ปลายทางของความเข้าใจ อาจไม่ใช่สิ่งที่ค้นพบในวันเดียว แต่วันนี้…ความลังเลของแม่ทัพเริ่มถูกคลี่ออกอย่างเงียบงันและลึกซึ้งถุงผ้าหลายใบถูกวางเรียงกันอยู่บนโต๊ะไม้หยาบๆ มีทั้งขนม ไข่ไก่ ผักดอง และตุ๊กตาผ้าหลากสีที่เด็กๆ บ้านนอกถักด้วยมือโม่ชิงเหยียนค่อยๆ หยิบของบางชิ้นขึ้นมาพลิกดู พอถึงถุงสุดท้าย เขาก็ชะงักในถุงนั้นมีตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่ง ทำจากเศษผ้าไหมสีชมพูแก้มแดง ร้อยผมด้วยเส้นด้ายดำสนิท ผูกด้วยริบบิ้นเล็กๆ สีทองและที่สำคัญใบหน้าถูกปักด้วยฝีเข็มหยาบแต่เปี่ยมความตั้งใจ มีคิ้วเรียว ดวงตากลมโต และรอยยิ้มเอียงๆ อย่างที่ใครบางคนชอบทำตอนกำลังคิดแผนการ…ร้ายสินะโม่ชิงเหยียนยิ้มน้อยๆ หยิบมันขึ้นมาพิศดู“ดูสิ สิ่งที่นางทำมันทำให้หัวใจผู้คนอบอุ่นแค่ไหน…ถึงขั้นมีคนทำตุ๊กตาหน้าตาเหมือนองค์หญิงใหญ่หว่านชิงขึ้นมา” เขาว่าอย่างขำๆ น้ำเสียงก็เหมือนจะแซว แต่ก็แฝงด้วยความอบอุ่น แม่ทัพไป๋ขมวดคิ้วเข้ามาดูใกล้ๆ แล้วเผลอยิ้มออกมา“เหมือนจริงๆ ด้วย…”เขายกมันขึ้นหมุนดูรอบด้านอย่างจริงจังก่อนจะ“แฮ่บ”คว้าตัวตุ๊กตานั้นแล้วหนีบไว้ข้างเอว เหมือนของส่วนตัว โม่ชิงเหยียนเบิกตากว้าง “อ้าว…ช้าก่อนท่านแม่ทัพ ข้าเดิมที
แดดยามบ่ายปลายฤดูเหมันต์ส่องลอดระแนงไม้อย่างอ่อนโยน กลิ่นหญ้าแห้งกับกลิ่นฝุ่นจางๆ คลุกเคล้าในอากาศ โม่ชิงเหยียนที่เพิ่งล่ำลาองค์หญิงใหญ่มาหมาดๆ ยังไม่ทันได้หันกลับ ก็ถูกมือหนาของแม่ทัพไป๋เหวินหลงคว้าชายแขนเสื้อแล้วดึงออกมาเงียบๆ“พอดีเลยท่านราชครูเชิญทางนี้” “ไปไหนหรือ?” โม่ชิงเหยียนเลิกคิ้ว“นำของฝากเหล่านั้นให้มอบทหารชั้นผู้น้อยนำไปให้ชาวบ้าน”“หา? แล้วข้าต้องไปด้วยทำไม” ใบหน้านิ่งกลับมีแววครุ่นคิด“ท่านตอนนี้มีเวลาว่าง และสมอง”ราชครูหนุ่มถอนหายใจอย่างยอมแพ้เล็กๆ ระหว่างทางเดินไปยังคอกพักของม้าและรถขนของ ทหารคนสนิทยกหีบไม้และตะกร้าใส่ไก่ ผลไม้แห้งกับขนมหลายอย่างวางเรียงรออยู่แล้วแม่ทัพไป๋เหวินหลงยกมือสั่งงานเงียบๆ ให้คนของตนลำเลียงของทั้งหมด แล้วหันไปพูดเบาๆ กับโม่ชิงเหยียนข้างตัว“ข้าอยากถามท่านบางเรื่อง” ยังก้มหน้าก้มตา โบกไม้โบกมือ“ถามมาเถอะ ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว” โม่ชิงเหยียนพยักหน้าไป๋เหวินหลงยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง เสียงทหารลากรถผ่านไป กลิ่นขนมที่ชาวบ้านทำเองลอยแตะปลายจมูก กลิ่นของน้ำตาลไหม้แบบบ้านๆ กับความจริงใจที่ไม่มีอะไรเคลือบแฝง พลางคิดถึงหว่านชิงที่ชอบน้ำตาลก้อน“เรื่ององค์
