ป้าตู้นางกลับมาถึงเรือนพอดี จึงได้เข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วนหน้าเรือน
“อาหนิงเจ้ามาเร็วเสียจริง” นางอดจะเย้าออกมาไม่ได้
“ก็ข้ากลัวว่าท่านจะเปลี่ยนใจ” นางยิ้มจนตาหยี สองบุรุษที่ยืนอยู่ไม่ไกลมองรอยยิ้มของนางอย่างตกตะลึง
เหมือนตู้ลู่จื้อจะรู้ตัวว่าตนกำลังทำสิ่งที่ไม่สมควร เพราะนางเป็นภรรยาของผู้อื่น สามีของนางก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ด้วย
“ฮ่า ฮ่า ข้าจะเปลี่ยนใจได้อย่างไร เจ้ารอประเดี๋ยวข้าจะรีบไปหยิบเงินมาให้” ป้าตู้รับปลาจากตะกร้าของหว่านหนิงแล้วเดินเข้าเรือนไป
“เจ้าจับปลาได้อย่างไร” หลี่เฉียงเดินเข้ามากระซิบถามนางด้วยความอยากรู้
“ท่านถอยไปหน่อย” นางยกมือขึ้นบีบจมูก พร้อมทั้งดันตัวเขาให้ออกห่าง
“ข้าเหม็นมากเช่นนั้นรึ” หลี่เฉียงก้มลงดมเสื้อผ้าของตนเอง ก็ไม่เห็นจะเหม็นเหมือนที่นางรังเกียจ เพียงแค่สกปรกไปสักหน่อยก็เท่านั้น
“ยังมีหน้ามาถาม” หว่านหนิงถลึงตาใส่เขา
“หึหึ” ตู้ลู่จื้อหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางของหว่านหนิงที่กระทำกับหลี่เฉียง
“เจ้าหัวเราะอันใด แล้วเหตุใดยังไม่เข้าเรือนไปอีก” เขาเดินมาบังตัวของหว่านหนิงไว้ให้พ้นจากสายตาของตู้ลู่จื้อ
“ข้ารอปิดเรือน” เขาหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก็นี่มันเรือนเขา เขาจะเข้าไปตอนใดก็ได้
“แล้วเข้าจับปลาได้อย่างไร” เรื่องนี้ตู้ลู่จื้อก็แปลกใจอยู่เช่นกัน
บุรุษในหมู่บ้านน้อยคนนักที่จะจับปลาได้โดยที่ไม่มีบาดแผลบนตัวปลา หรือได้ปลาเป็นๆ กลับมาเช่นนาง
“ก็ข้าเก่งเช่นไรเล่า” นางตอบเช่นนี้ดีแล้ว หากนางบอกความจริงไปเขาก็คงไม่เชื่อ
“เจ้าตอบคำถามของผู้อื่น แต่ข้าเป็นสามีของเจ้า เจ้าไม่ยอมที่จะบอก” หว่านหนิงมองหลี่เฉียงเหมือนมองคนโง่
“เหอะ ก็ข้าบอกแล้วจะไปบอกเจ้าที่เรือน ก็ยังจะถามอยู่ได้” ทั้งสองเถียงกันอยู่ไม่กี่ประโยคป้าตู้นางก็เดินนำเงินหกสิบอิแปะมาส่งให้หว่านหนิง
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะท่านป้าตู้” นางยิ้มหวานอย่างน่ามอง
“ไว้เจ้าจับได้อีกเมื่อใดก็อย่าลืมนึกถึงข้าเล่า จะต้มน้ำแกงให้อาจื้อดื่ม เขาใกล้จะสอบแล้ว” นางมองหลานชายอย่างภูมิใจ
“ท่านเป็นบัณฑิตรึ” นางเอ่ยถามอย่างสนใจ หากมองท่าทางของเขาก็พอจะรู้ว่าดูเป็นผู้ที่มีความรู้อยู่ไม่น้อย
แต่เมื่อหันกลับมามองหลี่เฉียง ใบหน้างามของหว่านหนิงก็บิดเบี้ยวทันที เปรียบเทียบไปก็เท่านั้น อีกคนดูทรงภูมิมีความรู้ อีกคนหนวดเครารุงรังราวกับโจรป่า
