Share

แผนการตื้น ๆ มีมือที่สามรับรู้

last update Huling Na-update: 2025-08-07 11:57:12

และแล้วงานเลี้ยงของจวนตระกูลฟงก็มาถึง แขกเหรื่อมากมายหลายตระกูลต่างมาร่วมแสดงความยินดี ซึ่งในมือของทุกตระกูลจะมีกล่องของขวัญ เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจที่บางคนแอบแฝงเรื่องอื่น ๆ เพียงแค่สิ่งที่ผู้คนได้เห็นเป็นเพียงหน้ากากเท่านั้น

ส่วนหยางเฟิ่งเซียนกับพี่ชายของตน ได้ชักชวนบิดาและมารดามายังจวนญาติผู้พี่ ก่อนจะถึงเวลาเริ่มงานเลี้ยงหนึ่งชั่วยาม เพื่อนำอุปกรณ์พิเศษที่จีจี้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า เข้าไปติดตามมุมต่าง ๆ ที่คาดว่าจะมีคนลงมือทำเรื่องไม่ดีในวันนี้

ซูอันนำกล้องวงจรปิดขนาดเล็ก ใส่ไว้ในลังไม้จำนวนนับร้อยชิ้น และกำชับกับบุตรทั้งสองก่อนลงจากรถม้าอีกเล็กน้อย “หรงเอ๋อร์ เซียนเอ๋อร์ อย่าลืมสิ่งที่แม่เคยสอนพวกเจ้าไว้ล่ะ หากมีคนคิดทำร้ายลูกในงานเลี้ยง...”

“ถ้าหากลูกถูกคนกลั้นแกล้งหรือลอบทำร้ายในงานเลี้ยง อย่าได้ตอบโต้กลับด้วยความรุนแรง จงทำตัวให้เป็นคนที่น่าสงสาร จากนั้นค่อยเอาคืนอย่างสาสมใช่หรือไม่เจ้าคะ” หยางเฟิ่งเซียนย่อมจดจำได้กับสิ่งที่มารดาต้องการบอกกับตน ยกเว้นหากถูกรังแกซึ่ง ๆ หน้าเท่านั้น นางถึงจะลงมือจัดการอย่างตรงไปตรงมาไม่มีละเว้น

“หึ ใช่ ในเมื่อพวกลูกจดจำได้ก็ดีแล้ว แม้จะเป็นที่โปรดปราณของเสด็จปู่ เสด็จย่า ก็อย่าได้หยิ่งผยองพองขนจนเกินไปนัก ยามใดควรใช้อำนาจยามใดควรใช้ฝีมือของตน จงคิดให้ถี่ถ้วนก่อนลงมือทำสิ่งใด”

หยางซิวหรงเข้าใจคำเตือนของมารดา ตั้งแต่เล็กจนโตเขากับน้องสาวรวมถึงญาติผู้พี่ ถูกมารดาสั่งสอนอย่างเข้มงวดมาตลอด “ท่านแม่อย่าได้กังวลกับเรื่องนี้เลย ลูกกับน้องเล็กและญาติผู้พี่ล้วนจดจำได้ขึ้นใจ หากไม่จำเป็นจริง ๆ พวกลูกจะใช้สติปัญญากับความสามารถของตน จัดการปัญหาต่าง ๆ ด้วยตนเองขอรับ”

“ท่านแม่พาท่านพ่อเข้าไปพบท่านป้ากับท่านลุงเถิดเจ้าค่ะ ส่วนที่เหลือลูกกับพี่ใหญ่จะช่วยกันจัดการให้เรียบร้อย และจะตามไปหาพวกท่านในบริเวณงานเลี้ยงทีหลังนะเจ้าคะ” หยางเฟิ่งเซียนย่อมรับรู้ถึงความห่วงใยของมารดา แต่นางกำลังตื่นเต้นกับอุปกรณ์แปลก ๆ ที่เพิ่งได้รับมากกว่า

หยางไท่หมิงไม่ลืมเอ่ยเตือนอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยให้บุตรทั้งสองทำตามความตั้งใจ “อย่าลืมสนุกจนลืมเวลาล่ะเข้าใจหรือไม่ หลังจากจัดการทุกอย่างแล้วรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และเข้าไปคารวะผู้อาวุโสด้วยนะ อาหรงดูแลน้องให้ดีอย่าได้คลาดสายตา”

