Home / รักโบราณ / ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี / บทที่ 5 : พี่ชายเจ็บหรือไม่

Share

บทที่ 5 : พี่ชายเจ็บหรือไม่

last update Last Updated: 2025-06-29 06:22:33

บทที่ 5 : พี่ชายเจ็บหรือไม่

          กระนั้นวาจาถากถางจากนางเจียง ก็ยังลอยมาตามสายลม คำว่าตัวอัปมงคล ตัวกินล้างกินผลาญ ด่าลามไปถึงครอบครัวของหวงชางทุกคน ด่าจนหลินลู่ฉีรู้ประวัติความเป็นมาของพวกเขาไม่มากก็น้อย

          นางเจียงกับหวงจงนั้นแม้จะเป็นปู่ย่าคนแล้ว แต่อายุเพียงแค่สี่สิบปลาย ๆ เท่านั้น บุตรชายทั้งสามคนอายุยังไม่ถึงสามสิบสักคน บุตรสาวเพียงคนเดียวนั้นน่าจะเพิ่งผ่านวัยปักปิ่นมา

          หลินลู่ฉีรู้ว่าคนอื่นไม่ยินดี ที่หวงชางกับฉินซื่อให้นางร่วมเดินทางไปด้วย ระหว่างทางจึงได้ยินวาจาเย้ยหยันอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นกระทั่งหลาน ๆ ของพวกเขาเอง ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องวิ่งมากลั่นแกล้งนางอยู่เรื่อย ดีที่หวงจื่อถงอยู่ข้างกาย เขาคอยตะโกนบอกบิดามารดาอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดปากเสียงกันอยู่ร่ำไป กระทั่งลงไม้ลงมือกันก็มี

          “นังตัวซวยพวกเจ้าเห็นหรือยัง พอมีนางเข้ามาหลาน ๆ ของข้าก็ตีกันเสียแล้ว”

          นางเจียงลูบหลังปลอบหลานชายสุดที่รักของตน หวงชุนฟงคือบุตรชายคนโต ที่เกิดจากหวงจื้อกับจ้าวซื่อ

          “ท่านแม่ฟงเอ๋อร์อายุเท่าไรแล้ว ยังมารังแกฉีฉีของพวกเรา นางก็แค่เด็กสองสามขวบเองนะเจ้าคะ”

          ฉินซื่อไม่ยินยอม เห็นอยู่ว่าเด็กโตรังแกเด็กเล็ก เหตุใดแม่สามีถึงได้กลับดำเป็นขาวได้ นางดึงตัวหลินลู่ฉีไปหลบอยู่ด้านหลัง

          นางเจียงถลึงตาใส่ด้วยความโกรธ “นังเด็กนอกคอกนั่นมันเป็นบรรพบุรุษของเจ้ารึสะใภ้สาม ถึงได้เห็นมันดีกว่าหลานในไส้ของตัวเอง”

          “ท่านแม่ฟงเอ๋อร์ผลักถงเอ๋อร์ของพวกเราก่อนนะขอรับ” หวงชางรับรู้มาตลอดว่ามารดา รักใคร่หลานชายจากบ้านใหญ่มากกว่าบุตรชายของตน ในใจขมฝาดอย่างบอกไม่ถูก

          “เจ้าสาม !”

          “ยายเฒ่า ! เจ้าดูสถานการณ์รอบ ๆ ตัวก่อน แหกตาดูเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่เอะอะโวยวายเหมือนคนบ้า” เพราะความเคร่งเครียดจากการเดินทาง ทำให้หวงจงอดด่าทอคู่ชีวิตไม่ได้

          นางเจียงรีบมองไปรอบ ๆ ที่พักเหนื่อยยามเที่ยงของวัน นางพบเห็นว่ามีผู้ลี้ภัยมากหน้าหลายตา ต่างเฝ้ามองมายังครอบครัวของนาง สายตาเหมือนอยากเข้ามาแย่งชิงเสบียง ที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น พลันตื่นตระหนกในทันที

          คนในครอบครัวต่างหันไปมองรอบ ๆ ตัวเอง พบว่าบรรยากาศแปลกไป ดูเงียบวังเวงเหมือนผู้ลี้ภัยเหล่านั้น รอฟังสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันอยู่

          ความเงียบงันเช่นนี้ไม่ดีนักเชียว เหมือนคนกำลังวางแผนร้ายสุ่มโจมตีอยู่ ผู้ใหญ่ในครอบครัวขนลุกกับสายตาของผู้ลี้ภัยรอบข้าง ต่างกุมมือบุตรหลานของตนเองเอาไว้แน่น

