Home / รักโบราณ / ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี / บทที่ 10 : เย้ ๆ ข้ามีน้ำตาลกิน...แล้ว

Share

บทที่ 10 : เย้ ๆ ข้ามีน้ำตาลกิน...แล้ว

last update Last Updated: 2025-07-02 09:00:10

บทที่ 10 : เย้ ๆ ข้ามีน้ำตาลกิน...แล้ว

          ด้านหลังหมู่บ้านหยางฮัว ในเรือนท่านยายหมี่ ทุกคนตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยความเกรงใจเจ้าของเรือน หวงชางหาบถังไม้ไปตักน้ำที่ลำธาร ฉินซื่อทำอาหารเช้าให้ท่านยายหมี่ หวงจื่อถงทำความสะอาดลานบ้าน มีเพียงเด็กน้อยสองคน ที่นั่งแกว่งเท้าไปมา ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน

          “ฉินซื่อเจ้าต้มโจ๊กน้อยไป”

          ท่านยายหมี่ตำหนินางหลังเดินมาด้านหลังเงียบ ๆ

          “ท่านยายหมี่ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้าต้มโจ๊กให้ท่านคนเดียว ประเดี๋ยวพอพี่ชางตักน้ำเต็มถังแล้ว พวกเราจะพากันไปเก็บผักป่าบนภูเขาเจ้าค่ะ”

          ฉินซื่อรีบบอก ด้วยเกรงว่าท่านยายหมี่จะหาว่านางถือวิสาสะใช้เสบียงของท่าน

          “เจ้านี่มันยังไง ข้าบอกว่าเจ้าต้มโจ๊กน้อยไป เพิ่มข้าวขาวไปอีกให้พอกินกันทุกคน”

          “แต่ท่านยายหมี่เจ้าคะ พวกข้าเอ่อ”

          “ข้าบอกให้พวกเจ้ากินก็กินไป อย่ามาเรื่องมาก”

          “ขอบคุณท่านยายหมี่เจ้าค่ะ” ฉินซื่อน้ำตาคลอเบ้าอย่างไม่รู้ตัว นางรู้ว่าท่านยายหมี่สงสารครอบครัวของนาง “แต่ข้าไม่อาจเอาเปรียบท่านยายหมี่ได้”

          “เด็กโง่ ข้าเต็มใจให้ข้าวพวกเจ้ากิน เป็นการเอาเปรียบตรงไหน เจ้าดูนั่นสามีของเจ้าหาบน้ำให้ข้าเต็มสองสามถัง ลูกชายของเจ้าก็กวาดลานบ้านข้าจนสะอาด เด็กน้อยสองคนนั้นแค่ได้มองพวกนาง ข้าก็สบายตาได้แล้ว มีสิ่งใดที่เรียกว่าเอาเปรียบกัน ข้าไม่ได้จะเลี้ยงดูพวกเจ้าไปจนตายเสียหน่อย ใช่ว่าพวกเจ้าไม่มีมือเท้าเสียเมื่อไหร่ หรือไม่คิดจะหางานการทำ”

          ท่านยายหมี่ทำเสียงดุในตอนท้าย

          ฉินซื่อรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านยายหมี่ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น พี่ชางสามารถขึ้นเขาไปหาสัตว์ป่าได้ หรือไม่ก็ไปรับจ้างในอำเภอก็ได้ ส่วนข้าก็สามารถซักผ้าทำกับข้าวให้ท่านได้”

          “ขอเพียงพวกเจ้าไม่ยอมแพ้ สิ่งใดก็เป็นไปได้ทั้งนั้น”

          ท่านยายหมี่เช็ดน้ำตาให้ฉินซื่อ ในใจหนักอึ้งอยู่ไม่น้อย แม้นางจะเอ็นดูพวกเขา นั่นเพราะค่าเช่าห้าสิบอีแปะที่ท่านยายเจียงมอบให้ ถึงสามารถซื้อเสบียงมาเพิ่มได้ หากหมดแล้วไม่มีค่าเช่าก็ยังไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อ

