เชิงเขาหลังสำนัก
จินเสี่ยวเฟิง ฝางอี้หลุน สวีข่ายเหยียนกับเด็กรับใช้ยืนรอนางอยู่ เมื่อมาถึงพวกเขาก็รีบมาหานาง ได้เวลาจะเข้าเรียนแล้วนะ
"นี่ๆๆ เจ้ายาจกรีบๆหน่อยไม่ได้หรือไง"
"คุณชายสวี หากเรียกข้าเช่นนั้นอีกคำข้าจะให้สวีข่ายเฉิงปู่ของเจ้าจำหน้าไม่ได้เลยคอยดู ฝนหมึกมา กระดาษด้วย"
เมื่อทุกอย่างพร้อมไป่เจินเจินก็ลงมือเขียนกฎสำนักที่มีกว่าสองพันข้อให้พวกเขาคนละแผ่น จินเสี่ยวเฟิงตาโต
"เหมือนไปแล้ว นี่ดูเผินหรือตั้งใจดูก็เป็นลายมือข้า ฮ่าๆข้าจ้างเจ้าข้าจ้างฮ่าๆๆ"
"ข้าด้วยๆ สองตำลึงหรือ นี่ไป่เจินเจินข้าให้เจ้าเดือนละยี่สิบตำลึง ทำการบ้านให้ข้าเจ้าจะว่าอย่างไร"
ฝางอี้หลุนเป็นบุตรชายคหบดีในเมืองหลวงเขาร่ำรวยเงินทองมากมาย ยี่สิบตำลึงแคะฟันเขายังไม่เกลี้ยงเลย ไป๋เจินเจินเห็นโอกาสก็รีบค้าทันทีก่อนจะเอ่ย
"ข้าไม่เก่งเรื่องอื่น แต่ถ้าคำนวณ วาดภาพ หรือแต่งกลอนข้าทำได้ ที่สำนักข้าไม่อยากเรียนเองนั่นแหละ มานี่ข้าจะแต่งบทกวีให้พวกเจ้าลองอ่านหนึ่งบท"
จากนั้นไป่เจินเจินก็ลอกเอาบทกวีของหลี่ไป๋ นักกวีชื่อดังมาหนึ่งบทซึ่งเป็นบทไม่ได้ยากมากนัก ทั้งสามตาโตทันที ไป่เจินเจินจึงกลายเป็นกุนซือให้พวกเขาด้วยเงินเดือนๆละสามสิบตำลึงสามคนก็เก้าสิบตำลึง
"วันนี้จ่ายล่วงหน้ามาคนละหนึ่งตำลึง พรุ่งนี้ยามอู่มารับงานที่ข้าคัดให้พวกเจ้าที่นี่ อย่าพาใครมาเพิ่มข้าพอใจทำให้แค่พวกเจ้าสามคน"
"ได้ๆ แต่ว่าเจ้าไปมาเรียนหรือพรุ่งนี้"
"พวกเจ้าบอกตอนอาจารย์ขานชื่อไปว่าเห็นข้าเข้าไปร้านยา จึงลองสอบถามดูปรากว่าข้าเป็นไข้ น่าจะอาการป่วยหนักเลยไม่อาจมาเรียนได้"
ทั้งสี่คนตกลงกันเรียบร้อยไป๋เจินเจินก็รับเงินก่อนจะไปตลาดหาซื้อข้าวของ ผ้าห่ม เสื้อผ้า อาหาร แป้งสาลี น้ำมัน เกลือ หลังสำนักมีภูเขาไม่เคยมีใครไปล่าสัตว์บนนี้ แต่ไม่ใช่สำหรับนาง แต่เอาไว้ก่อน ไป๋เจินเจินกลับไปถึงบ้านเรียกหาบิดาก็ไม่เห็น พอเดินมาถึงด้านในก็เห็นเขาล้มอยู่ พยายามลุกแต่ลุกไม่ขึ้น ไป๋เจินเจินรีบเข้าไปประคองทันที
"ท่านพ่อ..ท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ แล้วเหตุใดถึงได้หกล้มไป"
"พ่อจะไปหุงข้าวน่ะ เห็นลูกยังไม่กลับมากินก็เลยจะไปตาม แต่ตอนที่มาเอาเสื้อคลุมมันสะดุดล้ม"
ไป๋เจินเจินน้ำตาไหลออกมา ผู้ชายคนนี้รักลูกสาวมากจริงๆ เขาจะรู้ไหมว่าลูกสาวของเขาได้จากไปแล้ว ไป่เจินเจินประคองเขาลุกขึ้นก่อนจะเอ่ย