          “ตาเฒ่าพวกเราไปเก็บผักป่ากันเถอะ เผื่อค่ำคืนนี้จะได้มีอาหารตกถึงท้องบ้าง ไป ๆ”

          นางเจียงตะโกนเสียงดัง ๆ หมายให้คนอื่นได้รู้ ว่าครอบครัวของนางก็ไม่มีอาหารแล้วเหมือนกัน

          “พวกเราก็ไปเก็บเห็ดป่ากันเถอะ เผื่อโชคดีคืนนี้จะได้ไม่หิวโหยอีกต่อไป”

          หวงชางเข้าใจสถานการณ์แล้ว เขาตะโกนเสียงดังขึ้นบ้าง พลางดึงมือภรรยากับเด็ก ๆ เดินหลบเข้าไปในป่าด้านข้าง ไม่อยู่บนท้องถนนอีกต่อไป

          เมื่อคนในครอบครัวเห็นดังนั้น ต่างพากันเดินตามหลังพวกเขาเข้าป่าไป เมื่อรู้สึกว่าห่างจากถนนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว พวกเขาก็หยุดนั่ง หารือกันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่

          แม้เจตนาของพวกเขาต้องการปิดบัง แต่ความจริงแล้วนั่นเหมือนเป็นการเปิดเผยความจริงมากกว่า หลินลู่ฉีลอบถอนหายใจเบา ๆ หากผู้ลี้ภัยคนอื่นฉลาดเสียหน่อย เกรงว่าจะรู้ว่าพวกเขากำลังหาทางปกปิดความจริงอยู่

          “เกือบไปแล้ว”

          หวงจงส่ายหน้าให้ทุกคน เมื่อครู่พวกเขาราวกับวิ่งหนีโจรผู้ร้ายมาก็ไม่ปาน สภาพเหงื่อแตกหน้าซีดเซียวกันหมด

          “สายตาพวกนั้นดูเหมือนอยากเข้ามาแย่งห่อผ้าของพวกเราก็ไม่ปาน”

          หลินซื่อชื่อเดิมคือหลินหรานเป็นสะใภ้รองของบ้าน สามีของนางคือหวงเต๋อ ทั้งคู่มีบุตรสาวด้วยกันสองคน หวงหลันฮวาอายุเจ็ดปี หวงหนิงเอ๋อร์อายุสี่ปี

          เรื่องเด็กในบ้านทะเลาะกันกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย เมื่อเทียบกับเหตุการณ์น่ากลัวก่อนหน้า

          “ท่านพ่อข้าว่าคืนนี้พวกเราหาที่ปลอดภัยค้างคืน และต้องมีคนเฝ้ายามตอนนอนด้วย” หวงจื้อรีบออกความเห็น

          หวงจงพยักหน้าเห็นด้วย “จริงอย่างเจ้าใหญ่ว่ามา เสบียงเราเหลือน้อยแล้ว อีกตั้งสามวันกว่าจะถึงอำเภอหยาง”

          พวกผู้ใหญ่หารือที่พักค่ำคืนนี้ หลินลู่ฉีได้แต่ทอดถอนหายใจออกมา นางก็แค่เด็กสามขวบ อีกทั้งยังเป็นตัวปัญหาสำหรับครอบครัวนี้ จึงพยายามทำตัวเองให้เล็กน้อยที่สุด เพื่อที่คนบ้านสามจะได้ไม่ถูกเพ่งเล็ง นางคงทำได้เพียงแค่นี้จริง ๆ

          “พี่ชายเจ็บหรือไม่”

          นางเอื้อมมือน้อย ๆ ไปแตะที่รอยฟกช้ำตรงใบหน้าของพี่ชายตัวน้อย

          “มะไม่เจ็บ”

          หวงจื่อถงรู้สึกอายน้องสาวเล็กน้อย เขากล้าหาญออกไปขวางหน้าไม่ให้หวงชุนฟงทำร้ายนาง แต่กลับถูกผลัก จนหน้าคว่ำกระแทกพื้นเสียได้ นี่มันน่าขายหน้าจริง ๆ

          หลินลู่ฉีมองเด็กน้อยที่แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ก่อนเอ่ยกับเขาเบา ๆ ว่า “ขอบคุณ”