          ลำธารประจำหมู่บ้าน อยู่ไกลจากเรือนของท่านยายหมี่ไม่มากนัก ใช้เวลาเดินไปกลับเพียงหนึ่งเค่อ ทว่าอยู่ไกลจากเรือนของท่านยายเจียงเล็กน้อย สองพี่น้องตระกูลหวงได้พบกันที่ลำธาร จึงได้หยุดพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง

          “น้องสามเมื่อวานพวกเจ้าคงหิวโหยน่าดู ท่านยายอยากแบ่งปันอาหารให้พวกเจ้า แต่ท่านแม่ห้ามเอาไว้” หวงเต๋อมีนิสัยอ่อนโยนและไม่มีปากเสียงมาแต่ไหนแต่ไร เขาได้แต่สงสารน้องชายแต่ไม่กล้ายื่นมือช่วยเหลือ

          “พี่รองเหตุใดท่านแม่ต้องห้ามด้วยเล่า” ความลำเอียงเมื่อได้รับนานวันเข้า หวงชางรู้สึกเจ็บปวดจนด้านชากับมันแล้วเหมือนกัน

          “ท่านแม่บอกว่าพวกเจ้าไม่หิวกันหรอก เก็บเอาไว้ให้หลานชายสองคนของบ้านใหญ่กินดีกว่า” หวงเต๋อกล่าวแล้วระบายลมหายใจออกไปด้วย “เจ้ามาตักน้ำเช่นนี้มีแรงรึ” เขาใช้ถังไม้ตักน้ำในลำธารไปด้วยระหว่างถาม

          หวงชาง “ท่านยายหมี่สงสาร เลยให้โจ๊กพวกข้ากินคนละไม่กี่คำ”

          “ยังดี ๆ”

          “ข้าเกรงใจท่านยายหมี่มาก ที่เรือนของท่านยายหมี่เองก็ไม่มีเสบียงเหลือแล้ว ตอนกลางวันกะว่าจะขึ้นไปล่าสัตว์ป่าบนภูเขาดู พี่รองท่านสนใจไปด้วยกันไหม”

          “น้องสามเจ้าก็รู้ว่าข้าล่าสัตว์ไม่เป็น ข้าตั้งใจไปหางานในอำเภอทำ พี่ใหญ่ก็ตั้งใจไว้เช่นนี้”

          “เช่นนั้นฝากท่านหางานเผื่อข้าด้วยก็แล้วกัน ข้าคงต้องหาทางให้อิ่มท้องก่อน ถึงจะมีแรงออกไปหางานทำที่อื่น”

          หวงชางหมดหวังกับบิดามารดาของตนแล้ว หวังเพิ่งพาท่านยายเจียงคงเป็นไปได้ยาก สตรีที่ถูกไล่ออกจากเรือนต้องเลี้ยงดูหลานสาวเพียงลำพัง ในวัยไม้ใกล้ฝั่งเช่นนี้ ไหนเลยจะง่ายดาย

          “ข้าจะลองหาดูให้” หวงเต๋อเอ่ยคล้ายคนขาดความมั่นใจ หางานในอำเภอไหนเลยจะง่ายดายเพียงนั้น

          หลังกินมื้อเช้ากันอิ่มแล้ว หวงชางก็พาบุตรชายขึ้นไปบนภูเขา หลินลู่ฉีได้แต่มองตามตาละห้อย แค่นางเอ่ยปากอยากไปด้วย ทุกคนก็ลูบศีรษะนางแล้วหัวเราะเบา ๆ ไม่มีใครใส่ใจในคำพูดของนางเลย