"ต่อไปท่านไม่ต้องทำแล้ว ท่านพ่อแม้ว่าข้าจะเรียนไม่เก่งแต่ลายมือข้างดงาม อาจารย์มักเอ่ยชมเสมอ อาจารย์หวงจึงให้ข้าคัดลอกบทความ มีค่าตอบแทนให้ด้วย วันนี้ข้าขอเบิกล่วงหน้ามา ซื้ออาหารกับผ้าห่มมาเปลี่ยนให้ท่านใหม่ ท่านพ่อท่านนั่งนะเจ้าคะ ข้าจะทำความสะอาดเรือนสักหน่อย"
"อาเจิน งานมันหนักเจ้าบอบบางเกินไปไว้เป็นหน้าที่พ่อเถอะ"
"ท่านพ่อ อีกหน่อยข้าออกเรือนไปท่านอยากให้คนมาต่อว่าหรือว่าเลี้ยงลูกสาวอย่างไรงานบ้านงานเรือนไม่ได้สักอย่าง ท่านแม่เป็นสตรีที่เพียบพร้อมมิใช่หรือเจ้าคะ ข้าอยากเป็นเช่นนางบ้าง"
ไป่จิ้งร้องไห้ออกมา เขารักภรรยาของเขามาก ทั้งคู่มีนางเป็นบุตรสาวคนเดียว หลังจากที่นางจากไปเขาก็ไม่แต่งงานใหม่เลี้ยงดูนางมาลำพังจึงไม่อยากให้นางลำบาก บุตรสาวเขาพูดถูกเป็นสตรีต้องรู้จักงานบ้าน เขาจึงไม่เอ่ยต่ออีก
ไป่เจินเจินนำซาลาเป่ามาให้บิดาเรียบร้อยก็ไปทำความสะอาดบ้าน ใช้เวลากว่าสองชั่วยามจึงสะอาด บ้านที่เหม็นอับ หยากไย่หนาเขรอะ ที่นอนที่ขึ้นราถูกเอาออกมาทิ้งด้านนอก นางจะเอาไปเผาทิ้งแต่ต้องรออีกหน่อย ตอนนี้ในบ้านเหมือนบ้านหลังใหม่ หอมสะอาด ไป่จิ้งยกแขนเสื้อมาเช็ดน้ำตา บุตรสาวโตแล้วจริงๆ
ไป๋เจินเจินทำมื้อเย็นให้บิดากับตนเอง จากนั้นก็เข้าห้องจุดตะเกียง เงินสามตำลึงนั้นจะว่ามากก็ไม่มากแต่สำหรับคนที่ไม่มีเงินตำลึงเลยนับว่าต่อลมหายใจทีเดียว วันนี้นางไปถามมาแล้วว่าค่าตรวจรักษาเริ่มต้นที่เท่าไหร่ ปรากฏว่าแค่ค่าตรวจก็แปดตำลึงแล้ว แค่คัดตำรายังไม่พอต้องหาเงินจากทางอื่นอีก พรุ่งนี้ส่งงานเสร็จจะเลยขึ้นเขาสักหน่อยเผื่อหาขุมทรัพย์ได้จากบนเขาเหมือนในนิยายที่เคยอ่านมา จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาคัดกฎสำนักให้กับทั้งสามคนจนยามอิ๋นจึงได้เข้านอน
นี่หรือคนที่ไม่ชอบสตรี นี่คือคนที่ไม่ไยดีผู้หญิงจริงๆหรือ สามสิบเจ็ดแล้วเขายังไม่เคยหลับนอนกับสตรีคนไหน จนมีข่าวลือว่าเป็นพวกตัดแขนเสื้อ ไป๋เจินเจินขยับเอี้ยวตัวไปหาเขาก่อนจะยิ้มให้แล้วตอบตกลง"เจ้าค่ะ แต่ห้ามอาจารย์แช่น้ำนานเกินไปนะเจ้าคะ อีกอย่าพวกเรายังไม่แต่งกันสักหน่อยคำว่าผัวเมียท่านเรียกบ่อยเกินไปแล้ว"หึ หึ หึ จ้าวหย่งเฉิงหัวเราะในลำคอจากนั้นก็อุ้มนางออกทางหลังเรือน พาดีดขึ้นยอดไม้ไปยังเขตต้องห้ามสำหรับเขาเท่านั้น เมื่อมาถึงก็วางร่างบางลง ไป่เจินเจินนั่งบนโขดหินรอเขาแช่น้ำ แต่คนตัวโตกลับไม่ยอม"ลงแช่น้ำกับอาด้วยเด็กดี""ห๊ะ ห๊า ไม่ดีกระมังเจ้าคะ ข้ามิได้เอาเสื้อผ้ามา ท่านอาตามสบายเถอะเจ้าคะ""ก็ไม่ต้องใส่ถอดเถอะ ยังมีอะไรที่ไม่เคยเห็นอีก อาเจินตั้งแต่เห็นเจ้าเดินขึ้นมาจากบ่อน้ำพุคราวนั้น อาก็ลืมภาพเย้ายวนเจ้าไม่ได้สักวัน"ไป่เจินเจินมองหน้าเขาทันที หรือว่าวันนั้นเขาเห็นงั้นหรือ ใบหน้าหวานแดงซ่านก่อนจะเอ่ยโมโหกลบเกลื่อนความเขินอาย"คนบ้า ท่านเป็นถึงราชครูแห่งแคว้น เป็นอาจารย์สำนักศึกษาเหตุใดไม่สำรวม ช่างหน้าหนายิ่งนักแอบดูข้าหรือคนหน้าไม่อาย"จ้าวหย่งเ
เมืองหลวงหยางตงชิงที่ยามนี้กำลังกราดเกรี้ยวใส่คนของตน เขาต้องการสังหารพระชายาและองค์ชายน้อยเหตุใดทั้งคู่จึงไม่ตาย ดีที่เขารอบคอบตอนที่วางเพลิงไม่มีคนพบเห็นเพราะเป็นจังหวะเดียวกับที่สำนักศึกษาพาลูกศิษย์มาไหว้พระและศึกษาพระธรรมจึงทำให้คนพลุกพล่านเหมาะแก่การลงมือ"แต่ละคนไม่ได้เรื่องทั้งนั้น""องค์ชาย ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะลูกศิษย์สำนักศึกษาที่ชื่อไป๋เจินเจินคนนั้นเข้าไปพาทั้งสองออกมาก็คงจะสำเร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ""ไป๋เจินเจินงั้นหรือ""ทูลองค์ชาย ไป๋เจินเจินคือบุตรสาวหัวหน้าองครักษ์หลวงไป๋จิ้งหยวน เขาเพิ่งกลับมารับตำแหน่งเมื่อไม่นานนี้พ่ะย่ะค่ะ"หยางตงชิงปาจอกชางงพื้นจนแตกกระจาย ไป๋จิ้งหยวนเป็นเจ้าอีกแล้ว สองปีก่อนถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าข้าสังหารหยางมู่เฉินสำเร็จไปแล้ว ไอ้สารเลว"องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ท่านตาของพระองค์กำลังหาทางให้องค์ชายสิบสองผูกสัมพันธ์กับคณะทูตที่จะมาถึงเดือนหน้าพ่ะย่ะค่ะ""ท่านตาของข้างช่างทุ่มเทเสียจริงๆ หยางหลิงเทียนหรือจะนั่งบัลลังก์ ฝันเฟื่อง"หยางตงชิงเสแสร้งว่าตนเองไม่ฝักใฝ่ในอำนาจ ตำแหน่งรัชทายาทไม่ใชสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด ทำตัวราวกับองค์ชายเกียจคร้านเรื่องกา
วันรุ่งขึ้น แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านม่านหน้าต่างผืนบางเข้ามาภายในห้อง กลิ่นยาสมุนไพรอ่อนๆ ยังลอยตลบอยู่ในอากาศ ไป๋เจินเจินก้มลงจัดห่อสัมภาระใบเล็กอย่างคล่องแคล่ว แต่สายตายังไม่วางจากบุรุษที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงจ้าวหย่งเฉิงยังคงมีสีหน้าอิดโรย