หานเจิ้งจำต้องลากตัวมารดาออกไปหาที่นั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้“ทำพวกเจ้าเสียเวลาแล้ว ไปด้านบนเถิด ข้ามีคนจะแนะนำให้เจ้าได้รู้จัก” จ้าวซื่อเดินเข้ามาคล่องแขนหว่านหนิงอย่างสนิทสนมยิ่งทำให้คนที่มาร่วมงานต่างมองนางอย่างสนใจ บางคนถึงกับพูดออกมาว่าไม่แน่นางอาจจะเป็นคนที่ปักผ้าผืนที่จะเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ ด้วยความที่จ้าวซื่อกล้าออกหน้าแทนนางหลี่เฉียงเดินขึ้นไปด้านบนพร้อมทั้งบิดาของเขา ทั้งสองพูดคุยถึงเรื่องที่ผ่านมาตอนที่หลี่เฉียงออกจากตระกูลมาแล้ว เรื่องนี้หว่านหนิงนางไม่ได้สนใจ ถึงอย่างไรนายท่านหานก็เป็นบิดาของเขา และที่ผ่านมาก็รักหลี่เฉียงไม่น้อยเลยทีเดียวจ้าวซื่อพาทั้งสองมาหยุดที่ห้องรับรองห้องหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามหว่านหนิงถึงความสมัครใจของนาง“อาหนิง ความจริงเรื่องนี้ข้าต้องบอกเจ้าเสียก่อน แต่เพราะการมาของผู้ที่อยู่ด้านในกะทันหันเกินไป ข้าก็เพิ่งจะรู้ก่อนหน้าเจ้าจะเดินทางมาถึงได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม” หว่านหนิงนางมองหน้าจ้าวซื่อด้วยสีหน้าเรียบเฉยคงมีคนต้องการพบนางอย่างแน่นอน และคงเป็นคนที่จ้าวซื่อมิอาจปฏิเสธไม่ให้เข้าพบนางไม่ได้“เอาเถิด ข้าเข้าใจท่าน ผู้ใดหรือเจ้าคะที่ต้องการพบข้า”“อ
ทั้งสองพี่น้องมิได้มีความบาดหมางสิ่งใดต่อกัน เพียงแค่มิค่อยได้สนิทสนมด้วยหลี่เฉียงแทบจะกินนอนอยู่ที่หอพนัน ส่วนตัวเขาพักอาศัยอยู่ที่สำนักศึกษา เพราะนางสุ่ยซื่อไม่ต้องการให้สองพี่น้องสนิทสนมกันมากนัก“รู้จักกันด้วยรึ” หว่านหนิงนางเอียงคอถามหลี่เฉียงมิใช่ว่านางจะยั่วโมโหนางสุ่ยซื่อแต่อย่างใด เป็นเพราะในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมใบหน้าของทั้งสองเลือนลางไปแล้วก็เท่านั้น และตัวนางไม่คิดว่าจะได้พบเจออีกจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับทั้งคู่“ไร้ยางอาย ถูกขับไล่มาได้ไม่เท่าใดถึงกลับจำข้ามิได้เลยรึ” นางเอ่ยตำหนิหว่านหนิงเสียงดังจนคนที่มาเข้าร่วมงานต่างพากันหยุดมองด้วยความสนใจ“ในเมื่อพวกท่านกับข้ามิได้มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว เช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อน” หลี่เฉียงจูงมือหว่านหนิงให้ตามเสี่ยวเอ้อขึ้นไปด้านบน“ประเดี๋ยวก่อน เจ้ากล้าให้คนเช่นนี้ขึ้นไปชั้นสองได้เลยรึ” นางสุ่ยซื่อเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ ตัวนางกับบุตรชายยังไม่มีสิทธิ์ที่จะขึ้นไปด้านบนมีเพียงนายท่านหานเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์เพียงผู้เดียวตระกูลหานมีกิจการร้านผ้าอยู่ที่เมืองหลวงและหัวเมืองหลายแห่ง ย่อมมีความคุ้นชินกับตระกูลจ้าวอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยท
หว่านหนิงนางจึงบอกจ้าวซื่อเรื่องที่นางทอผ้าขึ้นมาได้ ทั้งยังเสนอเรื่องแบบร่างชุดที่นางจะเขียนออกมาให้ทางจ้าวซื่อเดือนละสองภาพหลี่เฉียงนำตัวอย่างผ้ามาด้วย เขาหยิบขึ้นมาทันที เมื่อหว่านหนิงนางพูดถึงผ้าที่นางทอขึ้น“สวรรค์ เนื้อผ้าละเอียดนัก เจ้าไปหาเส้นไหมมาจากที่ใด” จ้าวซื่อไม่รู้ว่าวันนี้นางตกใจไปกี่ครั้งแล้วแม้แต่ผ้าสีขาวธรรมมาที่หลี่เฉียงนำขึ้นมา เป็นเนื้อดีกว่าผ้าทั้งหมดที่อยู่ในร้านนางเสียอีก“เรื่องไปได้มาจากที่ใดข้าบอกท่านมิได้เจ้าค่ะ แต่ข้าสามารถนำผ้ามาขายให้ท่านได้เดือนหนึ่งยี่สิบพับ” หว่านหนิงบอกว่านอกจากสีขาว ยังมีอีกหลายสี โดยนางจะขายให้สีละสองพับต่อเดือน“ผ้าที่ดีที่สุดในร้านค้า ข้ารับมาจากทางใต้ของแคว้น ขายอยู่พับหนึ่งสิบตำลึงทอง ผ้าของเจ้าข้าให้ผับละยี่สิบตำลึงทอง ไม่รวมแบบผ้าที่เจ้าจะนำมาขายให้ข้า”“เรื่องราคาพับผ้าที่ท่านให้ ข้าไม่ขัดข้อง แต่เรื่องแบบผ้า ข้าขอส่วนแบ่งจากที่ท่านตัดชุดขายสามส่วน ท่านเห็นเป็นเช่นใดเจ้าคะ” หว่านหนิงนางยื่นข้อเสนอทันที“ย่อมได้ แล้วเจ้ายังจะรับงานปักอีกหรือไม่”หากผ้ากั้นฉากผืนนี้ถูกนำออกไปประมูล ต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นไม่น้อย และต้องมีคน
หลังจากที่เหมยลี่นางปรากฏตัวในวันนั้น หลี่เฉียงก็แทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขามักจะขึ้นเขา เพื่อไปดูเหมยลี่และเหล่าผึ้งงานจัดการเรื่องหมักสุราให้เขา ส่วนที่เขาต้องซื้อก็มีเพียงไหสุราขนาดต่างๆ เท่านั้นหลี่เฉียงได้นำสุราที่เหมยลี่นางทำขึ้นไปมอบให้ฟู่หวงอวี้เมื่อหลายวันก่อนได้ลองดื่ม ตอนที่เขานำกลับมาที่เรือนนางก็ได้ลองดื่มด้วยเช่นกัน นับว่าเป็นสุราดีอย่างที่เหมยลี่นางโอ้อวดไว้ยังดีที่หลี่เฉียงไปพบฟู่หวงอวี้ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปเมืองหลวงเพียงแค่หนึ่งวัน การมาของหลี่เฉียงครั้งนี้ทำให้ฟู่หวงอวี้เลื่อนการเดินทางออกไปอย่างไม่มีกำหนด“คุณชายฟู่ว่าเช่นไรบ้าง” หว่านหนิงเอ่ยถามขึ้นเมื่อหลี่เฉียงยิ้มหน้าบานกลับมาที่เรือน“อาอวี้รับซื้อทั้งหมดที่ข้ามีให้เขา” เขาเชิดหน้าขึ้นอย่างโอ้อวดในความเก่งกาจของตนเอง“ดียิ่ง แล้วท่านจะส่งให้เขาเมื่อใด” หว่านหนิงอดที่จะยินดีกับความสำเร็จแรกของเขาไม่ได้“อีกสองวัน ข้าถึงจะนำไปส่งให้เขาที่เมือง”หลี่เฉียงเดินเข้ามาหาหว่านหนิง พร้อมทั้งส่งถุงเงินที่ได้มาจากการเก็บมัดจำก้อนแรกมาจากฟู่หวงอวี้ให้นางหว่านหนิงนางรับมาเปิดดู พอหยิบตั๋วเงินด้านในขึ้นมากางออก ดวงตาข