“ลูกทราบแล้วขอรับท่านพ่อ”

สองพี่น้องยืนส่งบิดามารดาเดินเข้าจวน แล้วจึงหันมาสั่งผู้ติดตามของตนช่วยกันยกลังไม้ตามเข้าไปทีหลัง ซึ่งทั้งสองเดินลัดเลาะไปยังเรือนของญาติผู้พี่ฝาแฝด เพื่อบอกถึงแผนการเฝ้าระวังที่ต้องช่วยกันจัดการ

“หลี่เจินเจ้ากับไป่เฉิงยกลังไม้ตามพวกข้าไปที่เรือนญาติผู้พี่ ส่วนจ้าวหยูพาคนที่เหลือไปตรวจรอบ ๆ งานอีกครั้ง” หยางซิวหรงสั่งผู้ติดตามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ขอรับคุณชาย”

ฟงเสวี่ยหลินเป็นผู้เห็นญาติผู้น้องที่เดินมายังเรือนของตน จึงได้เอ่ยทักทายและถามถึงสิ่งที่ผู้ติดตามกำลังยกอยู่ด้านหลัง

“อ้าว อาหรง เซียนเอ๋อร์ พวกเจ้ามาถึงกันแล้วหรือ เช่นนั้นท่านน้าก็มาพร้อมกับพวกเจ้าน่ะสิ แล้วนั่นให้คนยกลังไม้อันใดมาด้วยล่ะ?”

หยางเฟิ่งเซียนขอเป็นคนตอบคำถามนี้แทนพี่ชาย “พี่เสวี่ยหลินในลังไม้นี้เป็นสิ่งที่ท่านไม่เคยเห็นมาก่อน แต่มันสามารถช่วยให้พวกเรารู้ว่า มุมไหนของจวนที่เป็นจุดลับสายตา ที่คนนิสัยไม่ดีอยากใช้เป็นสถานที่ลงมือเจ้าค่ะ”

“เซียนเอ๋อร์! อย่าบอกนะว่าเจ้าสิ่งที่อยู่ในลังไม้นั้นได้มากจาก...”

“คิ ๆ ๆ ท่านเดาได้ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ”

ฟงเสวี่ยหลินรีบยกมือขึ้นปิดปากของตน ด้วยเกรงว่าจะส่งเสียงร้องออกไปจนบ่าวไพร่ตกใจเอาได้ แม้ที่ผ่านมาเขากับน้องชายจะได้รับบางอย่างจากท่านน้า แต่มันก็ยังสร้างประหลาดใจให้กับตนได้ทุกครั้ง

แต่ก่อนจะได้พูดสิ่งใดกับญาติผู้น้อง ฟงเหยาเหวินก็ออกจากเรือนอีกฝั่งมาเสียก่อน ซึ่งฟงเสวี่หลินชิงบอกน้องชายเกี่ยวกับลังไม้ เพื่อมิให้เขาต้องถามอีกครั้ง และท่าทางของฟงเหยาเหวินก็ไม่ต่างอันใดกับพี่ชายนัก

“อาหรง เซียนเอ๋อร์ ท่านน้าจะเก่งกาจเกินไปแล้วกระมัง”

“นั่นมันแน่อยู่แล้วเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้พวกเราควรช่วยกันนำสิ่งที่อยู่ในลังไม้ แบ่งกันไปติดตามจุดต่าง ๆ โดยเร็วดีกว่า ถ้ามีแขกมาจะเป็นที่น่าสงสัยเอาได้นะเจ้าคะ” หยางหยางเฟิ่งเซียนยืดอกรับคำชมที่ญาติผู้พี่มีต่อมารดาอย่างเต็มใจ

หยางซิวหรงพยักหน้าอันเคร่งขรึมเมื่อน้องสาวกล่าวเช่นนี้ เขาจึงแบ่งฝั่งว่าใครควรไปกับใคร “ใช่แล้วพี่เสวี่ยหลิน พวกเราแยกเป็นสองกลุ่มท่านมากับข้า ส่วนพี่เหยาเหวินไปกับเซียนเอ๋อร์ หลังจากจัดการเสร็จค่อยกลับมาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ถึงเวลานั้นงานเลี้ยงคงเริ่มพอดีขอรับ”

