LOGINไป๋เจินเจินตื่นมาทำอาหารเช้านางต้มข้าวต้มและหุงข้าวขาว จากนั้นเอาเนื้อหมูมาเคล้าเกลือซื้อพริกไทยมาจากหอโอสถห่อหนึ่งก็เอามาบดๆ คลุกเคล้ากันหมักเอาไว้ ไข่ไก่ถูกนำมาตีจนเนื้อไข่เนียน ไป๋เจินเจินเติมน้ำแล้วปรุงรสด้วยเกลือ เหยาะน้ำมันเล็กน้อยแล้วตีให้เข้ากันอีกที ช้อนฟองอากาศออกจนเนื้อที่ตีเนียน
หุงข้าวและต้มข้าวเสร็จแล้วไป๋เจินเจินก็เพิ่มฟืนแค่หนึ่งท่อน ตั้งกระทะจนน้ำเดือดนำชามไข่ตุ๋นวางลงไป เงินสามตำลึงพอซื้อเพียงกระทะใบไม่ใหญ่แต่ก็พอให้สองพ่อลูกทำอาหารกินได้ไม่ลำบาก
ไป่เจินเจินมองไปยังทางบิดาของร่างเดิม เพราะมีคนปองร้ายรัชทายาท เขาเข้าช่วยเหลือ เว่ยซูหยางพี่ชายเว่ยซูถิงแอบอ้างเอาผลงานไป เพราะว่าไป๋จิ้งเจ็บหนักจากการที่ถูกคนร้ายลงมือ เขานอนพักรักษาตัวอยู่มาวันหนึ่งมีคนจากจวนเสนาบดีมาหาแล้วสั่งให้เขาปิดปากเงียบเรื่องวันนั้น ไม่เช่นนั้นชีวิตเขากับบุตรสาวจะไม่ปลอดภัย
ไป๋จิ้งมีเพียงร่างเดิมเป็นบุตรสาวคนเดียวเท่านั้น เขาจึงยอมกล้ำกลืนแต่ตระกูลเว่ยยังไม่หยุดรังควานสุดท้ายเขาต้องออกจากบ้านที่อยู่มาแต่เด็ก ถูกกลั่นแกล้งถูกบีบจนไม่เหลืออะไรเลย ในที่สุดก็เหลือเงินก้อนสุดท้ายมาเช่าบ้านที่ตรอกแห่งนี้
สหายของเขามือปราบที่มาไกล่เกลี่ยที่สำนักศึกษาเมื่อวานคือคนที่รู้เรื่องทุกอย่าง แต่อย่างไรเล่าสกุลเว่ยมีอำนาจ เขาเองก็มีครอบครัวจึงทำได้เพียงฝากให้ร่างเดิมได้เข้าเรียนโรงเรียนของสำนักศึกษาหลวง เพื่อหวังว่าอย่างน้อยในอนาคตบุตรสาวจะได้คนดีๆ มาแต่งงานด้วย
ไป๋เจินเจินถอนหายใจนางไม่อยากไปอยู่ในวังวนแก่งแย่งอำนาจ นางคิดแค่จะเลี้ยงดูบิดาเจ้าของร่างให้ดี รักษาเขาให้หายเพื่อตอบแทนน้ำใจไป๋เจินเจินที่เสียสละร่างกายให้นางได้เกิดใหม่
เมื่ออาหารเรียบร้อยไป๋เจินเจินก็ยกไปวางไว้ที่ห้องโถง นางเดินไปหาบิดาเรียกเขามากินข้าว ไป๋จิ้งแปลกใจที่บุตรสาวตื่นแต่เช้ามาทำอาหาร ปกติเขาไม่ปลุกนางจะไม่ตื่น
ไป๋จิ้งมองบุตรสาวด้วยสายตารู้สึกผิดอีกทั้งเป็นห่วงเป็นใย ไป่เจินเจินให้รำคาญสายตาเช่นนี้จริง นางจึงจำเป็นต้องพูดกับเขาให้รู้เรื่อง เขาเอาแต่ตามใจบุตรสาวจนอ่อนแอ มิเช่นนั้นร่างเดิมคงไม่จากไปเพราะถูกคนกลั่นแกล้งหรอก
“ท่านพ่อเจ้าคะ อาเจินโตแล้วต้องทำบางอย่างด้วยตนเองจะเอาแต่พึ่งท่านไม่ได้ ท่านพ่อเลิกทำสีหน้าสำนึกผิดเถอะเจ้าค่ะ”
“พ่อแค่ไม่อยากให้ลูกสาวของพ่อลำบาก”
