ส่วนเสี่ยวขุยที่เดินตามหาเสี่ยวฮัวในที่สุดก็เจอตัว จึงพากลับมาพบเมิ่งฟางเอินเพื่อรับภารกิจตามที่รับปากไว้ โดยที่แขกในงานคิดว่าเป็นการตามสาวใช้ มาช่วยเหลือเรื่องอาหารหรือน้ำชาที่พร่องไป มิได้คิดว่าจะมีแผนการสร้างความวุ่นวายแต่อย่างใด
“คารวะคุณหนูทั้งสอง ท่านต้องการให้บ่าวทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ”
เมิ่งฟางเอินไม่รอช้ารีบสั่งการกับเสี่ยวฮัว ตามแผนการที่นางได้เตรียมเอาไว้ เพื่อสร้างเหตุการณ์ให้แขกเหรื่อในงานทั้งหลาย ได้รับรู้ว่าหยางเฟิ่งเซียนมิใช่สตรีที่ดีงามอันใด
“เจ้านำกำยานไร้กลิ่นนี้ไปจุดไว้ในเรือนรับรองหลังใดก็ได้ แล้วไปตามบ่าวที่ดูแลม้าของจวนให้เข้าไปอยู่รอด้านใน จากนั้นเจ้าจงกลับมาในงานถือถาดกาน้ำชา แสร้งสะดุดไปทางหยางเฟิ่งเซียน เมื่อชุดของนางเปียกชื้นเจ้ารีบอาสาพานางไปเปลี่ยนชุดยังห้องรับรอง พอผ่านไปสักหนึ่งเค่อก็ส่งเสียงร้องดัง ๆ ข้ากับสหายจะรีบตามไปที่นั่น”
เมื่อรู้ว่าเป็นภารกิจที่ไม่ยากเกินความสามารถ เสี่ยวฮัวยกยิ้มอย่างมั่นใจว่าตนเองทำสำเร็จได้แน่ จึงลองเอ่ยถึงเรื่องค่าจ้างที่เหลือกับเซิ่งฟางเอิน “คุณหนูรอฟังสัญญาณจากบ่าวได้เลยเจ้าค่ะ ว่าแต่ค่าจ้างที่เหลือของบ่าว...”
“พรุ่งนี้เช้ามืดที่ตลาดเสี่ยวขุยจะไปรอเจ้าอยู่ที่นั่น”
“ขอบคุณหนูมากเจ้าค่ะ บ่าวจะลงมือทำตามคำสั่งเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
เสี่ยวฮัวที่ได้รับคำตอบที่แน่ชัดเกี่ยวกับค่าจ้างของตน จึงกลับออกไปจากศาลากลางน้ำพร้อมแท่งกำยานในมือ และเริ่มทำภารกิจตามคำสั่งของเซิ่งฟางเอินทันที
สายลับที่ได้ยินทุกถ้อยคำในบทสนทนาของสตรีทั้งสี่คน จึงรีบกดรายงานให้เจ้านายที่ยังรอฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อ [นายหญิงได้ความมาแล้วเจ้าค่ะ สตรีพวกนี้จิตใจไร้ความเมตตาจริง ๆ]
‘นางต้องการทำอันใดกับเซียนเอ๋อร์ของข้า รีบพูดมาให้หมดจีจี้’
‘จีจี้รีบบอกทุกอย่างที่เจ้ารู้มาเร็วเข้า ข้ากับพวกพี่ชายจะได้วางแผนรับมือนางในตอนนี้เสียเลย’
[นางสั่งให้สาวใช้ผู้นั้นนำกำยานปลุกกำหนัด ซึ่งเป็นกำยานที่ไร้กลิ่นไปจุดไว้ในเรือนรับรอง จากนั้น...ฯลฯ...แผนการที่ได้ยินก็เป็นเช่นนี้ นางคงเกลียดชังคุณหนูเข้ากระดูกดำแล้วกระมังเจ้าคะ]
‘เซิ่งฟางเอินนางคงคิดว่าแผนการตื้น ๆ แค่นี้ จะทำให้ข้ากลายเป็นสตรีงามเมืองได้งั้นรึ ช่างไร้ปัญญาในการกลั่นแกล้งคนเสียจริง’
‘เช่นนั้นพวกเราก็ใช้แผนของนางคืนสนองกลับไปดีหรือไม่’