“ใช่แล้ว” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่ใบหูของเขากำลังฟ้องว่าเขาเขินอายกับท่าทางของนางที่มองมาที่เขาอย่างสนใจ
“สามีเจ้าก็เคยร่ำเรียน ไม่เห็นจะมีสิ่งใดน่าสนใจ” หลี่เฉียงเอ่ยออกด้วยความอิจฉา เมื่อเห็นแววตาที่เปล่งประกายของหว่านหนิงที่มองตู้ลู่จื้ออย่างพอใจ
เขาดึงแขนของหว่านหนิงให้กลับไปที่เรือนด้วยกันอย่างไม่สบอารมณ์ จนนางร้องออกมาอย่างตกใจ
“เฮ้ยย ท่านป้าข้าไปก่อนเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมาก” นางโบกมือให้ป้าตู้กับลู่จื้อที่มองมาทางพวกนาง
“ตอนแรกข้าก็คิดว่านางจะร้ายกาจเสียอีก เห็นเสียงด่าทอสามีไม่เว้นวัน แต่ดูไปแล้วนางก็น่าเห็นใจนัก หากข้ามีสามีเช่นนางก็คงได้ทุบตีกันตายไปข้าง” ป้าตู้พึมพำออกมา
“เข้าเรือนเถิดท่านย่า” ตู้ลู่จื้อมองตามทั้งสองจนพวกเขาเข้าเรือนไป จึงเอ่ยปากบอกให้ท่านย่าของเขากลับเข้าเรือน
“ท่านจะลากข้ามาทำไมเนี่ย” หว่านหนิงสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของหลี่เฉียง
“เจ้าห้ามไปคุยกับเจ้าหน้าขาวนั้นอีก”
“เพราะอันใด” นางเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
หลี่เฉียงเห็นสีหน้าของนางก็กระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ
“ก็เจ้ามีสามีแล้ว จะไปพูดคุยกับบุรุษอื่นได้อย่างไร”
“บุรุษอื่นที่ไหน เพื่อนบ้านกันจะเป็นอันใดไป” นางส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อเริ่มทำอาหาร
“ข้าบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ หรือว่าเจ้าชอบหลานท่านป้าตู้”
“อืม ก็ดูไม่เลว รูปงาม ทั้งยังมีความรู้ สตรีที่ใดจะไม่ชื่นชอบบุรุษเช่นนี้บ้าง”
“ซู หว่าน หนิง เจ้ามันช่างไร้ยางอายนัก มีสามีอยู่แล้ว แต่ยังพูดถึงบุรุษอื่นเช่นนี้” เขาบีบแขนของนางไว้แน่นอย่างไม่พอใจ
“โอ๊ยยย ข้าเจ็บ ก็เจ้าถามข้าก็ตอบ”
“ต่อไปห้ามไปพูดคุยอีกไม่เช่นนั้นข้าจะหย่ากับเจ้า!!!” หลี่เฉียงตวาดออกมาเสียงดัง
แววตาของหว่านหนิงวูบไหวทันที นางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา
“ที่เจ้าพูดจริงรึ”
“จะ จริง” หลี่เฉียงมองนางอย่างแคลงใจ
“ดี เช่นนั้นข้าจะไปคุยกับเขาอีกรอบ” หว่านหนิงเดินหันหลังกลับไปทางหน้าประตูเรือน
“จะ เจ้า” หลี่เฉียงไม่คิดว่านางจะอยากหย่ากับเขามากถึงเพียงนี้ จึงได้รวบเอวของนางไว้แน่น “ข้าไม่ให้ไป”
“ก็ไหนเจ้าพูดเองหากข้าไปพูดคุยกับหลานชายท่านป้าตู้เจ้าจะหย่ากับข้า” นางหันมามองเขาด้วยแววตาที่เรียบเฉย เหมือนจะถามว่าจะเอาเช่นไร
