“กลับมาแล้วรึ เร็วยิ่งนัก” นางหันมามองหลี่เฉียงที่ยามนี้เกยคางอยู่ที่ไหล่ของนาง“ไม่เร็วแล้ว ข้าแวะไปคุยเรื่องสุรากับอาอวี้มาตั้งนานสองนาน พักก่อนดีหรือไม่” เขารวบมือนางมากุมไว้“อืม” หว่านหนิงลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ นางจึงได้รู้ว่ายามนี้เกือบจะได้เวลาเข้าครัวทำมื้อเย็นเสียแล้ว“เสี่ยวหู่เล่า” นางมองหาเสี่ยวหู่ แม้แต่มื้อกลางวันนางก็หลงลืมไปจนสิ้น“ขึ้นไปบนเขาเจ้าค่ะ” เสี่ยวหู่ที่ไม่อยากกวนหว่านหนิงตอนมื้อกลางวัน มันจึงขึ้นเขาไปหาเนื้อกินแทนหลังจากที่มีน้ำผึ้งของเซียงเซียง หลี่เฉียงเจ้าคนหน้าหนาก็นำไปเก็บไว้ให้ห้องทันที ทั้งยังออดอ้อนให้หว่านหนิงนางปลอบโยนเขายามค่ำคืนเสียทุกคืนไปผ้าปักฉากกั้นขององค์ชายสาม หว่านหนิงนางใช้เวลาปักเพียงแค่ห้าวันเท่านั้น แม้จะมีขนาดใหญ่กว่าของท่านเจ้าเมืองถึงสามเท่า“ข้าอยากไปเจียงหนานเสียแล้วสิ” หลี่เฉียงมองภาพปักท้องทะเลของหว่านหนิงแล้วเอ่ยออกมาเขาอยากจะไปเห็นด้วยตนของตนเองสักครั้งว่าจะเป็นเช่นที่นางปักขึ้นมาหรือไม่“ไว้ไปกันดีหรือไม่” นางเอียงคอถามเขา นางก็อยากจะเห็นท้องทะเลในยุคนี้ว่าจะสวยกว่าในยุคของนางมากเพียงใด“อืม ไว้ไปกัน” เขาดึงนางเข้ามากอดอย่า
หลี่เฉียงจับขาของนางยกขึ้นพาดบ่า ก่อนที่จะขยับสะโพกเข้าออกเร็วขึ้นไปตามแรงปรารถนา เสียงครางหวานของหว่านหนิงยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ของเขาให้พุ่งทะยานขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่“อ๊า...ไม่ไหวแล้ว...” นางครางหวานออกมา ก่อนจะกระตุกเกร็งไปทั้งตัว “พร้อมข้าหนิงหนิง” หลี่เฉียงเชิดหน้าขึ้นอย่างเสียวซ่าน ก่อนจะเสร็จสมตามนางไปหว่านหนิงหอบหายใจเหนื่อยอ่อน นางดันตัวของหลี่เฉียงเพื่อให้ลุกออกจากตัวของนาง แต่เขาจับนางให้ลุกขึ้นนั่งแทน ลำทวนที่แข็งขึงขึ้นมาอีกรอบกระแทกสวนขึ้นมาจนหว่านหนิงนางเผลอกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ“อาเฉียง ท่าน...” นางเกาะบ่าของเขาไว้แน่น เพราะยามนี้เขาอุ้มตัวนางขึ้นจากที่นอนแล้ว“หนิงหนิง ปลอบข้าต่ออีกหน่อยได้หรือไม่” เสียงกระเส่าที่เต็มไปด้วยความต้องหารของเขามิใช่ถามเพื่อขออนุญาตจากนาง แต่เป็นการบังคับนางเสียมากกว่าหลี่เฉียงไปหยุดที่หน้าต่าง ก่อนจะว่างนางลง แล้วจับตัวนางให้พลิกหันหลังให้เขาพร้อมทั้งสอดใส่เข้าไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว หว่านหนิงนางทำได้เพียงยึดเกาะขอบหน้าต่างไว้ไม่ให้ตัวนางล้มลงไปเพราะขาที่อ่อนแรงแผ่นหลังที่ขาวเนียนของนาง ยามนี้เต็มไปด้วยร่องรอยขบเม้มที่หลี่เฉียงฝากไว้เต็