          “เจ้าจะขึ้นไปให้เป็นภาระลุงของเจ้ารึ” ท่านยายหมี่เอ็นดูนางเป็นอย่างมาก เด็กคนนี้รู้ความกว่าหวงจื่อเหยา ที่อายุมากกว่าหนึ่งปีเสียอีก เด็กคนนั้นยังร้องไห้หาพ่อแม่อยู่บ้าง แต่หลินลู่ฉีกลับไม่เคยร้องไห้เลยสักครั้ง

          “ข้าอยากช่วยหาของกิน” เด็กน้อยเอ่ยอย่างหมดอาลัยตายอยาก

          “อยู่กับข้านี่มีของกินเยอะแยะ จะขึ้นเขาไปให้ลำบากทำไม”

          “ท่านยายโกหก”

          “เจ้าเด็กนี่กล้าว่าข้ารึ” ท่านยายหมี่จิ้มหน้าผากนางแรง ๆ เจ้าตัวน้อยเซหงายหลังเกือบล้ม

          “เจ็บ”

          “สมควรโดนแล้ว” ท่านยายหมี่ยิ้มขำนาง ก่อนจะล้วงก้อนน้ำตาลออกมาจากแขนเสื้อ “เห็นไหมนี่อย่างไรล่ะ”

          สีหน้าตั้งความหวังของท่านยายหมี่ ทำเอาหลินลู่ฉีร้อนรนขึ้นมา

          ข้าต้องดีใจใช่ไหม

          กำปั้นน้อยยกขึ้นเหนือศีรษะ เขย่าเบา ๆ พร้อมเอ่ย “เย้ ๆ ข้ามีน้ำตาลกิน...แล้ว”

          “เจ้าเด็กนี่เหตุใดดีใจได้จอมปลอมเพียงนี้ ฉินซื่อสมองนางมีปัญหาหรือไม่” หญิงชรารีบตะโกนถามหลินซื่อ ที่กำลังเช็ดหน้าเช็ดตา ให้บุตรสาวอยู่หน้าห้องครัว

          “ท่านยายหมี่นางไม่ได้มีปัญหานะเจ้าคะ ปกติดีทุกอย่างแค่จดจำอดีตไม่ค่อยได้ ถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง” ฉินซื่อตะโกนออกมา พร้อมจูงมือบุตรสาวออกมาด้วย

          “น้ำตาล !” หวงจื่อเหยาตาวาวเป็นประกาย วิ่งไปหยุดอยู่หน้าก้อนน้ำตาลในมือของท่านยายหมี่ อีกทั้งน้ำลายยังไหลออกจากมุมปากอีกต่างหาก

          อี๋ หลินลู่ฉีรังเกียจยิ่งนัก

          “มันต้องแบบนี้สิ อ๊ะ ให้เหยาเอ๋อร์หนึ่งก้อน” ท่านยายหมี่ยื่นก้อนน้ำตาลให้หวงจื่อเหยา

          “ขอบคุณเจ้าค่ะ” หวงจื่อเหยาประคองก้อนน้ำตาลในมืออย่างหวงแหน ค่อย ๆ แทะเลียกินอย่างระมัดระวัง

          “ก้อนนี้ให้ฉีฉีน้อย”

          “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านยาย” หลินลู่ฉีจำต้องเลียนแบบหวงจื่อเหยา เพียงแต่นางค่อย ๆ เลียกินพอเป็นพิธี

          “เด็กคนนี้แปลกนัก” ท่านยายหมี่ยิ่งมองยิ่งเห็นความต่าง

          ฉินซื่อเองก็เห็นความแตกต่างของเด็กน้อยทั้งสอง “เพราะฉีฉีคือเด็กที่พวกข้าเก็บมาจากข้างทาง นางเลยค่อนข้างขลาดกลัวเจ้าค่ะท่านยายหมี่”

          “อย่างนั้นรึ” หญิงชราหรี่ตาลงอย่างแปลกใจ ท่าทางของเด็กน้อยนั่นไม่ใช่ขลาดกลัวเสียหน่อย เหมือนรังเกียจก้อนน้ำตาลในมือเสียมากกว่า ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ

