕||ตำหนักฉางหลันกับฝันร้ายหวนคืน

last update Last Updated: 2025-09-04 08:26:18

ตอนที่ ๕||ตำหนักฉางหลันกับฝันร้ายหวนคืน

ขบวนเสด็จเคลื่อนเข้าสู่เขตพระราชฐาน หลีไทเฮาแยกไปตำหนักฉางชิ่ง ที่อยู่ชั้นใน ส่วนหลิ่วถิงเยว่นั้นมีตำหนักของตนเองแล้วอยู่ชั้นนอก ตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ หลังได้รับฐานันดร ฉางหลันจ่างกงจู่

ยามที่ทั้งสองแยกเป็นสองขบวนขึ้นเกี้ยวเกียรติยศก็เป็นเวลาที่ฟ้าเพิ่งโปรยแสงสุดท้ายเหนือแนวกำแพงสูงใหญ่ แสงไฟจากโคมแขวนหลายร้อยดวงส่องระยิบระยับตามทางเดินหินอ่อน จนทอดเงาเรียงรายดุจดวงดาวกลางรัตติกาล

ตำหนักฉางหลัน ตั้งตระหง่านอยู่ทางทิศตะวันออกของพระราชวัง เป็นหนึ่งในตำหนักขนาดใหญ่ที่สุดรองจากตำหนักของฮ่องเต้และไทเฮา ตัวตำหนักก่อด้วยไม้ประดู่และไม้อู่ถงแกะสลัก

หลังคามุงกระเบื้องเคลือบสีส้มอมแดง ปลายสันหลังคาโค้งสูงประดับรูปหงส์คู่ ด้านหน้ามีลานศิลาเรียงยาวทอดตรงสู่บันไดหินแกะลายเมฆมงคลหลายสิบขั้น

ทันทีที่เกี้ยวไม้ลงลักษณ์ปิดทองประดับด้วยไข่มุกหยุดลง ณ ลานหน้าตำหนัก ขันทีและนางกำนัลที่รอรับอยู่แล้วต่างหมอบกราบพร้อมเปล่งเสียงดังกังวาน

“ถวายพระพร ฉางหลันจ่างกงจู่!”

นางกำนัลในตำหนักฉางหลัน มีราว หกสิบคน แต่งกายในชุดผ้าแพรสีชมพูอ่อน คาดเอวด้วยผ้าสีแดงเลือดนก ทำหน้าที่ทั้งดูแลเครื่องแต่งกาย ประกอบอาหาร และจัดการเรือนต่าง ๆ ภายในตำหนัก

ขันที ผู้รับใช้มีราว สามสิบคน สวมอาภรณ์สีม่วงเข้มคาดด้วยแถบสีแดงเลือดนก ติดป้ายหยกแสดงตำแหน่งประจำกาย ทำหน้าที่เฝ้ายาม ประกาศพระดำรัส และเป็นธุระติดต่องานราชสำนัก

ภายในตำหนักกว้างขวางโอ่อ่า แบ่งออกเป็นเรือนใหญ่สี่ประสานเชื่อมต่อกัน

เรือนหลัก ใช้เป็นท้องพระโรงส่วนพระองค์สำหรับว่าราชการเล็ก ๆ และรับรองแขกผู้ใหญ่

เรือนตะวันออก เป็นเรือนพักของนางกำนัลฝ่ายใน

เรือนตะวันตก เป็นตำหนักรองเก็บสมบัติล้ำค่า ทั้งหีบทองคำ อัญมณี และผ้าไหมเมืองบูรพา

เรือนเหนือ คือห้องบรรทมของ ฉางหลัน จ่างกงจู่ ตกแต่งด้วยผ้าม่านไหมสีม่วงอ่อนปักดิ้นสีทอง เตียงไม้หอมแกะลายหงส์คู่ โต๊ะตั้งหยกขาวและเครื่องหอมจากแดนไกล

สวนด้านในเต็มไปด้วยดอกเหมยและต้นท้อ กับโบตั๋น อีกทั้งมีต้นดอกเฟื่องฟ้าหลากสีงดงามเรียงราย บ่อน้ำหินสลักมีสะพานโค้งเล็กทอดข้าม ทุกค่ำคืนจะมีคนจุดตะเกียงน้ำมันล้อมบึง จนแสงสว่างสะท้อนน้ำราวกับดวงดาวโปรยปราย

