หน้าหลัก / รักโบราณ / ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี / บทที่ 12 : ท่านยายหมี่ข้ากับถงเอ๋อร์ได้ไก่ป่ามาหนึ่งตัวขอรับ

แชร์

บทที่ 12 : ท่านยายหมี่ข้ากับถงเอ๋อร์ได้ไก่ป่ามาหนึ่งตัวขอรับ

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-02 09:00:10

บทที่ 12 : ท่านยายหมี่ข้ากับถงเอ๋อร์ได้ไก่ป่ามาหนึ่งตัวขอรับ

          เมื่อกลับไปถึงเรือนของท่านยายหมี่ พบหม่าซูเหวินมายืนชะเง้อคอมองเข้าไปในเรือนอยู่ก่อนหน้าแล้ว

          “เหวินเอ๋อร์มาหายายหรือลูก” ท่านยายหมี่ทักถามนาง

          “ข้านึกว่าพวกท่านอยู่ในเรือนกัน ข้ามาดูครอบครัวพี่ชายหวงชางเจ้าค่ะท่านยายหมี่” หม่าซูเหวินได้รับการไหว้วานจากผู้เป็นย่า ให้มาสอบถามความเป็นอยู่ของคนบ้านสาม

          “เข้าบ้านก่อนค่อยคุยกัน” ท่านยายหมี่เดินนำหน้าทุกคนเปิดประตูเข้าไปในเรือน

          ไม่มีน้ำชาต้อนรับแขก ฉินซื่อจึงนำน้ำร้อนออกมาวางไว้บนโต๊ะแทน

          “ขอบคุณพี่สะใภ้สามเจ้าค่ะ”

          ฉินซื่อ “ท่านยายให้น้องซูเหวินมาดูพวกข้ารึ”

          “เจ้าค่ะ ท่านย่าให้มาถามว่า พวกท่านต้องการความช่วยเหลืออื่นอีกหรือไม่”

          หม่าซูเหวินเอ่ยเหมือนไม่ค่อยเต็มใจเท่าใดนัก ท่านย่าของนางคงอยากรู้ว่าเมื่อวานนี้ พวกเขามีข้าวกินหรือไม่ รวมถึงวันนี้ทั้งวันอีกด้วย เพราะนางเจียงไม่ยอมแบ่งอาหารมาให้เลยสักครั้ง

          “พวกข้าไม่ต้องการอะไรแล้วล่ะ เมื่อวานนี้ท่านยายหมี่แบ่งปันอาหารให้แล้ว วันนี้พากันเข้าไปเก็บผักป่ามาอีกด้วย ส่วนพี่ชางพาถงเอ๋อร์ขึ้นไปล่าสัตว์ป่าบนภูเขา น่าจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง ฝากเจ้าขอบคุณท่านยายแทนข้าด้วย”

          ได้ยินแล้วหม่าซูเหวินนึกแปลกใจ คนที่เรือนของท่านย่า เอาแต่อยากได้โน่นนี่อยู่ตลอดเวลา เหตุใดคนบ้านสามถึงแสดงออกในทิศทางตรงกันข้าม

          “เหวินเอ๋อร์บอกย่าเจ้าว่าไม่ต้องเป็นห่วง อยู่กับข้าแม้ไม่ได้สะดวกสบาย แต่ข้าไม่เอาเปรียบพวกเขาแน่นอน ฉินซื่อเป็นคนขยันช่วยข้าทำงานบ้านตั้งหลายอย่าง สามีของนางก็หาบน้ำหาของป่า มีหรือจะอยู่รอดไม่ได้ บอกย่าเจ้าวางใจเถอะ”

          ท่านยายหมี่เข้าใจถึงเจตนาของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

          “ข้าจะกลับไปบอกท่านย่าตามนี้เจ้าค่ะ”

          ฉินซื่อรีบเรียกนางไว้ก่อน “น้องซูเหวินนำผักป่ากลับไปฝากท่านยายด้วยสิ ข้าเก็บมาได้เต็มตะกร้าเลย กินกันไม่หมดหรอก”

          “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ที่บ้านไม่ได้ขาดอาหารการกิน พี่สะใภ้สามเก็บไว้เถอะ” นางรู้ว่าฉินซื่อกำลังอยู่ในช่วงเวลายากลำบาก จึงไม่อยากเอารัดเอาเปรียบนาง “พี่สะใภ้สามท่านยายหมี่ ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ”

          ท่านยายหมี่หันมามองฉินซื่อ เห็นสีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก จึงได้เอ่ยออกไปว่า “เจ้าทำถูกแล้วเรื่องเก็บเงินได้นั้น อย่าเพิ่งบอกพวกเขาเลย”