          “ท่านยายหมี่เจ้าคะ ข้าตั้งใจจะไปเก็บผักป่ารอบ ๆ ตีนเขาเสียหน่อย ไม่รู้ว่าสามารถพาเด็ก ๆ ไปด้วยได้ไหม” นางเกรงใจไม่กล้าออกปากฝากเด็กไว้กับท่านยายหมี่

          “พาไปได้ตีนเขาไม่มีสัตว์ป่าลงมาหรอก อีกอย่างบนเขาจะยังเหลือสัตว์ป่าอยู่ไหมก็ไม่รู้ แต่ผักป่าตีนเขาไม่ค่อยเหลือแล้ว ชาวบ้านเก็บกินกันหมด”

          “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ไปสำรวจพื้นที่รอบ ๆ เขาดูก็ยังดี”

          หลินลู่ฉีแทะก้อนน้ำตาลไปพร้อมลุ้นไปด้วย นางอยากไปหาของป่าเหมือนกันนะ

          “เอาแบบนี้แล้วกัน ข้าเองก็อยู่บ้านว่าง ๆ ข้านำทางเจ้าไปดีกว่า จะได้ช่วยดูเด็ก ๆ ด้วย”

          “รบกวนท่านยายหมี่เกินไปหรือไม่”

          “ไม่รบกวน ๆ ปกติข้าไม่ค่อยได้ออกไปไหน ผักป่าไหนเลยจะได้กินเหมือนคนอื่น ไป ๆ เอาน้ำกรอกใส่กระบอกไม้ไผ่ไปด้วย เผื่อเด็ก ๆ หิวระหว่างทาง”

          “เจ้าค่ะ” หลินซื่อรีบไปทำตามที่ท่านยายหมี่บอก

          ลับหลังผู้ใหญ่ทั้งสอง หลินลู่ฉีก็ยัดก้อนน้ำตาลใส่มือของหวงจื่อเหยา “ข้าอิ่มแล้วพี่จื่อเหยากินเถอะ”

          “น้องสาวเจ้าไม่กินจริงรึ นี่มันอร่อยมากเลยนะ”

          “ข้าไม่กินแล้ว พี่จื่อเหยากินเถอะ” นางรีบไปล้างมือเพื่อเตรียมตัวขึ้นเขาไปกับผู้ใหญ่

          บนหลังของฉินซื่อมีตะกร้าอยู่หนึ่งใบ ท่านยายหมี่เดินตัวปลิวนำหน้า เด็ก ๆ วิ่งตามหลังไปติด ๆ ฉินซื่อรั้งท้าย เป็นการเดินขึ้นเขาไปอย่างไม่รีบร้อน เด็ก ๆ แวะเล่นกับผีเสื้อข้างทาง ผู้ใหญ่ก็ไม่เร่งเร้าพวกนาง หลินลู่ฉีอยากไปถึงที่เก็บผักป่าเร็ว ๆ นางจึงรีบวิ่งนำหน้าไปก่อน หวงจื่อเหยาเมื่อไม่เห็นน้องสาว นางก็เลิกสนใจผีเสื้อวิ่งตามหลังหลินลู่ฉีไปติด ๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 252 : ฮูหยินลูกแย่งที่นอนข้า  (จบ)

