เยว่ซินรีบเดินหนีออกมาอย่างรวดเร็ว จวินลู่หานมองตามร่างนั่นไปจนนางเดินลับเข้าประตูตำหนักชั้นในไปพร้อมกับยิ้มอย่างพอพระทัย“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ตรงส่วนแบบนี้ มีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มเติมอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ ไม่มีแล้ว พวกท่านไปจัดการต่อได้เลย วันนี้ก็กลับไปพักกันเถอะ ข้าจะสั่งให้คนเร่งจัดของอีกสี่วันจะเดินทางแล้ว”“พ่ะย่ะค่ะ”ขุนนางกรมโยธาต่างพากันเดินออกมาหลังจากคุยกันเรื่องแบบการสร้างเขื่อนเสร็จ ท่านอ๋องเองก็รีบเดินเข้าไปในตำหนักทันที เขาเห็นว่านางเดินไปที่ศาลาในสวนจึงเร่งเดินตามเข้าไป“คุณหนูเจ้าคะ ท่านกับท่านอ๋อง มีเรื่องอะไรกันหรือไม่เจ้าคะ”“เปล่านี่แม่นม เหตุใดท่านจึงถามข้าเช่นนี้”“หากเป็นเรื่องที่ท่านอ๋องทรงประกาศเมื่อคืนนี้ แม่นมคิดว่าเรื่องนี้ คุณหนูน่าจะมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว”“ข้า….”“คุณหนู สายพระเนตรท่านอ๋องมองคุณหนูเปลี่ยนไปตั้งนานแล้วนะเจ้าคะ หลังจากท่านกลับมาที่ตำหนักในครั้งนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าท่านอ๋องรู้สึกเช่นไรกับคุณหนู”“แม่นม นี่ท่าน…”“ข้าอาบน้ำร้อนมาก่อน ย่อมมองเรื่องเช่นนี้ออก ท่านอ๋องก่อนหน้านี้เอาแต่ทรงงาน ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องของสตรีและไม่สนใจสตรีเลยสักคน แม้
“เรื่องนี้ …..”“หากเจ้าไม่ยินยอมเราคงต้องคิดหาวิธีอื่นหากว่าเขายื่นข้อเสนอมา แต่ตอนนี้ข้าคิดได้เพียงแค่วิธีนี้เท่านั้น”“เช่นนั้น เสด็จอาก็ทำตามแต่ที่เห็นสมควรเถิดเพคะ”“เจ้าเรียกข้าว่าเสด็จอาอีกแล้วนะ”“หม่อมฉันเรียกเช่นนี้มาจนเคยชินเพคะ ขอเวลาหม่อมฉันหน่อยเถิดเพคะพี่ลู่หาน”“ก็ได้ เจ้าอยากเรียกอะไรก็เรียกไป แค่เจ้ารับปากช่วยเรื่องนี้ อำเภอกู่ของเราก็มีทางรอดให้ราษฎรที่นั่นแล้วละนะ”“ทรง…เสวยข้าวต้มก่อนเถิดเพคะ”“นี่เจ้าทำเองหรือ”“เปล่าเพคะ มิใช่ฝีมือหม่อมฉัน เมื่อเช้าหม่อมฉันตื่นสาย ก็เลย…”“ไม่เป็นไร ข้าคงได้กินฝีมือเจ้าเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน อ่อ เยว่ซิน”“เพคะ”“แม้ว่าที่ติดผมผีเสื้อคู่นี้จะงดงามและเหมาะกับเจ้า แต่อีกไม่นานเจ้าก็คงต้องปักแค่ปิ่นแล้ว เช่นนั้นข้าคิดว่าควรเปลี่ยนรูปแบบทรงผมให้ถูกและปักปิ่นแทนดีหรือไม่”“เสด็จอาไม่ชอบหรือเพคะ”“มิใช่ว่าไม่ชอบ แต่ตอนที่ข้าซื้อสิ่งนี้ให้กับเจ้าเพราะในตอนนั้นไม่ได้มีเรื่องแต่งตั้งพระชายานี่เกิดขึ้นมา บัดนี้คุยกันรู้เรื่องแล้ว เจ้าก็คงต้องเริ่มตั้งแต่นี้เลย สิ่งนี้เป็นสิ่งแรกที่ข้าจะขอเจ้า…ได้หรือไม่”สายตานั้นดูจริงใจและร้องขออย่างมิได้
“ก็ใช่น่ะสิเพคะ พวกบุรุษหนุ่มไปมากๆหน่อยจึงจะดี อีกอย่างเรื่องที่ต้องไปเจรจา ข้าก็ได้ปรึกษากับพี่หยางจิน…”“นี่เจ้าสนิทถึงกับเรียกชื่อเขาเลยงั้นหรือ!!”“เสด็จอา พระองค์เป็นอะไรไปเพคะนี่คงมิได้เกิดอาการหึงจนหน้ามืดตามัวอีกหรอกนะเพคะ หากว่าพระองค์ยังทรงเป็นเช่นนี้ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันจะยังไม่คุยในตอนนี้”“เดี๋ยวก่อนๆ ข้า..ไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าก็แค่….”หลันเยว่ซินหันไปมองหน้าท่านอ๋องที่ทำท่าราวกับถูกจับได้ว่าแอบกินขนมในชั้นเรียนก็มิปาน ในตอนนี้เองเยว่ซินถึงได้เข้าใจแล้วว่าเขาขี้หึงเพียงใด นางลอบถอนหายใจออกมาเบาๆและหันไปหอมแก้มท่านอ๋องพร้อมกับความตกใจของจวินลู่หาน วันนี้นางทำเขาตกใจสองรอบแล้วกับการกระทำที่กะทันหันของนาง เขาหันกลับไปมองหน้านางทันทีแต่นางหันหน้าหนีไปแล้ว“เยว่ซิน นี่เจ้า…”“ยังมีปัญหาอีกหรือไม่เพคะ”“ไม่…ไม่มีแล้ว ไม่มี แล้ว…เจ้าบอกว่า คุณชายลี่นั่น ช่วยในเรื่องนี้ได้ เจ้าพูดต่อสิ ข้าอยากฟัง”เยว่ซินต้องตั้งสติอีกพักใหญ่กว่าจะเล่าเรื่องที่หารือกับทั้งสามคนก่อนหน้านี้ให้ท่านอ๋องฟังอย่างละเอียดอีกรอบจนเขาเข้าใจและเห็นด้วยกับหลายวิธีการที่พวกเขาได้นำเสนอมา“อืม เรื่องนี้เจ
ท่านอ๋องตรัสถามด้วยความแปลกใจ เรื่องนี้เขามิได้เอ่ยชวนนางด้วยซ้ำ หลันเยว่ซินมองดูอยู่อย่างเงียบๆ ไม่พูดสิ่งใด แต่สีหน้านั้นทำให้ท่านอ๋องรู้สึกกังวลไม่น้อย“ทูลท่านอ๋อง ท่านพ่อได้แจ้งกับหม่อมฉันแล้วเรื่องนี้เพคะ และแจ้งกำหนดการเดินทาง ฝ่ายกรมพิธีการเองก็มีหน้าที่ในการจัดการดูแลความเรียบร้อย ดังนั้นหม่อมฉันเลยขันอาสาไปเป็นตัวแทนท่านพ่อเพื่อช่วยท่านอ๋องในครั้งนี้เพคะ”นางกล่าวจบก็หันไปมองที่หลันเยว่ซินที่ยืนทำสีหน้าเรียบเฉยอยู่ด้านหลังท่านอ๋อง นางรู้ดีว่าหากทูลขอท่านอ๋อง พระองค์ทรงปฏิเสธเป็นแน่ แต่หากว่าทำเช่นนี้ แม้ว่าอยากปฏิเสธ ท่านอ๋องก็คงทำไม่ได้ “แม่นางซ่ง หนทางยาวไกล เจ้าเป็นสตรีเหตุใดต้องลำบากเช่นนี้ และอีกอย่าง