เสียงในใจค่อยๆ กระซิบ…ข้าเคยคิดมาตลอดว่า หากหว่านชิงเพียงกลัวตายจากฝันร้าย เช่นนั้นก็แค่กลบบ่อใกล้ตำหนักก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ แล้วเหตุใดต้องขอให้กลบจนถึงเขตวังรอบนอก วุ่นวายหนักกว่าเดิมหลายเท่า คิดไปเองว่าเพราะหว่านชิงชอบให้คนอื่นมองว่านางยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดแต่ใครจะคิดถึงแผนการแบบนี้ของวห่านชิงภาพของหญิงสาวผู้เอนหลังพิงหมอนท่าทางขี้เกียจ และไร้แก่นสาร กลับผุดขึ้นในหัวของแม่ทัพอีกครั้งหรือว่า…หว่านชิงนางคิดมานานแล้ว…ตั้งใจทำให้วุ่นวาย…เพื่อยืดเวลาให้งานยาวออกไป…เพื่อให้ชาวบ้านมีข้าวกิน…เพื่อผ่านพ้นฤดูแล้งนี้…ไปได้อย่างราบรื่นแสร้งโง่…เพื่อลดแรงต้าน ยอมถูกเข้าใจผิด…แล้วยังไม่แก้ตัวเพื่อที่จะยอมเป็นคนแบบนั้นไป๋เหวินหลงยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าเงียบๆ แล้วถามตัวเองในใจข้าคิดผิดมาตลอดเลยหรือ หว่านชิง…เป็นคนแบบนั้นจริงๆ หรือ?หรือว่า…เป็นผู้มีปัญญาเหนือคนทั้งวังเพียงแต่เลือกจะเงียบงัน และแสดงออกต่างออกไปภายในตำหนักเหนือเมฆาแสนเงียบสงบบนเบาะนุ่มข้างหน้าต่าง องค์หญิงใหญ่หว่านชิงกำลังเอนตัวนอนข้างเจ้าแมวระบบสีขาวปุกปุย ตรงหน้าคือหน้าจอระบบที่ลอยอยู่“เก่าร้อยเจ็
แสงแดดยามบ่ายรำไรทอดผ่าน ฝุ่นดินลอยในอากาศเหมือนละอองไอจากความวุ่นวายเบื้องล่างแม่ทัพไป๋เหวินหลงก้าวเท้าลงจากม้า สายตากวาดมองรอบๆ อย่างเงียบขรึม คนงาน ช่าง ขุนนางน้อยใหญ่ และชาวบ้านกำลังเดินกันขวักไขว่ พูดคุยเสียงจ้อกแจ้กจอแจเสื้อผ้าอาภรณ์ขะมุกขะมอมทว่ากลับมีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าทันทีที่ขุนนางผู้ดูแลงานเห็นแม่ทัพหนุ่มเข้ามา เขาก็รีบเดินปรี่เข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มยินดีเหมือนเห็นแสงทองท่ามกลางเมฆฝน“ท่านแม่ทัพ! มาเสียที” เขาเอ่ยพลางประสานมือคำนับ“ข้าน้อยนึกว่าใคร…ที่แท้ก็ท่านแม่ทัพผู้เปี่ยมบารมี! ไหนๆ ท่านก็มาถึงแล้ว ช่วยเอาสิ่งของเหล่านี้กลับไปให้องค์หญิงใหญ่ด้วยเถิด”แม่ทัพไป๋ขมวดคิ้ว มองไปยังโต๊ะไม้ยาวด้านข้าง ของกองเต็มอยู่บนโต๊ะและรอบโต๊ะ ตะกร้าผลไม้ ผักกาดดอง ไข่ไก่ หม้อดิน ยังมีขนมรูปแมว ขนมรูปดอกไม้ ตุ๊กตาผ้า และแม้แต่ลูกไก่หนึ่งตัวในกระด้ง“อะไร นี่มัน…อะไรกันแน่” ท่านแม่ทัพไป๋เหวินหลงถามเสียงต่ำขุนนางผู้นั้นหัวเราะเบาๆ “ก็ของที่ชาวบ้านนำมาขอบคุณองค์หญิงใหญ่น่ะสิขอรับทิ้งไว้หลายวันข้าน้อยเองก็หนักใจว่าจะไปไม่ถึงพอดีสวรรค์ส่งท่านแม่ทัพมาพอดี”เขาพยักพเยิดไปทางชาวบ้านหล
