ไป๋เจินเจินตื่นมาทำอาหารเช้านางต้มข้าวต้มและหุงข้าวขาว จากนั้นเอาเนื้อหมูมาเคล้าเกลือซื้อพริกไทยมาจากหอโอสถห่อหนึ่งก็เอามาบดๆ คลุกเคล้ากันหมักเอาไว้ ไข่ไก่ถูกนำมาตีจนเนื้อไข่เนียน ไป๋เจินเจินเติมน้ำแล้วปรุงรสด้วยเกลือ เหยาะน้ำมันเล็กน้อยแล้วตีให้เข้ากันอีกที ช้อนฟองอากาศออกจนเนื้อที่ตีเนียน
หุงข้าวและต้มข้าวเสร็จแล้วไป๋เจินเจินก็เพิ่มฟืนแค่หนึ่งท่อน ตั้งกระทะจนน้ำเดือดนำชามไข่ตุ๋นวางลงไป เงินสามตำลึงพอซื้อเพียงกระทะใบไม่ใหญ่แต่ก็พอให้สองพ่อลูกทำอาหารกินได้ไม่ลำบาก
ไป่เจินเจินมองไปยังทางบิดาของร่างเดิม เพราะมีคนปองร้ายรัชทายาท เขาเข้าช่วยเหลือ เว่ยซูหยางพี่ชายเว่ยซูถิงแอบอ้างเอาผลงานไป เพราะว่าไป๋จิ้งเจ็บหนักจากการที่ถูกคนร้ายลงมือ เขานอนพักรักษาตัวอยู่มาวันหนึ่งมีคนจากจวนเสนาบดีมาหาแล้วสั่งให้เขาปิดปากเงียบเรื่องวันนั้น ไม่เช่นนั้นชีวิตเขากับบุตรสาวจะไม่ปลอดภัย
ไป๋จิ้งมีเพียงร่างเดิมเป็นบุตรสาวคนเดียวเท่านั้น เขาจึงยอมกล้ำกลืนแต่ตระกูลเว่ยยังไม่หยุดรังควานสุดท้ายเขาต้องออกจากบ้านที่อยู่มาแต่เด็ก ถูกกลั่นแกล้งถูกบีบจนไม่เหลืออะไรเลย ในที่สุดก็เหลือเงินก้อนสุดท้ายมาเช่าบ้านที่ตรอกแห่งนี้
สหายของเขามือปราบที่มาไกล่เกลี่ยที่สำนักศึกษาเมื่อวานคือคนที่รู้เรื่องทุกอย่าง แต่อย่างไรเล่าสกุลเว่ยมีอำนาจ เขาเองก็มีครอบครัวจึงทำได้เพียงฝากให้ร่างเดิมได้เข้าเรียนโรงเรียนของสำนักศึกษาหลวง เพื่อหวังว่าอย่างน้อยในอนาคตบุตรสาวจะได้คนดีๆ มาแต่งงานด้วย
ไป๋เจินเจินถอนหายใจนางไม่อยากไปอยู่ในวังวนแก่งแย่งอำนาจ นางคิดแค่จะเลี้ยงดูบิดาเจ้าของร่างให้ดี รักษาเขาให้หายเพื่อตอบแทนน้ำใจไป๋เจินเจินที่เสียสละร่างกายให้นางได้เกิดใหม่
เมื่ออาหารเรียบร้อยไป๋เจินเจินก็ยกไปวางไว้ที่ห้องโถง นางเดินไปหาบิดาเรียกเขามากินข้าว ไป๋จิ้งแปลกใจที่บุตรสาวตื่นแต่เช้ามาทำอาหาร ปกติเขาไม่ปลุกนางจะไม่ตื่น
ไป๋จิ้งมองบุตรสาวด้วยสายตารู้สึกผิดอีกทั้งเป็นห่วงเป็นใย ไป่เจินเจินให้รำคาญสายตาเช่นนี้จริง นางจึงจำเป็นต้องพูดกับเขาให้รู้เรื่อง เขาเอาแต่ตามใจบุตรสาวจนอ่อนแอ มิเช่นนั้นร่างเดิมคงไม่จากไปเพราะถูกคนกลั่นแกล้งหรอก
“ท่านพ่อเจ้าคะ อาเจินโตแล้วต้องทำบางอย่างด้วยตนเองจะเอาแต่พึ่งท่านไม่ได้ ท่านพ่อเลิกทำสีหน้าสำนึกผิดเถอะเจ้าค่ะ”
“พ่อแค่ไม่อยากให้ลูกสาวของพ่อลำบาก”
