Beranda / รักโบราณ / ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี / บทที่ 14 : ยังไม่ได้แยกบ้านกัน เงินก็ต้องเข้าส่วนกลาง เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

Share

บทที่ 14 : ยังไม่ได้แยกบ้านกัน เงินก็ต้องเข้าส่วนกลาง เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-03 09:00:24

บทที่ 14 : ยังไม่ได้แยกบ้านกัน เงินก็ต้องเข้าส่วนกลาง เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

          “เฮอะตามใจกันเข้าไป นังเด็กเหลือขอนี่ ที่เสบียงไม่พอกินก็เพราะเด็กนี่กระมัง” นางเจียงจ้องหลินลู่ฉีราวกับจะกินเลือดกินเนื้อนาง

          “ท่านแม่ฉีฉีกินข้าวนิดเดียวเอง เรื่องนี้โทษนางไม่ได้ อีกอย่างเสบียงที่ท่านยายมอบให้ ข้าคิดว่าประหยัดกันหน่อย ก็น่าจะพอกินได้เกือบเดือน” หวงชางรีบแก้ต่างให้เด็กน้อย

          เมื่อมีคนออกปากปกป้องเด็กน้อยพลอยรู้สึกอบอุ่นขึ้นในหัวใจ ฝ่ามือของฉินซื่อก็คอยลูบปลอบศีรษะของนางไปด้วย

          “เช่นนั้นมาทำไม !” นางเจียงตวาดเสียงดังใส่

          “อาเหมยเจ้าเป็นมารดาของหวงชาง บุตรชายมาเยี่ยมเหตุใดถึงได้กล่าวคำพูดไม่น่าฟังออกมา”

          เพราะอยู่ในตำแหน่งอนุภรรยาของเศรษฐีมานานหลายปี ท่านยายเจียงจึงใช้คำพูดที่สุภาพจนเคยชิน ครั้นได้ยินหลานสาวตะคอกใส่บุตรชาย จึงเกิดความไม่พอใจนางขึ้นมา

          นางเจียงไม่ตอบโต้ผู้เป็นน้า เลือกสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นแทน

          หวงชาง “ความจริงนอกจากมาเยี่ยมท่านยายแล้ว ข้ายังอยากถามพี่ใหญ่กับพี่รองเรื่องงานที่อำเภอด้วยขอรับ”

          หวงเต๋อรีบเอ่ย “เจ้าสามไม่ใช่ว่าข้าไม่ถามให้ แต่งานแบกหามที่ท่าเรือนั้นเขาปิดรับคนแล้ว”

          “ใช่ ๆ ข้ากับเจ้ารองไปสมัครเป็นสองคนสุดท้ายพอดี” หวงจื้อเอ่ยขึ้นบ้าง

          “อย่างนี้นี่เอง พวกท่านได้เริ่มงานวันไหน”

          หวงจื้อเหลือบไปมองน้องชายคนรอง ก่อนเอ่ย “อีกสองวันค่อยไปทำ”

          “ยินดีกับพี่ใหญ่พี่รองด้วย” แม้รู้สึกผิดหวังแต่หวงชางก็ไม่ลืมเอ่ยแสดงความยินดีกับพี่ชายทั้งสองคน

          นางเจียงเหยียดปากหยันใส่ “เจ้าใหญ่เจ้ารองได้งานทำแล้ว เจ้าล่ะมีแต่ทำตัวไร้ประโยชน์ไปวัน ๆ” นางปรายตาไปทางหลินลู่ฉีแล้วยิ่งหงุดหงิด “เห็นหน้านังเด็กนี่แล้วโมโห ทำไมต้องเอาตัวภาระกลับมาด้วย เอามันไปโยนทิ้งข้างถนนไว้ตามเดิมเถอะ”

          หม่าซูเหวินจ้องนางเจียงอย่างพอใจ เหตุใดถึงใจร้ายใจดำกับเด็กน้อยตัวเท่านั้นได้

          ผู้เป็นย่าเหมือนรู้ความคิดของหลานสาว นางตบหลังมือของหลานสาวเบา ๆ “เจ้าพูดมากไปแล้วอาเหมย”

          “เอ่อ ท่านน้าข้าพูดความจริงทั้งนั้น”

          “เป็นหวงชางรับเลี้ยงนาง เจ้าไม่ได้เลี้ยงเสียหน่อย”

          “แต่อย่างไรก็ต้องเดือดร้อนท่านน้ามอบเสบียงให้นางอยู่ดี เห็นหรือไม่ว่าสิ้นเปลืองเสบียงมากเพียงใด”