    บทที่ 252 : ฮูหยินลูกแย่งที่นอนข้า หวงชางพยักหน้าลงเล็กน้อย “ได้ต่อไปข้ากับอาอี้จะเรียกเจ้าว่าอี้หาน เจ้ากลับบ้านเดิมภรรยาทั้งที เหตุใดต้องหอบของขวัญมามากมายถึงเพียงนี้” “แค่ของขวัญเล็กน้อยเท่านั้น” หลินลู่ฉีรีบฟ้อง “ดีที่ข้าห้ามเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นสามีข้าคงขนมาทั้งคลังเป็นแน่” “เจ้าเด็กนี่เรียกสามีข้าเต็มปากเต็มคำ หน้าไม่อายจริง ๆ” ฉินซื่ออดเย้านางไม่ได้ “ท่านป้าท่านล้อข้า” “แต่งงานกันแล้วย่อมเป็นเรื่องธรรมดา อี้หานต่อไปก็รักและดูแลฉีฉีของพวกข้าให้ดี ๆ อย่าทำให้นางต้องเสียใจรู้ไหม” “ขอรับท่านป้าข้ารับปากท่าน ข้าซุนอี้หาน

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 251 : ข้าอายุสิบแปดปีเองนะ จะรีบร้อนมีลูกไปทำไม   

    บทที่ 251 : ข้าอายุสิบแปดปีเองนะ จะรีบร้อนมีลูกไปทำไม หลังจากกินมื้อกลางวันอิ่มกันแล้ว พ่อบ้านได้นำกล่องของขวัญ กับจดหมายมามอบให้หลินลู่ฉี บอกว่าเป็นของท่านอาจารย์ของนางมอบให้ในวันแต่งงาน “อาจารย์ปู่อย่างนั้นรึ” หลินลู่ฉีรีบเปิดซองจดหมายอ่านก่อนเป็นอันดับแรก เนื้อหาในนั้นเป็นการขอโทษ ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานแต่งของนางได้ เพราะระยะทางอยู่ไกลนับพันลี้ แม้เดินทางด้วยม้าเร็วก็คงมาไม่ทันอยู่ดี จึงได้ส่งของขวัญกับจดหมายมาให้แทน นอกจากคำอวยพรแล้ว อาจารย์ปู่ยังมอบป้ายไม้แกะสลักให้นางอีกด้วย ซุนอี้หาน “นี่ป้ายอะไรกัน” “อาจารย์ปู่เขียนบอกว่า เป็นป้ายประจำตัวเจ้าของตำหนักยา” “ตำหนักยา ? นั่นไม่ใช

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 250 : เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าทำกันไปแล้วหรือ

    บทที่ 250 : เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าทำกันไปแล้วหรือ ภายในห้องหอซุนอี้หานกำลังเงี่ยหูฟังเสียงจากนอกประตู เมื่อรู้ว่าคนเหล่านั้นไม่อยู่แล้ว จึงได้หันไปทางเจ้าสาวที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียงนอน เจ้าไปนั่งบนเตียงตั้งเมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านั่งอยู่บนเก้าอี้รึ ซุนอี้หานทั้งขำทั้งเอ็นดูนาง หลินลู่ฉีกำลังนั่งด้วยความรู้สึกประหม่าแกมตื่นเต้น นางมองผ่านชายผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดง เห็นเพียงหัวรองเท้าเจ้าบ่าวที่เดินมาหยุดอยู่ เขาเอื้อมจับชายผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ค่อย ๆ ยกขึ้นตลบไปไว้ด้านหลัง เจ้าสาวผู้มีใบหน้าอันงดงาม ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเขินอาย ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มเข้าออก คล้ายคนไม่รู้จะเอ่ยคำพูดใดออกมา “ฉีฉีเจ้างามมาก” ดวงตาปรือเยิ้มมองเจ้าสาวอย่างลุ่มหลง

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 249 : ใครจะหย่ากับข้า !