“ท่านพ่อ...หากวันนี้ท่านไม่ให้ข้าทำอันใดเลยอย่าหาว่าข้าเอ่ยวาจาอกตัญญูนะเจ้าคะ หากว่าวันข้างหน้าท่านเกิดจากไปแล้วข้าทำอันใดมิเป็น จะเอาชีวิตรอดเช่นไรกัน แม้ว่าอนาคตอาจได้แต่งงานกับบุรุษดีๆ สักคนที่มีฐานะเลี้ยงดูข้าได้ แต่หากนายหญิงของจวนไม่มีความสามารถสักด้านจะปกครองจวนกับบ่าวไพร่ได้อย่างไรกันเจ้าคะ”
ไป๋จิ้งคิดตามที่บุตรสาวเอ่ยมา จากนั้นก็น้ำตาไหลเขาก้มหน้าเขี่ยข้าวในถ้วย หยดน้ำตาหยดลบงที่ชามข้าว ไป๋เจินเจินได้แต่ลอบถอนหายใจ บุรุษผู้นี้นางต้องใช้ยาแรงมิเช่นนั้นเขาจะไม่สามารมองเห็นข้อเท็จจริงได้ แล้วเป็นนางนี่แหละที่จะใช้ชีวิตลำบาก
“พ่อขอโทษนะ ที่ผ่านมาพ่อคิดอ่านตื้นเขินเกินไป ยังเป็นเจ้าที่รู้ตัว”
“ท่านพ่อ...ท่านมิได้ทำสิ่งใดผิดมิจำเป็นต้องขอโทษอันใด เพราะทุกอย่างที่ท่านทำเพื่อข้านั้นท่านทำเพราะความรัก แต่ท่านรักข้าเกินไปจนกลายเป็นรังแกข้า ทานข้าวเถอะเจ้าค่ะ หากท่านรักและหวังดีกับข้าจริงๆ ท่านต้องยอมรักษาขา สองสามวันนี้ข้าจะคัดตำราให้อาจารย์หวง หลังจากรับเงินมาแล้วข้าจะพาท่านไปโรงหมอ ท่านพ่อหากรักข้าต้องมีชีวิตอยู่เพื่อข้านะเจ้าคะ”
บิดาพยักหน้า มือหยาบกร้านปาดน้ำตาก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดและสั่งน้ำมูก ไป่เจินเจินลอบถอนหายใจ เอาล่ะจากนี้ไปคือวางแผนหาเงิน ต้องทำการตลาดดีๆ จ้าวหย่งเฉิงฉลาดมากนัก มันคงจะดีกว่านี้หากเขาฉลาดอย่างเดียวสอนลูกศิษย์ไป แต่ที่น่าโมโหคือเจ้าบ้านั่นจ้องจับผิดนาง
“ท่านพ่อสายแล้วข้าต้องไปสำนักศึกษาแล้ว ข้าหุงข้าวสวยเอาไว้ให้มื้อเที่ยงไม่ต้องรอข้ากลับมากินนะเจ้าคะ ข้าจะคัดตำราที่โรงเรียนจะได้ส่งแล้วเบิกเงินโดยไว”
“อาเจินของพ่อ เจ้าเดินทางระวังตัวนะคนไม่ดีลูกต้องหลีกเลี่ยง และอย่าคบหาบัณฑิตหรือลูกศิษย์ที่เกฌรไม่ตั้งใจเรียนเหล่านั้นล่ะ”
“ท่านพ่อวางใจข้ารู้หนักเบา เอาล่ะท่านเข้าบ้านเถอะเจ้าค่ะ อย่าเดินไปเดินมาอีก เดี๋ยวจะหกล้มเช่นเมื่อวานได้”
ไป่เจินเจินที่ตอนนี้แต่งกายด้วยชุดบุรุษที่นางซื้อมาเมื่อวานก่อนจะเอาชุดนักเรียนของสำนักศึกษามาสวมทับ สะพายกระเป๋าผ้าที่นางลงทุนซื้อมาหนึ่งใบ จากนั้นก็เย็บเสริมด้วยตนเองมีช่องลับสองช่อง นางเดินไปทางสำนักศึกษา แต่เมื่อพ้นตรอกของบ้านเช่านางก็เปลี่ยนเส้นทางไปยังเชิงเขาหลังโรงเรียนที่นัดกับคนเหล่านั้นไว้
เมื่อมาถึงไป๋เจินเจินก็นั่งรอพวกเขา ระหว่างรอก็ขีดเขียนๆ บางอย่างไปด้วย กระดาษที่เจ้าสามคนให้เงินมาซื้อเหลือเยอะมากนัก เพราะว่านางเขียนไม่เสียสักแผ่น ตอนนี้เงินตำลึงฌหลืออยู่เพียงหกร้อยอีแปะจากสามตำลึง ต้องหาทางใช้ไอ้สามคนนี้เป็นพีอาร์โฆษณาสิ่งที่อยู่ในมือของนางเสียแล้ว
