ซ่งเทียนมองด้วยแววตาตื่นเต้น รอว่าเมื่อไหร่เหยื่ออันโอชะจะตื่นขึ้นมาให้สุนัขของเขาขย้ำให้ตายไปเสีย เพราะสุนัขตัวนี้เขาเลี้ยงมันมาตั้งแต่เด็ก มันโตมาพร้อมกับเขา นิสัยใจคอก็ไม่ต่างกัน หากเห็นศัตรูจะกัดให้ตาย แต่หากเป็นมิตร ก็จะซื่อสัตย์ภักดี ถึงมันจะเชื่องก็จริง แต่สัตว์ดุร้ายก็คือสัตว์ดุร้าย มันอาจจะกัดคนตรงหน้าเมื่อไหร่ก็ได้
โฮ่ง ! โฮ่ง!
คราวนี้ เสียงชัดเจนมากจนฉู่เหลียนต้องฝืนตัวเองลุกขึ้น ภาพแรกที่เห็นทำเอาหัวใจของฉู่เหลียนเต้นแรงขึ้น ดวงตาเบิกกว้าง
“ว๊าย ! เอามันออกไปนะ”
นางถอยกรูเข้ามุมเตียง เมื่อครู่นางร้องไห้จนเผลอหลับไป คิดไม่ถึงว่า ตื่นขึ้นมาจะเจอหมาตัวโตที่กำลังแยกเขี้ยวใส่นาง
โฮ่ง ! โฮ่ง!
เซี่ยวฉือเห่าขู่คำรามน่ากลัว มันกระโจนตรงเข้าหาเหยื่อ แต่ถูกองค์ชายดึงสายจูงเอาไว้ เขาเหยียดยิ้มออกมาเมื่อเห็นอาการของคนที่เหมือนจะตกใจตายคาเตียงเสียให้ได้
“ฮือ.. ฮึก เอาหมาบ้านี่ออกไปนะ ฮือ..”
ฉู่เหลียนร้องออกมา นางกลัวจนตัวแข็งไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว ตัวของนางเริ่มสั่น เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่รู้จะทำยังไง
ซ่งเทียนมองอย่างเย็นชา “กล้าดียังไงมาด่าสัตว์ที่น่ารักของข้าเป็นหมาบ้า เซี่ยวฉือสั่งสอนนางเสียหน่อย”
เพียงแค่สิ้นคำสั่งเจ้านาย สุนัขผู้ซื่อสัตย์ตัวร้ายนั่นก็กระโจนเข้าใส่นางอีกครั้งพร้อมกับเห่าเสียงดัง
โฮ่ง ! โฮ่ง!
“กรี๊ดดดด”
ฉู่เหลียนร้องเสียงหลง รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายขยับตัวหนี เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่ จิตใจของบุรุษผู้นี้ทำด้วยอะไร ถึงได้โหดร้ายถึงกับปล่อยสัตว์ร้ายเข้ามากัดนางถึงในห้อง
“ยะ..อย่านะ..อย่าเข้ามานะ..ฮึกก..ฮือ..เอามันออกไปนะ..อย่าให้มันเข้ามา ข้ากลัวแล้ว..ฮึก..ฮือๆ”
ฉู่เหลียนหลับตาแน่นร้องไห้ออกมาด้วยความกลัวจนตัวสั่นสะท้านสะอื้นหนัก ในขณะที่อีกฝ่ายหัวเราะดังลั่นอย่างสาแก่ใจ
“ฮ่าๆ ถ้ากลัวก็งจำเอาไว้ นี่คือ เซี่ยวฉือ ไม่ใช่หมาบ้า และถ้าทนกับความโหดร้ายที่ข้ามอบให้ไม่ได้ ก็หย่ากับข้าซะ !”
“......”