          ท่านยายเจียงมองสีหน้าของหวงชางกับภรรยา รู้สึกเห็นใจพวกเขาอยู่ไม่น้อย ท่านเหมือนฉุกคิดบางเรื่องขึ้นมาได้ หันไปเอ่ยกับสองพี่น้องว่า

          “ในเมื่อเจ้าสองคนหางานทำได้แล้ว แต่ว่าหวงชางยังหางานไม่ได้ ระหว่างนี้พี่ชายอย่างพวกเจ้าก็แบ่งปันเสบียงอาหารให้พวกเขาด้วยก็แล้วกัน”

          “ท่านน้า ! นี่ไม่ถูกต้องนะเจ้าคะ” นางเจียงร้องเสียงหลง

          “อาเหมยเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันก็ต้องแบ่งปันกันสิ เช่นข้าที่เป็นน้าของเจ้า ข้ายังแบ่งปันให้พวกเจ้าเลย” ท่านยายเจียงลอบมองสีหน้าของหลานสาวไปด้วย อยากรู้ว่านางจะทำอย่างไร

          “ไม่ได้ ๆ ข้าไม่ยินยอม” เป็นจ้าวซื่อที่ร้อนรนจนทนไม่ได้

          ท่านยายเจียงหันไปทางนาง “หลานสะใภ้ใหญ่เหตุใดถึงไม่ยินยอมเล่า ครอบครัวของหวงชางไม่ใช่คนของตระกูลหวงหรอกหรือ”

          “แต่นี่เป็นเงินที่สามีของข้ากับน้องรอง หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกเขานะเจ้าคะ” นางกระทืบเท้าเบา ๆ คล้ายไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

          บ้านรองไม่กล้าแม้แต่จะปริปาก พวกเขาไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมาได้เลย ประหนึ่งถูกผิดนั้นขึ้นอยู่กับนางเจียงผู้เดียว ส่วนหวงจงเมื่ออาศัยอยู่ในเรือนของญาติภรรยา เขาเองก็ไม่กล้าก้าวก่ายในเรือนของอีกฝ่ายเหมือนกัน เรื่องนี้ต้องมอบให้นางเจียงจัดการ

          “ยังไม่ได้แยกบ้านกัน เงินก็ต้องเข้าส่วนกลาง เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว” หญิงชราเลิกคิ้วไปทางจ้าวซื่อ

          “ใช่แล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างพวกท่านมากินอยู่ในเรือนของท่านย่า เงินทองก็เหลือน้อยลงทุกวัน พี่สะใภ้ทั้งสองก็น่าจะรู้ว่าเสบียงของพวกเราใกล้หมดถังอยู่แล้ว” หม่าซูเหวินเป็นคนฉลาด นางมองออกว่าท่านย่าของตน ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้หวงชาง จึงได้เอ่ยหนุนหลังท่านออกมา

          จ้าวซื่อเถียงไม่ได้ นางมาอยู่กินเรือนผู้อื่นจริง ๆ

          แต่ใครจะคิดล่ะ ว่าคำว่าแยกบ้าน ทำให้นางเจียงฉุกคิดขึ้นมาได้

          หลินลู่ฉีเงยหน้าน้อย ๆ ของนางขึ้นมองท่านยายเจียง ดวงตาของนางไหววูบเล็กน้อย หากมองไม่ผิดนี่คือความปรารถนาดีที่ส่งมอบให้หวงชาง เว้นแต่ว่าชายผู้นี้จะมองออกหรือไม่

          ข้าขอยกนิ้วโป้งให้ท่านยายเจียง !

          สองสามีภรรยาบ้านสามไม่รู้ว่าเหตุใดท่านยายเจียงถึงได้เอ่ยเช่นนี้ หวงชางอยากบอกว่าเขาไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน     แต่มารดาของเขากลับตัดบทขึ้นว่า “เช่นนั้นก็แยกบ้านกันเถอะ !”

          “ท่านแม่ !” หวงชางไม่คิดว่าจะได้ยินคำว่าแยกบ้าน ออกมาจากปากของมารดา เขาตกใจจนทรุดลงคุกเข่าต่อหน้าทุกคน “ข้าทำอะไรผิดไปหรือ ท่านแม่ถึงได้ต้องการให้ข้าแยกบ้านออกไป”

          โง่ !