          “ข้าคิดว่าจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับสามีก่อนเจ้าค่ะ”

          ท่านยายหมี่หัวเราะเบา ๆ “เอาเช่นนั้นแหละ อย่างไรก็เป็นสามีภรรยากัน ทำอะไรก็ต้องหารือกันถูกต้องแล้ว แต่หากเป็นข้า ข้าไม่บอกพวกเขาหรอกนะ”

          หญิงชราเอ่ยเพียงเท่านั้นก็เดินกลับไปในห้องนอนของตัวเอง แม้ไม่เข้าใจสถานการณ์ของคนตระกูลหวง แต่การที่โยนพวกเขามาอยู่ในเรือนของตน แล้วไม่มอบเสบียงมาให้นั้น คิดว่าคงมีเรื่องราวแอบแฝงอยู่เป็นแน่ เพราะท่านยายเจียงที่ตนรู้จัก ไม่ใช่คนใจจืดใจดำเช่นนั้น

          สองพ่อลูกบ้านสามลงมาจากภูเขาในช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ก่อนหน้าพวกเขาสอบถามชาวบ้าน ระหว่างเดินทางขึ้นเขาไปด้วย จึงได้รู้ว่าจุดไหนสามารถเดินเข้าไปล่าสัตว์ป่าได้ แต่พวกเขาไม่มีอาวุธสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ มีเพียงมีดสั้นอันเดียวที่พกติดตัวมาตั้งแต่ออกจากหมู่บ้าน สุดท้ายก็ล่าได้เพียงไก่ป่ามาหนึ่งตัว

          กลิ่นหอมของอาหารโชยออกมาจากเรือนของท่านยายหมี่ เด็กน้อยสองคนวิ่งเล่นกันอยู่หน้าลาน พวกนางนอนกลางวันไปแล้ว จึงตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น หลินลู่ฉีไม่อยากวิ่งเล่นแต่นางทนการรบเร้าของหวงจื่อเหยาไม่ได้ เมื่อเกิดใหม่เป็นเด็กก็ต้องเล่นซนให้สมกับวัย

          “ท่านยายหมี่ข้ากับถงเอ๋อร์ได้ไก่ป่ามาหนึ่งตัวขอรับ” หวงชางบอกคนในเรือนด้วยความดีใจ กว่าจะได้ไก่ป่ามาหนึ่งตัวเขาต้องใช้เวลาทั้งวันเลยทีเดียว

          ท่านยายหมี่มองไปที่ไก่ป่าแล้วเอ่ยชม “ดี ๆ สองพ่อลูกคู่นี้เก่งใช้ได้ เอามันไปไว้ในครัวก่อน เมียของเจ้ากำลังทำกับข้าวอยู่ ประเดี๋ยวจะได้กินพร้อมหน้าพร้อมตากัน”

          เด็กน้อยสองคนวิ่งคนเข้ามาล้อมรอบ ขอดูไก่ป่าในมือของพี่ชาย ทว่าไก่ตัวนี้ถูกมีดปักกลางลำตัวจึงไร้ชีวิตไปแล้ว พวกนางด้อม ๆ มอง ๆ แล้วหมุนตัวไปเล่นต่อ ไก่ไม่กระติกตัวเล่นไปก็ไม่สนุก

          “อาอี้ทำกับข้าว” หวงชางมีท่าทีเกรงใจขึ้นมา

          ท่านยายหมี่อมยิ้มเล็กน้อย “เจ้าไปหานางเถอะ นางมีเรื่องดี ๆ จะบอกเจ้าด้วย ถงเอ๋อร์เอาไก่ป่ามาให้ยายดูใกล้ ๆ หน่อยสิลูก”

          “อยู่นี่ขอรับท่านยาย”

          “ไหนเล่าให้ยายฟังหน่อยว่าจับมันได้อย่างไร” หญิงชราต้องการแยกเด็กชายออกจากบุพการีชั่วครู่ เพื่อให้พวกเขาได้พูดคุยเรื่องสำคัญกันในห้องครัว

          ฉินซื่อทำกับข้าวเสร็จพอดี วันนี้มีเนื้อหมูกินกันนางจึงตั้งใจทำเป็นอย่างมาก ครั้นเห็นสามีเดินเข้าห้องครัวมา นางก็รีบเล่าเรื่องหลินลู่ฉีเก็บถุงเหอเปาได้ พร้อมนำก้อนเงินที่เหลือออกมาให้เขาดู