หลิ่วถิงเยว่ก้าวลงจากเกี้ยว ท่ามกลางข้าทาสนางกำนัลที่หมอบเรียงเป็นระเบียบ ร่างสูงโปร่งในอาภรณ์แพรสีม่วงเข้มปักดิ้นเงินสะท้อนแสงโคม ขับให้โฉมหน้างดงามดุจจันทรา ยิ่งนางคือพระขนิษฐาร่วมพระมารดาเพียงพระองค์เดียวของฮ่องเต้ ย่อมเป็นที่เคารพยำเกรงของทุกผู้คน

มิใช่เพียงเพราะโฉมงาม หากยังเพราะวาสนามาแต่เกิด นางถือครองทรัพย์สมบัติมากมาย มีทั้งเงินทองและบ่าวไพร่นับร้อย อีกทั้งยังมีสิทธิ์กล่าวถ้อยคำในราชสำนักบ้างตามพระบรมราชานุญาต

ขณะก้าวเข้าสู่ตำหนักฉางหลัน แววตาของนางงดงามแต่เยียบเย็น แฝงด้วยความเด็ดเดี่ยวและเอาแต่ใจสมเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่ยืนอยู่เหนือกว่าทุกชนชั้นในแผ่นดินต้าเจา…

ห้องบรรทมตำหนักฉางหลัน

ภายใน ห้องบรรทมของจ่างกงจู่ กว้างใหญ่โอ่อ่า เพดานสูงประดับคานไม้แกะลายดอกเหมยปิดทอง ด้านบนแขวนโคมระย้าสำหรับวางตะเกียงทำจากผลึกแก้วหินภูเขาไฟที่ส่องแสงละมุนอบอุ่นไปทั่วห้อง

ตรงกลางตั้ง เตียงไม้ประดู่แดงแกะสลักรูปหงส์คู่ ม่านไหมปักดิ้นทองลายเมฆมงคลห้อยรอบสี่ด้าน ทิ้งระบายพลิ้วละมุนยามต้องแสงโคม เบาะและผ้าห่มยัดด้วยขนหงส์หิมะจากแดนเหนือ ให้ความนุ่มอุ่นอย่างยากหาสิ่งใดเปรียบ

โต๊ะเครื่องแป้ง วางใกล้หน้าต่างบานกว้าง ทำด้วยไม้หอมฝังไข่มุกมังกรสีขาว มีทั้งกล่องหยกใส่เครื่องประดับ ปิ่นทองประดับอัญมณีจากแดนไกล หีบเล็กบรรจุไข่มุกน้ำเค็ม และขวดแก้วใส่น้ำหอมดอกกล้วยไม้ป่ากับดอกกุหลาบที่นำเข้าจากตะวันตก

มุมห้องอีกด้านตั้ง โต๊ะเครื่องหอม บนถาดทองเหลืองวางเตาเผากำยานทรงโบราณ กลิ่นหอมจากไม้กฤษณาและดอกหอมหมื่นลี้แผ่วอบอวลไปทั่วห้อง ดังคลอเคล้าไปกับเสียงน้ำหยดจาก อ่างหยกขาวแกะสลักรูปดอกบัว ซึ่งวางไว้ให้เพิ่มความชุ่มชื้นและความสงบ

พรมทอด้วยไหมเนื้อละเอียดปูพื้นทั้งห้อง ลวดลายเมฆสีครามสลับทองทอดยาวไปจนถึงชานระเบียง ภายนอกเป็นสวนดอกเหมยและต้นหลิวเรียงราย ราตรีนี้เมื่อเปิดหน้าต่าง ม่านบางก็ไหวระริกไปตามสายลมเย็นชื้นของฤดู

นางกำนัลสิบกว่าคนผลัดกันยืนรอเงียบกริบอยู่ตามมุมห้อง พร้อมคอยรับบัญชา ส่วนขันทีสองคนประจำหน้าประตู มิกล้าส่งเสียงแม้เพียงกระซิบ

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ขจัดคราบเหงื่อที่เดินทางไกลหลายสิบลี้จากอารามถานไถ่แล้ว หลิ่วถิงเยว่ ก็ก้าวขึ้นทอดกายลงบนเตียง ความอ่อนล้าแผ่วคล้ายเลือนหายไปกับกลิ่นกำยานอุ่นหวาน แต่ในดวงตาคมคู่นั้นยังฉายประกายเคร่งขรึม

ไม่นาน ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน แสงจันทร์สาดต้องหลังคาแกะสลัก กลิ่นดอกกุหลาบจากสวนด้านนอกพัดแผ่วลอดเข้ามาในห้องนอนกว้าง ม่านไหมสีม่วงอ่อนพลิ้วระริกตามแรงลม