“ท่านพ่อ...หากวันนี้ท่านไม่ให้ข้าทำอันใดเลยอย่าหาว่าข้าเอ่ยวาจาอกตัญญูนะเจ้าคะ หากว่าวันข้างหน้าท่านเกิดจากไปแล้วข้าทำอันใดมิเป็น จะเอาชีวิตรอดเช่นไรกัน แม้ว่าอนาคตอาจได้แต่งงานกับบุรุษดีๆ สักคนที่มีฐานะเลี้ยงดูข้าได้ แต่หากนายหญิงของจวนไม่มีความสามารถสักด้านจะปกครองจวนกับบ่าวไพร่ได้อย่างไรกันเจ้าคะ”
ไป๋จิ้งคิดตามที่บุตรสาวเอ่ยมา จากนั้นก็น้ำตาไหลเขาก้มหน้าเขี่ยข้าวในถ้วย หยดน้ำตาหยดลบงที่ชามข้าว ไป๋เจินเจินได้แต่ลอบถอนหายใจ บุรุษผู้นี้นางต้องใช้ยาแรงมิเช่นนั้นเขาจะไม่สามารมองเห็นข้อเท็จจริงได้ แล้วเป็นนางนี่แหละที่จะใช้ชีวิตลำบาก
“พ่อขอโทษนะ ที่ผ่านมาพ่อคิดอ่านตื้นเขินเกินไป ยังเป็นเจ้าที่รู้ตัว”
“ท่านพ่อ...ท่านมิได้ทำสิ่งใดผิดมิจำเป็นต้องขอโทษอันใด เพราะทุกอย่างที่ท่านทำเพื่อข้านั้นท่านทำเพราะความรัก แต่ท่านรักข้าเกินไปจนกลายเป็นรังแกข้า ทานข้าวเถอะเจ้าค่ะ หากท่านรักและหวังดีกับข้าจริงๆ ท่านต้องยอมรักษาขา สองสามวันนี้ข้าจะคัดตำราให้อาจารย์หวง หลังจากรับเงินมาแล้วข้าจะพาท่านไปโรงหมอ ท่านพ่อหากรักข้าต้องมีชีวิตอยู่เพื่อข้านะเจ้าคะ”
บิดาพยักหน้า มือหยาบกร้านปาดน้ำตาก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดและสั่งน้ำมูก ไป่เจินเจินลอบถอนหายใจ เอาล่ะจากนี้ไปคือวางแผนหาเงิน ต้องทำการตลาดดีๆ จ้าวหย่งเฉิงฉลาดมากนัก มันคงจะดีกว่านี้หากเขาฉลาดอย่างเดียวสอนลูกศิษย์ไป แต่ที่น่าโมโหคือเจ้าบ้านั่นจ้องจับผิดนาง
“ท่านพ่อสายแล้วข้าต้องไปสำนักศึกษาแล้ว ข้าหุงข้าวสวยเอาไว้ให้มื้อเที่ยงไม่ต้องรอข้ากลับมากินนะเจ้าคะ ข้าจะคัดตำราที่โรงเรียนจะได้ส่งแล้วเบิกเงินโดยไว”
“อาเจินของพ่อ เจ้าเดินทางระวังตัวนะคนไม่ดีลูกต้องหลีกเลี่ยง และอย่าคบหาบัณฑิตหรือลูกศิษย์ที่เกฌรไม่ตั้งใจเรียนเหล่านั้นล่ะ”
“ท่านพ่อวางใจข้ารู้หนักเบา เอาล่ะท่านเข้าบ้านเถอะเจ้าค่ะ อย่าเดินไปเดินมาอีก เดี๋ยวจะหกล้มเช่นเมื่อวานได้”
ไป่เจินเจินที่ตอนนี้แต่งกายด้วยชุดบุรุษที่นางซื้อมาเมื่อวานก่อนจะเอาชุดนักเรียนของสำนักศึกษามาสวมทับ สะพายกระเป๋าผ้าที่นางลงทุนซื้อมาหนึ่งใบ จากนั้นก็เย็บเสริมด้วยตนเองมีช่องลับสองช่อง นางเดินไปทางสำนักศึกษา แต่เมื่อพ้นตรอกของบ้านเช่านางก็เปลี่ยนเส้นทางไปยังเชิงเขาหลังโรงเรียนที่นัดกับคนเหล่านั้นไว้
