ในห้องประชุมที่จัดไว้สำหรับการวางแผน หยางหลินนั่งเคี้ยวขนมไปพลางขณะที่หว่านชิงนั่งข้างๆ เขา แม้จะเป็นสถานการณ์ที่ตึงเครียด แต่ก็สองพี่น้องไม่วายมีการแอบยิ้มให้กันและแนะนำขนมชิ้นที่อร่อยที่สุดระหว่างการพูดคุยเรื่องสำคัญเกี่ยวกับแผนการที่ใกล้จะเกิดขึ้นราชครูโม่ชิงเหยียนที่ยืนอยู่ตรงข้ามไป๋เหวินหลงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักเป็นงานเป็นการ"ตอนนี้สายของข้ารายงานมาแล้วว่าอีกสองวัน ท่านโหวจะพักที่ด่านตะวันออกจุดในวันรุ่งขึ้นจะเดินทางรวมตัวที่สายหลักหน้าเมืองหลวงในยามเช้าและเตรียมตัวเข้าเมืองหลวงทันที"ให้ไป๋เหวินหลงขมวดคิ้วด้วยความตึงเครียด"ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ยิ่งต้องไปจับตัวท่านโหวจงซื่อป่ายเหลียวก่อนที่เขาจะรวมตัวได้ เราจะไม่ได้มีโอกาสอีกแล้วหลังจากนั้น ลังเลก็มีแต่ทำให้เตรียมตัวช้าลง"การตัดสินใจของไป๋เหวินหลงนั้นเด็ดเี่ยวและรวดเร็ว"เป็นทางลัดสู่ชัยชนะแม้จะเสี่ยงแต่มันจะประหยัดเวลาและลดการสูญเสียได้มากที่สุด"หยางหลินที่กำลังนั่งกินขนมอยู่ก็พยักหน้าเบาๆ กับคำพูดของไป๋เหวินหลง ส่วนหว่านชิงเองก็พยักหน้ารับ อย่างเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด แม้ในใจจะรู้ว่าแผนนี้เสี่ยงมาก แต่มันก็เป็นทางเดียวที่พ
จู่ๆ ก็มีแสงวิบวับดุจระยิบระยับของดอกไม้สีทองและสีชมพูโปรยลงมาจากท้องฟ้า บรรยากาศเหมือนกำลังจัดงานฉลองใหญ่ รอบตัวหว่านชิงและไป๋เหวินหลง แล้วเสียงประกาศของเจ้าแมวระบบก็ดังขึ้นอย่างร่าเริง“ยินดีด้วยเจ้าค่ะ นายหญิงงงงงงงงง!!!” เสียงแมวระบบดังแหวกอากาศเสียงแหลมเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนาน“ได้รับคำขอแต่งงานจากท่านแม่ทัพไป๋เหวินหลงแล้ว! ยะฮู้วววว”หว่านชิงมองไปรอบๆ ด้วยความงุนงง หัวใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นดอกไม้ที่โปรยลงมาอย่างงดงามแสนประหลาด แต่พอได้ยินคำพูดของแมวระบบที่ดังขึ้นมาในอากาศก็ถึงกับยิ้มขำๆ ให้กับความซุกซนและใส่ใจกับการทำของประกอบให้แต้มของมัน“เรื่องสำคัญขอนำขึ้นประกาศ!”แมวระบบหัวเราะคิกคักเสียงดังไปทั้งอากาศ ก่อนที่มันจะค่อยๆ โผล่มาจากที่ไหนสักแห่งและเกาะไหล่หว่านชิงอย่างอ่อนโยน หางน้อยๆ ส่ายไปมาช้าๆ เป็นจังหวะ ราวกับกำลังลอยไปตามลม“ไหนกันแต้มของข้า พระเอกขอแต่งงานแบบนี้ข้าได้เท่าไหร่” หว่านชิงพูดในใจ“อุต๊ะ!” อุทานเสียงดังยกอุ้งมือน้อยๆ ขึ้นปิดปากอย่างเกินจริง“นายหญิงอยากได้ยินรายงานเพิ่มแต้มฉบับเต็มแล้วหรือเจ้าคะ ข้าน้อยเหงาตั้งนาน ต้องรออีเว้นท์รอโอกาสสำคัญถึงจะได้มี