          หลินลู่ฉีประเมินความกตัญญูของคนยุคนี้ผิดพลาดไป

          “อาเหมยข้าให้เจ้าแบ่งเสบียงให้ลูกชาย ในยามที่เขายังไม่สามารถหางานทำได้ เจ้าไม่ยอมแบ่งให้แต่กลับจะแยกบ้านเขาแทนอย่างนั้นรึ” ท่านยายเจียงเอ่ยช้า ๆ ทุกคำกลับบาดลึกเข้าไปในจิตใจของหวงชางกับภรรยา

          เดิมทีฉินซื่อก็ตกใจกับเรื่องแยกบ้าน แม่สามีไม่ยอมแบ่งปันเสบียงอาหาร เลือกที่จะแยกบ้านของตนกับสามีออกไปแทน เดิมทีการอยู่ร่วมกันกับครอบครัวใหญ่ งานหนักล้วนแต่มอบให้แต่คนบ้านสามทำทั้งนั้น หากอยู่ต่อไปก็คงกลายเป็นทาสรับใช้ของพวกเขาไปตลอดชีวิต

          นางเจียง “ท่านน้าพวกข้ายากจนขนาดนี้ เจ้าใหญ่เจ้ารองเพิ่งจะได้งานทำ แต่เจ้าสามกลับมาเกาะกินเสียอย่างนั้น นี่มันไม่ยุติธรรมกับเจ้าใหญ่เจ้ารองนะเจ้าคะ”

          หวงชาง “ข้าไม่เอา..”

          “พี่ชาง !” ฉินซื่อรีบคุกเข่าลงด้านข้างของสามี “หากท่านแม่เห็นว่าพวกเราเป็นภาระของพวกท่าน เช่นนั้นก็แยกบ้านกันเถอะ”

          “อาอี้” หวงชางหันมามองหน้าภรรยา เห็นแววตาของนางหนักแน่นยิ่งนัก หรือว่านางคิดมาดีแล้วจึงได้เอ่ยเช่นนี้

          “เห็นไหม ๆ เจ้าสามเมียของเจ้ายังเห็นด้วยเลย พวกเจ้าว่าอย่างไรเจ้าใหญ่เจ้ารองตาเฒ่า ให้เจ้าสามแยกบ้านออกไปเถอะ พวกเขายังรับนังเด็กเหลือขอนั่นมาเลี้ยงอีก ข้ารังเกียจนางนัก” เพื่อที่จะได้แยกบ้านนางเจียงก็ด่าลามไปถึงหลินลู่ฉี

          เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองนางเจียง แสยะยิ้มเบา ๆ “ท่านย่าข้าหิว”

          “ใครเป็นย่าแก ! ทุกคนเห็นหรือไม่ กินล้างกินผลาญเช่นนี้ แยกบ้าน ๆ”

          คนตระกูลหวงไม่มีใครเอ่ยคัดค้าน ยังพยักหน้าเห็นด้วยกันทั้งหมด

          หวงชางรู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก ภรรยาของเขาลูบหลังปลอบใจอยู่ด้านข้าง ทำให้เขาไม่อาจเอ่ยคำขอร้องมารดาออกมาได้

          ท่านยายเจียงยิ้มเบา ๆ ตรงมุมปาก “อาเหมยเมื่อเจ้าคิดดีแล้วข้าก็ไม่ห้าม พรุ่งนี้ข้าจะให้ผู้ใหญ่บ้านมาร่างหนังสือแยกบ้านให้ ถือโอกาสขอให้เขาขึ้นทะเบียนพวกเจ้าเป็นคนในหมู่บ้านหยางฮัว เรื่องนี้พวกเจ้าขัดข้องหรือไม่ หากอยากไปอยู่อื่นข้าก็จะไม่รั้งเอาไว้”

          “ไม่มีแล้ว ๆ พวกข้าจะอยู่ที่นี่กับท่านน้านี่แหละ” นางเจียงรีบบอก

          ท่านยายเจียง “ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้กินข้าวเช้าเสร็จก็มาเจอกันที่นี่ หวงชางพาลูกเมียของเจ้ากลับไปก่อนเถอะ”

          “ขอรับท่านยาย” หวงชางขานรับแล้วเดินคอตกกลับเรือนของท่านยายหมี่ไป

          ระหว่างทางฉินซื่อได้บอกเหตุผลที่นางเห็นด้วยกับการแยกบ้าน

          “อาอี้นี่มันเหมือนว่าข้าไม่กตัญญู จนถูกไล่ออกจากบ้านหรอกรึ”