“อืม เช่นนั้นพวกเรารีบลงมือเถิด ข้าเกรงว่าจะมีคนเป็นนกสองหัวอยู่ในจวน” ฟงเสวี่ยหลินแค่เกริ่นถึงเรื่องที่องครักษ์ของตน นำข้อมูลบางอย่างมารายงานเมื่อวันก่อน

ภายหลังได้ข้อสรุปทั้งสี่คนจึงแบ่งอุปกรณ์ในลังไม้ และแยกย้ายไปติดตามจุดที่คิดว่าเหมาะสม หยางซิวหรงกับหยางเฟิ่งเซียนได้ยินเสียงจีจี้ ที่คอยแนะนำว่าควรติดกล้องไว้จุดใดบ้าง จากการเฝ้าอยู่หน้าจอในมิติซึ่งก่อนหน้านี้ จีจี้ได้ส่งโดรนรุ่นใหม่ล่าสุดไปบินสำรวจไว้แล้ว

เพราะเป็นงานที่ไม่ยุ่งยากทั้งสี่คนจึงจัดการได้รวดเร็ว และกลับมาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างสบายใจ ก่อนจะพากันไปยังโถงรับรองของเรือนหน้า ซึ่งยามนี้แขกมาร่วมงานเลี้ยงทยอยมาถึงกันแล้ว นอกจากนี้ยังมีองค์หญิงใหญ่ที่มากับพระสวามี การจัดโต๊ะที่นั่งจึงต้องแบ่งแยกอย่างชัดเจน

เสียงพิณดีดกังวานผสมเสียงเครื่องสายหวานหู กลิ่นกำยานจันทน์หอมละมุนลอยฟุ้งทั่วเรือนรับรองของตระกูลฟง และที่นี่ยังประดับประดาไปด้วยโคมผ้าหลากสี เสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วจากเหล่าคุณหนูตระกูลใหญ่ ดังกระซิบกระซาบอย่างสนุกสนานอยู่อีกมุมหนึ่งของเรือนแห่งนี้ ทำให้บรรดาฮูหยินทั้งหลายต่างยิ้มหน้าบานไปตาม ๆ กัน

หยางเฟิ่งเซียนนั่งร่วมโต๊ะกับท่านหญิงฉิง ธิดาเพียงคนเดียวจากจวนท่านอ๋องฉิงเว่ยฉี นางสวมชุดผ้าไหมพื้นสีขาวอมเขียวอ่อน ปักลวดลายเป็นดอกป่ายเหอสีขาว ไล่จากอกลงไปถึงชายกระโปรงและปลายแขนเสื้อ ผมยาวถักรวบสูงด้วยปิ่นเงินที่ได้จากมารดา ดวงหน้าได้รูปของนางขาวกระจ่างยิ่งกว่าจันทร์เพ็ญ

สายตาหญิงสาวหลายคนมองนางด้วยความริษยา ยิ่งเมื่อเห็นบุตรชายขุนนางที่มาร่วมงานแอบเหลียวแลมิละสายตา ยิ่งเพิ่มความริษยาภายในใจให้เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่พวกนางก็ทำได้แค่ริษยาไม่อาจทำอันใดได้มากกว่านี้

แต่มิใช่กับเซิ่งฟางเอินและหลีเยียนหราน ซึ่งแสดงความเกลียดชังผ่านดวงตาของพวกนางอย่างชัดเจน โดยเฉพาะหลีเยียนหรานที่ไฟริษยากำลังสุมอก เมื่อเห็นว่าฟงเหยาเหวินเอาอกเอาใจหยางเฟิ่งเซียนเพียงใด

“ฮึ่ย ดูนางสิมือไม้ตนเองก็มีไม่ทำเอง กลับใช้ให้คุณชายเล็กฟงคอยคีบอาหารให้นาง ช่างไร้ยางอายสิ้นดีเจ้าว่าหรือไม่ฟางเอิน”

ส่วนเมิ่งฟางเอินที่มองหยางเฟิ่งเซียนด้วยความเกลียดชัง มือบางจับถ้วยชาไว้แน่นเพื่อระบายความโกรธเกลียด “หึ วันนี้ข้าจะให้นางอับอายเสื่อมเสียชื่อเสียงให้ดู เยียนหรานเจ้าให้คนไปตามสาวใช้นางนั้นมาพบข้าได้แล้ว ถึงเวลาที่คุณหนูผู้เลอโฉมจากตระกูลหยาง จะถูกผู้คนนินทางไปทั่วทุกตรอกในเมืองหลวงแล้ว”