เมื่อมาถึงไป๋เจินเจินก็นั่งรอพวกเขา ระหว่างรอก็ขีดเขียนๆ บางอย่างไปด้วย กระดาษที่เจ้าสามคนให้เงินมาซื้อเหลือเยอะมากนัก เพราะว่านางเขียนไม่เสียสักแผ่น ตอนนี้เงินตำลึงฌหลืออยู่เพียงหกร้อยอีแปะจากสามตำลึง ต้องหาทางใช้ไอ้สามคนนี้เป็นพีอาร์โฆษณาสิ่งที่อยู่ในมือของนางเสียแล้ว
ปลายยามเฉินทั้งสามคนก็มายังที่นัดหมายกันไว้ เมื่อมาถึงก็เห็นไป๋เจินเจินในชุดบุรุษอีกทั้งยังทำทรงผมคล้ายกับบุรุษ นางดูรูปงามหล่อเหลา หากพวกเขาไม่รู้ว่านางเป็นสตรีคงไม่พอใจเท่าไหร่ที่มีบุรุษรูปงามมานั่งเรียนอยู่ด้วย
ไป๋เจินเจินยืนรอพวกเขาที่ด้านป่าหลังโรงเรียน ทั้งสามคนรีบมาหานางก่อนจะเข้าเรียน ฟางอี้หลุนมาถึงก่อนเพราะนางบอกว่าให้มาทีละคน เมื่อมาถึงเขาก็อ่านดูงานของนางก่อนจะพอใจแล้วจ่ายเงินส่วนที่เหลือ
“ข้าได้ยินว่าบิดาเจ้าป่วย ขาเดินกะเผลกหรือเสี่ยวเจิน ขอโทษนะไหนๆ เราก็เป็นเพื่อนกันแล้วเรียกแบบนี้ดูสนิทกันมากกว่า เจ้าเรียกข้าว่าอี้หลุนก็ได้ข้าอายุสิบเก้าแล้ว”
“อืม....ได้พี่อี้หลุนขอบคุณท่านมากที่ไถ่ถามนะ ข้าอยากหาเงินไปรักษาขาท่านพ่อน่ะ แต่เงินค่าหมอคงแพงมากแต่ข้าจะพยายาม”
“เจ้าไปเป็นเพื่อนเรียนข้าสิ เจ้าเก่งเพียงนี้ข้าให้เงินเดือนเจ้าเดือนหกสิบตำลึงเพิ่มจากสามสิบตำลึงดีหรือไม่”
ฝางอี้หลุนเอ่ยชวน บิดาเขาเป็นพ่อค้าวาณิช ไม่จำกัดการคบสหายเช่นลูกหลานขุนนาง ท่านปู่กับท่านพ่อเอ่ยกับเขาเสมอ พ่อค้ามิได้อยู่เพราะขุนนาง ส่วนมากขุนนางมักขอทานมากกว่าซื้อ ชาวบ้านต่างหากที่ซื้อและบุญคุณกับพ่อค้าอย่างพวกเรา
ฝางอี้หลุนที่เอ่ยออกไปมีคนไม่พอใจทันที สวีข่ายเหยียนกับจินเสี่ยวฟงเดินหน้างอมาเลยก่อนที่จินเสี่ยวฟงจะเอ่ย
“อี้หลุน..เจ้าจะตัดหน้าพวกข้าหรือเจ้าเอาอาเจินไปคนเดียวถึงเวลาพวกข้าต้องการความช่วยเหลือจะทำเช่นไรเล่า”
“ใช่ อี้หลุน เสี่ยวฟงพูดถูก เราสามคนเป็นเพื่อนกันมานาน มาวันนี้เจ้าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวได้อย่างไรกัน”
สวีข่ายเหยียนเอ่ยอีกคน ไป๋เจินเจินต้องยกมือห้ามทัพก่อนจะเอ่ยกับทั้งสาม
“ข้าไม่ไปอยู่กับใครทั้งนั้นแหละ ข้ามีวิธีหาเงินที่ไม่ยาก อีกอย่างเรื่องนี้พวกเจ้าก็ได้ประโยชน์ด้วย”
“หืมเจ้ามีวิธีอะไร”