สัมภาระมากมายนั่นก็เกินความจำเป็นทั้งสิ้น และเรื่องนี้ข้าก็แจ้งไปกับเจ้ากรมซ่งแล้วว่าเรื่องเกี่ยวกับการทูตทั้งหมดข้าได้มอบหมายให้คุณชายลี่เป็นผู้ช่วยจัดการ”“อย่างไรเสียหม่อมฉันก็มาแล้วท่านอ๋องจะทรงไล่ให้หม่อมฉันและบ่าวไพร่กลับงั้นหรือเพคะ ทั้งๆที่พวกหม่อมฉันก็มีความตั้งใจที่จะเดินทางไปช่วยชาวบ้านที่เมืองกู่เช่นกัน”“เอ่อ….เรื่องนี้….เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าก็แล้วกัน แต่ระหว่า
มิใช่เรื่องที่เกินจริง เมื่อท่านอ๋องสั่งให้วนรอบเมืองเฉินโจวจริงๆ ซ่งเหมยลี่ที่นั่งอยู่ข้างๆคนขับรถม้าที่ทั้งเหม็นเหงื่อและต้องทนกับเสียงที่ดังเวลาเขาบังคับม้า ไหนจะยังแรงกระแทกที่มากกว่าบริเวณอื่นของรถม้านี่อีก นางนึกไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะกล้าสั่งให้นางมานั่งตรงนี้ ในรถม้า“เยว่ซิน คือเรื่องของแม่นางซ่งข้าไม่รู้เรื่องจริงๆนะ”“เพคะ”“เจ้าโกรธข้างั้นหรือ”“เปล่าเพคะ”“แต่เจ้าสีหน้าไม่ค่อยดีตั้งแต่ก่อนขึ้นรถม้าแล้ว เจ้า…ไม่สบายตัวตรงไหนหรือไม่ หรือว่าหิวน้ำ”“ไม่ทั้งสิ้นเพคะ เสด็จอาหยุดตรัสถามเสียทีหม่อมฉันเวียนหัว”“เจ้าเวียนหัวงั้นหรือ หรือว่ารถม้านี่กระเทือนมากเกินไปหรือว่าผ้าห่มกับผ้าปูนี่ยังไม่นิ่มพอ ข้าจะได้…”“ไม่ใช่ทั้งนั้นเพคะ หยุดตรัสเถิดเพคะ หม่อมฉันอยากอยู่เงียบๆ”“ข้า….ก็แค่ถามดู”“ออกไปห่างๆเพคะ”“ไม่เอา ข้าก็อยากนั่งที่นิ่มๆอุ่นๆนี่เช่นกันนี่”“แต่ตอนนี้หม่อมฉันร้อน มิได้หนาว เหตุใดเราต้องขับรถวนรอบเมืองเช่นนี้เพคะ”“หึ ข้าจะสั่งสอนตาเฒ่าซ่งนั่น ข่าวนี้ต้องไปถึงหูเขาก่อนที่เราจะออกจากเฉินโจว”“นี่พระองค์จงใจ!!”“ใช่ เขาบังอาจหมิ่นเกียรติอ๋องอย่างข้า คนไร้มารยาทเช่นนี้เหตุใ
ใบหน้านั้นหันไปมองผู้พูดด้วยความตกใจ แต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเขาเริ่มดึงนางเข้าไปจูบอีกครั้ง ครานี้เขาแทบไม่รอช้าที่จะผลักนางลงยังฟูกที่ปูหนาพอสำหรับพวกเขาในรถม้า “อื้อ อย่านะเพคะ”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ายิ่งห้ามบุรุษ มันจะยิ่งกระตุ้นทำให้อยากได้มากยิ่งขึ้น”“อื้อ ข้าขอร้อง อ๊าา…เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่ง..ไม่นะ อ๊าา…อื้มมม”แรงฉุดกระชากไปมาในรถม้าแต่มิได้มีผลใดกับคนด้านนอกที่นั่งอยู่ พวกเขาไม่ได้ยินเสียงด้านในเพราะเสียงตลาดของเฉินโจวที่เอาแต่จ้องมองสตรีที่นั่งอยู่ด้านรถม้าอย่างนึกสงสัยว่าเพราะเหตุใดสตรีอันดับหนึ่งของเฉินโจวจึงได้นั่งที่ตรงนั้นราวกับสาวใช้“อื้ออ…..