    บทที่ 249 : ใครจะหย่ากับข้า ! บรรดาญาติสหายและคนรู้จัก ที่พากันมาส่งตัวเจ้าสาว ต่างยืนดูพิธีการตรงหน้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มกันทุกคน “ตอนแรกข้าอยากเสนอตัวแบกเจ้าสาวด้วยตัวเอง แต่ว่าคิดไปคิดมาข้าเทียบหวงจื่อถงไม่ได้จริง ๆ เขามีความเป็นพี่ชายมากกว่าข้าเสียอีก” เซี่ยเฉินจิ่นเอ่ยเบา ๆ เซี่ยเฉินฟู่กอดอกมองภาพตรงหน้า แล้วพยักหน้าลงเบา ๆ “ท่านแบกพี่สาวไม่ไหวหรอก เกิดทำเจ้าสาวหกล้มขึ้นมา ทำฤกษ์มงคลเสียหายหมด ให้พี่จื่อถงแบกนั่นแหละดีแล้ว” เซี่ยเฉินจิ่น “...” เจ้ายังใช่น้องชายข้าอยู่ไหม ฉวีฮูหยิน “ต่อไปนางก็มีครอบครัวของตัวเอง มีสามีลูกมีหลานเต็มบ้าน ไม่เดือดร้อนพวกเจ้าให้เป็นห่วงนางหรอก” ครอบครัวตระกูลเซี่ยยืนมองเกี้ยวเจ้าสา

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 248 : ข้าซุนอี้หานขอสาบานด้วยชีวิต ข้าจะไม่มีวันทำให้นางเสียใจเด็ดขาด 

    บทที่ 248 : ข้าซุนอี้หานขอสาบานด้วยชีวิต ข้าจะไม่มีวันทำให้นางเสียใจเด็ดขาด “ฉีฉี” ฉินซื่อลูบศีรษะของนางอย่างอ่อนโยน น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าตามนางไปด้วย ทั้งลูบทั้งกอดปลอบโยนนาง “เด็กน้อยในวันนั้น ได้นำพาครอบครัวของพวกเรา เดินทางผ่านร้อนผ่านหนาวมาไกลถึงเพียงนี้ รู้ไหมว่าป้าภูมิใจในตัวของเจ้ามากแค่ไหน” “ท่านป้า ฮะฮรึก...ฮือ ๆ ๆ” เป็นครั้งแรกที่ฉินซื่อได้เห็นหลินลู่ฉี ปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาเช่นนี้ เหมือนกำแพงความเข้มแข็งในใจของนาง ได้พังทลายลงแล้ว “เด็กดีไม่ร้อง ๆ เจ้าสาวจะตาบวมหมดงามเอาได้” “ขะข้า...ฮะฮรึก จะไม่ร้องแล้ว ฮะฮรึก !” คนพูดสะอื้นเป็นจังหวะ “เจ้

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 247 : หวีครั้งแรกขอให้ชีวิตคู่ยืนยาว    

    บทที่ 247 : หวีครั้งแรกขอให้ชีวิตคู่ยืนยาว หลินลู่ฉีไปหาฉินซื่อที่เรือน พบว่านางกำลังปักชุดเจ้าสาวให้ตัวเองอยู่ หวงจื่อเหยาที่ได้เวลาใกล้คลอดแล้ว นางมาหามารดาเพื่อดูว่ามีอะไรให้ช่วยบ้าง “ท้องโตขนาดนี้ยังขึ้นรถม้าไปโน่นมานี่อีก ชุดเจ้าสาวของฉีฉีข้าทำเองได้เจ้าไม่ต้องช่วย” เสียงของฉินซื่อเอ่ยบ่นบุตรสาว ดังออกมาจากเรือนของนาง “ท่านแม่ฉีฉีของพวกเราจะออกเรือนทั้งที นางไม่ยอมรับสินเดิมจากพวกเรา มีเพียงชุดแต่งงานนี่แหละ ที่พวกเราพอจะทำให้นางได้” หลินลู่ฉีกระแอมเบา ๆ สองแม่ลูกก็หันมามองนางในทันที “เจ้ามาแอบฟังข้ากับท่านแม่พูดคุยกันใช่ไหม” “พี่จื่อเหยาท่านใส่ร้ายข้า” นางออดอ้อนเป็นเด็กน้อยทันที &ld

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status