“ไม่ ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าไม่หย่า แต่เจ้าก็ห้ามไปคุยกับเจ้าหน้าขาว”
“เหอะ เห็นแก่ตัว” นางสะบัดเขาออก ก่อนจะเดินไปดูปลาที่จับมา
หว่านหนิงนางเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงได้หันมามองที่หลี่เฉียง แล้วเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้าๆ
“ท่านขึ้นเขามา ได้สิ่งใดมาบ้าง” นางหรี่ตามองเขาเพื่อจับผิด
“อ้อ ใช่ ใช่” หลี่เฉียงคลำหาของภายในอกเสื้อก่อนจะหยิบหัวมันออกมาสองหัว
หว่านหนิงนางกลอกตาขึ้นมองบนเมื่อเห็นหัวมันเปื้อนดินสองหัวขนาดไม่ใหญ่มากนักที่เขาได้มา
“เอาเถิด ไม่ได้ไปขโมยผู้ใดมาใช่หรือไม่” นางมองเขาเพื่อหาสิ่งที่เขาพูดโกหกหรือไม่
“มะ ไม่ ข้า จะไปขโมยใครมาได้” นางเกือบจะเชื่ออยู่แล้วเชี่ยวหากไม่เห็นสายตาที่ล่อกแล่กของเขาเสียก่อน
“พูดความจริงประเดี๋ยวนี้” นางถลึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ
“ข้ามิได้ขโมยจริงๆ ข้าเพียงไปแย่งผู้อื่นขุดมา แต่ข้าเก็บมาเพียงแค่สองหัวเท่านั้น” เขาพูดเสียงเบา
นางไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเขาถึงได้เลอะโคลนมากเช่นนี้
“เหอะ ท่านนี่มัน ไม่ได้เรื่องเสียจริง ไม่เหมือน...” นางเม้มปากแน่น เกือบจะหลุดเปรียบเทียบกับหลานชายของป้าตู้เสียแล้ว
“หนิงหนิง เจ้า” เขามองหน้านางอย่างปวดใจ หลี่เฉียงถูกเปรียบเทียบกับหานเจิ้งมาตั้งแต่เด็ก เขาจะไม่เข้าใจในคำที่ยังไม่หลุดออกมาจากปากนางได้อย่างไร
“ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
หลี่เฉียงไม่พูดสิ่งใด เขาเดินผ่านนางไปที่ห้องน้ำแทน เพื่อล้างตัว
“โกรธจริงหรือเนี่ย” นางเกาหัวตนเอง
หว่านหนิงสลัดเรื่องที่หลี่เฉียงโกรธนางทิ้งไปก่อน นางเดินไปจัดการปลาที่จับมาได้มาทำอาหาร
ข้างๆ เรือนมีตะไคร้ขึ้นอยู่นางจึงนำมายัดเข้าไปในท้องเพื่อดับกลิ่นคาวของปลา เกลือไม่มี น้ำตาลไม่มี จึงได้แต่ทำไปตามมีตามเกิด มันสองหัวที่ได้มาสองก็ใส่ลงไปในหม้อน้ำแกงปลาด้วย
มื้อนี้นางใช้ปลาต้มน้ำแกงสองตัวและทอดอีกหนึ่งตัว ห้าตัวที่เหลือนางนำไปตากแดดไว้กินมื้ออื่นต่อไป เพราะไม่รู้ว่าวันหน้านางจะโชคดีเช่นในวันนี้หรือไม่