ถิงเยว่ ที่เอนกายลงบนเตียง แล้วดึงผ้าแพรสะอาดหอมสมุนไพรดับกลิ่นควันกำยานที่จุดไว้ตั้งแต่หัวค่ำ นางพยายามบอกตนเองว่าพิธีที่อารามวันวานคงช่วยบรรเทาฝันร้ายเพราะคืนที่ผ่านมานางไม่ได้ฝันอันใดหลับสบายยิ่ง แต่หัวใจกลับยังหนักอึ้ง

แต่ด้วยวัยกำลังกินกำลังนอนของนางบวกกับอ่อนล้าจากการเดินทางไม่นาน ถิงเยว่ก็ง่วงงุนเพียงชั่วครู่หนังตาก็ปิดลง ความมืดก็หวนกลับมา ทว่าไม่นาน...

ภาพฝัน ร้ายที่นางหวาดกลัว กลับปรากฏ ในห้วงมโน และครั้งนี้มันแจ่มชัดยิ่งกว่าทุกคืนที่ผ่านมา!

ถิงเยว่เห็นตนเองในวัยราวสิบเก้าถึงยี่สิบปี นางนั่งอยู่บนเตียงผ้าไหมสีชาด มือเรียวประคองครรภ์ที่ใหญ่โต นางก็พลันลมหายใจสะดุด ร่างกายสั่นสะท้านด้วยรู้ล่วงหน้าว่าอีกไม่นานเหตุการณ์อันน่าสะพรึงก็จะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง

และแค่อึดใจเดียวบานประตูไม้ถูกผลักอย่างแรงจนมันเปิดผางออกจนมันกระแทกผนังเสียงดังปังใหญ่ ร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีหมึกราวปีศาจรัตติกาลก็ย่างสามขุมเข้ามา เงามืดบดบังใบหน้า มีเพียงแววตาเย็นเยียบที่จ้องตรงมาอย่างมุ่งร้ายเท่านั้นที่ถิงเยว่แลเห็น

“อวิ๋นโม่…” แล้วนามอันคุ้นเคยก็หลุดออกจากริมฝีปากนางโดยไม่รู้ตัว ถึงเยว่รู้สึกหวาดกลัวดวงตาเย็นชาไร้ความอาวรณ์คู่นั้นอย่างสุดจิตสุดใจ ดาบเย็นเฉียบสะท้อนแสงจันทร์พุ่งเข้าหา

“ไม่…อย่า…”

คมดาบกรีดลงตรงหน้าท้อง ความเจ็บปวดแล่นพล่านทั่วร่าง เจ็บปานถูกผ่าท้องควักเอาเด็กออกไปจริง ๆ ถิงเยว่กรีดร้องสุดเสียง ความเจ็บเหมือนถูกฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ หัวใจแทบสลายเมื่อรู้สึกถึง ชีวิตเล็ก ๆ ในครรภ์ที่ถูกพรากไป

เลือดอุ่นทะลักนองทั่วกาย กลิ่นคาวคลุ้งลำคอ นางหอบหายใจแรง มือกดหน้าท้องไว้ทั้งน้ำตา ราวกับจะยื้อไม่ให้สิ่งล้ำค่าหลุดหายไป บัดนี้นางกลับแยกไม่ออกแล้วจริงๆ ว่าที่แท้เป็นตนเองหรือเป็นอีกคนในฝันกันแน่ที่กำลังเผชิญเหตุการณ์ร้ายอยู่

นางยากจะแยกแยะได้แล้วจริงๆ ...

ยังไม่ทันจะหายจากความเจ็บปวด แทบตายแต่ไม่ตาย พลันภาพก็เปลี่ยนไปเป็นเหตุการณ์ บ้านเมืองตกอยู่ในกองเพลิง ซากศพมากมาย เสียงกลองรบดังก้อง ภาพเพลิงสงครามซ้อนทับ พี่ชาย หลิ่วเยี่ยนเฟย ถูกฟันคอสิ้นชีวิต มารดา หลีไทเฮา ร่วงลงกับพื้น เลือดแดงนองไปทั่วลาน

ดาบเล่มนั้นหันมาที่นางอีกครั้ง คราวนี้ถิงเยว่นั้นใจมันไม่ได้หันเข้าหานางอีกคนในความฝันแต่เป็นนางจริงๆ ดวงตาอาฆาตคู่นั้นราวกับเขาพร้อมจะฟาดฟันแยกร่างของนางให้ละเอียดเป็นหมื่นชิ้น!

