หว่านหนิงนางจึงบอกจ้าวซื่อเรื่องที่นางทอผ้าขึ้นมาได้ ทั้งยังเสนอเรื่องแบบร่างชุดที่นางจะเขียนออกมาให้ทางจ้าวซื่อเดือนละสองภาพหลี่เฉียงนำตัวอย่างผ้ามาด้วย เขาหยิบขึ้นมาทันที เมื่อหว่านหนิงนางพูดถึงผ้าที่นางทอขึ้น“สวรรค์ เนื้อผ้าละเอียดนัก เจ้าไปหาเส้นไหมมาจากที่ใด” จ้าวซื่อไม่รู้ว่าวันนี้นางตกใจไปกี่ครั้งแล้วแม้แต่ผ้าสีขาวธรรมมาที่หลี่เฉียงนำขึ้นมา เป็นเนื้อดีกว่าผ้าทั้งหมดที่อยู่ในร้านนางเสียอีก“เรื่องไปได้มาจากที่ใดข้าบอกท่านมิได้เจ้าค่ะ แต่ข้าสามารถนำผ้ามาขายให้ท่านได้เดือนหนึ่งยี่สิบพับ” หว่านหนิงบอกว่านอกจากสีขาว ยังมีอีกหลายสี โดยนางจะขายให้สีละสองพับต่อเดือน“ผ้าที่ดีที่สุดในร้านค้า ข้ารับมาจากทางใต้ของแคว้น ขายอยู่พับหนึ่งสิบตำลึงทอง ผ้าของเจ้าข้าให้ผับละยี่สิบตำลึงทอง ไม่รวมแบบผ้าที่เจ้าจะนำมาขายให้ข้า”“เรื่องราคาพับผ้าที่ท่านให้ ข้าไม่ขัดข้อง แต่เรื่องแบบผ้า ข้าขอส่วนแบ่งจากที่ท่านตัดชุดขายสามส่วน ท่านเห็นเป็นเช่นใดเจ้าคะ” หว่านหนิงนางยื่นข้อเสนอทันที“ย่อมได้ แล้วเจ้ายังจะรับงานปักอีกหรือไม่”หากผ้ากั้นฉากผืนนี้ถูกนำออกไปประมูล ต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นไม่น้อย และต้องมีคน
หลังจากที่เหมยลี่นางปรากฏตัวในวันนั้น หลี่เฉียงก็แทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขามักจะขึ้นเขา เพื่อไปดูเหมยลี่และเหล่าผึ้งงานจัดการเรื่องหมักสุราให้เขา ส่วนที่เขาต้องซื้อก็มีเพียงไหสุราขนาดต่างๆ เท่านั้นหลี่เฉียงได้นำสุราที่เหมยลี่นางทำขึ้นไปมอบให้ฟู่หวงอวี้เมื่อหลายวันก่อนได้ลองดื่ม ตอนที่เขานำกลับมาที่เรือนนางก็ได้ลองดื่มด้วยเช่นกัน นับว่าเป็นสุราดีอย่างที่เหมยลี่นางโอ้อวดไว้ยังดีที่หลี่เฉียงไปพบฟู่หวงอวี้ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปเมืองหลวงเพียงแค่หนึ่งวัน การมาของหลี่เฉียงครั้งนี้ทำให้ฟู่หวงอวี้เลื่อนการเดินทางออกไปอย่างไม่มีกำหนด“คุณชายฟู่ว่าเช่นไรบ้าง” หว่านหนิงเอ่ยถามขึ้นเมื่อหลี่เฉียงยิ้มหน้าบานกลับมาที่เรือน“อาอวี้รับซื้อทั้งหมดที่ข้ามีให้เขา” เขาเชิดหน้าขึ้นอย่างโอ้อวดในความเก่งกาจของตนเอง“ดียิ่ง แล้วท่านจะส่งให้เขาเมื่อใด” หว่านหนิงอดที่จะยินดีกับความสำเร็จแรกของเขาไม่ได้“อีกสองวัน ข้าถึงจะนำไปส่งให้เขาที่เมือง”หลี่เฉียงเดินเข้ามาหาหว่านหนิง พร้อมทั้งส่งถุงเงินที่ได้มาจากการเก็บมัดจำก้อนแรกมาจากฟู่หวงอวี้ให้นางหว่านหนิงนางรับมาเปิดดู พอหยิบตั๋วเงินด้านในขึ้นมากางออก ดวงตาข