“อืม เสี่ยวขุยเจ้ารีบไปตามสาวใช้ผู้นั้นมาเร็วเข้า ยามนี้แขกเหรื่อในงานยังอยู่กันจำนวนมาก พวกเขาจะได้ช่วยเป็นพยานให้กับความอัปยศของหยางเฟิ่งเซียน”

“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปตามนางมาเดี๋ยวนี้”

ทุกคำพูดหรือแม้แต่ท่าทางของสตรีทั้งสอง ที่นั่งอยู่ด้วยกันเพียงลำพังในศาลากลางน้ำ ผู้ช่วยอันดับหนึ่งของซูอันล้วนได้ยินอย่างชัดเจน จึงเริ่มปฏิบัติการรายงานสถานการณ์กับซูอัน รวมถึงบุตรทั้งสองของเจ้านายอย่างทันท่วงที

[นายหญิง คุณชายใหญ่ คุณหนู จีจี้ทราบตำแหน่งผู้ต้องสงสัย ที่คิดทำร้ายคุณหนูในงานเลี้ยงได้แล้วเจ้าค่ะ]

หลังจากได้รับสัญญาณจากจีจี้ ทั้งซูอันและบุตรทั้งสองจึงปลีกตัวออกมาให้ห่างผู้คน เพื่อสอบถามรายละเอียดของเรื่องราวดังกล่าว เพราะอยากรู้ว่าใครกันที่คิดทำเรื่องชั่วช้าในจวนผู้อื่นเช่นนี้

‘อยู่ที่ใด? /นางคือใคร? /นางคิดจะทำสิ่งใด?’

[พวกนางสองคนเป็นสหายกัน คนหนึ่งชื่อฟางเอินส่วนอีกคนชื่อเยียนหราน พวกนางได้ซื้อตัวสาวใช้ในจวนไว้ เพื่อทำบางอย่างให้คุณหนูต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะอิจฉาริษยาความงามของคุณหนู รวมถึงสิ่งที่คุณชายฟงทั้งสองคอยดูแลท่านอย่างดี ทำให้พวกนางสองคนอยากทำร้ายท่านเจ้าค่ะ]

‘หนอยยย ที่แท้ก็เป็นพวกนางสองคนนี่เอง ทุกทีก็เสแสร้งเป็นสตรีอ่อนหวานไร้เดียงสาต่อหน้าผู้คนไปทั่ว แต่ภายในจิตใจกลับซ่อนความคิดชั่วร้ายไว้จนทนไม่ไหวแล้วกระมัง’

‘หึ พวกนางช่างกล้าคิดทำร้ายน้องสาวของข้าเชียวรึ ความอัปยศที่คิดจะมอบให้น้องสาวข้าไม่มีทางให้เกิดขึ้นแน่’

‘จีจี้เจ้ารอฟังพวกนางอีกสักหน่อย ว่านางต้องการให้สาวใช้ผู้นั้นทำสิ่งใดกับบุตรสาวของข้า แล้วรีบรายงานกลับมาโดยเร็ว’

[รับทราบเจ้าค่ะนายหญิง]

สามคนแม่ลูกยังคงไม่กลับเข้าไปร่วมโต๊ะ ด้วยต้องการฟังข่าวจากจีจี้ว่าแผนการของเมิ่งฟางเอินคืออะไรกันแน่ จะมีเพียงสองพี่น้องตระกูลฟงที่เอ่ยขอตัวเดินออกมาสมทบกับญาติผู้น้อง แต่พวกเขากลับได้รับสัญญาณว่าให้รออยู่เงียบ ๆ อย่าเพิ่งพูดสิ่งใด