แม้ไข้จะลดลงแล้ว แต่แผลที่ไฟลวกกลางหลังซึ่งถูกคานไม้ที่ไหม้ไฟหล่นทับยังไม่หายดี เพียงขยับตัวนิดเดียวก็ยังต้องเม้มปากกลั้นความเจ็บ เมื่อวานเขาฝืนมาหานางเพราะเกรงว่านางจะเสียเปรียบผู้อื่น ไป๋เจินเจินมองไปที่คนตัวโตที่ยังไม่ตื่น เมื่อคืนเขามีไข้ช่วงดึก แต่ยามนี้ไข้ลดลงมากแล้ว ไม่นานชายหนุ่มก็ตื่นขึ้นมา ของมองมาตามเสียงกุกกักที่ได้ยินเมื่อเห็นภรรยาที่ยังไม่แต่งของเขากำลังเก็บข้าวของก็เอ่ยขึ้น"ฮูหยิน... แผลของอามิไม่ได้หนักหนา เจ้าอย่ากังวลนักเลย" เสียงของจ้าวหย่งเฉิงยังคงทุ้มนุ่ม แผ่วเบาแต่มั่นคงพอจะปลอบใจหญิงสาวที่กำลังเก็บของ ไป๋เจินเจินมองอาจารย์กึ่งคู่หมั้นก่อนจะเอ่ย"ท่านอา เรายังไม่ได้เขาพิธีกันสักหน่อย คำเรียกนี้ท่านกล่าวเร็วเกินไปหรือไม่ อีกอย่างพ่อจะไม่อยู่ พวกเราผัวเมียไปอยู่เรือนไผ่ของท่านอย่างน้อยก็ปลอดภัย ท่านบาดเจ็
หยางมู่เฉินกับหยางเทียนกลับไปแล้ว ไป๋จิ้งหยวนคอยดูแลความสงบของวังหลวงจึงต้องกลับไป ก่อนหน้าเขาไม่ปรากฏตัวเพราะไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น แต่ยามนี้องค์ชายห้าผู้สันโดษก็เปิดหน้าออกมาแล้ว ถ้าหากมิใช่เพราะบุตรสาวเขาเอาตัวไปเสี่ยงเพื่อช่วยชีวิตบุตรชายและพระชายาองค์รัชทายาท และทั้งสองพระองค์เกิดเป็นอะไรขึ้นมารัชทายาทจะต้องจมอยู่กับความเศร้าโศก เช่นนั้นก็อาจเข้าทางพวกเขา คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งก็เหลือเพียงองค์ชายห้ากับองค์ชายสี่และองค์ชายหก ได้ยินว่าเมื่อเจ็ดวันนก่อนองค์ชายสิบสองทรงพลัดตกจากหลังม้าที่ทรงขี่ประจำ ดูเหมือนว่าการตกจากหลังม้าครั้งนี้น่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุเสียแล้ว ขนาดสายเลือดเดียวกันยังลงมือ หยางตงชิงนั้นล้ำลึกเสียจริงๆ จ้าวหย่งเฉิงไม่อยากให้ไป๋เจินเจินต้องมาพัวพันเขามองหน้าว่าที่พ่อตา ไป๋จิงหยวนรู้ดีจึงพยักหน้าก่อนจะเอ่ย"อาเจิน ลูกดูแลท่านราชครูให้ดี พ่อต้องกลับวังหลวงก่อน ต้องดูแลความสงบในวัง ทางนี้ก็ฝากลูกแล้ว""ท่านพ่ออย่าห่วงเลยเจ้าค่ะ ข้าสั่งรถม้าแล้วพวกเราจะกลับบ้านท่านอาที่ป่าไผ่วันรุ่งขึ้น ที่นั่นมีน้ำพุร้อนสามารถช่วยรักษาแผลได้เจ้าค่ะ"ไป๋จิ้งหยวนพยั