“อวิ๋นโม่…” เสียงของนางสั่นพร่าจนเอ่ยออกไปไม่พ้นลำคอ

เฮือก!!!

ถิงเยว่าสะดุ้งตื่น เหงื่อเย็นท่วมร่าง หอบหายใจแรงจนหน้าอกสะท้อนขึ้นลงถี่ระรัว ดวงตามีหยาดน้ำตาไหลริน แต่สิ่งที่ทำให้นางสั่นสะท้านที่สุดคือ...

...ความเจ็บหน่วงตรงหน้าท้องยังคงชัดเจนราวกับมีบาดแผลจริงเกิดขึ้น!

นางยกมือที่ยังคงสั่นระริกขึ้น ลูบหน้าท้องใต้ผ้าแพรสีม่วงอ่อน ความรู้สึกปวดแปลบราวกับหน้าท้องถูกกรีดยังคงหลงเหลือ น้ำตาไหลพรั่งพรู มันเหมือนจริงเกินไป…เหมือนนางถูกผ่าท้องจริง ๆ!

หัวใจของถิงเยว่เต้นรัว ความกลัวบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก ภายในอกเหมือนถูกควักเอาความหวังไป เหลือเพียงความว่างเปล่า

หรือว่านี่มิใช่เพียงฝันร้ายธรรมดา หากแต่เป็นคำเตือนจากโชคชะตา...

รุ่งเช้าวันถัดมา แสงแดดลอดผ่านม่านผืนบาง เข้ามาในห้องนอนของ ตำหนักฉางหลัน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกเหมยจากสวนด้านนอกพัดมากับลมยามเช้า แต่บรรยากาศภายในกลับเงียบตึงเครียด

บนเตียงผ้าแพรสีอ่อน หลิ่วถิงเยว่ นั่งหน้าซีดเผือด ริมฝีปากแห้งผาก ใต้ตาเป็นเงาคล้ำ นางยกมือกุมหน้าท้องที่ยังเจ็บหน่วง ๆ แม้ตื่นมาหลายชั่วยามแล้ว แต่ความรู้สึกเหมือนถูกผ่าท้องยังหลอกหลอนอยู่ไม่หาย

จนอาหลิวกับอากุ่ย นางกำนัลและขันทีคนสนิทร้อนใจนำเรื่องไปรายงาน เฉียวหมัวมัว นางกำนัลอาวุโสที่ดูแลตำหนักฉางหลันนี้ทันที เฉียวหมัวมัวนางกำนัลวัยสามสิบเจ็ดปีซึ่งติดตาม หลีไทเฮามาตั้งแต่นางยังเป็นเพียงคุณหนูใหญ่สกุลหลี ย่อมมิอาจนิ่งเฉยนำเรื่องตรงไปตำหนัก ฉางชิ่งของหลีไทเฮาทันใด

พอหลีไทเฮาทรงทราบก็รีบร้อนเสด็จมาตำหนักฉางหลันในเวลาไม่ถึงชั่วยาม!

เสียงเปิดประตูดังขึ้น หลีไทเฮา เสด็จเข้ามาพร้อมนางกำนัลและขันทีคนสนิท ใบหน้างามสง่าเฉกเช่นทุกวัน แต่ดวงตาคู่งามบัดนี้ เต็มไปด้วยความกังวล

“อาเยว่…ลูกแม่” พระสุรเสียงแผ่วเบาเมื่อทรงนั่งลงข้างเตียง ดึงมือเรียวของบุตรสาวไปกุมแน่น แล้วเอ่ยถาม

“เฉียวหมัวมัวส่งขันทีไปแจ้งกับแม่ว่าเจ้าฝันร้ายอีกแล้วหรือ?”

ถิงเยว่ฝืนยิ้มแต่ย่ำแย่ยิ่ง ก่อนที่นางจะกอดมารดาแล้วพึมพำเสียงแหบพร่า “เพคะเสด็จแม่ ฝันร้ายนั่น...มันกลับมาอีกแล้ว”

หลีไทเฮากัดริมฝีปากแน่น ความกังวลฉายชัด พระนางรู้ดีว่าหากยังพาลูกสาวไปอารามบ่อยครั้ง จะไม่เพียงทำให้ผู้คนสงสัยเรื่องเคราะห์กรรมของฉางหลันจ่างกงจู่ แต่ยังอาจถูกนินทาว่าองค์หญิงมีดวงอัปมงคล ยิ่งนานวันยิ่งไม่เป็นผลดีกับชื่อเสียงของบุตรสาวตนเองแน่