จินเสี่ยวฟงเขินอาย ทุกคนต่างก็หัวเราะ จ้าวหย่งเฉิงลุกไปช่วยคู่หมั้นจัดการอาหารสามอย่างสุดท้าย วันนี้นางทำของโปรดของเขาแทบจะทุกอย่าง ไป๋เจินเจินคีบเนื้อปลาเปรี้ยวหวานใส่ชามบิดา จากนั้นถึงคีบให้เขา จ้าวหย่งเฉิงมองหน้านาง ไป๋เจินเจินส่งสายตาดุกลับไป คนเยอะแยะเขาช่างหน้าด้าน"ดูก้างให้อาด้วย เดี๋ยวอาติดคอนะ""ท่านอา...คนอื่นยังกินได้เลย"สวีข่ายเหยียนคีบก้างปลาออกทีละเส้นๆจากนั้นก็คีบมาใส่ในชามของเขา ยิ้มประจบประแจงแล้วเอ่ย"อาจารย์ขอรับ ศิษย์เอาก้างปลาออกหมดแล้วรับรองไม่มีก้างแน่นอน อาจารย์ทานให้สบายใจเถอะขอรับ"จ้าวหย่งเฉิงแค่นยิ้มให้ลูกศิษย์ที่หวังดีผิดที่ก่อนจะเอ่ยลอดไรฟัน"ขอบใจ ขอบใจมากแต่วันหน้าวันหลังเจ้าไม่ต้อง""อ้อ..ยินดีขอรับท่านอาจารย์ เอะ!! ห๊ะ ห๊า ศิษย์ทำอะไรผิดไปหรือขอรับ"จ้าวหย่งเฉิงหลับตาก่อนจะถอนหายใจแล้วบอกให้กินข้าน"กินข้าวของเจ้าไป สู่รู้นัก"สิ้นคำของเขาสามสหายก็เงียบทันที สวีข่ายเหยียนไม่เข้าใจแต่อีกสองคนเข้าใจจึงกระตุกชายเสื้อเขาเบาๆ ไป๋เจินเจินส่ายหน้าให้กับความงอแงก่อนจะคีบก้างปลาออกแล้วเอาเนื้อปลาที่ไร้ก้างใส่ในชามบิดาก่อน จากนั้นจึงคีบ
ร่างบางเดินกลับไปยังรถม้าซึ่งเป็นรถม้าของจวนราชครู สามจอมเสเพลรู้สึกว่าสหายตัวน้อยไม่ชอบหน้าองค์ชายห้าพวกเขาจึงตามนางไปและพาลไม่ชอบตามไปด้วย ใครที่อาเจินเกลียดพวกเขาก็เกลียดด้วยเช่นกัน องครักษ์ของจ้าวหย่งเฉิงไปรายงานที่สำนักศึกษาแล้ว เขาจึงตรงไปจวนสกุลไป่ทันที หยางตงชิงอยากยุ่งกับนางเจ้าก็ลองดูสิ เมื่อมาถึงจวนไป๋จิ้งหยวนที่กำลังนั่งเช็ดกระบี่อยู่เห็นรถม้าของจวนราชครูเข้ามาก็เก็บกระบี่เขาฝัก มีรถม้าอีกสามคันตามมาพอจอดสนิทก็เป็นจ้าวลู่ซิน องค์หญิงแปดและองค์ชายห้า เขามาได้อย่างไรกัน เห็นทีต้องเพิ่มคนอารักขาบุตรสาวเสียแล้ว นางฉลาดเฉลียวหากองค์ชายห้ารู้ว่านางมีความสามารถอาเจินอาจตกอยู่ในอันตราย ร่างอรชรเดินมาหาบิดาเอ่ยทักทาย"ท่านพ่อ..ลูกกลับมาแล้วเจ้าค่ะ""คารวะท่านอาไป๋ขอรับ"สามจอมเสเพลคำนับไป๋จิ้งหยวน จ้าวลู่ซินกับเหอฉู่หรานก็ทำความเคารพเขา ไป๋จิ้งหยวนคำนับอีกสองคนที่เดินตามมา"ถวายพระพรองค์ชายห้า ถวายพระพรองค์หญิงแปดพ่ะย่ะค่ะ""องครักษ์ไป๋ตามสบายเถอะ วันนี้เราแค่อยากมากินข้าวกับอาเจินและลู่ซินน่ะ"ไป๋จิ้งหยวนเข้าใจดี ไทเฮาคือย่าทวดของจ้าวลู่ซินและเป็นเสด็จย่