‘อาหรงคิดว่าจะซ้อนแผนทำเช่นเดียวกับนางงั้นหรือ ถ้าพวกเจ้าคิดใช้แผนนี้แม่จะรอดูเรื่องสนุกของพวกเจ้าก็แล้วกัน จีจี้หากำยานปลุกกำหนัดที่รุนแรงที่สุดให้กับลูก ๆ ของข้าด้วยล่ะ’
[รับทราบเจ้าค่ะนายหญิง จีจี้ยินดีจัดหาให้เดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ คุณชายกับคุณหนูรอรับของที่จีจี้จะส่งไปยังแหวนมิตินะเจ้าคะ]
‘ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะได้ดูเรื่องงามหน้าของพวกนางแล้วจีจี้’
สองพี่น้องตระกูลฟงยืนฟังเงียบ ๆ จนกระทั้งเห็นว่าการโต้ตอบนั้นจบลง แค่เพียงอ้าปากจะถามเอาความ พวกเขาก็ต้องรีบหุบปากอย่างรวดเร็ว เมื่อหยางซิวหรงบอกถึงแผนการร้ายของเซิ่งฟางเอิน
ฟงเสวี่ยหลินแทบจะเดินไปหาสตรีทั้งสอง เพื่อทำการสั่งสอนพวกนางเสียเข็ด ไม่คิดว่าพวกนางจะจิตใจคับแคบถึงเพียงนี้ “หนอยยย พวกนางคิดใช้แผนสกปรกทำลายน้องสาวของข้าเชียวรึ ข้าล่ะอยากตบพวกนางให้หน้าเสียโฉมจริง ๆ ความสามารถสู้เซียนเอ๋อร์ไม่ได้ก็แค่ยอมรับความจริง แต่กับพวกนางคงคิดเรื่องนี้ไม่ได้กระมัง”
“ข้าเห็นด้วยกับเจ้าอาหลิน ในเมื่อนางอยากให้เซียนเอ๋อร์เสื่อมเสียชื่อเสียง หากกลายเป็นนางกับสหายแทนเซียนเอ๋อร์ล่ะ ข้าว่าบิดาของนางสองคนคงรีบส่งตัวออกนอกเมืองทันที เพื่อให้ข่าวลือในเมืองหลวงมีเพียงชั่วคราวเป็นแน่”
พี่น้องทั้งสี่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มร้าย เมื่ออีกไม่นานจะมีเรื่องน่าสนุกให้ได้ชม ซึ่งในฐานะเจ้าของจวนฟงเสวี่ยหลินจึงเรียกคนสนิท เข้ามารับภารกิจและเตรียมการทุกอย่างโดยเร็วที่สุด
“โม่หาน...”
“คุณชายต้องการให้บ่าวทำอันใดโปรดมีคำสั่งขอรับ”
“เจ้ากับโม่เหยาย่อมได้ยินสิ่งที่พวกข้าพูดคุยกันทั้งหมด ดังนั้นพวกเจ้าสองคนจงไปเตรียมห้องหอให้คุณหนูทั้งสอง อ้อ ข้าเกรงว่าพวกนางจะไม่พอใจหากมีสามีแค่สองสามคน หาสามีมาเพิ่มให้พวกนางด้วย”
“ขอรับคุณชายใหญ่”
[คุณหนูยาปลุกกำหนัดชนิดรุนแรง จีจี้วางไว้ในแหวนมิติให้ท่านแล้วนะเจ้าคะ ขอให้สนุกกับการเอาคืนคนนิสัยไม่ดีเจ้าค่ะ]
‘ขอบใจมากนะจีจี้’
“ประเดี๋ยวเจ้าค่ะ รบกวนพวกเจ้าสองคนนำแท่งกำยานนี้ เข้าไปจุดยังเรือนรับรองของคุณหนูทั้งสองให้ข้าด้วย ที่สำคัญอย่าลืมทำสัญลักษณ์ไว้ให้ชัดเจน ว่าห้องไหนที่ไม่ใช่ห้องของข้า”
“บ่าวทราบแล้วขอรับ จะไม่เกิดความผิดพลาดอย่างแน่นอน บ่าวขอเอาชีวิตเป็นประกันขอรับ”
ฟงเหยาเหวินเห็นว่าการซ้อนแผนจัดการเสร็จแล้ว จึงได้เอ่ยชักชวนพี่น้องกลับไปนั่งสนทนาเช่นเดิม ทำให้คล้ายกับว่าไม่รับรู้ถึงแผนการสกปรกของสตรีสองตระกูลมาก่อน