ฉู่เหลียนได้ยินเต็มสองหู ได้แต่กัดริมฝีปากแน่นด้วยความเจ็บปวดใจ สามีที่เพิ่งจะแต่งงานต้องการหย่ากับนางถึงขั้นนำสุนัขเข้ามาทำร้ายนางเชียวหรือ
ซ่งเทียนเห็นว่านางเอาแต่ขดตัวสั่นด้วยความกลัว ก็ยิ้มอย่างสาแก่ใจก่อนที่จะนำเซี่ยวฉือออกไปข้างนอก
ประตูห้องพักเปิดออกมาอย่างรวดเร็ว เก่อหลางรีบเข้าไปรับสายจูงสุนัขล่าเนื้อมารับเอาไว้
“เอาเซี่ยวฉือออกไปเดินเล่น แล้วฝากบอกเหมยลี่ด้วยว่าอีก 3-4 วันข้าถึงจะไปพบนางได้”
“ขอรับองค์ชาย”
เก่อหลางรับคำสั่งทันที ไม่กล้าสบตาผู้เป็นนาย
จากนั้น ซ่งเทียนก็หวนกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ในเมื่อฮ่องเต้ทรงกักขังให้เขาอยู่ในเรือนหอให้ครบกำหนดสามวัน เขาก็จะสนองพระบัญชานั้นให้เหลือล้นเชียวหละ
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือ สตรีที่ดูหวาดกลัว อ่อนแอเมื่อครู่กลับลุกขึ้นมาตวาดใส่หน้าเขาว่า
“ข้าจะไม่หย่ากับท่านเด็ดขาด องค์ชายทรราชเช่นเจ้า คู่ควรกับข้าที่สุดแล้ว ในเมื่อการแต่งงานกับข้ามันทรมานนัก ข้าก็จะอยู่ให้ท่านทรมานจนขาดใจตายไปด้วยกัน”
ฉู่เหลียนคิดว่า ไหน ๆ ตัวเองก็ไม่สามารถหนีออกจากขุมนรกนี่ไปได้ในเร็ววัน ต้องรอจนกว่าแม่ทัพฉู่ชนะศึกกลับมา ดังนั้น นางจะปล่อยให้เขาทรมานอยู่ฝ่ายเดียวจนตรอมใจตายไม่ได้ นางจะต้องลุกขึ้นสู้ อย่างน้อยก็เพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง
ซ่งเทียนเห็นนางลุกขึ้นตวาดเขาเช่นนั้นก็นิ่งอึ้งไป ไม่นานนักก็ยิ้มออกมาราวกับเสือที่เห็นเหยื่อตัวน้อยกำลังใช้แรงเฮือกสุดท้ายต่อสู้เพื่อเอาชีวิตให้รอด
“อย่าคิดว่าสมรสพระราชทานจะผูกมัดข้าไว้ได้ชั่วชีวิต ต่อให้เจ้าไม่หย่ากับข้าในวันนี้ ก็มีอีกเป็นพันหมื่นวิธีให้เจ้าหย่ากับข้า”
เขายื่นมือออกไปกำรอบคอนางแล้วออกแรงบีบ
“อึก... คนชั่วช้า!!”
นางรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ ลำคอเจ็บไปหมดจึงพยายามใช้เท้าถีบเขา ในขณะที่มือก็พยายามแกะมือใหญ่ออกจากคอ
“ชั่วช้าเช่นใด ก็เป็นสามีที่เจ้าไม่อยากหย่า”
สิ้นคำ เขาก็เหวี่ยงนางลงกับเตียง
ตุบ
“อ๊ะ !”