          “พี่ชางท่านแม่ต้องการแยกบ้านเอง เหตุผลอะไรท่านก็น่าจะรู้ อย่าทำเป็นมองไม่เห็นนักเลย อีกอย่างอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ งานหนักล้วนให้ข้าทำทั้งนั้น สะใภ้คนอื่นทำอะไรกันบ้าง ยิ่งบ้านใหญ่แทบไม่ต้องแตะต้องอะไรเลยด้วยซ้ำ หลานชายสองคนบ้านใหญ่ได้เรียนหนังสือ แต่ถงเอ๋อร์ของพวกเรากลับไม่ได้เรียน ท่านยังคิดว่าพวกเราไม่สมควรแยกบ้านอีกรึ”

          ฉินซื่อระบายความคับข้องในใจออกมาจนหมด

          เป็นครั้งแรกที่หวงชางได้ยินนางบ่นเช่นนี้ ที่ผ่านมาเขาคิดว่านางเต็มใจทำงานหนักเหล่านั้น ความจริงแล้วนางรู้สึกน้อยใจ และอดเปรียบเทียบกับพี่สะใภ้สองคนไม่ได้

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 252 : ฮูหยินลูกแย่งที่นอนข้า  (จบ)

    บทที่ 252 : ฮูหยินลูกแย่งที่นอนข้า หวงชางพยักหน้าลงเล็กน้อย “ได้ต่อไปข้ากับอาอี้จะเรียกเจ้าว่าอี้หาน เจ้ากลับบ้านเดิมภรรยาทั้งที เหตุใดต้องหอบของขวัญมามากมายถึงเพียงนี้” “แค่ของขวัญเล็กน้อยเท่านั้น” หลินลู่ฉีรีบฟ้อง “ดีที่ข้าห้ามเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นสามีข้าคงขนมาทั้งคลังเป็นแน่” “เจ้าเด็กนี่เรียกสามีข้าเต็มปากเต็มคำ หน้าไม่อายจริง ๆ” ฉินซื่ออดเย้านางไม่ได้ “ท่านป้าท่านล้อข้า” “แต่งงานกันแล้วย่อมเป็นเรื่องธรรมดา อี้หานต่อไปก็รักและดูแลฉีฉีของพวกข้าให้ดี ๆ อย่าทำให้นางต้องเสียใจรู้ไหม” “ขอรับท่านป้าข้ารับปากท่าน ข้าซุนอี้หาน

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 251 : ข้าอายุสิบแปดปีเองนะ จะรีบร้อนมีลูกไปทำไม   

    บทที่ 251 : ข้าอายุสิบแปดปีเองนะ จะรีบร้อนมีลูกไปทำไม หลังจากกินมื้อกลางวันอิ่มกันแล้ว พ่อบ้านได้นำกล่องของขวัญ กับจดหมายมามอบให้หลินลู่ฉี บอกว่าเป็นของท่านอาจารย์ของนางมอบให้ในวันแต่งงาน “อาจารย์ปู่อย่างนั้นรึ” หลินลู่ฉีรีบเปิดซองจดหมายอ่านก่อนเป็นอันดับแรก เนื้อหาในนั้นเป็นการขอโทษ ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานแต่งของนางได้ เพราะระยะทางอยู่ไกลนับพันลี้ แม้เดินทางด้วยม้าเร็วก็คงมาไม่ทันอยู่ดี จึงได้ส่งของขวัญกับจดหมายมาให้แทน นอกจากคำอวยพรแล้ว อาจารย์ปู่ยังมอบป้ายไม้แกะสลักให้นางอีกด้วย ซุนอี้หาน “นี่ป้ายอะไรกัน” “อาจารย์ปู่เขียนบอกว่า เป็นป้ายประจำตัวเจ้าของตำหนักยา” “ตำหนักยา ? นั่นไม่ใช

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 250 : เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าทำกันไปแล้วหรือ

    บทที่ 250 : เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าทำกันไปแล้วหรือ ภายในห้องหอซุนอี้หานกำลังเงี่ยหูฟังเสียงจากนอกประตู เมื่อรู้ว่าคนเหล่านั้นไม่อยู่แล้ว จึงได้หันไปทางเจ้าสาวที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียงนอน เจ้าไปนั่งบนเตียงตั้งเมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านั่งอยู่บนเก้าอี้รึ ซุนอี้หานทั้งขำทั้งเอ็นดูนาง หลินลู่ฉีกำลังนั่งด้วยความรู้สึกประหม่าแกมตื่นเต้น นางมองผ่านชายผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดง เห็นเพียงหัวรองเท้าเจ้าบ่าวที่เดินมาหยุดอยู่ เขาเอื้อมจับชายผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ค่อย ๆ ยกขึ้นตลบไปไว้ด้านหลัง เจ้าสาวผู้มีใบหน้าอันงดงาม ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเขินอาย ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มเข้าออก คล้ายคนไม่รู้จะเอ่ยคำพูดใดออกมา “ฉีฉีเจ้างามมาก” ดวงตาปรือเยิ้มมองเจ้าสาวอย่างลุ่มหลง

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 249 : ใครจะหย่ากับข้า !