หลังจากที่ไป๋เจินเจินจัดการหนานซวงซวงและหยุนเสี่ยวหว่านเรียบร้อยแล้วก็จะกลับจวน อีกสิบวันเป็นงานแต่งงานของนางกับจ้าวหย่งเฉิง หลังจากงานแต่งสามวันนางกลับบ้านเดิมเยี่ยมบิดาเรียบร้อย ท่านพ่อจะไปต้อนรับคณะทูตที่เดินทางมาเพื่อถวายเครื่องบรรณาการ ร่างอรชรเดินซื้อข้าวของเพื่อวันนี้คู่หมั้นรูปงามของนางจะมากินมื้อค่ำที่จวน จ้าวหย่งเฉิงชอบกินอาหารฝีมือนางโดยเฉพาะปลาเปรี้ยวหวานและบะหมี่ตุ๋นสามชั้น ไป๋เจินเจินไปร้านขายยาเพื่อซื้อเครื่องเทศ เถ้าแก่ร้านออกมาต้อนรับนางด้วยตนเอง ยามนี้จากเด็กสาวมือปราบไร้ชื่อที่หนีหน้าที่ กลับกลายเป็นคุณหนูไป๋บุตรสาวหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร คนที่เคยเหยียดหยามต่างก้มหน้าเมื่อเจอนางองครักษ์พิทักษ์หญิงงามเดินตามหลัง ไม่มีใครกล้ามาต่อกรหรือหาเรื่อง สกุลของจอมเสเพลทั้งสามคนนั้นยิ่งใหญ่ไม่น้อย แต่ละตระกูลล้วนแต่มีคุโณปการต่อราชสำนัก สวีข่ายเหยียนเอ่ยถามเมื่อเห็นนางเดินมาหน้าร้านโอสถ"อาเจิน...เจ้าป่วยเป็นอันใดหรือถึงมาซื้อยา"จินเสี่ยวฟงถอนหายใจก่อนจะเอ่ยกับสหาย"อาเจินจะมาซื้อเครื่องเทศไปทำอาหารอร่อยให้พวกเรากิน นางไม่ได้ป่วยเจ้าทึ่ม"ใบหน้าหวานยิ้มน้
หยางตงชิงที่รอรายงานก็ร้อนใจ ได้ยินว่ามีการทูลเกล้าฯถวายฎีกาเรื่องไฟไหม้ครั้งนั้นเป็นการวางเพลิง คนทำต้องการเอาชีวิตของไท่จื่อเฟยและองค์ชาย องค์ชายห้ากำมือแน่นคนสนิทหลับตาก่อนจะเอ่ยอย่างหวาดหวั่น"องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินว่าคนที่รู้ว่านี่คือการวางเพลิงคือคุณหนูไป๋ นางพบหลักฐานที่เกิดเหตุอีกด้วย""นางพบอะไร ห้องนั้นไฟไหมจนไม่เหลือซาก นางก็แค่เด็กน้อยเพิ่งปักปิ่นจะมีความสามารถอะไรได้กัน"หยางตงชิงไม่เชื่อว่าเด็กสกุลไป๋คนนั้นจะมีหลักฐาน คงต้องการล่อเขาออกมามากกว่า หากเขาทำไม่รู้ไม่เห็นก็ไม่มีใครเอาผิดเขาได้ ร้านค้าที่จำหน่ายน้ำมันเตานั่นเข้าก็ให้คนของเขาไปจัดการคนที่ขายของให้คนของตนเรียบร้อยแล้ว นางเด็กนั่นฉลาดนักหรือ เจ้าเล่ห์เหมือนบิดาของนางไม่มีผิด หากมิใช่เพราะไป๋จิ้งหยวนมาขัดขวางเขาคงจัดการรัชทายาทไปนานแล้ว ยังแอบซ่อนตัวทำเป็นคนพิการขาเป๋ รัชทายาทคนที่อยู่ตำหนักบูรพาคนนั้นน่าจะตัวปลอม เขาไม่เคยรับรู้มาก่อนกระทั่งตัวจริงกลับมา หยางตงชิงสั่งให้คนของตนไปพบกับคนของโจรภูเขา กองกำลังที่เขาแอบซ่องสุมมานานไม่ช้าก็จะเข้าเมืองหลวงได้ทั้งหมด "ไปหาเฉินฮุ่ย....บอกให้เ