ปลายยามเฉินทั้งสามคนก็มายังที่นัดหมายกันไว้ เมื่อมาถึงก็เห็นไป๋เจินเจินในชุดบุรุษอีกทั้งยังทำทรงผมคล้ายกับบุรุษ นางดูรูปงามหล่อเหลา หากพวกเขาไม่รู้ว่านางเป็นสตรีคงไม่พอใจเท่าไหร่ที่มีบุรุษรูปงามมานั่งเรียนอยู่ด้วย
ไป๋เจินเจินยืนรอพวกเขาที่ด้านป่าหลังโรงเรียน ทั้งสามคนรีบมาหานางก่อนจะเข้าเรียน ฟางอี้หลุนมาถึงก่อนเพราะนางบอกว่าให้มาทีละคน เมื่อมาถึงเขาก็อ่านดูงานของนางก่อนจะพอใจแล้วจ่ายเงินส่วนที่เหลือ
“ข้าได้ยินว่าบิดาเจ้าป่วย ขาเดินกะเผลกหรือเสี่ยวเจิน ขอโทษนะไหนๆ เราก็เป็นเพื่อนกันแล้วเรียกแบบนี้ดูสนิทกันมากกว่า เจ้าเรียกข้าว่าอี้หลุนก็ได้ข้าอายุสิบเก้าแล้ว”
“อืม....ได้พี่อี้หลุนขอบคุณท่านมากที่ไถ่ถามนะ ข้าอยากหาเงินไปรักษาขาท่านพ่อน่ะ แต่เงินค่าหมอคงแพงมากแต่ข้าจะพยายาม”
“เจ้าไปเป็นเพื่อนเรียนข้าสิ เจ้าเก่งเพียงนี้ข้าให้เงินเดือนเจ้าเดือนหกสิบตำลึงเพิ่มจากสามสิบตำลึงดีหรือไม่”
ฝางอี้หลุนเอ่ยชวน บิดาเขาเป็นพ่อค้าวาณิช ไม่จำกัดการคบสหายเช่นลูกหลานขุนนาง ท่านปู่กับท่านพ่อเอ่ยกับเขาเสมอ พ่อค้ามิได้อยู่เพราะขุนนาง ส่วนมากขุนนางมักขอทานมากกว่าซื้อ ชาวบ้านต่างหากที่ซื้อและบุญคุณกับพ่อค้าอย่างพวกเรา
ฝางอี้หลุนที่เอ่ยออกไปมีคนไม่พอใจทันที สวีข่ายเหยียนกับจินเสี่ยวฟงเดินหน้างอมาเลยก่อนที่จินเสี่ยวฟงจะเอ่ย
“อี้หลุน..เจ้าจะตัดหน้าพวกข้าหรือเจ้าเอาอาเจินไปคนเดียวถึงเวลาพวกข้าต้องการความช่วยเหลือจะทำเช่นไรเล่า”
“ใช่ อี้หลุน เสี่ยวฟงพูดถูก เราสามคนเป็นเพื่อนกันมานาน มาวันนี้เจ้าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวได้อย่างไรกัน”
สวีข่ายเหยียนเอ่ยอีกคน ไป๋เจินเจินต้องยกมือห้ามทัพก่อนจะเอ่ยกับทั้งสาม
“ข้าไม่ไปอยู่กับใครทั้งนั้นแหละ ข้ามีวิธีหาเงินที่ไม่ยาก อีกอย่างเรื่องนี้พวกเจ้าก็ได้ประโยชน์ด้วย”
“หืมเจ้ามีวิธีอะไร”
นี่หรือคนที่ไม่ชอบสตรี นี่คือคนที่ไม่ไยดีผู้หญิงจริงๆหรือ สามสิบเจ็ดแล้วเขายังไม่เคยหลับนอนกับสตรีคนไหน จนมีข่าวลือว่าเป็นพวกตัดแขนเสื้อ ไป๋เจินเจินขยับเอี้ยวตัวไปหาเขาก่อนจะยิ้มให้แล้วตอบตกลง"เจ้าค่ะ แต่ห้ามอาจารย์แช่น้ำนานเกินไปนะเจ้าคะ อีกอย่าพวกเรายังไม่แต่งกันสักหน่อยคำว่าผัวเมียท่านเรียกบ่อยเกินไปแล้ว"หึ หึ หึ จ้าวหย่งเฉิงหัวเราะในลำคอจากนั้นก็อุ้มนางออกทางหลังเรือน พาดีดขึ้นยอดไม้ไปยังเขตต้องห้ามสำหรับเขาเท่านั้น เมื่อมาถึงก็วางร่างบางลง ไป่เจินเจินนั่งบนโขดหินรอเขาแช่น้ำ แต่คนตัวโตกลับไม่ยอม"ลงแช่น้ำกับอาด้วยเด็กดี""ห๊ะ ห๊า ไม่ดีกระมังเจ้าคะ ข้ามิได้เอาเสื้อผ้ามา ท่านอาตามสบายเถอะเจ้าคะ""ก็ไม่ต้องใส่ถอดเถอะ ยังมีอะไรที่ไม่เคยเห็นอีก อาเจินตั้งแต่เห็นเจ้าเดินขึ้นมาจากบ่อน้ำพุคราวนั้น อาก็ลืมภาพเย้ายวนเจ้าไม่ได้สักวัน"ไป่เจินเจินมองหน้าเขาทันที หรือว่าวันนั้นเขาเห็นงั้นหรือ ใบหน้าหวานแดงซ่านก่อนจะเอ่ยโมโหกลบเกลื่อนความเขินอาย"คนบ้า ท่านเป็นถึงราชครูแห่งแคว้น เป็นอาจารย์สำนักศึกษาเหตุใดไม่สำรวม ช่างหน้าหนายิ่งนักแอบดูข้าหรือคนหน้าไม่อาย"จ้าวหย่งเ
เมืองหลวงหยางตงชิงที่ยามนี้กำลังกราดเกรี้ยวใส่คนของตน เขาต้องการสังหารพระชายาและองค์ชายน้อยเหตุใดทั้งคู่จึงไม่ตาย ดีที่เขารอบคอบตอนที่วางเพลิงไม่มีคนพบเห็นเพราะเป็นจังหวะเดียวกับที่สำนักศึกษาพาลูกศิษย์มาไหว้พระและศึกษาพระธรรมจึงทำให้คนพลุกพล่านเหมาะแก่การลงมือ"แต่ละคนไม่ได้เรื่องทั้งนั้น""องค์ชาย ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะลูกศิษย์สำนักศึกษาที่ชื่อไป๋เจินเจินคนนั้นเข้าไปพาทั้งสองออกมาก็คงจะสำเร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ""ไป๋เจินเจินงั้นหรือ""ทูลองค์ชาย ไป๋เจินเจินคือบุตรสาวหัวหน้าองครักษ์หลวงไป๋จิ้งหยวน เขาเพิ่งกลับมารับตำแหน่งเมื่อไม่นานนี้พ่ะย่ะค่ะ"หยางตงชิงปาจอกชางงพื้นจนแตกกระจาย ไป๋จิ้งหยวนเป็นเจ้าอีกแล้ว สองปีก่อนถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าข้าสังหารหยางมู่เฉินสำเร็จไปแล้ว ไอ้สารเลว"องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ท่านตาของพระองค์กำลังหาทางให้องค์ชายสิบสองผูกสัมพันธ์กับคณะทูตที่จะมาถึงเดือนหน้าพ่ะย่ะค่ะ""ท่านตาของข้างช่างทุ่มเทเสียจริงๆ หยางหลิงเทียนหรือจะนั่งบัลลังก์ ฝันเฟื่อง"หยางตงชิงเสแสร้งว่าตนเองไม่ฝักใฝ่ในอำนาจ ตำแหน่งรัชทายาทไม่ใชสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด ทำตัวราวกับองค์ชายเกียจคร้านเรื่องกา