จ้าวหย่งเฉิงเดินมาหาร่างบางที่กำลังมองไปยังคุณหนูสกุลหนานและสกุลหยุนด้วยสายตาอำมหิต นางโกรธเกลียดเด็กสาวสองคนนี้เพียงใดกันนะ เขารู้มาว่าวันที่เจอกับนางครั้งแรกตอนที่ถูกบังคับให้แช่น้ำในสระเด็กสองคนนี้มีส่วนร่วมด้วยเท่านั้น แต่จากสายตาของนางเหมือนกับว่าหนานซวงซวงกับหยุนเสี่ยวหว่านนั้นไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ ร่างสูงเดินไปหานางมือหนาโอบรอบเอวรั้งนางเข้ามาหาไม่สนใจสายตาของอาจารย์และลูกศิษย์รวมถึงคนที่ยืนอยู่ก่อนจะเอ่ยถามไถ่"ฮูหยิน มีเรื่องอันใดหรือ"ไป๋เจินเจินที่เห็นหน้าเขาก็ร้องไห้ออกมาก่อนจะกอดเขาแน่นไม่สนใจสายตาของใคร"ท่านอา..ท่านมาทำไมท่านยังบาดเจ็บอยู่เลยฮือๆๆ""อาไม่เป็นไร เด็กดีไม่ร้องนะอาอยู่ตรงนี้แล้ว"ฮูหยินหรือ งั้นข่าวลือที่ว่าราชครูจ้าจะแต่งงานกับไป๋เจินเจินก็เป็นยเรื่องจริงน่ะสิ สายตาทุกคู่มองมายังทั้งสองคนพร้อมกับอ้าปากค้าง จ้าวหย่งเฉิงค่อยๆประคองร่างบางที่กำลังร้องไห้เอาไว้ เขาได้รับบาดเจ็บที่หลัง เมื่อสามวันก่อนเกิดไปไหม้อารามที่พระชายารัชทายาททรงไปพักผ่อนกับองค์ชาย นางเข้าช่วยสุดท้ายกลับติดอยู่ในนั้น จ้าวหย่งเฉิงเข้าไปพานางกับองค์ชายออกมาก่อนที่จะถูกคา
ทันทีที่ไป๋เจินเจินเอ่ยจบ หนานเฉาเหว่ยก็หน้าซีด นางเด็กนี้รู้อะไรมาหรือ เขาจึงเอ่ยกลับไปไม่ยอมรับ"เงินทองจวนข้ามีมากพอ อาหารเหล่านั้นไม่ได้แพงมากมาย เจ้าจะไปรู้อะไร"ไป๋จิ้งหยวนมองหน้าหนานเฉาเหว่ยทันที ดูเหมือนบุตรสาวของตนจะรู้อะไรมา ไม่นานชายที่สวมชุดสีม่วงใช้พัดปิดบังใบหน้าที่เพิ่งเดินมาถึงก็เอ่ยขึ้นมา"เงินเดือนเจ้ากรมหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง มีเมียรองสองคน อนุสี่คน ไปร่ำรวยมาจากไหนกัน"หนานเฉวเหว่ยหันไปทางเสียงที่เอ่ยมาก่อนจะชี้หน้า"เจ้า ไอ้บัณฑิตกระจอก เรื่องของบ้านข้าเจ้าจะไปรู้อะไร"ไป่เจินเจินปรบมือให้กับหนานเฉาเหว่ยก่อนที่นางจะเอ่ย" เมียรองก็มีสินเดิม อนุก็มีสินเดิม อาหารมื้อละสองร้อยตำลึง ใต้เท้าหนานเจ้าแต่งภรรยากับอนุมาเลี้ยงดูตนเองเช่นนั้นหรือ"ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆเสียงหัวเราะดังลั่นสำนักศึกษา หนานเฉาเหว่ยโบกมือเพื่อให้คนของตนสั่งสอนไป๋เจินเจิน แต่ไป๋จิ้งหยวนกดเขาลงกับพื้นนก่อนจะเอ่ย"อยากแตะต้องบุตรสาวข้า ไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน"หนานเฉาเหว่ยพยายาที่จะลุกไม่นานองครักษ์หลวงก็มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ วั่นกงกงถือม้วนผ้าสีทองมาด้วยก่อนจะเอื้อนเอ่