    บทที่ 249 : ใครจะหย่ากับข้า ! บรรดาญาติสหายและคนรู้จัก ที่พากันมาส่งตัวเจ้าสาว ต่างยืนดูพิธีการตรงหน้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มกันทุกคน “ตอนแรกข้าอยากเสนอตัวแบกเจ้าสาวด้วยตัวเอง แต่ว่าคิดไปคิดมาข้าเทียบหวงจื่อถงไม่ได้จริง ๆ เขามีความเป็นพี่ชายมากกว่าข้าเสียอีก” เซี่ยเฉินจิ่นเอ่ยเบา ๆ เซี่ยเฉินฟู่กอดอกมองภาพตรงหน้า แล้วพยักหน้าลงเบา ๆ “ท่านแบกพี่สาวไม่ไหวหรอก เกิดทำเจ้าสาวหกล้มขึ้นมา ทำฤกษ์มงคลเสียหายหมด ให้พี่จื่อถงแบกนั่นแหละดีแล้ว” เซี่ยเฉินจิ่น “...” เจ้ายังใช่น้องชายข้าอยู่ไหม ฉวีฮูหยิน “ต่อไปนางก็มีครอบครัวของตัวเอง มีสามีลูกมีหลานเต็มบ้าน ไม่เดือดร้อนพวกเจ้าให้เป็นห่วงนางหรอก” ครอบครัวตระกูลเซี่ยยืนมองเกี้ยวเจ้าสา

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 248 : ข้าซุนอี้หานขอสาบานด้วยชีวิต ข้าจะไม่มีวันทำให้นางเสียใจเด็ดขาด 

    บทที่ 248 : ข้าซุนอี้หานขอสาบานด้วยชีวิต ข้าจะไม่มีวันทำให้นางเสียใจเด็ดขาด “ฉีฉี” ฉินซื่อลูบศีรษะของนางอย่างอ่อนโยน น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าตามนางไปด้วย ทั้งลูบทั้งกอดปลอบโยนนาง “เด็กน้อยในวันนั้น ได้นำพาครอบครัวของพวกเรา เดินทางผ่านร้อนผ่านหนาวมาไกลถึงเพียงนี้ รู้ไหมว่าป้าภูมิใจในตัวของเจ้ามากแค่ไหน” “ท่านป้า ฮะฮรึก...ฮือ ๆ ๆ” เป็นครั้งแรกที่ฉินซื่อได้เห็นหลินลู่ฉี ปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาเช่นนี้ เหมือนกำแพงความเข้มแข็งในใจของนาง ได้พังทลายลงแล้ว “เด็กดีไม่ร้อง ๆ เจ้าสาวจะตาบวมหมดงามเอาได้” “ขะข้า...ฮะฮรึก จะไม่ร้องแล้ว ฮะฮรึก !” คนพูดสะอื้นเป็นจังหวะ “เจ้

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 247 : หวีครั้งแรกขอให้ชีวิตคู่ยืนยาว    

    บทที่ 247 : หวีครั้งแรกขอให้ชีวิตคู่ยืนยาว หลินลู่ฉีไปหาฉินซื่อที่เรือน พบว่านางกำลังปักชุดเจ้าสาวให้ตัวเองอยู่ หวงจื่อเหยาที่ได้เวลาใกล้คลอดแล้ว นางมาหามารดาเพื่อดูว่ามีอะไรให้ช่วยบ้าง “ท้องโตขนาดนี้ยังขึ้นรถม้าไปโน่นมานี่อีก ชุดเจ้าสาวของฉีฉีข้าทำเองได้เจ้าไม่ต้องช่วย” เสียงของฉินซื่อเอ่ยบ่นบุตรสาว ดังออกมาจากเรือนของนาง “ท่านแม่ฉีฉีของพวกเราจะออกเรือนทั้งที นางไม่ยอมรับสินเดิมจากพวกเรา มีเพียงชุดแต่งงานนี่แหละ ที่พวกเราพอจะทำให้นางได้” หลินลู่ฉีกระแอมเบา ๆ สองแม่ลูกก็หันมามองนางในทันที “เจ้ามาแอบฟังข้ากับท่านแม่พูดคุยกันใช่ไหม” “พี่จื่อเหยาท่านใส่ร้ายข้า” นางออดอ้อนเป็นเด็กน้อยทันที &ld

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status