“พิธีสะเดาะเคราะห์ก็ทำแล้ว หยกชิ้นนั้นก็คืนไปแล้ว เช่นนั้นคงมีเพียงเชิญนักพรตมาทำพิธีขับไล่ภายในตำหนักของเจ้าแล้ว”

พระสุรเสียงสั่นเล็กน้อย เพราะสีหน้าของบุตรสาวที่นางถนอมมาสิบหกปีไม่ดี จึงคิดว่าอย่างไรลองเชิญนักพรตมาขับไล่เคราะห์ร้ายในตำหนักดูสักครั้งคงมิเป็นอันใด

“แต่ไทเฮาเพคะ เรื่องนี้คงต้องทราบทูลฝ่าบาทก่อน” หลิวหมัวมัวนางกำนัลคนสนิทรีบเอ่ยเตือน

“เช่นนั้นไอเจียจะไปพบฝ่าบาท พวกเจ้าดูแลฉางหลันจ่างกงจู่ให้ดี”

“แต่จ่างกงจูยังมิได้นอนเลยเพคะ สมควรต้องเชิญหมอหลวงหรือไม่” เฉียวหมัวมัวห่วงใยนายน้อยที่นางเลี้ยงมากับมือแต่แรกคลอดเอ่ยขึ้นบ้าง หลีไทเฮาคิดอยู่ครู่ก่อนเรียกขันทีออกคำสั่ง

“ไปเชิญหมอหลวงมาทันที!”

ไม่นาน หมอหลวงเถาเหยียน สตรีสูงวัยในชุดแพรสีเขียวเข้ามา ค้อมตัวถวายคำนับ แล้วนั่งลงจับชีพจรของจ่างกงจู่ เขาใช้เวลานานกว่าปกติ ใบหน้าเคร่งเครียดไม่กล่าวสิ่งใด กระทั่งถอนหายใจเบา ๆ

“เส้นชีพจรอ่อนแอ หัวใจถูกกดทับด้วยความหวาดกลัว จ่างกงจู่…เหมือนถูกความฝันร้ายกัดกินวิญญาณจนบั่นทอนกำลังเพคะ”

หลีไทเฮาเร่งถาม “เจ้ามีวิธีรักษาหรือไม่”

หมอหลวงเถาพยักหน้า “หม่อมฉันจะจ่ายยาบำรุงหัวใจและขับลมปราณ เพื่อไม่ให้พระกายทรุดหนักไปกว่านี้ แต่…สิ่งสำคัญอยู่ที่จิตใจ หากมิได้ขจัดความกลัวเสีย ต่อให้ยาดีเพียงใดก็มิอาจแก้ได้”

ถิงเยว่ฟังแล้วแดงยิ่งแดงก่ำ นางพบเจอกับภัยร้ายอันใดกันแน่ จ่างกงจู่ตัวน้อยไม่รู้จะบอกใครอย่างไร ว่าความเจ็บในฝันนั้นชัดเจนเสมือนจริงเพียงใด หากพูดปากไป นางอาจถูกมองว่าเป็นคนเสียสติ

หลีไทเฮากุมมือลูกสาวแน่นขึ้น พระเนตรทอแววกังวลปนเจ็บปวด “เจ้าดื่มยาแล้วนอนพักเสียนะอาเยว่ ประเดี๋ยวแม่จะไปพบฮ่องเต้พี่ชายของเจ้าหารือเรื่องเชิญนักพรตมาทำพิธีปัดรังควาน”

“เพคะ”

พอถิงเยว่รับปากอย่างว่าง่ายหลีไทเฮาจึงรีบร้อนจากไปพบ ไท่หยางฮ่องเต่ตำหนักโซ่วเต๋อทันที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าก็เป็นสวามีเช่นนี้   ตอนที่ ๖ || ตำหนักโซ่วเต๋อ