ฉู่เหลียนร้องออกมา ร่างนางที่ระบบอยู่แล้ว เมื่อถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงก็เจ็บแปลบจนน้ำตาแทบเล็ด
ซ่งเทียนตามขึ้นเตียงไป นางจึงรีบถอยหนี
“ไม่อยากได้ข้าเป็นชายา ท่านก็ไม่ต้องมาแตะต้องตัว...อื้อ…อึก”
นางพูดออกมาไม่ทันจะจบประโยคก็ถูกเขาคว้าร่างเข้ามาประชิดอกแกร่ง ก่อนจะใช้มือหนาช้อนใต้ท้ายทอยเอาไว้แล้วกดจูบปากนางทันที
“อือ..อื้อ”
มือเล็กดันอกแกร่งที่บังคับจูบนาง
“ข้าก็จะมาชำระแค้น ที่เจ้าทำให้ข้าต้องสูญเสียคู่หมั้นไป !”แม่ทัพฉงหรงเอ่ยอย่างเดือดดาลพอกัน หากไม่ใช่เพราะแผนการชั่วช้าของจ้าวเหยา เขากับกู่ชิงก็คงได้แต่งงานกัน“วันนี้ถ้าหัวเจ้าไม่กระเด็นออกจากบ่า ข้าจะไม่ถอยทัพ ทหารบุก !”องค์ชายเซวียนอี้ตะโกนสั่ง“หัวใครจะกระเด็นออกจากบ่าจะได้รู้กัน โจมตี !”องค์ชายจ้าวเหยาตะโกนสั่งทหารให้บุกเข้าไปฆ่าฟันศัตรูเช่นกันฆ่ามันนนน....ย้ากกกกก.....เคร้ง ! ฉึบ ! ฉับ ! ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็เปิดศึกสู้รบกันข้ามวันข้ามคืน จนกระทั่ง องค์ชายเซวียนอี้ตัดศีรษะองค์ชายจ้าวเหยาได้สำเร็จ จากนั้น ก็สั่งทหารบุกเข้าวังหลวงยึดแคว้นฮั่นให้เป็นเมืองขึ้นของแคว้นฉู่ และแคว้นฉี6 เดือนต่อมาเนื่องด้วยองค์ชายเซวียนอี้รบชนะแคว้นฮั่น สร้างความดีความชอบครั้งยิ่งใหญ่ จนเป็นที่เรื่องลือไปทั่วทั้งห้าแคว้น ดังนั้น ฮ่องเต้แคว้นฉู่จึงสละราชสมบัติให้เขาได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่เมื่อขึ้นครองบัลลังก์มังกรแล้ว เซวียนอี้ก็ตั้งใจศึกษางานราชการ และบริหารบ้านเมืองล่วงเข้ายามห้ายแล้ว แต่เขาก็ยังตรวจฎีกาในห้องทรงงานฮองเฮากู่ชิงเห็นฮองเต้ไม่ทรงเสด็จมาที่ตำหนักนางเสียที นางจ
ณ แคว้นฮั่นในขณะที่องค์ชายจ้าวเหยากำลังเริงสำราญอยู่กับสนมนางกำนัล เสียงฝีเท้าวิ่งอึกกระทึกก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงโลหะกระทบกัน“เฮ้ย ! ใครช่างบังอาจมาก่อความวุ่นวายในตำหนักของข้า !”องค์ชายจ้าวเหยาตวาดขึ้นด้วยความเดือดดาลในจังหวะนั้นเอง หัวหน้าองครักษ์ก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามารายงานด้วยความตื่นตระหนกว่า“องค์ชาย แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ แคว้นฉี กับแคว้นฉู่บุกมาถึงวังหลวงของแคว้นเราแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ว่าไงนะ !”องค์ชายจ้าวเหยาลุกขึ้นพรวดพราด“แคว้นฉี กับแคว้นฉู่นำไพร่พลทหารห้าแสนนายประชิดวังหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฮ่องเต้มีรับสั่งให้พระองค์รีบนำทหารออกไปรับศึก”เพล้ง !องค์ชายจ้าวเหยาขว้างจอกสุราลงพื้นด้วยแรงอารมณ์“ช่างบังอาจนัก ! ข้าจะทำให้พวกเจ้ารู้ว่าแคว้นฮั่นยิ่งใหญ่เพียงใด”กล่าวจบ เขาก็ก้าวอาจ ๆ มุ่งหน้าไปยังประตู พร้อมกับสั่งให้ทหารทุกกองตามไปทันทีณ กำแพงแคว้นฮั่นองค์ชายเซวียนอี้ในชุดทหารเกราะเหล็กสีดำยืดกายองอาจอยู่บนหลังม้าสีดำทมิฬ ข้าง ๆ เขาคือ แม่ทัพฉงหรงในชุดเกราะเหล็กสีเงิน แม้รูปร่างของเขาจะเล็กกว่าแต่ก็สง่างามไม่แพ้กันเบื้องหลังของพวกเขาทั้งสองเป็นกรงขังขนาดใหญ่ ในนั้นขังองค์หญิงกู่เยี่