ภายในตำหนักเหนือเมฆา กลิ่นชาดอกไม้จางๆ ลอยคลุ้งองค์หญิงใหญ่หลี่หว่านชิง นั่งทอดกายเอนหลังกับเบาะนุ่ม มือหนึ่งลูบเจ้าแมวระบบบนตัก อีกมือถือพู่กันจิ้มลงบนกระดาษบันทึกนึกไม่ออกว่าจะร่างแผนต่อไปอย่างไรเพราะมีเยี่ยนอิงมาคั่นกลางแผนปั่นหัวใจท่านแม่ทัพที่วางไว้ก็ล่มลงไปข้างกายยังเป็นแม่ทัพไป๋เหวินหลงที่นิ่งราวรูปสลักเสียงฝีเท้าก้าวสม่ำเสมอของขันทีประจำกายของฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้ดังขึ้นก่อนที่ประตูไม้จะถูกเปิดออกพร้อมเสียงขานเบาๆ“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง…ท่านแม่ทัพไป๋เหวินหลงรับราชโองการ”ขันทีจื่อกงดึงม้วนราชโองการที่ปักตราหลวงทองอร่ามออกมาจากกล่อง สะบัดคลี่อย่างนุ่มนวลแล้วขานด้วยน้ำเสียงของขันทีผู้รู้จังหวะ“ตามพระราชโองการของฝ่าบาทหลี่เซวียนอี้.. ทรงมีพระราชประสงค์ให้ แม่ทัพไป๋เหวินหลง ผู้ที่มีความซื่อสัตย์อดทนและเหมาะแก่การควบคุมดูแลงานใหญ่ รับหน้าที่ดูแลการกลบบ่อปลาคาร์ฟทั่วเขตวังหลวงเพื่อความเรียบร้อย ความสะอาด และความสงบของแคว้น”เงียบไปหนึ่งจังหวะ ขันทีจื่อกงอมยิ้มก่อนจะเอียงหน้ามององค์หญิงใหญ่หว่านชิงเล็กน้อย แล้วกล่าวเสริมเหมือนพูดเล่นแต่จริง“...และทรงมีพระบัญชาเพิ่มเติมว่า
ช่วงบ่ายแดดอ่อนในตำหนักเหนือเมฆา หว่านชิงเพิ่งวางพู่กันลง สะบัดข้อมือสองข้างแล้วเอนหลังพิงพนักเบาะ บิดขี้เกียจไปมา เส้นสายข้างลำตัวตึงนิดๆ จากการจดจ่อกับการเขียนนานหลายชั่วยามสายตาของหว่านชิงเหลือบไปเห็นตะกร้าหวายถักใบงามวางอยู่ ติดริบบิ้นสีอ่อนดูเรียบร้อยเรียบหรู เป็นของฝากจากฮองเฮาหลี่หลันซือ หว่านชิงหยิบตะกร้ามาวางตรงหน้า เปิดฝาแล้วคุ้ยๆ ค้นดูทีละชิ้น"ยาหอม..." หยิบขวดเล็กออกมา เปิดดมเบาๆ แล้วทำจมูกฟุดฟิดสองสามครั้ง"...กลิ่นใช้ได้นะ แต่ไม่ใช่ทางข้า"หว่านชิงพึมพำเบาๆ แล้ววางคืนอย่างไม่ใส่ใจนัก มือขาวหยิบกล่องกระดาษผูกเชือกสีแดงอ่อนขึ้นมาอีกกล่อง เปิดออกมาก็พบขนมหอมหวานเรียงราย สีสันสวยงาม ดูแล้วบอกชัดว่าใช้วัตถุดิบอย่างดีแน่นอน"นี่สิ ของดีของจริง" หว่านชิงหัวเราะคิกหว่านชิงพูดกับตัวเองอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหยิบขนมก้อนหนึ่งขึ้น หมุนดูพลิกดู แล้วกำลังจะเอาเข้าปาก...ปั๊ก!ด้ามกระบี่แข็งๆ ฟาดลงที่ขนมของหว่านชิงเบาๆ ขนมหวานก้อนนั้นร่วงจากปลายนิ้วลงไปกลิ้งอยู่บนพื้นอย่างน่าเสียดาย หว่านชิงหันขวับไปมองคนข้างกายที่นั่งกอดอกกอดกระบี่อยู่ไม่ห่างไม่ขยับตัวแต่สามารถฟาดดามกระบี่เข้าใส่ขนมไ