    ตอนที่ ๖ || ตำหนักโซ่วเต๋อแสงตะวันยามสายสาดลอดหน้าต่างบานสูงของ ตำหนักโซ่วเต๋อ ท้องพระโรงแม้สิ้นสุดการประชุมขุนนางใหญ่เมื่อครู่ แต่บรรยากาศยังอบอวลด้วยความเคร่งขรึมไท่หยางฮ่องเต้ หลิ่วเยี่ยนเฟย มิได้ทรงปล่อยขุนนางทุกคนกลับไปทั้งหมด หากทรงรั้ง ติ้งถิงโหว ซือหม่าเฉิน ผู้มากด้วยวัยวุฒิ และ เหลิ่งเส้าเสิง เสนาบดีหนุ่มผู้กำลังมาแรง ให้หารือราชกิจต่อที่ห้องทรงงานด้านข้างเหนือพระแท่นมังกรทองคำอันสง่างาม ร่างสูงในฉลองพระองค์มังกรดำปักดิ้นทองประทับด้วยพระอิริยาบถทรงอำนาจ พระพักตร์ขรึมขลัง แววพระเนตรคมกริบราวกระบี่จ้องไม่คลาย พระหัตถ์เรียวคีบแท่งหยกเคาะเบา ๆ บนโต๊ะทรงงาน ยามสดับรายงานเรื่องเสบียงกองทัพและการจัดสรรกำลังทหารจากสองขุนนางกับเรื่องการสอบเค่อจวีที่ใกล้เข้ามา ต้าเจามีธรรมเนียมการสอบเค่อสวี สามปีจัดสอบใหญ่ที่เมืองหลวงหนึ่งครั้งและปีนี่ก็ถึงวาระดังกล่าวแล้ว สองเรื่องนี้จึงถูกหยิบยกขึ้นมาหารือขุนนางทั้งสองทว่า ยังมิทันหารือถึงไหน พลันเสียงขันทีประกาศกังวานจากด้านนอกพลันแทรกขึ้น“หลีไทเฮาเสด็จ!”ทั้งสองขุนนางค้อมกายหมอบคำนับโดยพร้อมเพรียงยามร่างระหงก้าวเข้าสู่ด้านใน ความสงบแผ่ซ่านไปท

  • ข้าก็เป็นสวามีเช่นนี้   ตอนที่ ๕||ตำหนักฉางหลันกับฝันร้ายหวนคืน

    ตอนที่ ๕||ตำหนักฉางหลันกับฝันร้ายหวนคืนขบวนเสด็จเคลื่อนเข้าสู่เขตพระราชฐาน หลีไทเฮาแยกไปตำหนักฉางชิ่ง ที่อยู่ชั้นใน ส่วนหลิ่วถิงเยว่นั้นมีตำหนักของตนเองแล้วอยู่ชั้นนอก ตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ หลังได้รับฐานันดร ฉางหลันจ่างกงจู่ยามที่ทั้งสองแยกเป็นสองขบวนขึ้นเกี้ยวเกียรติยศก็เป็นเวลาที่ฟ้าเพิ่งโปรยแสงสุดท้ายเหนือแนวกำแพงสูงใหญ่ แสงไฟจากโคมแขวนหลายร้อยดวงส่องระยิบระยับตามทางเดินหินอ่อน จนทอดเงาเรียงรายดุจดวงดาวกลางรัตติกาลตำหนักฉางหลัน ตั้งตระหง่านอยู่ทางทิศตะวันออกของพระราชวัง เป็นหนึ่งในตำหนักขนาดใหญ่ที่สุดรองจากตำหนักของฮ่องเต้และไทเฮา ตัวตำหนักก่อด้วยไม้ประดู่และไม้อู่ถงแกะสลักหลังคามุงกระเบื้องเคลือบสีส้มอมแดง ปลายสันหลังคาโค้งสูงประดับรูปหงส์คู่ ด้านหน้ามีลานศิลาเรียงยาวทอดตรงสู่บันไดหินแกะลายเมฆมงคลหลายสิบขั้นทันทีที่เกี้ยวไม้ลงลักษณ์ปิดทองประดับด้วยไข่มุกหยุดลง ณ ลานหน้าตำหนัก ขันทีและนางกำนัลที่รอรับอยู่แล้วต่างหมอบกราบพร้อมเปล่งเสียงดังกังวาน“ถวายพระพร ฉางหลันจ่างกงจู่!”นางกำนัลในตำหนักฉางหลัน มีราว หกสิบคน แต่งกายในชุดผ้าแพรสีชมพูอ่อน คาดเอวด้วยผ้าสีแดงเลือดนก ทำหน้าที่ทั้งด

