“ทุกท่านเชิญดื่มน้ำชา กินของว่างก่อนเจ้าค่ะ”
สาวใช้นางหนึ่งนำกาน้ำชากับจานของกินเล่น มาวางไว้บนโต๊ะรับแขก
“ขอบคุณมาก” ฉินซื่อหันไปกล่าวด้วยความเกรงใจ นางมองขนมหวานหลากสีบนจานด้วยความอึดอัดใจ
แต่แล้วมือน้อย ๆ ข้างหนึ่งก็หยิบขนมกุ้ยฮวาเข้าปาก พร้อมเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“ฉีฉี” ฉินซื่อกำลังจะห้ามนาง
“ให้นางกินเถอะเจ้าค่ะ นางยังเด็กตื่นแต่เช้าคงหิวแย่” หม่าซูเหวินรู้ว่าทุกคนยังไม่ได้กินข้าวเช้ามา “พี่หวงชางพี่สะใภ้สามก็กินด้วยกันเถอะ พวกเรายังไม่ได้กินข้าวเช้ามากันเลย” นางตั้งใจเอ่ยเพื่อให้สาวใช้ได้ยิน
 
บทที่ 81 : ท่านแม่ของเยว่เยว่นางไม่ชอบพวกเรา ซ่งอิ๋งอิ๋งรีบเอ่ย “ใช่ ๆ” นางคิดบางเรื่องออก “นี่พวกเจ้าไม่คิดว่าพวกเราเรียกขานกันสับสนไปหน่อยรึ เยว่เยว่กับฉีฉีอายุเท่ากัน ข้ากับพี่จื่อเหยาอายุเท่ากัน ฉีฉีเรียกข้าว่าอิ๋งอิ๋งแต่กลับเรียกพี่จื่อเหยาว่าพี่จื่อเหยา บางทีข้าก็สับสนไปหมด” หวงจื่อเหยาเองก็สับสน “นั่นสิข้าก็เรียกผิดเรียกถูกเหมือนกัน” ฉีเฟินเยว่ “พวกเราเป็นสหายกัน อายุก็เท่า ๆ กันหมด ต่อจากนี้ไปก็เรียกแค่ชื่อเล่นก็พอ ไม่ต้องมีคำว่าพี่นำหน้า พวกเจ้าว่าดีหรือไม่” ซ่งอิ๋งอิ๋ง “ดี ๆ” “ข้าอย่างไรก็ได้ แต่ว่าพี่จื่อเหยานั้นข้าเรียกมาตั้งนานแล้วคงเปลี่ยนอะไรไม่ได้” หลินลู่ฉีไม่ยอมเปลี่ยนคำเรียกหวงจื่อเหยา นางไม่อยากไปตอบคำถามของคนที่บ้าน “ได้ ๆ ยกเว้นให้เจ้าคนหนึ่งก็ได้ ข้าอยากพาพวกเจ้าไปทำความรู้จักกับท่านพ่อข้า ไปเรือนด้านหน้ากันเถอะ” ฉีเฟินเยว่รีบเดินนำหน้าพวกนางไป ตอนนี้มีเพียงอาจูกับซิงเอ๋อร์ที่เดินตามพวกนางไป เหล่าคนคุ้มกันทำเพียงเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ ระหว่างทางที่เด็ก ๆ เดินผ่านไปยังเรือนด้านหน้า เฉาหมัว
บทที่ 80 : จื่อเหยาวันนี้เจ้างามเป็นพิเศษ หิมะตกโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย ร้านค้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นแบบฤดูหนาว ช่วงนี้ร้านซินอี๋ขายขนม ที่ต้องทำการย่างบนเตาได้มากกว่าปกติ ลูกค้าต่างเพลิดเพลินกับการนั่งย่างขนมกินเอง โรงเตี๊ยมเยว่ไหลยิ่งค้าขายคึกคัก เนื้อเสียบไม้ปิ้งย่างได้รับความนิยมมากกว่าฤดูอื่น ฉีเฟินเยว่ส่งเทียบเชิญสหายไปร่วมงานวันเกิดที่จวนของนาง หลินลู่ฉีพอจะเดาออกว่านางเป็นบุตรสาวของขุนนางในเมืองลี่หยาง แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ นางจะเป็นบุตรสาวสายหลักของผู้ว่าการเมืองลี่หยาง หวงจื่อเหยากับซ่งอิ๋งอิ๋งได้รับเชิญไปพร้อมกัน ฉินซื่อกระวนกระวายใจเล็กน้อย “ไม่คิดว่าเยว่เยว่คนนั้นจะเป็นถึงลูกสาวผู้ว่าการเมืองลี่หยาง