          “น้องสาวเจ้าน่ารักจัง” หวงจื่อถงตาเป็นประกายด้วยความดีใจ ไม่คิดว่าน้องสาวตัวน้อย จะเอ่ยคำว่าขอบคุณเขาออกมา รีบหันไปอวดกับน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเอง

          “เหยาเอ๋อร์น้องสาวขอบคุณพี่ชายด้วย”

          “อื้ม” หวงจื่อเหยาไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ชายถึงดีใจ นางพยักหน้าเห็นดีเห็นงามกับเขาไปด้วย

          หลินลู่ฉีมองสองพี่น้องรักใคร่กันดี ในใจรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา อย่างน้อยในบรรดาสามบ้านของตระกูลหวง บ้านสามน่าจะเป็นคนมีจิตใจดีงามที่สุดแล้ว บ้านใหญ่เห็นแก่ตัวไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งนั้น เหตุเพราะมีนางเจียงคอยให้ท้าย

          บ้านรองออกแนวขี้ขลาดไหลตามผู้อื่นไปเรื่อย เหตุเพราะมีแต่บุตรสาว เลยถูกนางเจียงมองข้ามไป ตลอดทางที่ผ่านมานางได้ยินเสียงบ่นด่าว่า เป็นตัวขาดทุนอยู่บ่อยครั้ง ไม่แปลกหากพวกเขาจะหวาดกลัวและขาดความมั่นใจ

          บ้านใหญ่นั้นมีบุตรชายทั้งสองของพวกเขา ได้เรียนหนังสือด้วยกันทั้งคู่ แม้ยากจนเพียงใดหวงจงก็ยังอยากให้คนในตระกูล ได้ชื่อว่าเป็นบัณฑิตมีความรู้ ดังนั้นหลานชายทั้งสองจากบ้านใหญ่ จึงเปรียบเสมือนความหวังของครอบครัว

          ขณะที่หวงไป๋หลานบุตรสาววัยปักปิ่นของนางเจียงกับหวงจง อยู่ในวัยสามารถออกเรือนได้แล้ว หากไม่เกิดเรื่องภัยแล้งกับการจลาจลขึ้นเสียก่อน พวกเขาคงให้แม่สื่อไปหาคู่หมั้นหมายที่ดีให้นาง หวงไป๋หลานนั้นหน้าตางดงามที่สุดในหมู่บ้าน มีหรือจะหาคู่ครองที่ดีไม่ได้ นางเจียงแทบไม่ให้นางหยิบจับอะไร เพราะต้องการสินสอดมากพอ ที่จะจุนเจือหลานชายทั้งสองให้เล่าเรียนจนจบได้

          ทั้งหมดหาที่โล่งใต้ต้นไม้เพื่อค้างแรมกันคืนนี้ โดยให้แบ่งเวลาในการเฝ้ายามกัน หลินลู่ฉีรู้สึกไม่สู้ดีนัก ยามใดที่นางเกิดความกระวนกระวายใจเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าเรื่องร้ายกำลังจะเกิดขึ้น หวงจื่อเหยานอนกอดฉินซื่อ ถัดไปก็เป็นหลินลู่ฉี ส่วนหวงจื่อถงนอนด้านข้างกับหวงชางผู้เป็นบิดา

          ยามโฉ่ว(01.00-02.59)

          เป็นเวรเฝ้ายามของหวงจื้อ ทว่าเขาเผลอหลับสนิทเพราะความเหนื่อยล้า มีเงาคนย่องเบาเข้ามาจากที่ไกล ๆ หลินลู่ฉีลืมตาขึ้นในความมืด นางสะกิดฉินซื่อเบา ๆ

          “ฉีฉีมีอะไร” ฉินซื่องัวเงียขึ้นมาถาม “เจ้าปวดเบารึ”

          “ท่านป้าข้าเหมือนได้ยินเสียงคน” นางเอ่ยเสียงค่อย

          ฉินซื่อผลุนผลันลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ นางขยับเข้าไปสะกิดบอกสามี แม้ตัวเองไม่ได้ยินเสียงคนที่ว่าก็ตาม แต่ต้องป้องกันอันตรายไว้ก่อน

          “พี่ชางเหมือนฉีฉีจะได้ยินเสียงคน” นางกระซิบบอกเขาเบา ๆ

          หวงชางรีบลุกขึ้นมาพร้อมปลุกบุตรชายให้ลุกขึ้นด้วยเสียงที่เบาที่สุด “เจ้ากับลูก ๆ รออยู่นี่ก่อน ข้าจะไปดูพี่ใหญ่”