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   บทส่งท้าย

    ผ่านมาแล้วหลายเดือนในที่สุดขบวนสินสอดของตระกูลซ่างกวน ก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางไปเยือนแคว้นเป่ยชาง เพื่อจะสู่ขอบุตรสาวตระกูลหยางมาเป็นลูกสะใภ้ ขบวนเดินทางของซ่างกวนเซียวจิ้งใช้เวลาเกือบยี่สิบวัน สุดท้ายก็มาถึงเมืองหลวงแคว้นเป่ยชาง ด้วยหีบไม้ผูกผ้าสีแดงมากมายนับร้อยหีบ ยามทั้งหมดเดินผ่านประตูเมืองจึงกลายเป็นจุดสนใจทันทียิ่งไปกว่านั้นยังมีบุรุษรูปงามนั่งบนหลังม้า เป็นผู้นำขบวนดังกล่าวไปเยือนจวนตระกูลหยาง ซึ่งได้สอบถามเส้นทางไว้ล่วงหน้าแล้ว และขบวนสินสอดนี้ยังเป็นที่สนใจ ท่ามกลางความอยากรู้อยากเห็นของคนในเมืองหลวงยามนี้ในห้องโถงรับแขกของจวนตระกูลหยาง มีเจ้าของจวนและครอบครัวของซ่างกวนเซียวจิ้งนั่งอยู่อย่างพร้อมหน้า เนื่องจากเป็นการเดินทางมาเพื่อเจรจาสู่ขอหยางเฟิ่งเซียนอย่างเป็นทางการซ่างกวนเจิ้งไห่เอ่ยขึ้นอย่างสุภาพกับหยางไท่หมิงและซูอัน “วันนี้ข้ามารบกวนถึงจวนเพราะต้องการสู่ขอบุตรสาวของน้องหยางกับฮูหยิน ไปเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลซ่างกวน เนื่องจากบุตรของพวกเราผูกสมัครรักใคร่กันทั้งสองฝ่าย พวกท่านมีความเห็นกับเรื่องนี้อย่างไรหรือ”หยางไท่หมิงและซูอันยิ้มรับอย่างเป็นกันเอง เนื่องจากเรื่องนี้พวกเข

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   ต่างคนต่างทำหน้าที่

    นับตั้งแต่หยางเฟิ่งเซียนและหยางซิวหรงเดินทางกลับแคว้น ซ่างกวนเซียวจิ้งจึงเข้ามามีบทบาทในฐานะผู้สืบทอดการค้าของมารดา ซึ่งมีน้องสาวที่มีประสบการณ์คอยช่วยเหลือ เนื่องจากการค้าที่มารดาของเขาทำนั้น มีความแตกต่างกับการค้าของตระกูลซือหม่าอยู่มากก่อนนั้นแม้เขาจะรับราชการคล้ายไม่ค่อยมีเวลา แต่ความเป็นจริงเรื่องการค้าเขาจะคอยช่วยดูแลอยู่ห่าง ๆ เมื่อได้ลงมือทำเต็มตัวจึงใช้เวลาไม่นานก็ทำได้อย่างคล่องแคล่ว โดยให้น้องสาวคอยดูแลจัดการอยู่ที่ร้านค้า ส่วนการติดต่อกับคู่ค้าในต่างเมืองตนจะรับผิดชอบทั้งหมดระหว่างที่ซ่างกวนเซียวจิ้งกำลังทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ ก็มักจะปลีกตัวมาพูดคุยกับหยางเฟิ่งเซียนผ่านป้ายหยกอยู่เสมอ นางไม่เคยเอ่ยเร่งรัดเรื่องการแต่งงานกับซ่างกวนเซียวจิ้ง เพราะเข้าใจดีกับการเริ่มต้นใหม่ของครอบครัวนี้‘ท่านอย่าได้เร่งรีบจนเกินไปนักรู้หรือไม่ หากทำให้เกิดช่องโหว่คู่ค้าอาจเอาเปรียบท่านได้นะเจ้าคะ’“พี่เข้าใจแล้ว ขอบใจเซียนเอ๋อร์ที่คอยเตือนและให้คำแนะนำดี ๆ แก่พี่เสมอนะ”‘ขอบใจอันใดมากมายเจ้าคะ ข้าย่อมเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายกับท่านเท่าใดนัก หากข้าสามารถช่วยได้จะไม่ช่วยท่านได้อย่างไรกัน

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   พี่สัญญาจะเอาเกี้ยวเจ้าสาวไปรับเจ้าโดยเร็ว