ซึ่งเหตุการณ์ตามแผนที่สี่พี่น้องได้รับรู้ ในที่สุดก็เกิดขึ้นโดยหยางเฟิ่งเซียนก็เล่นตามน้ำไปอย่างลื่นไหล
อ๊ะ! ซ่า “พี่ใหญ่ชุดของข้าเป็นผ้าไหมราคาแพง และยังเป็นท่านตาท่านยายที่ลงมือปักด้วยตนเองเลอะไปหมดแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าเดินอย่างไร! เหตุใดถึงไม่ระวังจนทำให้ชุดของน้องสาวข้าเลอะเทอะเช่นนี้ รู้หรือไม่ชุดของนางเป็นผ้าไหมชั้นเลิศ ราคาสูงถึงพับละหนึ่งร้อยตำลึงทองเชียวนะ เซียนเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้างน้องพี่” หยางซิวหรงลุกขึ้นโวยวายเสียงดังอย่างสมจริง
ตุบ “บ่าวมิได้ตั้งใจเจ้าค่ะคุณชายหยาง คุณหนูหยางโปรดอภัยให้บ่าวด้วยเถิด บ่าวเดินสะดุดพื้นทำให้เสื้อผ้าของท่านเปรอะเปื้อนไปหมดเช่นนี้”
แต่กลายเป็นฟงเสวี่ยหลินที่ใช้เสียงดัง ดุบ่าวรับใช้ในจวนของตนด้วยความโมโห “เจ้าเป็นสาวใช้ประสาอะไร คนอื่น ๆ ที่เดินเข้าออกยังไม่เห็นเดินสะดุดเช่นเจ้าสักคน นี่เจ้าคิดจะทำให้อาเหวินขายหน้าแขกเหรื่อในงานเลี้ยงเช่นนั้นรึ!”
“คุณชายใหญ่บ่าวไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เจ้าค่ะ บ่าวเพิ่งถูกเรียกให้มาช่วยงานในเรือนหน้าครั้งแรก ได้โปรดเมตตาบ่าวสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ”
ฟงเหยาเหวินกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสุขุม อย่างที่คนเป็นบัณฑิตชอบทำถามสาวใช้ตรงหน้า “แล้วเจ้าทำงานอยู่ส่วนไหนของจวนหรือ ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อนเป็นสาวใช้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ใช่หรือไม่”
“เอ่อ ชะ ชะ ใช่เจ้าค่ะคุณชายเล็ก บ่าวเพิ่งมาทำงานที่จวนแห่งนี้ได้หนึ่งเดือนเศษเจ้าค่ะ”
ขณะที่เสี่ยวฮัวถูกบุตรหลานเจ้าของจวนดุด่า ด้านศาลากลางน้ำก็เกิดเหตุการณ์คล้าย ๆ กันขึ้น ซึ่งเซิ่งฟางเอินกับหลีเยียนหรานไม่พอใจ ที่เกิดเรื่องเช่นนี้กับพวกตนถึงกับลงมือตบตีสาวใช้นางหนึ่ง
แต่จะลงมือจนเกินงามก็ไม่อาจทำได้ สุดท้ายจึงสั่งให้พาไปที่เรือนรับรอง เพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ตระกูลฟงจัดเตรียมไว้ให้แขกทุกคน โดยสตรีทั้งสองไม่รู้เลยว่าเวรกรรมกำลังสนองกลับมาหาตน
กลุ่มคนอีกด้านหนึ่งเมื่อเห็นว่าคนที่คิดร้ายกับตน ลุกออกไปทางเรือนรับรองถึงได้หยุดต่อว่าเสี่ยวฮัว เพื่อให้นางพาหยางเฟิ่งเซียนไปยังเรือนรับรองตามแผน “ช่างเถิดเจ้าค่ะพี่เหยาเหวิน ไหน ๆ เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้วอีกอย่างนางคงมิได้ตั้งใจ เช่นนั้นเจ้าพาข้าไปเปลี่ยนชุดใหม่ที่เรือนรับรองก็แล้วกัน”
“ขอบคุณคุณหนูหยาง บ่าวจะพาท่านไปเปลี่ยนชุดใหม่นะเจ้าคะ”
เมื่อหยางเฟิ่งเซียนตามเสี่ยวฮัวไป ผู้ติดตามข้างกายอย่างหลี่เจินย่อมเดินตามไปดูแลห่าง ๆ ยามที่หยางเฟิ่งเซียนมาถึงเรือนรับรอง เป็นเวลาไล่เลี่ยกับเซิ่งฟางเอินและหลีเยียนหราน กำลังถูกสาวใช้เปิดประตูเรือนรับรองที่ใกล้กันเข้าไป
เพียงเท่านี้รอยยิ้มร้าย ๆ จากดวงตาและมุมปากของหยางเฟิ่งเซียน ก็ทำให้หลี่เจินรู้ได้ทันทีว่าแผนการของเจ้านายสำเร็จแล้ว ส่วนเสี่ยวฮัวที่ยื่นมือออกไปเพื่อเปิดประตูเรือน กลับสะดุ้งสุดตัวเมื่อคอของตนกระทบกับความเย็นที่คมกริบ
เฮือก! “คะ คะ คุณหนูจะทำอะไรเจ้าคะ”
“เจ้าคือคนที่เซิ่งฟางเอินซื้อตัว เพื่อพาข้ามาให้ถูกบ่าวไพร่ทำมิดีมิร้ายใช่ไหม เจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียวในการตอบ หากโกหกคนของข้าจะเชือดคอเจ้าทิ้งทันที” หยางเฟิ่งเซียนข่มขู่ด้ายท่าทางสงบนิ่ง แต่น้ำเสียงและสายตาที่แสดงออกมาบอกได้ว่ามิได้ล้อเล่น
เสี่ยวฮัวถึงกับขนลุกขนชันเนื้อตัวสั่นสะท้าน เพราะชื่อเสียงของบุตรหลานสองตระกูลล้วนเป็นที่กล่าวขาน ตุบ “คุณหนูหยางโปรดไว้ชีวิตบ่าวด้วยเจ้าค่ะ บ่าวหน้ามืดตามัวเห็นแก่ค่าจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ จนเกือบทำให้คุณหนูหยางเสื่อมเสียชื่อเสียง”
แม้หยางเฟิ่งเซียนอยากจัดการเสี่ยวฮัวเพียงใด แต่นี่เป็นจวนตระกูลฟงเช่นนั้นควรให้เจ้าของจวนลงโทษนางเอง “ได้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ยามนี้เจ้าได้ยินเสียงร้องอันสุขสมในเรือนตรงข้ามหรือไม่ หากเจ้าฉลาดมากพอคงรู้นะว่าควรทำอย่างไรต่อไป”
“บะ บะ บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวฮัวเข้าใจสิ่งที่หยางเฟิ่งเซียนต้องการ นางจึงลุกขึ้นและวิ่งกลับเข้าไปในงานเลี้ยงอีกครั้ง พร้อมกับท่าทางที่แสดงออกอย่างมีพิรุธ
หยางเฟิ่งเซียนเดินไปยืนกับมารดาด้วยท่าทางเขินอาย ส่วนเสี่ยวฮัวรีบวิ่งไปตามบ่าวไพร่อย่างรวดเร็ว และประตูเรือนรับรองก็ถูกเปิดโดยแม่นมฟาง หลังจากบานประตูเปิดกว้างสิ่งที่พบเห็น ยิ่งสร้างความโกรธเคืองให้กับเหอฮูหยินอย่างมากแต่ว่าภาพตรงหน้าทำเอาสองฮูหยิน ที่ติดตามมาถึงกับตกตะลึงจนอยากหยุดหายใจ เนื่องจากสตรีสองในสี่ที่อยู่ด้านในนั้น