พอมาถึงด้านล่างภูเขา ก็ไม่เหลือชาวบ้านที่ออกมาหาของป่าก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาจึงเดินกลับเรือนโดยไม่ต้องหลบสายตาของผู้ใดหว่านหนิงนางนำเมล็ดโสมที่ได้มาแยกออกจากต้น ก่อนที่จะให้ฮวาเตี๋ยนางนำไปปลูกที่สวนด้านหลังเรือนเซียงเซียงนำผ้าออกมาให้หว่านหนิงกับหลี่เฉียงนับสิบพับได้“เหตุใดถึงมากมายเช่นนี้” หว่านหนิงนางร้องถามขึ้นจะให้นางนำทั้งหมดออกมาตัดเป็นชุดเห็นทีจะใส่ไม่ทันอย่างแน่นอน“ผ้าพวกนี้นอกจากเสื้อผ้า นายหญิงท่านยังนำไปตัดเป็นผ้าห่มและผ้าปูรองนอนได้ด้วยเจ้าคะ” เซียงเซียงเอ่ยตอบนาง“ไว้ข้าค่อยเข้าเมืองไปซื้อฝ้ายก่อนค่อยทำออกมา”“เรื่องฝ้ายที่จะใช้ยัดด้านในท่านมิต้องข้าเตรียมมาให้ท่านแล้ว” เซียงเซียงพูดจบ นางก็นำใยฝ้ายออกมาจากช่องเก็บของของนางทุกการกระทำของเซียงเซียง หลี่เฉียงได้แต่มองอย่างตกตะลึง แม้เขาจะรู้ว่าบรรดาสัตว์ที่สื่อสารกับเขาอยู่ตอนนี้จะวิเศษ แต่ไม่คิดว่าพวกมันจะสามารถนำของออกมาจากช่องว่างเช่นนี้ได้หว่านหนิงเอ่ยขอบคุณเซียงเซียง ก่อนจะเริ่มเก็บของเข้าที แล้วนางจึงได้เข้าไปที่ครัวเพื่อทำอาหารมื้อเย็นทันทีผู้ที่หิวมากที่สุดเห็นจะเป็นเสี่ยวหู่ที่มันบ่นเรื่องท้องร้องไม่เลิก“เ
หนอนที่อยู่บนต้นซังเยี่ย ต่างกำลังเร่งสร้างรังไหมออกมาจนทั่วทั้งต้นซังเยี่ยมีแต่รังไหมให้ได้เห็น ที่น่าแปลกสำหรับหว่านหนิงอีกอย่าง เห็นจะเป็นรังไหมที่อยู่บนต้น สีของมันมิได้มีเพียงแค่สีขาวที่นางเคยพบเห็น แต่มีของรังไหมแทบจะมีทุกสีเลยก็ว่าได้“สวรรค์ เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร” นางพึมพำออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา“นายหญิงท่านชอบหรือไม่เจ้าคะ” ฮวาเตี๋ยร้องถามเสียงใสนางภูมิใจไม่น้อยที่สิ่งที่นางเตรียมการไว้ให้หว่านหนิงนางจะตกตะลึงมากถึงเพียงนี้“ชอบ ชอบมาก เจ้าช่างดีกับข้าเสียจริง” หากฮวาเตี๋ยนางตัวใหญ่เสียหน่อย หว่านหนิงคงพุ่งเข้ากอดนางไปแล้ว“รังไหมที่ท่านเห็น ข้าจะให้สหายของข้าถักทอออกมาจนเป็นผ้าผืนงามให้ท่านเจ้าค่ะ”“ทำอย่างไร” นางเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจฮวาเตี๋ยบินหายไปจากสายตาของหว่านหนิง แต่เพียงครู่เดียวนางก็กลับมาพร้อมผีเสื้ออีกตัว“นายหญิง นี่คือเซียงเซียง สหายของข้าเจ้าค่ะ นางดูแลสวนซังเยี่ยแห่งนี้”ฮวาเตี๋ยพาสหายของนางมาแนะนำให้หว่านหนิงได้รู้จัก ทั้งยังพาชมพื้นที่โดยรอบที่พวกมันทำงานกันอยู่หว่านหนิงนางไม่คิดว่าผีเสื้อนับพันตัวจะมารวมกันอยู่ในที่แห่งนี้ได้ แต่ละตัวต่างบินเก็บรังไหมไปไ