          บอกแล้วก็รีบย่องเดินไปหาพี่ชายที่เฝ้ายามอยู่ พบว่าอีกฝ่ายนั้นคอพับนอนหลับไปแล้วจริง ๆ เสียงคนเหยียบใบไม้แห้งดังมาจากที่ไกล ๆ หวงชางรีบปลุกพี่ชาย แล้วพากันกลับไปยังที่พักแรมของทุกคน

          “อาอี้เจ้ารีบไปปลุกทุกคนให้ตื่นเร็วเข้า มีคนมุ่งหน้ามาทางเราจริง ๆ” เสียงกระซิบกระซาบของพวกเขา ทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นตามไปด้วย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 252 : ฮูหยินลูกแย่งที่นอนข้า  (จบ)

    บทที่ 252 : ฮูหยินลูกแย่งที่นอนข้า หวงชางพยักหน้าลงเล็กน้อย “ได้ต่อไปข้ากับอาอี้จะเรียกเจ้าว่าอี้หาน เจ้ากลับบ้านเดิมภรรยาทั้งที เหตุใดต้องหอบของขวัญมามากมายถึงเพียงนี้” “แค่ของขวัญเล็กน้อยเท่านั้น” หลินลู่ฉีรีบฟ้อง “ดีที่ข้าห้ามเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นสามีข้าคงขนมาทั้งคลังเป็นแน่” “เจ้าเด็กนี่เรียกสามีข้าเต็มปากเต็มคำ หน้าไม่อายจริง ๆ” ฉินซื่ออดเย้านางไม่ได้ “ท่านป้าท่านล้อข้า” “แต่งงานกันแล้วย่อมเป็นเรื่องธรรมดา อี้หานต่อไปก็รักและดูแลฉีฉีของพวกข้าให้ดี ๆ อย่าทำให้นางต้องเสียใจรู้ไหม” “ขอรับท่านป้าข้ารับปากท่าน ข้าซุนอี้หาน

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 251 : ข้าอายุสิบแปดปีเองนะ จะรีบร้อนมีลูกไปทำไม   

    บทที่ 251 : ข้าอายุสิบแปดปีเองนะ จะรีบร้อนมีลูกไปทำไม หลังจากกินมื้อกลางวันอิ่มกันแล้ว พ่อบ้านได้นำกล่องของขวัญ กับจดหมายมามอบให้หลินลู่ฉี บอกว่าเป็นของท่านอาจารย์ของนางมอบให้ในวันแต่งงาน “อาจารย์ปู่อย่างนั้นรึ” หลินลู่ฉีรีบเปิดซองจดหมายอ่านก่อนเป็นอันดับแรก เนื้อหาในนั้นเป็นการขอโทษ ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานแต่งของนางได้ เพราะระยะทางอยู่ไกลนับพันลี้ แม้เดินทางด้วยม้าเร็วก็คงมาไม่ทันอยู่ดี จึงได้ส่งของขวัญกับจดหมายมาให้แทน นอกจากคำอวยพรแล้ว อาจารย์ปู่ยังมอบป้ายไม้แกะสลักให้นางอีกด้วย ซุนอี้หาน “นี่ป้ายอะไรกัน” “อาจารย์ปู่เขียนบอกว่า เป็นป้ายประจำตัวเจ้าของตำหนักยา” “ตำหนักยา ? นั่นไม่ใช

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 250 : เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าทำกันไปแล้วหรือ

    บทที่ 250 : เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าทำกันไปแล้วหรือ ภายในห้องหอซุนอี้หานกำลังเงี่ยหูฟังเสียงจากนอกประตู เมื่อรู้ว่าคนเหล่านั้นไม่อยู่แล้ว จึงได้หันไปทางเจ้าสาวที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียงนอน เจ้าไปนั่งบนเตียงตั้งเมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านั่งอยู่บนเก้าอี้รึ ซุนอี้หานทั้งขำทั้งเอ็นดูนาง หลินลู่ฉีกำลังนั่งด้วยความรู้สึกประหม่าแกมตื่นเต้น นางมองผ่านชายผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดง เห็นเพียงหัวรองเท้าเจ้าบ่าวที่เดินมาหยุดอยู่ เขาเอื้อมจับชายผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ค่อย ๆ ยกขึ้นตลบไปไว้ด้านหลัง เจ้าสาวผู้มีใบหน้าอันงดงาม ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเขินอาย ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มเข้าออก คล้ายคนไม่รู้จะเอ่ยคำพูดใดออกมา “ฉีฉีเจ้างามมาก” ดวงตาปรือเยิ้มมองเจ้าสาวอย่างลุ่มหลง

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 249 : ใครจะหย่ากับข้า !