กลับกลายเป็นบุตรสาวของพวกนางเสียเอง พวกนางไม่คิดมาก่อนว่าบุตรสาวของตน จะคิดวางแผนกลั่นแกล้งคนในในจวนตระกูลฟง จนต้องรับผลจากแผนสกปรกเสียเอง หากสามีของพวกนางรู้เข้าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่เหอฮูหยินยังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใด ก็มีเสียงจากด้านหลังกรีดร้องและวิ่งเข้าไป เพื่อแยกคนด้านในออกจากบุรุษ ที่พวกนางดูอย่างไรก็มิใช่คุณชายตระกูลสูงศักดิ์ ที่สำคัญคนภายในห้องนี้ล้วนเปลือยกายล่อนจ้อน ไม่เว้นแม้แต่สาวใช้ของบุตรสาวพวกนางปัง! “กรี๊ดดด! เอินเอ๋อร์ /หรานเอ๋อร์!”“เจ้าคนต่ำช้าออกไปให้ห่างลูกของข้านะ ออกไป๊ เอินเอ๋อร์ ๆ เจ้าอย่าทำเช่นนี้บอกแม่มาเถิดว่าใครที่ทำร้ายเจ้า แม่จะให้คนไปตามจับตัวพวกมามาลงโทษ”“หรานเอ๋อร์ ๆ ลูกแม่” เพียะ! เพียะ! “ออกไปให้พ้นพวกสกปรกอย่ามาแตะลูกสาวของข
ขณะที่แขกเหรื่อกำลังสนทนากันอย่างออกรส ภายหลังจากองค์หญิงใหญ่ได้เสด็จกลับจวนไปได้ไม่ถึงหนึ่งเค่อ ซึ่งยามนี้ในวงสนทนามีเหล่าฮูหยินหลายตระกูล ต่างกล่าวชื่นชมบุตรสาวของตนไปมาตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยง เพื่อเป็นการมองหาบุรุษให้กับบุตรสาวของตนหนึ่งในนั้นยังมีซูอันที่นั่งอยู่ข้างกายพี่สาวโดยไม่พูดสิ่งใด พวกนางมิได้ตอบรับหรือถามอันใดเพิ่มเติม ทำเพียงแค่ยิ้มบางให้กับบางคำถามเท่านั้น เนื่องจากสองพี่น้องตระกูลจิน ไม่เคยคิดบังคับบุตรของตนในเรื่องของการเลือกคู่ครองส่วนเสี่ยวฮัวที่ตั้งหน้าตั้งหน้าวิ่งมาจากเรือนรับรอง นางย่อมรู้ว่าควรวิ่งไปหาผู้ใดเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น แฮ่ก ๆ ๆ “ฮูหยินเจ้าคะเกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ทะ ทะ ที่เรือนรับรองมีคนทำเรื่องบัดสีอยู่ในนั้นเจ้าค่ะ”พรึบ! “เจ้าว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นในจวนของข้านะ พูดมาให้ชัดว่ามันเป็นเรื่องอะไรกันแน่!” เหอฮูหยินมารดาของฟงเฉิงฮ่าวแทบนั่งไม่ติด เมื่อได้ยินสาวใช้ของจวนวิ่งหน้าตาตื่น เข้ามารายงานเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น“เมื่อครู่บ่าวพาคุณหนูหยางไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนรับรอง แต่บ่าวกับคุณหนูหยางกลับได้ยินเสียงบุรุษกับสตรี กำลังทำเรื่องบัดสีอย