ข้างนอกแสงจันทร์ส่องสว่าง หว่านชิงหันไปมองไป๋เหวินหลงพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก ท่าทางที่เต็มไปด้วยความภูมิใจในตัวฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้ หลังจากที่ฟื้นตัวแล้ว ยังสามารถมองเห็นสิ่งที่ใครหลายคนมองไม่ออก และได้สอนให้หว่านชิงรู้ว่าเยี่ยนอิงที่เคยเป็นคนใกล้ชิดและน่าจะเชื่อถือได้ ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเลยแม้แต่น้อย"นั่นไง ท่านเห็นไหม เยี่ยนอิงตอแหลแค่ไหนท่านเห็นหรือยัง" หว่านชิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่กลับแฝงไปด้วยความคมคาย "ที่ผ่านมาท่านไม่เคยทันเล่ห์เหลี่ยมนะ นี่แหละนะ หนุ่มซิง"ไป๋เหวินหลงขมวดคิ้วและหันมามองหว่านชิงอย่างไม่เข้าใจ "อะไรนะ ซิง? เจ้าว่าข้ารึป่าว?"หว่านชิงหัวเราะเล็กน้อย ยิ้มให้กับคำถามนั้นก่อนจะส่ายหัว "ช่างเถอะ... ก็แค่เปรียบเทียบเท่านั้นเอง แต่ถ้าเราไม่รู้จากเสด็จพ่อมาก่อน ก็คงไม่รู้ว่าเยี่ยนอิงโกหกเสด็จพ่อถึงจะพูดไม่ได้แต่ก็พอมีสติอยู่บ้าง" นางทำหน้าหมดท่าพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างสะใจที่ในที่สุดก็จับเยี่ยนอิงได้สำเร็จไป๋เหวินหลงพยักหน้าเห็นด้วย "ดีที่ฝ่าบาทหลังฟื้นตัวแล้ว ก็ยังเขียนชื่อคนร้ายใส่ฝ่ามือเจ้า" เขาพูดออกมาอย่างระมัดระวัง แต่ในตาของเขา
“หว่านชิง เจ้าเป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น บาดเจ็บหรือไม่ นางทำร้ายเจ้าหรือเปล่า” พูดรัวเร็ว หยุดอยู่ข้างๆ หว่านชิง หมุนตัวหว่านชิงเพื่อหาบาดแผลเยี่ยนอิงอยู่บนพื้น หยาดน้ำตาคลอเบ้าตา ดวงหน้าที่เคยน่ารักอ่อนหวานตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความอ่อนแอ ร้องห่มร้องไห้เสียงดังขึ้นในห้องขังที่เงียบเชียบ ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลรินอย่างน่าสงสาร"ท่านแม่ทัพไป๋เหวินหลงช่วยข้าด้วย...พี่หว่านชิงรังแกข้า ทำไมไม่มีใครเชื่อข้าบ้างเลย ฮื่อออออ" เสียงของเยี่ยนอิงสั่นเครืออ่อนแอ ใบหน้าของนางแสดงถึงความเจ็บปวดเต็มที่ไป๋เหวินหลงหันไปมองเยี่ยนอิงด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก ไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ เขายืนนิ่งไม่ตอบอะไร ทำเพียงมองอย่างเงียบๆ เยี่ยนอิงเห็นเช่นนั้นก็พยายามทำท่าเป็นคนอ่อนแอให้มากยิ่งขึ้นพร้อมกับพูดเสียงสั่นเครือเสียงระบบดังขึ้นในหัวของหว่านชิง พร้อมข้อความที่ปรากฏขึ้น“ยินดีด้วยนายหญิงท่านได้รับ 120 แต้มจากความสำเร็จที่ทำให้พระเอกไม่เชื่อใจใครอีกแล้วนอกจากนายหญิงหว่านชิงคนเดียว ตอนนี้ท่านกลายเป็นนางเอกเต็มตัวแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ!”หว่านชิงยิ้มกว้าง ตาส่องประกายด้วยความดีใจ เพราะการเป็นนางเอก