    เรื่องราวที่เย่จินลู่คิดกระทำกับซ่างกวนเซียวจิ้ง ไม่มีเสียงอึกทึกครึกโครมไปยังเรือนรับรองอีกสองหลัง แม้แต่บ่าวไพร่ที่นำร่างของนางกลับไป ยามได้ยินคำพูดจากโจวหลี่ก็แทบจะกลายเป็นใบ้ เพราะคำเตือนที่มาจากหยางเฟิ่งเซียน สร้างความหวาดกลัวให้พวกเขาอยู่ไม่น้อยเมื่อร่วมรับมื้อเช้าพร้อมกันเสร็จเรียบร้อย ซ่างกวนเซียวจิ้งจึงเอ่ยขอตัวออกไปหาดูจวนหลังใหม่ เพราะครอบครัวของเขาไม่อยากรบกวนท่านตานานเกินไป ซึ่งการออกไปนออกจวนข้างกายของซ่างกวนเซียวจิ้ง ย่อมมีหยางเฟิ่งเซียนที่มีพี่ชายฝาแฝดติดตามไปด้วยเช่นกันทั้งสามคนมายังที่ว่าการของเมืองหลวง เพื่อสอบถามเรื่องจวนที่เจ้าของต้องการขายกับเจ้าหน้าที่ จากนั้นถึงจะไปดูจวนแต่ละหลังก่อนตัดสินใจซื้อ“ไม่ทราบว่าพวกท่านมาที่นี่ต้องการดูร้านค้า หรือหาซื้อจวนเพื่ออยู่อาศัยหรือขอรับ ข้าน้อยฟางเหวินหมิงเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ พวกท่านสามารถบอกรายละเอียดกับข้าน้อยได้เลยขอรับ”“ข้าต้องการซื้อจวนขนาดใหญ่เล็กน้อย ท่านเจ้าหน้าที่พอจะแนะนำได้หรือไม่ว่า จวนหลังใดน่าสนใจและน่าอยู่อาศัยบ้าง สิ่งที่สำคัญคือจวนหลังนี้ต้องไม่มีผู้คนพลุกพล่านจนเกินไป”“โอ้ว คุณชายท่านมาได้พอดี

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   เจ้าสมควรถูกคู่หมั้นของข้าสั่งสอน

    เมื่อครอบครัวซ่างกวนตอบรับคำเชิญที่จะพักอยู่ในจวน เรือนรับรองจึงถูกบ่าวไพร่ทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว เพื่อให้แขกคนสำคัญของตระกูลซือหม่าได้พักผ่อนจากการเดินทางไกล สิ่งของที่นำมาจากแคว้นหนานหยางด้านหน้าจวน ถูกยกเข้ามาเก็บไว้ที่เรือนรับรองเสียก่อน ด้วยความเหนื่อยล้าที่เดินทางมาสิบกว่าวัน สองสามีภรรยารวมถึงบุตรสาวจึงงีบหลับทันทีหลังจากชำระล้างร่างกายส่วนซ่างกวนเซียวจิ้งถูกหยางเฟิ่งเซียนรั้งไว้ด้านนอกเรือน เพราะนางต้องการพูดถึงเรื่องที่สังเกตเห็นยามที่มาถึงจวนแห่งนี้ โดยมีหยางซิวหรงนั่งฟังน้องสาวเล่าเรื่องด้วยเช่นกัน“เซียนเอ๋อร์มีเรื่องอันใดจะบอกพี่เช่นนั้นหรือ ดูสีหน้าของเจ้าคล้ายกำลังมีคนทำให้โกรธอยู่ใช่ไหม?”“นั่นน่ะสิน้องเล็ก พี่ใหญ่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครไม่ยินดีที่จะต้อนรับพวกเรา ยกเว้นป้าสะใภ้รองของพี่เซียวจิ้งคนนั้น”“หึ เพราะพวกท่านสองคนมิได้สนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นสตรี ถึงไม่เห็นว่ามีสาวใช้คนหนึ่งกำลังอยากปีนเตียงคู่หมั้นของข้าน่ะสิ”“หา!! /อะไรนะ!!”บุรุษทั้งสองอุทานอย่างตกใจออกมาพร้อมกัน เนื่องจากพวกเขาไม่ทันสังเกตอย่างที่หยางเฟิ่งเซียนพูดจริง ๆ เพราะคิดว่าที่นี่ย่อมรู้ว่าครอบค

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   มีดอกบัวขาวอยู่ในตระกูลซือหม่า