    บทที่ 249 : ใครจะหย่ากับข้า ! บรรดาญาติสหายและคนรู้จัก ที่พากันมาส่งตัวเจ้าสาว ต่างยืนดูพิธีการตรงหน้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มกันทุกคน “ตอนแรกข้าอยากเสนอตัวแบกเจ้าสาวด้วยตัวเอง แต่ว่าคิดไปคิดมาข้าเทียบหวงจื่อถงไม่ได้จริง ๆ เขามีความเป็นพี่ชายมากกว่าข้าเสียอีก” เซี่ยเฉินจิ่นเอ่ยเบา ๆ เซี่ยเฉินฟู่กอดอกมองภาพตรงหน้า แล้วพยักหน้าลงเบา ๆ “ท่านแบกพี่สาวไม่ไหวหรอก เกิดทำเจ้าสาวหกล้มขึ้นมา ทำฤกษ์มงคลเสียหายหมด ให้พี่จื่อถงแบกนั่นแหละดีแล้ว” เซี่ยเฉินจิ่น “...” เจ้ายังใช่น้องชายข้าอยู่ไหม ฉวีฮูหยิน “ต่อไปนางก็มีครอบครัวของตัวเอง มีสามีลูกมีหลานเต็มบ้าน ไม่เดือดร้อนพวกเจ้าให้เป็นห่วงนางหรอก” ครอบครัวตระกูลเซี่ยยืนมองเกี้ยวเจ้าสา

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 248 : ข้าซุนอี้หานขอสาบานด้วยชีวิต ข้าจะไม่มีวันทำให้นางเสียใจเด็ดขาด 

    บทที่ 248 : ข้าซุนอี้หานขอสาบานด้วยชีวิต ข้าจะไม่มีวันทำให้นางเสียใจเด็ดขาด “ฉีฉี” ฉินซื่อลูบศีรษะของนางอย่างอ่อนโยน น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าตามนางไปด้วย ทั้งลูบทั้งกอดปลอบโยนนาง “เด็กน้อยในวันนั้น ได้นำพาครอบครัวของพวกเรา เดินทางผ่านร้อนผ่านหนาวมาไกลถึงเพียงนี้ รู้ไหมว่าป้าภูมิใจในตัวของเจ้ามากแค่ไหน” “ท่านป้า ฮะฮรึก...ฮือ ๆ ๆ” เป็นครั้งแรกที่ฉินซื่อได้เห็นหลินลู่ฉี ปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาเช่นนี้ เหมือนกำแพงความเข้มแข็งในใจของนาง ได้พังทลายลงแล้ว “เด็กดีไม่ร้อง ๆ เจ้าสาวจะตาบวมหมดงามเอาได้” “ขะข้า...ฮะฮรึก จะไม่ร้องแล้ว ฮะฮรึก !” คนพูดสะอื้นเป็นจังหวะ “เจ้

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 247 : หวีครั้งแรกขอให้ชีวิตคู่ยืนยาว    

    บทที่ 247 : หวีครั้งแรกขอให้ชีวิตคู่ยืนยาว หลินลู่ฉีไปหาฉินซื่อที่เรือน พบว่านางกำลังปักชุดเจ้าสาวให้ตัวเองอยู่ หวงจื่อเหยาที่ได้เวลาใกล้คลอดแล้ว นางมาหามารดาเพื่อดูว่ามีอะไรให้ช่วยบ้าง “ท้องโตขนาดนี้ยังขึ้นรถม้าไปโน่นมานี่อีก ชุดเจ้าสาวของฉีฉีข้าทำเองได้เจ้าไม่ต้องช่วย” เสียงของฉินซื่อเอ่ยบ่นบุตรสาว ดังออกมาจากเรือนของนาง “ท่านแม่ฉีฉีของพวกเราจะออกเรือนทั้งที นางไม่ยอมรับสินเดิมจากพวกเรา มีเพียงชุดแต่งงานนี่แหละ ที่พวกเราพอจะทำให้นางได้” หลินลู่ฉีกระแอมเบา ๆ สองแม่ลูกก็หันมามองนางในทันที “เจ้ามาแอบฟังข้ากับท่านแม่พูดคุยกันใช่ไหม” “พี่จื่อเหยาท่านใส่ร้ายข้า” นางออดอ้อนเป็นเด็กน้อยทันที &ld

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status