อื้ออ….”“เยว่ซิน…อย่าเกร็ง อย่าฝืน มิใช่ว่าเราทำเช่นนี้ทุกคืนหรอกหรือ”“แต่ว่านี่มัน….มิใช่ในเรือนนอน อ๊ะ อื้มม….”เขากล่าวไม่ผิด ที่จริงก่อนจะเดินทาง พวกเขาก็นอนที่ห้องบรรทมของท่านอ๋องทุกคืน แม้ว่าจะมิได้ทำสิ่งใดเกินเลยแต่ท่านอ๋องก็ไม่เคยยอมว่างเว้นที่จะแสดงความรักกับนางทุกคืนจนนางเริ่มคุ้นชินสัมผัสของนิ้วและลิ้นของเขาแล้ว“อื้มม พี่ลู่หาน ข้าจะ…..”“ใกล้แล้วงั้นหรือ บอกมาสิว่าต้องการข้า เร็วๆเข้า มิเช่นนั้นข้าจะไม่ช่วยเจ้าอีก”“อื้อ
“ดูเจ้าสิ ระแวงข้าอีกแล้ว จงลี่อยู่กับเราตลอดทางจะเป็นไปได้เช่นไรที่เขาจะส่งข่าวมาถึงที่นี่ก่อน”“พระองค์มีหูตามากมายอยู่ทุกที่นี่เพคะ”ท่านอ๋องหันไปมองรอบๆอย่างไม่แก้ตัว เขาส่งคนมาแจ้งก่อนแล้วจริงๆว่าจะเสด็จมาพร้อมพระชายาของเขา ให้จัดห้องพักไว้เพียงห้องเดียวเพื่อเขาจะได้อยู่กับนาง“จวินลู่หาน ท่านมีสิ่งใดยังไม่บอกหม่อมฉันอีกเพคะ”ท่านอ๋องตกใจเมื่อถูกนางเรียกชื่อเขาเต็มๆ ด้วยความระแวงว่าบางอย่างที่คุยกับจงลี่ที่พักระหว่างทางจะหลุดออกไป จงลี่ได้รับข่าวจากเฉินโจวว่าใต้เท้าซ่งเมื่อเห็นสภาพบุตรสาวที่ตัวเกรียมแดดที่กลับถึงจวนพร้อมกับข่าวลือที่น่าขบขันทั้งซ่งเหมยลี่ถูกสั่งให้นั่งกับคนขับรถม้า และถูกส่งกลับเข้าเมืองหลังจากแห่รอบเฉินโจวแล้ว เรื่องนี้ทำให้ซ่งเสวียนโกรธจนพยายามลอบฆ่าคนที่ตำหนักของท่านอ๋อง“จัดการเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”“ตัดลิ้น ตัดแขนขาและสังหารมันเสีย อย่าลืมส่งแขนขาและลิ้นของพวกมันไปให้ซ่งเสวียนด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ”จวินลู่หานคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าซ่งเสวียนต้องอาศัยจังหวะที่เขาไม่อยู่ลงมือจัดการคนในตำหนักเขาแน่ ครั้งนี้เลือกจะจัดการแม่นมเถียน ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดูเยว่ซินมาตั้งแต่เด็กหมายจะใ