  • ข้าก็เป็นสวามีเช่นนี้   ตอนที่ ๔ ||ร้านอันเหมียนถังและสกุลซือหม่า

    ตอนที่ ๔ ||ร้านอันเหมียนถังและสกุลซือหม่าหลังขบวนเสด็จของสองสตรีคนสำคัญของต้าเจาจากไปแล้ว ถนนเส้นใหญ่กลับมาคึกคักดังเดิม พ่อค้าแม่หาบเร่แผงลอยส่งเสียงป่าวประกาศสรรพคุณสินค้าของตนเองให้คนที่เดินผ่านไปมาหันมาสนใจสินค้าหน้าร้านตนเองผู้คนหลั่งไหลพลุกพล่าน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทว่าปลายถนนกลับมีร้านหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากเฉียดใกล้หากไม่จำเป็นแต่กลับเป็นร้านที่ฮวงจุ้ยโดดเด่น ร้านดังกล่าวมีชื่อว่า......อันเหมียนถังหน้าร้านแขวนโคมกระดาษสีขาว สลักตัวหนังสือคำว่า “หลับใหลอย่างสงบ” ริ้วผ้าขาวพาดเหนือป้ายไม้สีหม่นที่จารึกชื่อร้านชัดเจน ยามลมพัดเงาโคมไฟไหวระริก เงาทอดลงพื้นดุจวิญญาณเร่ร่อนชวนผู้ผ่านทางขนลุกขนพอง ผู้คนที่เดินมาเพียงเหลือบมองก็มักเบี่ยงหลบ หรือข้ามถนนไปอีกฟากเพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นอวลชื้นของกำยานและสมุนไพรประตูไม้สีดำเปิดแง้ม กลิ่นไม้สนผสมขี้ผึ้งที่ใช้เคลือบโลงโชยคลุ้งไปกับกลิ่นเย็นของใบส้มโอ กานพลู และดอกเบญจมาศแห้ง บรรยากาศข้างในกว้างใหญ่แต่ขรึมเงียบสงบ ริมผนังเรียงรายด้วยโลงศพหลากหลายแบบบางใบสลักลายเมฆ ลายดอกเหมย บางใบเรียบง่ายสงบเสงี่ยมโต๊ะเก็บเงิน

  • ข้าก็เป็นสวามีเช่นนี้   ตอนที่ 3 || อู่จั๋วซือหม่า

    ยามเหม่า แสงยามเช้าพลางฟ้าเพิ่งสาดสีเงินอ่อน ๆ ลงเหนือทุ่งหมู่บ้านนอกนคร เสียงนกการ้องดังอยู่บนกิ่งไม้แห้ง บริเวณบ่อร้างกลางหมู่บ้านชานเมืองจิ้งโจวบัดนี้กลับคลาคล่ำด้วยผู้คนศพหนึ่งถูกดึงขึ้นจากน้ำ วางไว้บนพื้นหญ้าชื้น มีกลิ่นเน่าคละคลุ้งจนชาวบ้านพากันปิดจมูก บ้างหันหน้าหนี บ้างอาเจียนจนตัวงอ มีเด็กหลายคนที่ตามบิดามารดามาด้วยถึงกับร้องไห้เสียงแหลมผู้ที่ยืนอยู่กลางฝูงชนในวันนี้ คือบุรุษหนุ่มในชุดยาวสีน้ำเงินเข้มเรียบง่ายสะอาดสะอ้าน ใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ ดวงตาคมเข้มภายใต้คิ้วหนา ดูเย็นชาราวน้ำแข็งเขาคือซือหม่าหยาง คุณชายสามแห่งตระกูลซือหม่า ผู้ไม่เดินตามรอยบิดา บรรพบุรุษ หรือพี่ชายพี่สาวในฐานะแม่ทัพ หากแต่เขาเลือกทางตนเองด้วยการเป็น หมอชันสูตรศพ หรืออู่จั๋ว ประจำศาลต้าหลีทหารรักษาการณ์ประจำหมู่บ้านโค้งตัวรายงาน “ศพนี้พบตั้งแต่ยามสองเมื่อคืน ก่อนรุ่งสางจึงลากขึ้นมาขอรับ (*) อู่จั๋วซือหม่า”ซือหม่าหยางพยักหน้า รับคำในลำคอสั้น ๆ ก่อนก้าวเข้าใกล้ศพที่เพิ่งวางบนเสื่อฟาง กลิ่นเหม็นคลุ้งยิ่งแรงเมื่อผ้าคลุมถูกเปิดออก ชาวบ้านหลายคนถอยกรูดด้วยสีหน้าขาวซีด กับภาพศพคนตายที่ขึ้นอืดคนยากจะจำ