ฉีฉีพวกเจ้าไปกันแค่สามคนข้าเป็นห่วงนัก” “ท่านป้าไม่ต้องเป็นห่วง อิ๋งอิ๋งมีสาวใช้ติดตามไปด้วยหนึ่งคน” หวงชางชี้แนะ “พวกเจ้าก็ให้หวงฝูตามไปด้วยสิ” “ท่านลุงข้ากับพี่จื่อเหยายังต้องให้คนติดตามด้วยรึ พี่หวงฝูทำงานที่ร้านก็หนักอยู่แล้วไม่ต้องหรอก รับรองได้ไม่มีใครกล้าทำอะไรข้ากับพี่จื่อเหยาหรอก” “ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นก็เส
บทที่ 79 : รับเงินมาแล้วอย่าพูดมากไปจุดไฟเร็วเข้า เรื่องของโรงเตี๊ยมเยว่ไหลถูกคนร้ายมาก่อกวน กลายเป็นเรื่องเล่าของโรงน้ำชาในเช้าวันนี้ ที่สำคัญคนร้ายเหล่านั้นยังเคยเป็นโจรปล้นสะดมผู้คน ศาลประจำเมืองลี่หยางตัดสินคดีได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงสามวันคนร้ายก็คายความจริงออกมาจนหมดสิ้น คนที่ว่าจ้างพวกเขาไปบ่อนทำลายชื่อเสียงของโรงเตี๊ยมเยว่ไหล คือผู้ดูแลภัตตาคารแห่งหนึ่ง เนื่องจากริษยาที่โรงเตี๊ยมเยว่ไหลดึงลูกค้าประจำไปเกินครึ่ง ทำให้ยอดขายของพวกเขาตกลงอย่างน่าใจหาย เมื่อผู้ดูแลยอมรับผิด เขาจึงถูกลงโทษเพียงคนเดียว เถ้าแก่ภัตตาคารแห่งนี้อ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยเลย “โกหกชัด ๆ หัวไม่ส่ายหางจะกระดิกได้อย่างไร” เถ้าแก่ซ่งกระแทกถ้วยน้ำชาจนกระฉอก หวงชาง “เถ้าแก่ซ่งอย่างน้อยพวกนั้นก็ได้รู้ ว่าโรงเตี๊ยมของท่านไม่ได้จะมารังแกกันง่าย ๆ คราวนี้เสียผู้ดูแลไปหนึ่งคน หวังว่าจะเป็นบทเรียนให้คนอื่น ไม่กล้ามาเล่นงานโรงเตี๊ยมเยว่ไหลของท่านอีก” “ท่านพ่อตึงมากไปก็ไม่ดี ข้าคิดว่าตอนนี้เหล่าคนค้าขายในเมืองลี่หยาง คงรู้แล้วว่าพวกเราไม่ใช่คนอ่อนแอ อย่างที่พวกมัน
บทที่ 78 : จริงหรือวัดหมิงซานช่างศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ “พี่ใหญ่นี่ท่าไม่ดีแล้ว พวกเราถอยกลับเถอะ” ชายผู้นี้รู้สึกหวาดระแวง ราวกับว่าในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ มีการวางแผนรับมือมาก่อน “ไม่ได้รับเงินเขามาแล้วไม่ทำงานไม่ได้ พวกเจ้าแกล้งทำเป็นต่อสู้กัน แล้วทำลายข้าวของให้หมด ส่วนเจ้าขึ้นไปก่อกวนลูกค้าที่พักอยู่ด้านบน” คนเป็นหัวหน้าไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีการอพยพคนออกไปอย่างเงียบ ๆ แล้ว อีกทั้งไม่รู้ว่าคนที่ทิ้งไว้ด้านนอกถูกจับกุมไปหมด “ได้ ๆ” เสียงต่อสู้กันดังขึ้น คนของโรงเตี๊ยมเยว่ไหล ได้แต่ยืนภาวนาอย่าให้ข้าวของเครื่องใช้เสียหายมากนัก ไม่ช้าก็เห็นขบวนม้าของทางการวิ่งตรงมาทางนี้ นับได้ราวสามสิบคน เถ้าแก่ซ่งรีบเข้าไปรายงานกับผู้เป็นหัวหน้าหน่วย “เรียนใต้เท้าข้าซ่งฉานอาน เป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมเยว่ไหลแห่งนี้ ขอแจ้งความว่ามีคนร้ายมาสร้างความวุ่นวายให้กับโรงเตี๊ยมเยว่ไหล ตอนนี้ข้าขังพวกมันไว้ด้านใน ได้โปรดใต้เท้าช่วยจัดการด้วยขอรับ” เผิงลู่จิวเป็นหัวหน้าหน่วยออกลาดตระเวนวันนี้ เมื่อได้รับแจ้งว่ามีคนกำลังทะเลาะวิวาทกัน จึงได้นำกำล