ส่วนเสี่ยวขุยที่เดินตามหาเสี่ยวฮัวในที่สุดก็เจอตัว จึงพากลับมาพบเมิ่งฟางเอินเพื่อรับภารกิจตามที่รับปากไว้ โดยที่แขกในงานคิดว่าเป็นการตามสาวใช้ มาช่วยเหลือเรื่องอาหารหรือน้ำชาที่พร่องไป มิได้คิดว่าจะมีแผนการสร้างความวุ่นวายแต่อย่างใด“คารวะคุณหนูทั้งสอง ท่านต้องการให้บ่าวทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ”เมิ่งฟางเอินไม่รอช้ารีบสั่งการกับเสี่ยวฮัว ตามแผนการที่นางได้เตรียมเอาไว้ เพื่อสร้างเหตุการณ์ให้แขกเหรื่อในงานทั้งหลาย ได้รับรู้ว่าหยางเฟิ่งเซียนมิใช่สตรีที่ดีงามอันใด“เจ้านำกำยานไร้กลิ่นนี้ไปจุดไว้ในเรือนรับรองหลังใดก็ได้ แล้วไปตามบ่าวที่ดูแลม้าของจวนให้เข้าไปอยู่รอด้านใน จากนั้นเจ้าจงกลับมาในงานถือถาดกาน้ำชา แสร้งสะดุดไปทางหยางเฟิ่งเซียน เมื่อชุดของนางเปียกชื้นเจ้ารีบอาสาพานางไปเปลี่ยนชุดยังห้องรับรอง พอผ่านไปสักหนึ่งเค่อก็ส่งเสียงร้องดัง ๆ ข้ากับสหายจะรีบตามไปที่นั่น”เมื่อรู้ว่าเป็นภารกิจที่ไม่ยากเกินความสามารถ เสี่ยวฮัวยกยิ้มอย่างมั่นใจว่าตนเองทำสำเร็จได้แน่ จึงลองเอ่ยถึงเรื่องค่าจ้างที่เหลือกับเซิ่งฟางเอิน “คุณหนูรอฟังสัญญาณจากบ่าวได้เลยเจ้าค่ะ ว่าแต่ค่าจ้างที่เหลือของบ่าว...”“พรุ่งนี้เช้ามื
และแล้วงานเลี้ยงของจวนตระกูลฟงก็มาถึง แขกเหรื่อมากมายหลายตระกูลต่างมาร่วมแสดงความยินดี ซึ่งในมือของทุกตระกูลจะมีกล่องของขวัญ เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจที่บางคนแอบแฝงเรื่องอื่น ๆ เพียงแค่สิ่งที่ผู้คนได้เห็นเป็นเพียงหน้ากากเท่านั้นส่วนหยางเฟิ่งเซียนกับพี่ชายของตน ได้ชักชวนบิดาและมารดามายังจวนญาติผู้พี่ ก่อนจะถึงเวลาเริ่มงานเลี้ยงหนึ่งชั่วยาม เพื่อนำอุปกรณ์พิเศษที่จีจี้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า เข้าไปติดตามมุมต่าง ๆ ที่คาดว่าจะมีคนลงมือทำเรื่องไม่ดีในวันนี้ซูอันนำกล้องวงจรปิดขนาดเล็ก ใส่ไว้ในลังไม้จำนวนนับร้อยชิ้น และกำชับกับบุตรทั้งสองก่อนลงจากรถม้าอีกเล็กน้อย “หรงเอ๋อร์ เซียนเอ๋อร์ อย่าลืมสิ่งที่แม่เคยสอนพวกเจ้าไว้ล่ะ หากมีคนคิดทำร้ายลูกในงานเลี้ยง...”“ถ้าหากลูกถูกคนกลั้นแกล้งหรือลอบทำร้ายในงานเลี้ยง อย่าได้ตอบโต้กลับด้วยความรุนแรง จงทำตัวให้เป็นคนที่น่าสงสาร จากนั้นค่อยเอาคืนอย่างสาสมใช่หรือไม่เจ้าคะ” หยางเฟิ่งเซียนย่อมจดจำได้กับสิ่งที่มารดาต้องการบอกกับตน ยกเว้นหากถูกรังแกซึ่ง ๆ หน้าเท่านั้น นางถึงจะลงมือจัดการอย่างตรงไปตรงมาไม่มีละเว้น“หึ ใช่ ในเมื่อพวกลูกจดจำได้ก็ดีแล้ว แม้จะเป็นที่