          “อาอี้เจ้าทำถูกแล้ว หากท่านยายหมี่ไม่พาฉีฉีไปถ่ายเบาตรงนั้น ไหนเลยนางจะเห็นถุงเหอเปา” แววตาของหวงชางแลดูผ่อนคลายขึ้น เมื่อมีเงินก้อนนี้อยู่ในมือ ภายภาคหน้าคงไม่ต้องอดอยากอีกต่อไป

          “พี่ชางท่านคิดว่าพวกเราควรแบ่งเงินก้อนนี้ให้ท่านพ่อท่านแม่หรือไม่” ฉินซื่อกัดลิ้นตัวเองไปด้วยระหว่างถามสามี

          หวงชางชะงักไปครู่หนึ่ง หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงยึดหลักกตัญญูมาก่อน แต่วันนี้พี่รองได้เล่าบางเรื่องให้ฟัง ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย ไม่อาจตัดสินใจเรื่องเงินได้ในทันที

          ฉินซื่อเห็นสามีลังเล จึงเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้น้องซูเหวินมาหาพวกเรา ท่านยายให้มาถามว่าพวกเรา ต้องการความช่วยเหลืออะไรอีกหรือไม่ ข้าได้ปฏิเสธไปเพราะเกรงใจ ที่บ้านของท่านยายต้องแบกรับภาระอีกหลายคน อีกทั้งพวกเรายังมีก้อนเงินนี้อยู่ด้วย พี่ชางท่านว่าข้าทำถูกไหม”

          หวงชางลูบต้นแขนภรรยาเบา ๆ “อาอี้เจ้าทำถูกแล้วล่ะ” ท่านยายเป็นคนถาม หาใช่บิดามารดาของเขาไม่ จึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่ลำธารให้ฉินซื่อฟัง

          ฉินซื่อฟังจบก็หัวร้อนขึ้นในทันที “เหตุใดท่านแม่ถึงได้ทำเช่นนี้ หากท่านยายหมี่ไม่แบ่งข้าวให้พวกเรากิน...เฮ้อ”

          “เงินนี่อย่าให้ที่บ้านหลักรู้เลย ข้าว่าเจ้ารอดูอีกสองสามวันเถอะ หากท่านแม่แบ่งข้าวมาให้พวกเราบ้าง ข้าอาจจะลองคิดดูใหม่อีกที” หวงชางตัดสินใจดีแล้ว

          “ข้าฟังท่าน วันนี้ข้าแบ่งเงินไปซื้อเนื้อหมูมาด้วย ท่านยายหมี่เป็นคนไปซื้อ นางบอกว่าไม่อยากให้คนอื่นมาจับผิดข้าได้ เกรงว่าท่านคงอยากช่วยพวกเราอยู่เหมือนกัน”

          คนนอกยังเต็มใจช่วยเหลือพวกเขา แต่คนในครอบครัวกลับทอดทิ้งเสียอย่างนั้น หวงชางพูดไม่ออกจริง ๆ

          อาหารเย็นมื้อนี้ทางนางเจียงไม่ยอมแบ่งมาให้ครอบครัวของหวงชางจริง ๆ ท่านยายเจียงถึงกับตำหนินางออกไปตรง ๆ

          “หวงชางไปอยู่เรือนของท่านยายหมี่ แน่นอนว่านางไม่ใช่ตระหนี่อันใด อาจแบ่งปันอาหารให้พวกเขาบ้าง แต่เจ้าเป็นแม่ของเขาแท้ ๆ กลับไม่ยอมแบ่งปันอาหารไปให้ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่อาเหมย”

          หวงชางไม่กล้าขอความช่วยเหลือ ความอ่อนน้อมถ่อมตนนี้ทำให้ท่านยายเจียง เกิดความรู้สึกเห็นใจพวกเขาขึ้นมา มื้อเย็นนี้จึงได้แบ่งอาหารเอาไว้ให้พวกเขา มอบให้นางเจียงเป็นคนนำไปให้ที่เรือนของท่านยายหมี่ แต่พอรู้ตัวอีกทีอาหารที่แบ่งไว้นั้น ถูกหลานชายของนางเจียงกินหมดเกลี้ยง ไม่เหลือข้าวแม้แต่เม็ดเดียว

          นางเจียง “ท่านน้าท่านอย่าเพิ่งโกรธไปเลย ท่านบอกเองว่าท่านยายหมี่แบ่งปันอาหารให้พวกเขาแล้ว แต่หลาน ๆ ของข้ายังกินกันไม่อิ่มด้วยซ้ำ”

          “เหลวไหล ! ท่านยายหมี่มีน้ำใจ แต่เจ้ากล้าเอาเปรียบนางรึ”