หลี่เฉียงภายในอกของเขาสั่นสะท้านขึ้นมา เมื่อรู้ว่าครั้งนี้เขาต้องเสียนางไปอย่างแน่นอน เขาพุ่งตัวเขาไปกอดหว่านหนิงจากด้านหลังไว้แน่น“ทะ ท่าน ท่านปล่อยข้าประเดี๋ยวนี้นะ” นางดิ้นอย่างไม่ยินยอม“หนิงหนิง ข้ายอมแล้ว ยอมทุกอย่าง แต่เจ้าอย่าได้ทิ้งข้าไว้ลำพังได้หรือไม่”“เหอะ ท่านก็ไปหาสตรีอื่นมาอยู่ด้วยสิ ในหมู่บ้านย่อมต้องมีสักคนที่หลงรูปของท่าน” นางยังคงดิ้นเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา“ไม่ หนิงหนิง ข้าต้องการเพียงแค่เจ้า” เขากอดนางไว้แน่นกว่าเดิม“ปล่อย ข้าหายใจไม่ออก หากท่านต้องการข้า ท่านคงไม่ทิ้งข้าไว้ผู้เดียวทั้งคืน ทั้งยังนำเงินที่ข้าหามาอยากยากลำบากไปเล่นพนัน” นางเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยใจยิ่งคิดว่าต้องจับปลาเมื่อวานมากเพียงใด นางก็ปวดใจมากขึ้น ความหวังที่จะได้มีเงินมาลงทุนซื้อผ้ามาปักขาย แต่เขากลับซื้อมาให้นางเพียงเล็กน้อย แล้วนำเงินที่เหลือไปเป็นทุนเล่นพนัน“หนิงหนิง ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว ให้โอกาสข้าได้หรือไม่” เขาซุกหน้าลงกับซอกคอของนาง“หลี่เฉียง ข้าเคยให้โอกาสท่านไปแล้ว คนเราไม่มีโอกาสแก้ตัวบ่อยครั้งนักหรอกนะ”หากมีโอกาสแก้ตัวจริง วันนั้นนางคงไม่ต่อว่าเทพชะตาเช่นนั้น และคงไม่ดื่
หว่านหนิงมาหาท่านย่าที่เรือนของเขาตั้งแต่เช้า นางต้องการนำปลาเข้าไปขายในหมู่บ้าน แต่ไม่รู้จะต้องไปขายที่ตรงใด จึงได้มาถามกับป้าตู้ ตอนนั้นเขาเพิ่งออกมาจากห้องนอนพอดีจึงได้เห็นนางเข้า“ท่านป้าตู้ ท่านพอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าควรจะไปขายที่ใดของหมู่บ้านเจ้าคะ” หว่านหนิงแบกถังน้ำมาด้วยสองถังตัวของนางบอบบางจนแทบมิอาจจะยกถังน้ำทั้งสองมาด้วยตนเองได้“อาเฉียงไปที่ใดเล่า เหตุใดปล่อยให้เจ้ายกของหนักเช่นนี้” ป้าตู้อดที่จะเอ่ยถามออกมาไม่ได้“อย่าไปพูดถึงบุรุษสารเลวเช่นนั้นเลย ตั้งแต่เมื่อวานเขายังมิได้กลับเรือน” นางโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ“อาหนิงเอ๋ยยยย” ป้าตู้อดที่จะเห็นใจนางไม่ได้“ช่างเถิดเจ้าค่ะ ท่านพอจะบอกข้าได้หรือไม่”“ไป ไปข้าจะพาไป” ป้าตู้จะเข้ามาช่วยหว่านหนิงนางยก แต่นางกลับปฏิเสธจะให้ป้าตู้พาไปแล้วยังจะขอให้นางช่วยยกอีกรึ“ไม่ต้องเจ้าค่ะ ข้ายกเองได้ ท่านเพียงเดินนำทางก็พอ” หว่านหนิงกำลังจะยกถังน้ำที่มีปลาอยู่เต็มขึ้นแต่ก็ถูกฝ่ามือหนาของตู้ลู่จื้อที่ไม่รู้ว่าเดินมาที่พวกนางตั้งแต่เมื่อใด แย่งยกตัดหน้านางก่อน“ทะ ท่าน ข้ายกเองเจ้าค่ะ” นางที่กำลังจะแย่งมา แต่ถูกเขาเบี่ยงตัวหลบ“ท่านย่านำทางเถ