    ในการออกเดินทางของตระกูลซ่างกวน หย่างไท่หมิงอยากให้ซ่างกวนเซียวจิ้งกับครอบครัว ขึ้นไปนั่งอยู่ด้านในรถม้าเสียก่อน เมื่อพ้นเขตเมืองหลวงค่อยออกมาขี่ม้าเช่นที่เคยทำ เนื่องจากมีบ่าวไพร่ติดตามไม่มาก ขบวนเดินทางครั้งนี้จึงใช้ม้าทั้งหมด เพื่อการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็ว ซึ่งระยะทางจากเมืองหลวงแคว้นหนานหยาง ไปถึงแคว้นชางเหอใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนเท่านั้นเพียงแต่หยางไท่หมิงกับซูอันและสองพี่น้องตระกูลฟง ต้องแยกตัวกลับแคว้นเป่ยชางเมื่อมาถึงเขตชายแดน มีเพียงสองพี่น้องตระกูลหยางและผู้ติดตามอีกสิบคน ยังคงต้องไปกับซ่างกวนเซียวจิ้งตามความตั้งใจเดิมจากชายแดนแคว้นเป่ยชางมาถึงเมืองหลวงแคว้นชางเหอ ขบวนเดินทางของซ่างกวนเซียวจิ้งใช้เวลาอีกเจ็ดวัน ในที่สุดก็ผ่านประตูเมืองหลวงมาหยุดอยู่หน้าจวนขนาดใหญ่ ซึ่งที่นี่เป็นจวนของตระกูลซือหม่าคหบดีอันดับหนึ่งของแคว้นชางเหอเฉินเจ๋อลงจากหลังม้าทำหน้าที่ของตน โดยการบอกบ่าวด้านหน้าประตูให้ไปรายงานเจ้าของจวน “น้องชายรบกวนเจ้าไปรายงานนายท่านผู้เฒ่าว่า บุตรสาวเพียงคนเดียวมาขอพบ”“รอสักประเดี๋ยวข้าจะรีบไปรายงานท่านพ่อบ้านให้ขอรับ”“ขอบใจมาก”บ่าวคนที่พูดคุยกับเฉินเจ๋อเร่งกล

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   ช่วยตระกูลซ่างกวนย้ายถิ่นฐาน

    ภายหลังกลับมาถึงจวนตระกูลซ่างกวน ผู้เป็นเจ้าของจวนรีบสั่งพ่อบ้านไปเรียกบ่าวไพร่ มาช่วยทำความสะอาดเรือนรับรอง เพื่อให้ครอบครัวของหยางเฟิ่งเซียนได้พักผ่อน ระหว่างที่นั่งรอบ่าวไพร่จัดการเรื่องเรือนรับรอง ภายในห้องโถงรับแขกจึงมีการสนทนาถึงสิ่งที่ซ่างกวนเจิ้งไห่คิดจะทำหลังจากนี้ เพราะหยางไท่หมิงกับซูอันต่างคิดคล้ายกันว่า ตระกูลซ่างกวนไม่อาจอยู่ที่แคว้นหนานหยางได้อีกแล้ว“นายท่านซ่างกวนกับฮูหยินคิดจะทำอย่างไรต่อหรือขอรับ ข้าว่าพวกท่านคงอยู่ใช้ชีวิตในแคว้นหนานหยางยากแล้วล่ะ แม้ฮ่องเต้จะรู้สึกผิดและเสียดายขุนนางดี ๆ แต่ขุนนางที่ฝักใฝ่ในอำนาจมักมีวิธีการชักจูงฮ่องเต้ได้เสมอนะ”“อืม ข้าเข้าใจสิ่งที่น้องหยางพูดมา ก่อนหน้าจะถึงงานเลี้ยงฉลอง ครอบครัวของเราได้หารือกันไว้ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างที่คาดก็ไม่คิดจะอยู่ที่แคว้นหนานหยางอีก” ซ่างกวนเจิ้งไห่ตอบหยางไท่หมิงไปตามตรงซือหม่าฮูหยินกล่าวเสริมคำพูดของสามีอีกเล็กน้อย “พวกเราคุยกันไว้ว่าจะย้ายกลับไปตระกูลซือหม่าที่แคว้นชางเหอ เพื่อทำการค้าเนื่องจากบิดาของข้าเป็นวาณิชหลวงให้กับราชสำนักน่ะ”ซูอันได้ยินคำว่าวาณิชหลวงจากซือหม่าฮูหยินก็หูผึ่งทันที เพร

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status