วันรุ่งขึ้น แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านม่านหน้าต่างผืนบางเข้ามาภายในห้อง กลิ่นยาสมุนไพรอ่อนๆ ยังลอยตลบอยู่ในอากาศ ไป๋เจินเจินก้มลงจัดห่อสัมภาระใบเล็กอย่างคล่องแคล่ว แต่สายตายังไม่วางจากบุรุษที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงจ้าวหย่งเฉิงยังคงมีสีหน้าอิดโรย แม้ไข้จะลดลงแล้ว แต่แผลที่ไฟลวกกลางหลังซึ่งถูกคานไม้ที่ไหม้ไฟหล่นทับยังไม่หายดี เพียงขยับตัวนิดเดียวก็ยังต้องเม้มปากกลั้นความเจ็บ เมื่อวานเขาฝืนมาหานางเพราะเกรงว่านางจะเสียเปรียบผู้อื่น ไป๋เจินเจินมองไปที่คนตัวโตที่ยังไม่ตื่น เมื่อคืนเขามีไข้ช่วงดึก แต่ยามนี้ไข้ลดลงมากแล้ว ไม่นานชายหนุ่มก็ตื่นขึ้นมา ของมองมาตามเสียงกุกกักที่ได้ยินเมื่อเห็นภรรยาที่ยังไม่แต่งของเขากำลังเก็บข้าวของก็เอ่ยขึ้น"ฮูหยิน... แผลของอามิไม่ได้หนักหนา เจ้าอย่ากังวลนักเลย" เสียงของจ้าวหย่งเฉิงยังคงทุ้มนุ่ม แผ่วเบาแต่มั่นคงพอจะปลอบใจหญิงสาวที่กำลังเก็บของ ไป๋เจินเจินมองอาจารย์กึ่งคู่หมั้นก่อนจะเอ่ย"ท่านอา เรายังไม่ได้เขาพิธีกันสักหน่อย คำเรียกนี้ท่านกล่าวเร็วเกินไปหรือไม่ อีกอย่างพ่อจะไม่อยู่ พวกเราผัวเมียไปอยู่เรือนไผ่ของท่านอย่างน้อยก็ปลอดภัย ท่านบาดเจ็
หยางมู่เฉินกับหยางเทียนกลับไปแล้ว ไป๋จิ้งหยวนคอยดูแลความสงบของวังหลวงจึงต้องกลับไป ก่อนหน้าเขาไม่ปรากฏตัวเพราะไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น แต่ยามนี้องค์ชายห้าผู้สันโดษก็เปิดหน้าออกมาแล้ว ถ้าหากมิใช่เพราะบุตรสาวเขาเอาตัวไปเสี่ยงเพื่อช่วยชีวิตบุตรชายและพระชายาองค์รัชทายาท และทั้งสองพระองค์เกิดเป็นอะไรขึ้นมารัชทายาทจะต้องจมอยู่กับความเศร้าโศก เช่นนั้นก็อาจเข้าทางพวกเขา คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งก็เหลือเพียงองค์ชายห้ากับองค์ชายสี่และองค์ชายหก ได้ยินว่าเมื่อเจ็ดวันนก่อนองค์ชายสิบสองทรงพลัดตกจากหลังม้าที่ทรงขี่ประจำ ดูเหมือนว่าการตกจากหลังม้าครั้งนี้น่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุเสียแล้ว ขนาดสายเลือดเดียวกันยังลงมือ หยางตงชิงนั้นล้ำลึกเสียจริงๆ จ้าวหย่งเฉิงไม่อยากให้ไป๋เจินเจินต้องมาพัวพันเขามองหน้าว่าที่พ่อตา ไป๋จิงหยวนรู้ดีจึงพยักหน้าก่อนจะเอ่ย"อาเจิน ลูกดูแลท่านราชครูให้ดี พ่อต้องกลับวังหลวงก่อน ต้องดูแลความสงบในวัง ทางนี้ก็ฝากลูกแล้ว""ท่านพ่ออย่าห่วงเลยเจ้าค่ะ ข้าสั่งรถม้าแล้วพวกเราจะกลับบ้านท่านอาที่ป่าไผ่วันรุ่งขึ้น ที่นั่นมีน้ำพุร้อนสามารถช่วยรักษาแผลได้เจ้าค่ะ"ไป๋จิ้งหยวนพยั