บทที่ 77 : ท่านพ่อเกรงว่าพวกมันจะเป็นพวกเดียวกัน หม่าซูเหวินหันไปทางแม่สามี “ท่านแม่ข้าเองก็อยากไปขอพรเรื่องลูกอยู่เหมือนกัน พวกเราไปด้วยกันดีหรือไม่ วัดหมิงซานเดินทางไม่ไกลนัก ใช้เวลาไปกลับเพียงสองชั่วยามเท่านั้นเอง” นางดูเวลาแล้วหากไปยามนี้ แม้วัดหมิงซานต้องเดินทางขึ้นเขาไป แต่อย่างไรก็กลับมาทันก่อนมืดค่ำเป็นแน่ หลินลู่ฉีเพิ่งคิดเรื่องเพิ่งผลบุญ นางลอบดีใจที่ได้ยินคำพูดนี้ของหม่าซูเหวิน “ฮูหยินเจ้ากับลูกสะใภ้เถอะ อีกอย่างฉีฉีเจตนาดีตั้งใจขอพรให้พวกเราด้วย” เถ้าแก่ซ่งให้คนส่งข่าวไปบอกที่ร้านซินอี๋ ไม่ให้พวกเขาเป็นกังวลเรื่องเด็กสาวสองคน การไปวัดหมิงซานครั้งนี้ใช้รถม้าสองคัน มีบ่าวรับใช้ชายที่มีฝีมือด้านการต่อสู้ไปด้วยสี่คน นอกนั้นเป็นคนขับรถม้าสองคน สาวใช้อีกสองคน หลี่ฮูหยินกับลูกสะใภ้นั่งรถม้าคันเดียวกัน ส่วนเด็กสาวสามคนนั่งด้วยกัน “ฉีฉีต้องไปขอพรที่วัดจริงหรือ” หวงจื่อเหยาไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ “ใช่แล้วพี่จื่อเหยา อย่างน้อยก็ช่วยให้สบายใจได้” ซ่งอิ๋งอิ๋ง “พี่จื่อเหยาไม่อยากไปวัดหมิงซานหรือ”
บทที่ 76 : ข้าเองก็ไม่ใช่ผู้วิเศษอันใด แต่ว่าข้านั้นมีความเป็นมงคลเล็กน้อย “เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ช่วงนี้ข้ากับอาหมิ่นแล้วก็ห่าวซวนจะมานอนเฝ้าที่ร้านเอง อย่างน้อยพวกข้าก็มีวรยุทธ์กันทุกคน” โต้วกังเสนอทางออกให้พวกเขา หวงชาง “ท่านกับภรรยามาได้ แล้วพี่กู้เล่าเขาไม่ใช่ว่าต้องกลับไปดูแลยายของตัวเองรึ” “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ฝากเพื่อนบ้านดูแลได้ ห่าวซวนเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ว่าเพื่อนบ้านแวะมาคอยดูยายของเขาให้ตอนเขาไม่อยู่บ้าน” หลินลู่ฉีเห็นด้วยกับเรื่องนี้ นางได้แนะนำให้หวงชาง เพิ่มค่าแรงพิเศษให้พวกเขาด้วย ดังนั้นการเฝ้าป้องกันจึงเริ่มต้นขึ้นในคืนนี้ ร้านซินอี๋มีชื่อเสียงมากขึ้น ไม่ต่างไปจากโรงเตี๊ยมเยว่ไหล กลายเป็นคลื่นลูกใหม่ ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้กิจการค้าขายของเมืองลี่หยาง ฉะนั้นจึงไม่ใช่แค่ร้านซินอี๋ที่พบเจอปัญหาใหญ่ โรงเตี๊ยมเยว่ไหลก็ใช่ย่อย ซ่งอิ๋งอิ๋งจึงชวนสหายทั้งสองคน ไปนั่งเล่นที่บึงเหลียนฮัวเพื่อระบายความทุกข์ใจของนาง พวกนางเลือกนั่งในศาลาพักผ่อนริมบึงเหลียนฮัว หลินลู่ฉีนำขนมที่ร้านพร้อมเตาตั้งกาน้ำชามาด้วย อากาศยังไม่หนา