นี่หรือคนที่ไม่ชอบสตรี นี่คือคนที่ไม่ไยดีผู้หญิงจริงๆหรือ สามสิบเจ็ดแล้วเขายังไม่เคยหลับนอนกับสตรีคนไหน จนมีข่าวลือว่าเป็นพวกตัดแขนเสื้อ ไป๋เจินเจินขยับเอี้ยวตัวไปหาเขาก่อนจะยิ้มให้แล้วตอบตกลง"เจ้าค่ะ แต่ห้ามอาจารย์แช่น้ำนานเกินไปนะเจ้าคะ อีกอย่าพวกเรายังไม่แต่งกันสักหน่อยคำว่าผัวเมียท่านเรียกบ่อยเกินไปแล้ว"หึ หึ หึ จ้าวหย่งเฉิงหัวเราะในลำคอจากนั้นก็อุ้มนางออกทางหลังเรือน พาดีดขึ้นยอดไม้ไปยังเขตต้องห้ามสำหรับเขาเท่านั้น เมื่อมาถึงก็วางร่างบางลง ไป่เจินเจินนั่งบนโขดหินรอเขาแช่น้ำ แต่คนตัวโตกลับไม่ยอม"ลงแช่น้ำกับอาด้วยเด็กดี""ห๊ะ ห๊า ไม่ดีกระมังเจ้าคะ ข้ามิได้เอาเสื้อผ้ามา ท่านอาตามสบายเถอะเจ้าคะ""ก็ไม่ต้องใส่ถอดเถอะ ยังมีอะไรที่ไม่เคยเห็นอีก อาเจินตั้งแต่เห็นเจ้าเดินขึ้นมาจากบ่อน้ำพุคราวนั้น อาก็ลืมภาพเย้ายวนเจ้าไม่ได้สักวัน"ไป่เจินเจินมองหน้าเขาทันที หรือว่าวันนั้นเขาเห็นงั้นหรือ ใบหน้าหวานแดงซ่านก่อนจะเอ่ยโมโหกลบเกลื่อนความเขินอาย"คนบ้า ท่านเป็นถึงราชครูแห่งแคว้น เป็นอาจารย์สำนักศึกษาเหตุใดไม่สำรวม ช่างหน้าหนายิ่งนักแอบดูข้าหรือคนหน้าไม่อาย"จ้าวหย่งเ
เมืองหลวงหยางตงชิงที่ยามนี้กำลังกราดเกรี้ยวใส่คนของตน เขาต้องการสังหารพระชายาและองค์ชายน้อยเหตุใดทั้งคู่จึงไม่ตาย ดีที่เขารอบคอบตอนที่วางเพลิงไม่มีคนพบเห็นเพราะเป็นจังหวะเดียวกับที่สำนักศึกษาพาลูกศิษย์มาไหว้พระและศึกษาพระธรรมจึงทำให้คนพลุกพล่านเหมาะแก่การลงมือ"แต่ละคนไม่ได้เรื่องทั้งนั้น""องค์ชาย ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะลูกศิษย์สำนักศึกษาที่ชื่อไป๋เจินเจินคนนั้นเข้าไปพาทั้งสองออกมาก็คงจะสำเร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ""ไป๋เจินเจินงั้นหรือ""ทูลองค์ชาย ไป๋เจินเจินคือบุตรสาวหัวหน้าองครักษ์หลวงไป๋จิ้งหยวน เขาเพิ่งกลับมารับตำแหน่งเมื่อไม่นานนี้พ่ะย่ะค่ะ"หยางตงชิงปาจอกชางงพื้นจนแตกกระจาย ไป๋จิ้งหยวนเป็นเจ้าอีกแล้ว สองปีก่อนถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าข้าสังหารหยางมู่เฉินสำเร็จไปแล้ว ไอ้สารเลว"องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ท่านตาของพระองค์กำลังหาทางให้องค์ชายสิบสองผูกสัมพันธ์กับคณะทูตที่จะมาถึงเดือนหน้าพ่ะย่ะค่ะ""ท่านตาของข้างช่างทุ่มเทเสียจริงๆ หยางหลิงเทียนหรือจะนั่งบัลลังก์ ฝันเฟื่อง"หยางตงชิงเสแสร้งว่าตนเองไม่ฝักใฝ่ในอำนาจ ตำแหน่งรัชทายาทไม่ใชสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด ทำตัวราวกับองค์ชายเกียจคร้านเรื่องกา