          “ท่านน้าอย่าเพิ่งโกรธสิเจ้าคะ เจ้ารองบอกว่าเจ้าสามจะเข้าป่าไปล่าสัตว์ ฉินซื่อก็คงไปหาผักป่ามากินประทังชีวิต พวกเขาไม่เดือดร้อนหรอกเจ้าค่ะ หากอดอยากกันจริง ๆ คงมาขอความช่วยเหลือที่นี่แล้ว” นางเจียงแก้ตัวไปเรื่อย

          ท่านยายเจียงถึงขั้นส่ายหน้าให้หลานสาว ผู้ไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดีของตน

          “เจ้านี่มันเกินจะเยียวยาแล้วจริง ๆ” นางลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนของตนเองไปด้วยความโกรธ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 11 : ก้อนหินนี่นา

    บทที่ 11 : ก้อนหินนี่นา ราวสองเค่อพวกเขาได้เดินมาถึงแหล่งเก็บผักป่าของชาวบ้าน แถวนี้เหลือผักป่าให้เก็บไม่มากนัก ฉินซื่อมองไปทางท่านยายหมี่ เอ่ย “ท่านนั่งเล่นกับเด็ก ๆ ใต้ต้นไม้เถอะเจ้าค่ะ ผักป่าตรงนี้มีไม่เยอะ ข้าเก็บครู่เดียวก็หมดแล้ว” “ได้ ๆ เจ้าไปเถอะ” ท่านยายหมี่เดินไปนั่งลงใต้ต้นไม้ มองเด็ก ๆ วิ่งเล่นไปมา เป็นช่วงเวลาที่แปลกใหม่สำหรับหญิงชรา เพิ่งเข้าใจคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน ที่มักมาอวดลูกอวดหลานอยู่เสมอ เด็กน้อยน่ารักเพียงนี้ ทว่าแอบผอมแห้งไปเสียหน่อย หากได้บำรุงเรื่องอาหารการกินดี ๆ คงอวบอ้วนกลายเป็นซาลาเปาก้อนน้อย ๆ มีหรือคนเห็นจะไม่รักไม่หลงได้ นางคิดไปไกลเกินตัวเสียแล้ว&nbs

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 10 : เย้ ๆ ข้ามีน้ำตาลกิน...แล้ว

    บทที่ 10 : เย้ ๆ ข้ามีน้ำตาลกิน...แล้ว ด้านหลังหมู่บ้านหยางฮัว ในเรือนท่านยายหมี่ ทุกคนตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยความเกรงใจเจ้าของเรือน หวงชางหาบถังไม้ไปตักน้ำที่ลำธาร ฉินซื่อทำอาหารเช้าให้ท่านยายหมี่ หวงจื่อถงทำความสะอาดลานบ้าน มีเพียงเด็กน้อยสองคน ที่นั่งแกว่งเท้าไปมา ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน “ฉินซื่อเจ้าต้มโจ๊กน้อยไป” ท่านยายหมี่ตำหนินางหลังเดินมาด้านหลังเงียบ ๆ “ท่านยายหมี่ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้าต้มโจ๊กให้ท่านคนเดียว ประเดี๋ยวพอพี่ชางตักน้ำเต็มถังแล้ว พวกเราจะพากันไปเก็บผักป่าบนภูเขาเจ้าค่ะ” ฉินซื่อรีบบอก ด้วยเกรงว่าท่านยายหมี่จะหาว่านางถือวิสาสะใช้เสบียงของท่าน “เจ้านี่มันยังไง

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 12 : ท่านยายหมี่ข้ากับถงเอ๋อร์ได้ไก่ป่ามาหนึ่งตัวขอรับ

    บทที่ 12 : ท่านยายหมี่ข้ากับถงเอ๋อร์ได้ไก่ป่ามาหนึ่งตัวขอรับ เมื่อกลับไปถึงเรือนของท่านยายหมี่ พบหม่าซูเหวินมายืนชะเง้อคอมองเข้าไปในเรือนอยู่ก่อนหน้าแล้ว “เหวินเอ๋อร์มาหายายหรือลูก” ท่านยายหมี่ทักถามนาง “ข้านึกว่าพวกท่านอยู่ในเรือนกัน ข้ามาดูครอบครัวพี่ชายหวงชางเจ้าค่ะท่านยายหมี่” หม่าซูเหวินได้รับการไหว้วานจากผู้เป็นย่า ให้มาสอบถามความเป็นอยู่ของคนบ้านสาม “เข้าบ้านก่อนค่อยคุยกัน” ท่านยายหมี่เดินนำหน้าทุกคนเปิดประตูเข้าไปในเรือน ไม่มีน้ำชาต้อนรับแขก ฉินซื่อจึงนำน้ำร้อนออกมาวางไว้บนโต๊ะแทน “ขอบคุณพี่สะใภ้สามเจ้าค่ะ”&nbs