"มีทั้งพยาน และหลักฐานเช่นนี้แล้วเจ้ายังไม่ยอมรับอีกเหรอ ได้ในเมื่อเจ้าไม่สารภาพออกมา ข้าก็จะเป็นคนเปิดเผยแผนการชั่วของเจ้าทั้งหมดเอง "จากนั้นเขาก็หันไปทูลฮองเต้ว่า"ทูลฝ่าบาท เมื่อตอนเช้าของวันนี้กระหม่อมได้รับสารลับจากแคว้นฉู่ส่งข่าวมาว่า เซวียนซ่ง พระปิตุลาเป็นไส้ศึกร่วมมือกับแคว้นฮั่น และองค์หญิงกู่เยี่ยทำการปลอมแปลงสารตอบรับการอภิเษกสัมพันธไมตรีส่งมาที่แคว้นฉู่ จนทำให้เกิดเข้าใจผิดคิดว่าแคว้นฉีหักหลังโดยการยกธิดาให้กับแคว้นฮั่น แล้วกระหม่อมก็ถูกความโง่เขลาของตนครอบงำ ตกเป็นเครื่องมือในแผนร้ายครั้งนี้”องค์ชายเซวียนอี้สูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อต้องเอ่ยถึงเรื่องผิดพลาดที่ตนได้กระทำต่อองค์หญิงกู่ชิงอย่างไม่น่าให้อภัย“เพราะความโกรธเพียงชั่ววูบ กระหม่อมถึงกับลงมือชิงตัวเจ้าสาว โดยที่ไม่รู้ว่าองค์หญิงกู่เยี่ยได้วางแผนหลอกล่อให้น้องสาวของตนเองถูกจับไปแทน แล้วองค์หญิงกู่ชิงก็กลายเป็นหมากในกระดานนี้เช่นกัน”เมื่อองค์ชายเซวียนอี้กล่าวถึงตรงนี้ ฮองเฮา และองค์หญิงกู่ชิงต่างก็มองไปที่องค์หญิงกู่เยี่ยด้วยสายตาตื่นตะลึง เกิดเสียงอุทานขึ้นรอบด้าน"จากนั้น พวกเขาก็วางแผนสังหารองค์หญิงกู่ชิงในแคว้น
ในขณะนั้นเอง ขันทีประจำราชสำนักก็ประกาศขึ้นว่า“ฮ่องเต้เสด็จ !”บรรดาข้ารับใช้ในตำหนักต่างหมอบลงถวายความเคารพฮ่องเต้ และฮองเฮาสาวเท้าเข้ามาในเรือนรับลมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"นี่มันเกิดอะไรขึ้น !"ฮ่องเต้กู่โจตรัสถามด้วยความตื่นตระหนก เมื่อสักครู่ระหว่างที่เขากำลังอ่านฎีกาจู่ ๆ ทหารองครักษ์ก็เข้ามาแจ้งว่าเกิดเหตุร้ายที่ตำหนักองค์หญิงกู่ชิง และเมื่อเขากับฮองเฮามาถึง ก็พบราชบุตรเขยนอนจมกองเลือด โดยมีธิดาองค์เล็กร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้าง ๆ "นางวางยาพิษพระสวามีเพคะ"องค์หญิงกู่เยี่ยชิงทูลรายงานก่อนน้องสาวของตน"ไม่เพคะ ลูกไม่ได้ทำ""หม่อมฉันไม่เชื่อว่ากู่ชิงเป็นคนวางยา ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ เพคะฝ่าบาท"ฮองเฮากู่เหนียงรีบออกปากปกป้องลูกสาวของตนเอง เพราะเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของกู่ชิง"เสด็จแม่... ท่านอย่าได้ปกป้องน้องหญิงอีกเลย ในเมื่อทั้งตำหนักนี้เป็นของน้องหญิง นางเป็นคนสั่งให้บ่าวไพร่ต้มข้าวให้สามีกินด้วยตนเอง หากไม่ใช่นางวางยาสามีแล้วจะเป็นใครได้"องค์หญิงกู่เยี่ยรีบทูลขัดคนที่ถูกกล่าวหาว่ายาสามีถึงกับหันขวับมองพี่สาวต่างมารดาอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนเอ่ยขึ้นว่