เรื่องข่าวดีที่บุตรชายฝาแฝดคนเล็กของเยี่ยนหลิงกับฟงเฉิงฮ่าว สามารถสอบได้ตำแหน่งจอหงวนถูกส่งไปยังตระกูลจิน ที่ยังคงคอยดูแลร้านผ้าไหมอยู่ในเมืองผู่เถียน สองสามีภรรยาอย่างมู่ถงและจือเหมย ยังคงทำงานที่ตนเองรักอย่างมีความสุขทุก ๆ สามเดือนทั้งสองคนจะเดินทางเข้าเมืองหลวง เพื่อไปเยี่ยมเยียนบุตรหลานเป็นประจำ ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่บุตรสาวออกเรือน และย้ายไปอยู่บ้านสามีตามธรรมเนียม แม้ซูอันกับเยี่ยนหลิงอยากให้บิดามารดาไปอยู่เมืองหลวง แต่ทั้งสองกลับชอบอยู่ที่เมืองผู่เถียนเสียมากกว่าเนื่องจากข่าวดีส่งมาในเวลากระชั้นชิดเกินไป มู่ถงกับจือเหมยจึงเลือกส่งของขวัญให้กับหลานชาย เพราะคงไม่สามารถเดินทางในเวลาอันสั้นได้ และของขวัญที่ส่งให้หลานชายอย่างฟงเหยาเหวิน ย่อมเป็นผ้าไหมปักลายอย่างประณีตงดงามอย่างแน่แท้ทางด้านเยี่ยนหลิงก็ช่วยแม่สามีจัดเตรียมงานเลี้ยง ทุกอย่างในงานล้วนทำอย่างพิถีพิถันมากที่สุด ด้วยไม่ต้องการทำให้ตระกูลฟงขายหน้าได้ อย่างไรเสียงานเลี้ยงครั้งนี้องค์หญิงใหญ่ย่อมเสด็จมาเข้าร่วม เพราะทั้งสองตระกูลมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเป็นเวลาหลายปี ตั้งแต่บุตรชายจนมาถึงหลาน ๆ ของทั้งสองตระกูลแขกเ
ในวันที่ตระกูลฟงได้รับข่าวน่ายินดี เมื่อมีจอหงวนคนใหม่อยู่ในตระกูลแม่ทัพใหญ่ การหารือเรื่องงานเลี้ยงจึงเสร็จสิ้นภายในวันเดียวกัน จินเยี่ยนหลิงกับแม่สามีช่วยกันทำงานไม่ให้ตกหล่น รายชื่อแขกที่เชิญมาร่วมงานได้มอบให้พ่อบ้านจัดการเป็นที่เรียบร้อยมีเพียงหนังสือเชิญของตระกูลหยาง ที่สองพี่น้องฝาแฝดตระกูลฟงนำไปส่งด้วยตนเอง เพื่อเยี่ยมคารวะท่านน้ากับน้าเขย แต่สิ่งที่ทุกคนต่างรู้กันดีย่อมหนีไม่พ้นญาติผู้น้อง ไม่ว่าครั้งไหนทั้งสี่คนมักจะนั่งพูดคุยจนลืมเวลาได้เสมอ“พวกเจ้าสองคนอย่าไปถึงงานเลี้ยงช้านักล่ะ พี่สั่งให้พ่อครัวทำอาหารที่พวกเจ้าชอบไว้หลายอย่าง ไปถึงช้าจะถูกคนอื่นแย่งกินจนหมดนะ”“พี่เหยาเหวินท่านไม่ต้องห่วง ข้ากับพี่ใหญ่จะไปถึงเป็นคนแรกแน่นอนเจ้าค่ะ”แต่หยางซิวหรงกลับคิดต่างกับน้องสาวเล็กน้อย “เซียนเอ๋อร์แน่ใจหรือว่าเจ้าจะเป็นคนแรกที่ไปถึง พี่กลับคิดว่าคงมีคุณหนูอีกหลายตระกูล ที่เร่งเร้าให้บิดามารดาพาไปร่วมงานแต่หัววัน เมื่อเจ้าไปถึงพวกนางก็เดินให้เกลื่อนจวนแล้วกระมัง”“เรื่องนี้ข้าเห็นด้วยกับอาหรงนะ นอกจากตระกูลที่เป็นมิตรกับท่านปู่แล้ว อย่างไรเสียพวกที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามจะไม่เชิญก็ไม่ได้