หลงจู๊รู้ข่าวจากเสี่ยวเอ้อว่ามีชาวบ้านนำปลาเป็นๆ มาขายก็รีบเร่งมาตรวจดูของด้วยตนเองทันที“สวรรค์ ยังไม่ตายจริงด้วย” เขามองปลาที่ยังมีชีวิตอย่างพอใจ ปลาเช่นนี้หากขายในวันแรกไม่หมดก็ยังสามารถเก็บไว้ได้ เหลาอาหารย่อมต้องการเป็นอย่างมาก“ท่านรับซื้อหรือไม่” หลี่เฉียงเร่งถามทันที เขายังต้องไปซื้อของที่หว่านหนิงนางสั่งอีกมาก“ซื้อๆ อาต๋า เจ้ารีบนำปลาไปชั่งเร็วเข้า”หลี่เฉียงขวางทางไว้ไม่ให้เสี่ยวเอ้อเข้าไปยกของลงจากเกวียนวัว“ประเดี๋ยว ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าจะซื้อเท่าใด”“อ้อ ใช่ ๆ จินละแปดสิบอิแปะ เจ้าเห็นเป็นเช่นไร” หลี่เฉียงยกยิ้มอย่างพอใจ“ได้” เขาเดินหลบไปอยู่ด้านข้าง เพื่อเปิดทางให้เสี่ยวเอ้อยกปลาไปชั่งปลาหลายสิบตัวที่หว่านหนิงนางจับมาได้ แต่ละตัวมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าหนึ่งจิน บางตัวเกือบสามจินเลยทีเดียว“ท่านหลงจู๊ ทั้งหมดหกสิบจินขอรับ”หลี่เฉียงรีบคำนวณอย่างไว ว่าเขาจะต้องได้เงินเป็นจำนวนเท่าใด เขาต้องได้เงินทั้งหมด ห้าตำลึงเงินกับอีกสองร้อยอิแปะ นับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว ตอนแรกคิดว่าจะได้ไม่เกินสามตำลึงเสียอีกหลงจู๊ยื่นเงินส่งให้หลี่เฉียง พร้อมทั้งบอกเขาว่าหากจับมาได้อีกให้นำมาขายท
หลี่เฉียงออกไปจัดการเรื่องเช่าเกวียนวัวที่จะเข้าเมือง หว่านหนิงนางส่งเงินให้เขาไปก่อนสิบอิแปะ เพื่อนำไปจ่ายค่าเกวียนวัว ส่วนที่เหลือจะให้ในวันพรุ่งนี้“ท่านแวะซื้อข้าวสารในหมู่บ้านมาให้ข้าก่อนสักหนึ่งจิน พรุ่งนี้เช้าข้าจะได้ทำอาหารให้ท่านก่อนออกไปขายปลา”“ได้” หลี่เฉียงแบมือขอเงินเพิ่ม“เท่าใด”“ข้าก็ไม่รู้” เขาเคยซื้อของพวกนี้เสียที่ไหน“เช่นนั้นเอาไป แล้วเอากลับมาคืนด้วย” นางส่งถุงเงินที่เหลืออีกสามสิบตำลึงให้เขา“รู้แล้ว เงินเจ้าข้าไม่เอาหรอก” หลี่เฉียงเบ้ปากอย่างไม่พอใจ เงินไม่กี่สิบอิแปะเขาจะเอาไปทำไม“แล้วรีบกลับมาด้วย อย่าได้แวะที่ใดเด็ดขาด” นางเอ่ยเตือนเขาก่อนที่จะออกจากเรือนไปอาหารที่หว่านหนิงนางทำไว้เพียงพอให้กินได้ถึงมื้อเย็นนางจึงไม่ต้องเหนื่อยทำเพิ่ม เมื่อเก็บกวาดเรือนในส่วนที่เหลือต่อจากเมื่อวานแล้วพอหลี่เฉียงกลับมาที่เรือนพร้อมกับข้าวสารหนึ่งจิน แล้วนำถุงเงินที่ว่างเปล่ากลับมาคืน นางจึงได้รู้ว่าข้าวสารมีราคาจินละสามสิบอิแปะ“เห้อ สามสิบอิแปะ ได้มาหนึ่งจิน จะกินได้กี่วัน” นางมองข้าวสารในถุงที่หลี่เฉียงส่งมาให้นาง“เอาเถิด พรุ่งนี้ข้าจะซื้อในเมืองมาให้มากเสียหน่อย ของใน