“หยุดดิ้นได้แล้วนอนเถิด พรุ่งนี้เจ้าจะขึ้นเขากับฮวาเตี๋ยมิใช่หรือ ต้องรีบนอนถึงจะถูก” ขาของหลี่เฉียงกดทับขาของหว่านหนิงไม่ให้นางดิ้น“ท่านก็ปล่อยข้าสิ ข้าอึดอัด”“หนิงหนิง ข้าหนาว ขอกอดเจ้าหน่อยจะเป็นอันใด” หลี่เฉียงเอ่ยเสียงเบาอย่างน่าเห็นใจออกมา“หลี่ เฉียง เจ้าคนหน้าหนา อากาศร้อนเยี่ยงนี้ท่านพูดออกมาได้อย่างไรว่าท่านหนาว”“รึข้าจะเป็นไข้ ถึงได้หนาว หนิงหนิงเจ้าดูให้ข้าหน่อย”หว่านหนิงหยุดนิ่งทันที นางพลิกตัวหันมาทางหลี่เฉียงเพื่อดูว่าเขาเป็นไข้จริงหรือไม่ ยามที่มือน้อยๆ ของนางแตะลงที่หน้าผากของเขา ยิ่งนางดันตัวขึ้นมาใกล้ใบหน้าของเขา หลี่เฉียงภายในอกสั่นสะท้านขึ้นมาทันที“หนิงหนิง” เขาเอ่ยเรียกนางด้วยเสียงที่แหบพร่า ก่อนจะรั้งต้นคอของนางไว้ให้โน้มต่ำลงมาใกล้ริมฝีปากหนาประกบครอบครองริมฝีปากบางของหว่านหนิงโดยที่นางไม่ทันตั้งตัว วงแขนของหลี่เฉียงโอบรอบเอวของนางไว้แน่น เพื่อไม่ให้นางผละหนีไปจากเขาได้หว่านหนิงตกใจเกินกว่าจะปัดป้องได้ เรียวลิ้นของหลี่เฉียงเขาตวัดเกี่ยวกวาดชิมความหวานในช่องปากของนางอย่างหื่นกระหาย “อื้มมม” หลี่เฉียงคำรามออกมาอย่างพอใจเขาพลิกตัวหว่านหนิงให้กลับลงมานอนอยู
แต่ผู้ที่มาเปิดเรือนให้เขาเป็นตู้ลู่จื้อ พอเขาเห็นใบหน้าของหลี่เฉียงชัดๆ ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน ไม่คิดว่าเพียงแค่โกนหนวดเคราออก เขาจะรูปงามเช่นนี้“เจ้ามองอันใด” หลี่เฉียงมองลู่จื้ออย่างหวาดระแวง“เหอะ มาที่เรือนข้าทำไม” เขาถลึงตามองหลี่เฉียงที่คิดบ้าๆ กับเขา“หนิงหนิงให้ข้านำผ้าเช็ดหน้าที่นางปักมาให้ท่านป้าตู้”“ท่านย่าของข้ามิอยู่ เจ้านำมาให้ข้า ไว้ข้าจะให้ท่านย่าเอง” ลู่จื้อเอื้อมมือออกมารับของ แต่หลี่เฉียงกับเบี่ยงตัวหลบ“มิได้ ข้าให้เจ้าไปแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าจะนำไปมอบให้ท่านป้าตู้” เขากลัวว่าลู่จื้อจะนำผ้าเช็ดหน้าไปใช้เองโถ่ หลี่เฉียง เจ้าไม่ได้ดูเลยว่าผ้าเช็ดหน้าในมือของเจ้าเป็นสีชมพู ข้าจะนำไปใช้ได้อย่างไร สายตาของลู่จื้อบอกหลี่เฉียงเช่นนี้“เหอะ แล้วแต่เจ้า เช่นนั้นก็กลับมาใหม่ในภายหลังเถิด” หลี่เฉียงทำท่าครุ่นคิด หากเขานำผ้าเช็ดหน้ากลับไปที่เรือน หว่านหนิงนางจะต้องเป็นผู้นำมาให้ในภายหลังอย่างแน่“ได้ เช่นนั้นก็ฝากเจ้าด้วย อย่าได้นำไปใช้เล่า” ก่อนกลับเขายังเอ่ยเตือนลู่จื้ออีกหนตู้ลู่จื้อมองตามแผ่นหลังของหลี่เฉียงไปอย่างเบื่อหน่าย ตัวเขาเป็นบุรุษจะสนใจผ้าเช็ดหน้าที่มีสีสันข