จ้าวหย่งเฉิงเดินมาหาร่างบางที่กำลังมองไปยังคุณหนูสกุลหนานและสกุลหยุนด้วยสายตาอำมหิต นางโกรธเกลียดเด็กสาวสองคนนี้เพียงใดกันนะ เขารู้มาว่าวันที่เจอกับนางครั้งแรกตอนที่ถูกบังคับให้แช่น้ำในสระเด็กสองคนนี้มีส่วนร่วมด้วยเท่านั้น แต่จากสายตาของนางเหมือนกับว่าหนานซวงซวงกับหยุนเสี่ยวหว่านนั้นไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ ร่างสูงเดินไปหานางมือหนาโอบรอบเอวรั้งนางเข้ามาหาไม่สนใจสายตาของอาจารย์และลูกศิษย์รวมถึงคนที่ยืนอยู่ก่อนจะเอ่ยถามไถ่"ฮูหยิน มีเรื่องอันใดหรือ"ไป๋เจินเจินที่เห็นหน้าเขาก็ร้องไห้ออกมาก่อนจะกอดเขาแน่นไม่สนใจสายตาของใคร"ท่านอา..ท่านมาทำไมท่านยังบาดเจ็บอยู่เลยฮือๆๆ""อาไม่เป็นไร เด็กดีไม่ร้องนะอาอยู่ตรงนี้แล้ว"ฮูหยินหรือ งั้นข่าวลือที่ว่าราชครูจ้าจะแต่งงานกับไป๋เจินเจินก็เป็นยเรื่องจริงน่ะสิ สายตาทุกคู่มองมายังทั้งสองคนพร้อมกับอ้าปากค้าง จ้าวหย่งเฉิงค่อยๆประคองร่างบางที่กำลังร้องไห้เอาไว้ เขาได้รับบาดเจ็บที่หลัง เมื่อสามวันก่อนเกิดไปไหม้อารามที่พระชายารัชทายาททรงไปพักผ่อนกับองค์ชาย นางเข้าช่วยสุดท้ายกลับติดอยู่ในนั้น จ้าวหย่งเฉิงเข้าไปพานางกับองค์ชายออกมาก่อนที่จะถูกคา
ทันทีที่ไป๋เจินเจินเอ่ยจบ หนานเฉาเหว่ยก็หน้าซีด นางเด็กนี้รู้อะไรมาหรือ เขาจึงเอ่ยกลับไปไม่ยอมรับ"เงินทองจวนข้ามีมากพอ อาหารเหล่านั้นไม่ได้แพงมากมาย เจ้าจะไปรู้อะไร"ไป๋จิ้งหยวนมองหน้าหนานเฉาเหว่ยทันที ดูเหมือนบุตรสาวของตนจะรู้อะไรมา ไม่นานชายที่สวมชุดสีม่วงใช้พัดปิดบังใบหน้าที่เพิ่งเดินมาถึงก็เอ่ยขึ้นมา"เงินเดือนเจ้ากรมหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง มีเมียรองสองคน อนุสี่คน ไปร่ำรวยมาจากไหนกัน"หนานเฉวเหว่ยหันไปทางเสียงที่เอ่ยมาก่อนจะชี้หน้า"เจ้า ไอ้บัณฑิตกระจอก เรื่องของบ้านข้าเจ้าจะไปรู้อะไร"ไป่เจินเจินปรบมือให้กับหนานเฉาเหว่ยก่อนที่นางจะเอ่ย" เมียรองก็มีสินเดิม อนุก็มีสินเดิม อาหารมื้อละสองร้อยตำลึง ใต้เท้าหนานเจ้าแต่งภรรยากับอนุมาเลี้ยงดูตนเองเช่นนั้นหรือ"ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆเสียงหัวเราะดังลั่นสำนักศึกษา หนานเฉาเหว่ยโบกมือเพื่อให้คนของตนสั่งสอนไป๋เจินเจิน แต่ไป๋จิ้งหยวนกดเขาลงกับพื้นนก่อนจะเอ่ย"อยากแตะต้องบุตรสาวข้า ไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน"หนานเฉาเหว่ยพยายาที่จะลุกไม่นานองครักษ์หลวงก็มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ วั่นกงกงถือม้วนผ้าสีทองมาด้วยก่อนจะเอื้อนเอ่