"องค์ชายเพคะ พระชายาเห็นว่าพระองค์บาดเจ็บ ทานอาหารหนักไม่ได้ ด้วยความเป็นห่วงจึงสั่งให้ห้องเครื่องต้มข้าวต้มให้องค์ชายโดยเฉพาะ"องค์ชายเซวียนอี้ได้ยินเช่นนั้นก็ชำเลืองมองถ้วยข้าวต้ม แม้ท้องจะร้องแต่เขาก็เชิดหน้าขึ้นคล้ายกับไม่สนใจองค์หญิงกู่ชิงเห็นท่าทีของพระสวามีเช่นนั้นก็รู้สึกหมั่นไส้ในความหยิ่งทะนงไม่เข้าเรื่องจึงเอ่ยขึ้นว่า"ดูแล้ว... องค์ชายคงจะไม่หิว เสี่ยวไป๋เอาข้าวต้มออกไปเถอะ"เสี่ยวไป๋ได้ยินพระชายาสั่งดังนั้นก็จำใจเอื้อมมือไปหมายจะยกข้าวต้มไปเก็บ แต่ถูกองค์ชายตะโกนด้วยเสียงอันดังเพื่อห้ามนางไว้ก่อนว่า"ยกมาแล้ว ห้ามเอากลับไปคืน ! แค่ข้าวต้มถ้วยเดียว เจ้าก็จะใจร้ายไม่ให้ข้ากินเชียวหรือ""จะกินก็รีบกิน เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปหายามาทาแผลให้"องค์หญิงกู่ชิงสะบัดเสียงอย่างแง่งอน นางกำลังจะลุกขึ้นเดินออกไปแต่ลู่เฉารีบเสนอขึ้นว่า"พระชายาประทับอยู่เป็นเพื่อนองค์ชายเถอะพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวกระหม่อมกับเสี่ยวไป๋จักไปนำกล่องยามาให้"เมื่อกล่าวจบ ลู่เฉาก็รีบดึงมือเสี่ยวไป๋ให้ออกมาจากเรือนรับลม เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้านายทั้งสองได้ปรับความเข้าใจกันองค์หญิงกู่ชิงมองสามีตักข้าวต้มกินอย่างเอร็ดอร่อย
ณ ตำหนักองค์หญิงกู่ชิงเมื่อมาถึงที่ตำหนักก็พบองค์หญิงกู่เยี่ยที่หน้าประตู“น้องหญิง พี่มาหาเจ้า แต่กลับไม่พบเจ้าที่ตำหนัก ข้ารออยู่นานไม่เห็นเจ้ากลับมาเสียที พี่เป็นห่วงนัก”นางรีบเดินเข้าไปหาน้องสาวต่างมารดา แล้วจับมือขึ้นมากอบกุมแสดงทีท่าว่าเป็นห่วง“พี่หญิง ข้าไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่ที่ตำหนักมาเพคะ”องค์หญิงกู่ชิงตอบ รู้สึกซาบซึ้งใจ“คงจะเพราะเรื่องเมื่อวานใช่หรือไม่ ทำให้เจ้าไม่สบายใจจนต้องไปปรึกษากับเสด็จแม่”“เพคะ”องค์หญิงกู่ชิงรับคำเสียงเบา“น้องหญิง พี่ผ่านการแต่งงานมาก่อนเจ้า รู้ว่าชีวิตหลังการแต่งงานนั้นไม่ง่ายนัก การทะเลาะกันเป็นเรื่องที่มิอาจหลีกเลี่ยง”“เพคะ”องค์หญิงกู่เยี่ยเห็นสีหน้าเศร้าหมองของอีกฝ่าย ก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก แล้วเอ่ยว่า“เมื่อครู่ ระหว่างที่รอเจ้าในตำหนัก ข้าเห็นใบหน้าของสามีเจ้าบวมช้ำคล้ายกับไปมีเรื่องกับใครมา”“.........”องค์หญิงกู่ชิงได้ยินเช่นนั้น ก็ใจหายวาบ หมายจะก้าวเท้าเข้าไปในตำหนัก แต่กลับถูกพี่สาวต่างมารดาดึงมือไว้“เดี๋ยวสิ น้องหญิง พี่ยังพูดไม่จบเลย”“ขออภัยเพคะ หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว”“ไม่เป็นไร พี่แค่จะบอกเจ้าว่า ให้เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนค่อยไปพูด