พอเห็นเสี่ยวหู่ขึ้นมาอยู่บนรถม้าแล้ว ก็ร้องสั่งให้ม้าทั้งสองตัววิ่งกลับไปที่หมู่บ้านด้วยตัวมันเอง“เสี่ยวหู่ เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่” หว่านหนิงหันมาสนใจเสี่ยวหู่ที่ยามนี้มันกำลังเลียเท้าเลียขนทำความสะอาดรอยเลือดอยู่“ไม่ขอรับ แต่เลือดของพวกมันเหม็นคาวยิ่งนัก” เสี่ยวหู่เบ้ปากออกอย่างรังเกียจ“ขอบใจเจ้ามาก” นางอุ้มเสี่ยวหู่เข้ามากอดไว้แน่น พร้อมทั้งมองไปที่ฮวาเตี๋ยและเซียงเซียงอย่างซึ้งใจหากไม่มีทั้งสามอยู่กับนาง ไม่รู้ว่าตอนนี้นางและหลี่เฉียงจะยังมีชีวิตรอดไปได้หรือไม่“อาเฉียง ท่านคิดว่าผู้ใดส่งคนร้ายมา”“หึ เรื่องนี้ยังต้องคิดอีกรึ” แววตาของเขาแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนไม่คิดว่านางสุ่ยซื่อจะไม่ปล่อยทั้งสองคนไปง่ายๆ เช่นนี้ สิ่งที่หลี่เฉียงคิดไม่ผิดสักนิด เป็นนางสุ่ยซื่อที่สั่งให้สาวใช้ของตนออกไปจัดการจ้างมือสังหารให้ไปจัดการทั้งสองคนนางจะยอมเจ็บตัวโดยไม่ได้แก้แค้นได้อย่างไร แผลที่ปากของนางฉีกไม่น้อย ท่านหมอที่เมืองซานตงทำได้เพียงรักษาไปตามอาการเท่านั้น หานเจิ้งจึงต้องพามารดาของตนเดินทางกลับเมืองหลวงทันที นายท่านหานก็ต้องเดินทางกลับไปพร้อมกันด้วยเลย แต่เขายังฝากนายท่านจ้าวใ
นายท่านหานได้แต่ขมวดคิ้ว มองนางอย่างไม่พอใจ เขาเพิ่งจะได้รู้วันนี้ว่านางวางแผนลึกล้ำกับบุตรชายคนโตของเขาเช่นไร ส่วนเรื่องตระกูลซูของหว่านหนิงเขาไม่เคยได้ยินเช่นที่นางพูดมาก่อนหว่านหนิงกำมือแน่นอย่างแค้นใจ นางลืมไปเลยว่าเจ้าของร่างยังมีบิดามารดาและน้องชายอยู่ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นเช่นที่นางสุ่ยซื่อพูดจริงหรือไม่“อาเจิ้ง พามารดาเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!!!”“ท่านพี่ ท่านจะทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร คนที่ท่านต้องสนใจตอนนี้มีเพียงแค่ข้ากับอาเจิ้ง บุตรชายที่ไร้ค่าของท่านที่ท่านตัดขาดแล้วจะนับเป็นอันใดได้ โอ๊ยยย”ทุกคนในห้องตกตะลึงนิ่งอึ้งอยู่กับที่ ไม่คิดว่าเสี่ยวหู่ที่อยู่บนโต๊ะจะกระโดดเข้าใช้กรงเล็บของมันตะครุบไปที่ปากของนางสุ่ยซื่อจนเป็นเพราะฉกรรจ์ไม่น้อยเสียงกรีดร้องของนางสุ่ยซื่อดังไปทั่วห้อง พร้อมทั้งเสียงด่าทอที่นางพยายามพูดออกมาอย่างอยากลำบากที่หว่านหนิงนางจับใจความได้ คือนางร้องสั่งให้คนจับตัวเสี่ยวหู่ไว้ เพื่อฆ่ามันให้นาง“ท่านพูดมากเกินไป แม้แต่เสี่ยวหู่ของข้าก็มิอาจทนฟังได้” หว่านหนิงอุ้มเสี่ยวหู่ที่เชิดหน้าอยู่ที่พื้นขึ้นมากอดไว้อย่างหวงแหน“ท่านแน่ใจรึ ว่าจะฆ่าเสี่ยวหู่” หลี่เฉีย