พอมาถึงด้านล่างภูเขา ก็ไม่เหลือชาวบ้านที่ออกมาหาของป่าก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาจึงเดินกลับเรือนโดยไม่ต้องหลบสายตาของผู้ใดหว่านหนิงนางนำเมล็ดโสมที่ได้มาแยกออกจากต้น ก่อนที่จะให้ฮวาเตี๋ยนางนำไปปลูกที่สวนด้านหลังเรือนเซียงเซียงนำผ้าออกมาให้หว่านหนิงกับหลี่เฉียงนับสิบพับได้“เหตุใดถึงมากมายเช่นนี้” หว่านหนิงนางร้องถามขึ้นจะให้นางนำทั้งหมดออกมาตัดเป็นชุดเห็นทีจะใส่ไม่ทันอย่างแน่นอน“ผ้าพวกนี้นอกจากเสื้อผ้า นายหญิงท่านยังนำไปตัดเป็นผ้าห่มและผ้าปูรองนอนได้ด้วยเจ้าคะ” เซียงเซียงเอ่ยตอบนาง“ไว้ข้าค่อยเข้าเมืองไปซื้อฝ้ายก่อนค่อยทำออกมา”“เรื่องฝ้ายที่จะใช้ยัดด้านในท่านมิต้องข้าเตรียมมาให้ท่านแล้ว” เซียงเซียงพูดจบ นางก็นำใยฝ้ายออกมาจากช่องเก็บของของนางทุกการกระทำของเซียงเซียง หลี่เฉียงได้แต่มองอย่างตกตะลึง แม้เขาจะรู้ว่าบรรดาสัตว์ที่สื่อสารกับเขาอยู่ตอนนี้จะวิเศษ แต่ไม่คิดว่าพวกมันจะสามารถนำของออกมาจากช่องว่างเช่นนี้ได้หว่านหนิงเอ่ยขอบคุณเซียงเซียง ก่อนจะเริ่มเก็บของเข้าที แล้วนางจึงได้เข้าไปที่ครัวเพื่อทำอาหารมื้อเย็นทันทีผู้ที่หิวมากที่สุดเห็นจะเป็นเสี่ยวหู่ที่มันบ่นเรื่องท้องร้องไม่เลิก“เ
หนอนที่อยู่บนต้นซังเยี่ย ต่างกำลังเร่งสร้างรังไหมออกมาจนทั่วทั้งต้นซังเยี่ยมีแต่รังไหมให้ได้เห็น ที่น่าแปลกสำหรับหว่านหนิงอีกอย่าง เห็นจะเป็นรังไหมที่อยู่บนต้น สีของมันมิได้มีเพียงแค่สีขาวที่นางเคยพบเห็น แต่มีของรังไหมแทบจะมีทุกสีเลยก็ว่าได้“สวรรค์ เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร” นางพึมพำออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา“นายหญิงท่านชอบหรือไม่เจ้าคะ” ฮวาเตี๋ยร้องถามเสียงใสนางภูมิใจไม่น้อยที่สิ่งที่นางเตรียมการไว้ให้หว่านหนิงนางจะตกตะลึงมากถึงเพียงนี้“ชอบ ชอบมาก เจ้าช่างดีกับข้าเสียจริง” หากฮวาเตี๋ยนางตัวใหญ่เสียหน่อย หว่านหนิงคงพุ่งเข้ากอดนางไปแล้ว“รังไหมที่ท่านเห็น ข้าจะให้สหายของข้าถักทอออกมาจนเป็นผ้าผืนงามให้ท่านเจ้าค่ะ”“ทำอย่างไร” นางเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจฮวาเตี๋ยบินหายไปจากสายตาของหว่านหนิง แต่เพียงครู่เดียวนางก็กลับมาพร้อมผีเสื้ออีกตัว“นายหญิง นี่คือเซียงเซียง สหายของข้าเจ้าค่ะ นางดูแลสวนซังเยี่ยแห่งนี้”ฮวาเตี๋ยพาสหายของนางมาแนะนำให้หว่านหนิงได้รู้จัก ทั้งยังพาชมพื้นที่โดยรอบที่พวกมันทำงานกันอยู่หว่านหนิงนางไม่คิดว่าผีเสื้อนับพันตัวจะมารวมกันอยู่ในที่แห่งนี้ได้ แต่ละตัวต่างบินเก็บรังไหมไปไ