  • ข้าก็เป็นสวามีเช่นนี้   ตอนที่ 2 ||คืนหยกที่อารามถานไถ่

    สายลมต้นยามเฉินพัดกลิ่นสนหอมจาง ๆ ลอยมาจากเชิงเขา ถานไถ่ สายหมอกบางลอยต่ำไปตามยอดไม้ เมื่อขบวนเสด็จเลี้ยวผ่านซุ้มประตูอาราม เสียงระฆังทองดังรับสามครั้งกังวานไปทั้งหุบเขาบนลานหินหยกหน้าวิหารใหญ่ แม่ชีในจีวรสีหม่นเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ สือเหล่าซือไท่ เจ้าอารามผู้สูงวัย ยืนรออยู่เบื้องหน้า ผมสีเงินเกล้ามวยเรียบ ใบหน้าสงบสว่างราวแสงยามเช้า นางประนมมือคำนับงดงาม“ถวายคำนับ หลีไทเฮา และ ฉางหลันจ่างกงจู่ อารามถานไถ่ยินดีต้อนรับเพคะ”ไทเฮายิ้มบาง ๆ รับคำ พลางพยักหน้าให้ขันทีและนางกำนัลถอยเป็นระยะพอเหมาะ เหลือเพียงข้ารับใช้คนสนิทสองสามนาง รวมถึง อาหลิว อากุ่ย และหลิวหมัวมัว กับติ้งกงกง ที่ตามเฝ้าฉางหลิงจ่างกงจู่ไม่ห่างสือเหล่าซือไท่เชื้อเชิญเข้าไปในวิหารใหญ่ พื้นศิลาขาวสะอาดสะท้อนเงาเปลวเทียนเป็นสาย ๆ กลางวิหารตั้ง พระประธานหินขาว สูงตระหง่าน กระถางกำยานสามขาตั้งเรียงด้านหน้า ควันหอมลอยเป็นเส้นบางขับให้บรรยากาศยิ่งสงบ“ฉางหลิงจ่างกงจู่ นำหยกกลับไปวาง ‘ที่เดิม’ เถิดเพคะ ที่ซึ่งหยิบจากมา ถือว่าคืนเจ้าของดังเดิม” เสียงสือเหล่าซือไท่เรียบอ่อน แต่มีน้ำหนักหลีไทเฮา พยักหน้าเรียกถิงเยว่าเบา ๆ “อ

  • ข้าก็เป็นสวามีเช่นนี้   ตอนที่1 ||หยกเปลี่ยนชะตา

    แสงอรุณทอประกายเหนือกำแพงสูงใหญ่ของ นครจิ้งโจว เมืองหลวงแห่งอาณาจักรต้าเจา มองจากมุมสูงจะเห็นยอดหลังคาพระราชวังสีทองอร่ามสลับกระเบื้องมรกตลุกวาวดุจคลื่นทะเลในยามเช้ามหานครจิ้งโจว แห่งนี้คือศูนย์กลางแห่งความรุ่งเรือง ผู้คนต่างเรียกขานว่า ‘หัวใจแห่งต้าเจา’ ถนนสายใหญ่ทอดตรงจากประตูเมืองสู่พระราชวัง ที่ประดับพื้นด้วยหินอ่อนที่ปูเรียงกันเป็นแนวยาวเป็นประกายวาววับเมื่อแสงแดดสาดส่องสองฟากถนนหลวงสายหลักเต็มไปด้วยหอคณิกาหรูหรา โรงสุรามีชื่อ และโรงน้ำชาที่ขุนนางและนักปราชญ์แวะเวียนไม่ขาด เสียงพิณขับกล่อมแว่วจากหน้าต่างชั้นสองคลอเคล้ากับเสียงหัวเราะรื่นเริงของบรรดานักกวีมีร้านผ้าไหมจากแดนซูโจวแขวนแพรพรรณหลากสีงดงาม ล่อตาล่อใจสตรีในตระกูลสูงศักดิ์ให้หยุดชมตลาดย่านตะวันออกอบอวลด้วยกลิ่นเครื่องเทศหอมกรุ่นจากแดนไกล หีบชาเขียวจากแคว้นหนานหรงกองสูงเป็นภูเขาถัดไปเป็นร้านขายหยกและทองคำที่เปล่งประกายราวภูผาเงินภูผาทอง เสียงพ่อค้าเรียกลูกค้าขายแข่งกันดังขรม ขณะที่เกวียนสินค้าจากหัวเมืองต่างก็ทยอยเข้ามาในนครไม่ขาดสายเหนือหลังคาร้านค้าเป็นหอชมวิวสูงเสียดฟ้า แขวนระฆังทองทุกทิศ เมื่อกระแสลมพัดผ่าน เสียง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status