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 8 : เจียงชุน

    บทที่ 8 : เจียงชุน หลินลู่ฉีทนสังขารของเด็กสามขวบไม่ไหว นางหลับบนหลังของหวงชางไปตลอดเส้นทาง รู้ตัวอีกทีก็ถึงหน้าเรือนของท่านยายเจียงแล้ว แม้จะอยู่ในชนบทแต่เรือนของท่านยายเจียงกลับสร้างด้วยอิฐ ซึ่งแตกต่างจากบ้านของชาวบ้าน ที่ส่วนใหญ่สร้างด้วยดิน หมู่บ้านหยางฮัวมีคนสร้างบ้านด้วยอิฐเพียงสองหลังเท่านั้น คือของผู้ใหญ่บ้านกับท่านยายเจียง หลินลู่ฉีมองสำรวจด้วยสายตาคร่าว ๆ หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ด้านหน้าภูเขา มีราวห้าสิบหลังคาเรือนเท่านั้น คงมีชาวบ้านราว ๆ สองร้อยกว่าคน ท่านยายเจียงแลดูจะตกใจ กับจำนวนลูกหลานเหลนที่มาพึ่งพาเกือบยี่สิบคน ทว่าท่านกลับให้การต้อนรับเป็นอย่างดี “ท่านน้าข้าลี้ภัยมาพึ่งใบบุญของท่าน ไม่คิดว่าจะถูกตระกูลหม่า ขับไล่ออกมาเหมือนหมูเหมือนหมาเช่นนี้” นางเจียงร้อ

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 7 : ไปให้พ้น ! ที่นี่ไม่มีอนุภรรยาแซ่เจียง

    บทที่ 7 : ไปให้พ้น ! ที่นี่ไม่มีอนุภรรยาแซ่เจียง หลินลู่ฉีอยากลงเดินเพื่อให้หวงชางได้เบาหลังบ้าง แต่พอนางเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ทิ้งระยะห่างจากคนตระกูลหวงเสียแล้ว โทษใครได้ขานางสั้นเกินไปจริง ๆ “เจ้าอยากเดินนักเป็นอย่างไรล่ะ” หวงจื่อถงจิ้มจมูกเล็ก ๆ ของนาง “มาขี่หลังข้า ให้ท่านพ่อได้พักบ้าง” เขาย่อตัวลงหวังให้น้องสาวตัวน้อยได้ขี่หลัง หลินลู่ฉีมองดูร่างผอมแห้งของเขาแล้วหนักอึ้งในใจ นางเงยหน้าขึ้นมองหวงชางกับฉินซื่อ “ให้พี่ชายของเจ้าลองดู ไหวหรือไม่เดี๋ยวก็รู้” หวงชางยิ้มระหว่างมองสบสายตากับเด็กน้อย เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ไม่ถึงครึ่งลี้หวงจื่อถงก็ไม่ไหวเสียแล้ว เป็นหวงชางที่ต้องแบกหลินลู่ฉีต่อไป ส่

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 9 : เช่าเรือนท่านยายหมี่

    บทที่ 9 : เช่าเรือนท่านยายหมี่ ไม่ช้านางหูก็กลับมาพร้อมข่าวดี ท่านยายหมี่ยินดีให้เช่าเรือนส่วนหนึ่ง เรื่องค่าเช่าแล้วแต่ผู้ใหญ่บ้านจะกำหนดให้ นางไม่เรื่องมาก ขอแค่มีรายได้เข้ามาบ้างก็เป็นพอ คืนนี้สามารถเข้าไปอาศัยอยู่ที่เรือนของนางได้เลย “ท่านยายจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าให้ข้าตั้งหนึ่งเดือน ข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านยายอย่างไรดี ขอบคุณท่านยายมากขอรับ” หวงชางคุกเข่าลง โขกศีรษะคำนับให้ท่านยายเจียง “เหลวไหลอันใด รีบลุกขึ้นได้แล้ว เจ้าเป็นหลานชายข้า เงินแค่ไม่กี่สิบอีแปะข้าจะออกให้ไม่ได้รึ” ท่านยายเจียงโบกมือใส่เขาคล้ายโมโห นางไม่ได้บอกคนตระกูลหวง ว่าตัวเองมีรายได้จากช่องทางไหน แต่แอบกำชับผู้ใหญ่บ้านก่อนออกมา ไม่ให้บอกเรื่องให้เช่าที่นาเกือบร้อยหมู่กับญาติของนาง&nb

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status