ท่านเจ้าเมืองก็เข้าร่วมงานวันนี้เช่นกัน พอได้เห็นภาพฉากกั้นมารดาป้อนข้าวบุตร เขาก็หลั่งน้ำตาออกมาทันที เหมือนว่าผู้ที่ปักภาพนี้ ปักขึ้นมาเพื่อเขาและมารดาโดยเฉพาะรอยยิ้มของมารดายามที่ป้อนข้าวบุตร ชามข้าวที่อยู่ในมือที่มีแต่เมล็ดข้าวจนล้นชาม ชั่งแตกต่างกับชามของมารดาที่อยู่บนโต๊ะอาหาร ท่านเจ้าเมืองหวนให้คิดไปถึงความลำบากเมื่อยามที่เขาเป็นเด็ก มารดาของตนก็เป็นเช่นเดียวกับสตรีที่อยู่ในรูปภาพ“เสด็จพี่ ข้าอยากได้” เยี่ยนซูหนี่นางร้องบอกองค์ชายสามแต่หว่านหนิงนางก็ร้องขัดขึ้นมาเสียก่อน“องค์หญิงสี่ ภาพนี้เดิมทีก็ทำขึ้นมาเพื่อท่านเจ้าเมือง ในวันครอบรอบวันเกิดของมารดาท่านเจ้าเมืองเพคะ แต่ฮูหยินจ้าวนางอยากจะอวดให้ผู้อื่นได้เห็นถึงงานปักที่มาจากร้านของนาง หากพระองค์อยากได้ ไว้หม่อมฉันจะปักให้พระองค์เพคะ”หว่านหนิงนางอยากให้ท่านเจ้าเมืองเป็นผู้ที่ได้ไป หากองค์ชายสามและองค์หญิงสี่ไม่ประมูลแข่ง ท่านเจ้าเมืองก็มีสิทธิ์ที่จะได้ไปครอบครองแต่สิ่งที่ทุกคนในงานคาดไม่ถึง จ้าวซื่อมิได้ประมูลภาพเช่นที่ทุกคนคิด แต่นางกล่าวออกมาเสียงดังให้ทุกคนได้เข้าใจตรงกันว่าภาพนี้จัดทำขึ้นมาเพื่อมารดาท่านเจ้าเมือง“เจ้
หานเจิ้งจำต้องลากตัวมารดาออกไปหาที่นั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้“ทำพวกเจ้าเสียเวลาแล้ว ไปด้านบนเถิด ข้ามีคนจะแนะนำให้เจ้าได้รู้จัก” จ้าวซื่อเดินเข้ามาคล่องแขนหว่านหนิงอย่างสนิทสนมยิ่งทำให้คนที่มาร่วมงานต่างมองนางอย่างสนใจ บางคนถึงกับพูดออกมาว่าไม่แน่นางอาจจะเป็นคนที่ปักผ้าผืนที่จะเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ ด้วยความที่จ้าวซื่อกล้าออกหน้าแทนนางหลี่เฉียงเดินขึ้นไปด้านบนพร้อมทั้งบิดาของเขา ทั้งสองพูดคุยถึงเรื่องที่ผ่านมาตอนที่หลี่เฉียงออกจากตระกูลมาแล้ว เรื่องนี้หว่านหนิงนางไม่ได้สนใจ ถึงอย่างไรนายท่านหานก็เป็นบิดาของเขา และที่ผ่านมาก็รักหลี่เฉียงไม่น้อยเลยทีเดียวจ้าวซื่อพาทั้งสองมาหยุดที่ห้องรับรองห้องหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามหว่านหนิงถึงความสมัครใจของนาง“อาหนิง ความจริงเรื่องนี้ข้าต้องบอกเจ้าเสียก่อน แต่เพราะการมาของผู้ที่อยู่ด้านในกะทันหันเกินไป ข้าก็เพิ่งจะรู้ก่อนหน้าเจ้าจะเดินทางมาถึงได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม” หว่านหนิงนางมองหน้าจ้าวซื่อด้วยสีหน้าเรียบเฉยคงมีคนต้องการพบนางอย่างแน่นอน และคงเป็นคนที่จ้าวซื่อมิอาจปฏิเสธไม่ให้เข้าพบนางไม่ได้“เอาเถิด ข้าเข้าใจท่าน ผู้ใดหรือเจ้าคะที่ต้องการพบข้า”“อ