หว่านหนิงเห็นหลี่เฉียงออกมาจากห้องน้ำพร้อมทั้งเสื้อผ้าที่ซักเรียบร้อยแล้วของเขา นางก็อดที่จะนิ่งอึ้งไม่ได้ ถึงขนาดไม่ทิ้งเสื้อผ้าให้นางซักเอง คงจะโกรธนางไม่น้อยเลยทีเดียว“อาหารเสร็จแล้ว มาช่วยข้ายกเร็วเข้า” นางร้องเรียกเขาหลี่เฉียงก็เดินเข้ามาช่วยนางยกอาหารด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ไม่ได้ตื่นเต้นที่เห็นอาหารตรงหน้า“ท่านโกรธข้ามากเลยรึ” นางเอ่ยถามออกมาเมื่อเขาเอาแต่นั่งก้มหน้ากินไม่เอ่ยพูดกับนาง“อืม” เขาตอบรับเบาๆ“ข้าก็ขอโทษแล้วอย่างไร”“อืม”“เหอะ อยากจะงอนก็งอนไป” นางหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจหลี่เฉียงจะเข้าใจคำว่างอนของนางได้อย่างไร เพียงแต่พอจะรู้ว่านางคงจะถากถางเขาอยู่แน่“ข้าถูกเปรียบเทียบกับอาเจิ้งตั้งแต่เล็ก เพราะข้าหัวไม่ดีสู้เขาไม่ได้ อยู่ในสำนักศึกษาก็ถูกเยาะเย้ย ข้าจึงหันไปติดพนันกับสุรา คนพวกนั้นจริงใจกว่าพวกบัณฑิตในสำนักศึกษาเสียอีก”หว่านหนิงมองเขาอย่างเห็นใจ หลี่เฉียงยังคงก้มหน้าก้มตากินอาหารของเขาต่อไปโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองนาง“ข้าว่าไม่ใช่เพราะท่านหัวไม่ดี เพียงแต่ท่านถูกเลี้ยงดูมาไม่ดีเสียมากกว่า อาเฉียงหากท่านเปลี่ยนแปลงตนเองได้ ก็จะไม่มีผู้ใดมาดูถูกท่านได้”หลี่เฉี
ป้าตู้นางกลับมาถึงเรือนพอดี จึงได้เข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วนหน้าเรือน“อาหนิงเจ้ามาเร็วเสียจริง” นางอดจะเย้าออกมาไม่ได้“ก็ข้ากลัวว่าท่านจะเปลี่ยนใจ” นางยิ้มจนตาหยี สองบุรุษที่ยืนอยู่ไม่ไกลมองรอยยิ้มของนางอย่างตกตะลึงเหมือนตู้ลู่จื้อจะรู้ตัวว่าตนกำลังทำสิ่งที่ไม่สมควร เพราะนางเป็นภรรยาของผู้อื่น สามีของนางก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ด้วย“ฮ่า ฮ่า ข้าจะเปลี่ยนใจได้อย่างไร เจ้ารอประเดี๋ยวข้าจะรีบไปหยิบเงินมาให้” ป้าตู้รับปลาจากตะกร้าของหว่านหนิงแล้วเดินเข้าเรือนไป“เจ้าจับปลาได้อย่างไร” หลี่เฉียงเดินเข้ามากระซิบถามนางด้วยความอยากรู้“ท่านถอยไปหน่อย” นางยกมือขึ้นบีบจมูก พร้อมทั้งดันตัวเขาให้ออกห่าง“ข้าเหม็นมากเช่นนั้นรึ” หลี่เฉียงก้มลงดมเสื้อผ้าของตนเอง ก็ไม่เห็นจะเหม็นเหมือนที่นางรังเกียจ เพียงแค่สกปรกไปสักหน่อยก็เท่านั้น“ยังมีหน้ามาถาม” หว่านหนิงถลึงตาใส่เขา“หึหึ” ตู้ลู่จื้อหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางของหว่านหนิงที่กระทำกับหลี่เฉียง“เจ้าหัวเราะอันใด แล้วเหตุใดยังไม่เข้าเรือนไปอีก” เขาเดินมาบังตัวของหว่านหนิงไว้ให้พ้นจากสายตาของตู้ลู่จื้อ“ข้ารอปิดเรือน” เขาหยักไหล่อย่างไม