ทหารยามประตูเปิดออก ทั้งสองคนก็เดินเข้าไป ทหารยามที่ยืนประจำอยู่ที่ประตูขังด้านในอีกชั้นทำความเคารพให้กับไป๋เหวินหลงและหว่านชิง ก่อนที่หว่านชิงจะหันไปหาไป๋เหวินหลง"ไป๋เหวินหลง เจ้าคอยอยู่ที่นี่ก่อน คุยกับผู้คุมฟังรายงานการคุมขังและถามด้วยว่าเยี่ยนอิงขออะไรบ้าง พูดอะไรบ้างในช่วงที่ผ่านมา ส่วนข้าจะไปพูดกับเยี่ยนอิงก่อน"“ข้าว่ามันอันตราย เจ้ารอไปพร้อมข้าเถอะ" คว้าข้อมือบางไว้“ข้าแค่อยากคุยกับน้องสาวเป็นการส่วนตัว เผื่อใช้มิตรภาพพี่น้องเกลี้ยกล่อมนางได้บ้าง”หว่านชิงยิ้มบางๆ ขำกับความห่วงใยจนทุกวันนี้ตัวติดกันแล้วกับไป๋เหวินหลง ไป๋เหวินหลงยอมพยักหน้ารับคำแต่ก็ขมวดคิ้วมุ่นหว่านชิงเดินออกไปตามทางแยกที่นำไปสู่ห้องขังที่เยี่ยนอิงถูกขังอยู่ ส่วนไป๋เหวินหลงก็เดินเข้าไปคุยกับผู้คุมที่ยืนอยู่อีกด้านเยี่ยนอิงอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนักแม้จะถูกขังในห้องขังที่ดูดี มีอาหารการกินที่หว่านชิงสั่งคนจัดเตรียมไว้อย่างดี แต่เยี่ยนอิงกลับทำลายข้าวของในห้องและอาหารที่ได้รับก็ยังคงทิ้งเกือบทั้งหมด การแสดงออกของเยี่ยนอิงทำให้หว่านชิงรู้สึกหนักใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นหว่านชิงเดินเข้ามาเยี่ยนอิงยืนอยู่ในนั้นรีบลุกขึ้น
บรรยากาศในโถงทางเดินของวังหลวงเงียบสงบ เสียงฝีเท้าของหว่านชิงและไป๋เหวินหลงที่ดังเบาๆ ตามพื้นหินถูกแทรกขัดจังหวะด้วยเสียงวิ่งอย่างร่าเริงของหยางหลินที่รีบวิ่งมาตามทาง เมื่อเห็นหว่านชิงแล้วก็รีบวิ่งเข้ามาหา“พี่หว่านชิงงงงงงง!”เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้หว่านชิงสะดุ้งเล็กน้อย หันไปมองก็พบกับหยางหลินที่วิ่งมาหาอย่างกระตือรือร้น หยางหลินหยุดลงตรงหน้าทั้งสอง หายใจหอบเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้างแล้วพูดว่า“วันนี้ข้าจะคุ้มกันท่านเอง ท่านจะไปที่ไหนหรือ พี่หว่านชิง”หว่านชิงที่มองเห็นท่าทางของน้องชายก็ยิ้มบางๆ อ่อนใจนิดหน่อย แม้จะไม่ใช่เด็กน้อยแต่หยางหลินก็ยังเป็นน้องที่น่ารักที่สุด“ข้ามีท่านแม่ทัพไป๋เหวินหลงคอยคุ้มกันแล้ว ทำไมต้องลำบากไท่จืออย่างน้องหยางหลินด้วยเล่า”หยางหลินทำหน้างอนๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเหมือนตัดพ้อน้อยใจและอ้อนในคราวเดียวกัน“ท่านก็ให้แต่ท่านแม่ทัพคุ้มกันแหละ ทำไมไม่ลองให้ไท่จืออย่างข้าคุ้มกันบ้างเล่า เท่กว่าท่านแม่ทัพตั้งเยอะ”ไป๋เหวินหลงเลิกคิ้วยิ้มบางๆ ขยับเข้าใกล้หว่านชิงอีกพอเห็นว่าหยางหลินจ้องเขม็ง หว่านชิงมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะหันไปหาไป๋เหวินหลงที่ย