“พี่ลู่หาน เดินช้าๆเพคะ อย่าเร่งนัก”“ไปเถอะ เจ้าเดินตัวเปล่ายังเดินช้ากว่าข้าอีก นี่เยว่ซิน เจ้าฝึกยุทธ์มาจริงหรือไม่เหตุใดจึงดูเหนื่อยนักเล่า”“ข้ามิได้เหนื่อยแต่ว่าไม่ไ่ด้อยากจะเร่งถึงเพียงนั้น ยังเดินไม่ทั่วเลย”“เอาไว้เดินวันอื่นบ้าง มาเถอะวันนี้พอแค่นี้ รีบกลับจวนก่อน”จวนพักท่านอ๋อง“เยว่ซินเจ้าจะอาบน้ำก่อนหรือไม่”“อะ…อาบน้ำงั้นหรือเพคะ”“ใช่ หรือว่าอยากจะอาบกับข้า”“ไม่!! ท่านอย่าได้คิดรังแกข้านะจวินลู่หาน”“ข้าก็แค่จะสำรวจก่อนเท่านั้น”“ข้าจะไว้ใจท่านได้อีกเท่าใดกัน”“นี่น้องหญิงจะช้าหรือเร็วพวกเราก็ต้อง…”“พี่ลู่หานท่านคิดมากไปแล้ว”“ไม่แกล้งเจ้าแล้วไปอาบน้ำเถอะ”หลันเยว่ซินเดินหนีเขาเข้าไปที่ห้องอาบน้ำทันที แม้ว่าจะเป็นห้องอาบน้ำที่ดูใหญ่แต่ก็ยังเล็กกว่าที่ตำหนักอ๋องที่เฉินโจว เยว่ซินเดินลงไปแช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลาย ระหว่างเดินทางมาที่นี่นางยังไม่เคยได้แช่น้ำหรืออาบน้ำดีๆเลยสักครั้ง ครานี้จะได้ลองใช้สบู่ที่พึ่งซื้อมาจากร้านในตลาดเสียที“หอมจริง”เยว่ซินอาบน้ำพลันถูสบู่ไปทั่วกายจนไม่ได้นึกสังเกตว่ามีคนกำลังเดินตรงมาที่สระน้ำที่นางอาบอยู่“หอมงั้นหรือ เช่นนั้นอาบให้ข้าด้วยสิเ
เมี่ยวเข่ออ้ายนิ่งไป นางรู้สึกตกใจราวกับว่าไม่ใช่เรื่องจริง ลี่หยางจินผู้นั้น คนที่เอาแต่พูดหลักการมากมาย บัณฑิตที่พูดแต่สิ่งที่นางไม่เข้าใจ บอกรักนางงั้นหรือ นางตกใจอีกครั้งเมื่อเขากระชับกอดเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่วางที่ไหล่ของนาง“เข่ออ้าย ข้ารักท่านจริงๆ เรื่องนี้มิได้โกหก แม้ว่าสิ่งที่ข้าพูดกับท่านก่อนหน้านี้จะร้ายกาจ แต่ที่พูดเรื่องเจ้ากับหย่งเล่อ เพราะว่าข้า…หึงเจ้า ไม่อยากให้เจ้าอยู่ใกล้กับบุรุษอื่น”เข่ออ้ายทำตัวไม่ถูก ลี่หยางจินผู้นั้น บัณฑิตน่ารำคาญนั่นบอกว่ากำลังหึงนางงั้นหรือ นี่เขาป่วยจนเพี้ยนไปแล้วใช่หรือไม่“นี่ท่าน เพ้อเพราะพิษไข้งั้นหรือ”“เรื่องที่ข้าป่วยเป็นเรื่องโกหก แต่เรื่องความรู้สึกของข้าเป็นความจริง เจ้าอย่าผลักใสข้าอีกเลยนะเข่ออ้าย”“นี่พวกท่าน…รวมหัวกันหลอกข้างั้นหรือ”“มันจำเป็น หากว่าครั้งนี้ไม่อาจคุยกับเจ้า ข้าก็ไม่มีโอกาสแล้ว ดังนั้น…”“ดังนั้นพวกท่านจึงใช้เรื่องนี้มาล้อเล่นกับความรู้สึกข้า มาหลอกข้า ท่านมัน…อุ๊บ…อื้มมม”ลี่หยางจินผลักนางลงที่เตียงและจูบนางทันทีเพื่อให้นางหยุดโมโห หากว่าเขาปล่อยนางไป ให้พบนางอีกครั้งคงยากแล้ว แผนแรกพูดไปแล้ว เหลือแค่แผนที
วังหลวงแคว้นฮั่วซู“องค์หญิง เอ่อ…กระหม่อม…”ลี่หยางจินเดินตามเมี่ยวเข่ออ้ายเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องทรงงานของฝ่าบาทและจะเดินกลับไปยังตำหนัก ตั้งแต่ที่ทุ่งหญ้าเมื่อวานนี้พอกลับมาที่วังหลวง พวกเขาก็ไม่พบนางอีกเลย….“ท่านทูตเจ้าคะ องค์หญิงให้ข้าน้อยเรียนว่าวันนี้นางไม่ค่อยสบาย จึงไม่อยากรับแขกเจ้าค่ะ ขอเชิญท่านทูตกลับไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ”“แต่ว่า…”“พี่ใหญ่ ท่านไปหาเข่ออ้ายมาอีกแล้วงั้นหรือ เหตุใดจึงไม่รอทำตามแผนการของข้าก่อนเล่าเจ้าคะ”“แต่เวลาอีกแค่สองวัน ข้าเกรงว่านางจะไม่ให้โอกาสข้าอีกแล้ว”“เฮ้อ….เช่นนี้แผนของพวกข้าก็ล่มหมดสิเจ้าคะ”“แผน แผนอันใดกัน”“เช่นนี้นะเพคะ…..”ตำหนักองค์หญิง“พี่เยว่ซิน พี่หลานเฟิน พวกท่านมาแล้ว”“เข่ออ้าย เหตุใดเจ้าดูซูบเช่นนี้เล่า เจ้า…อดอาหารงั้นหรือ”“เปล่าเจ้าค่ะพี่เยว่ซิน ข้าเพียงแต่….”“อดนอน…นี่เข่ออ้าย เจ้าจะป่วยอีกคนไม่ได้นะ ให้พี่จอมอ่อนแอของข้าป่วยแค่คนเดียวก็พอ อุ่ย…”“หลานเฟิน ไหนเจ้ารับปากพี่ลี่แล้วอย่างไรว่าจะไม่…”เข่ออ้ายตกใจเมื่อได้ยินว่าลี่หยางจินล้มป่วย“เกิดสิ่งใดขึ้น พี่หยางจินป่วยงั้นหรือ เหตุใดไม่เห็นมีผู้ใดมาแจ้งข้าเลย”"เข่ออ้ายเจ้าใ
ลี่หยางจินยืนเฝ้ามองที่ทุ่งหญ้าว่างเปล่านั้นเป็นเวลาเกือบสองเค่อ เมื่อมองออกไปอีกทีก็เห็นว่าองค์หญิงขี่ม้ากลับมาพร้อมกับม้าอีกตัว น่าจะเป็นม้าของฟู่หย่งเล่อ แต่ไม่เห็นอีกสองคน “องค์หญิง แล้ว…”“ไม่พบ แต่ไม่ต้องห่วง พี่ฟู่ไม่หลงทางหรอก”“แต่ว่าหย่งเล่อไม่เคยมาที่นี่”“ข้าพาเขามาขี่ม้าสำรวจเมื่อวันก่อน เขาบอกว่าจะมาหาที่ให้พี่หลานเฟินหัดขี่ม้า”“องค์หญิงเสด็จมากับเขาตามลำพังงั้นหรือ!!”เข่ออ้ายหันไปมองเขาอย่างนึกตกใจ เมื่อนางลงจากม้าและดื่มน้ำพักเหนื่อย เขาเดินตรงมาถามนางอย่างใคร่รู้จนนางเริ่มตกใจ“ท่านเป็นอะไรไป ข้าก็แค่พาเขามาสำรวจทุ่งหญ้าเท่านั้น”“แต่ชายหญิงห้ามอยู่ด้วยกันตามลำพัง เหตุใดท่าน…อย่าว่าแต่อยู่ด้วยกันเลย นี่ท่านกล้าพาเขาออกมาสองต่อสองในที่เช่นนี้ เหตุใดท่านจึงไม่ทำตัวเหมือนสตรี….”“พอที!!”“เลิกเอาข้าไปเปรียบเทียบกับสตรีในดวงใจของท่าน ข้าก็เป็นคนเช่นนี้อยู่แล้ว และเรื่องที่ข้าจะไปไหนกับผู้ใดก็มิใช่กงการอะไรของท่าน ขอตัวก่อน”“เดี๋ยว องค์หญิง เหตุใดท่านออกมากับคุณชายฟู่ กระหม่อมจึงไม่ทราบเรื่องนี้”เขาเอื้อมมือไปจับนางไว้พร้อมกับดึงเข้ามาถาม เมี่ยวเข่ออ้ายตกใจเมื่อเขาดึง
ฟู่หย่งเล่อและหลานเฟินกลับมายังที่พักม้า เข่ออ้ายและหยางจินรอพวกเขาอยู่ที่นั่น องค์หญิงนั้นนั่งอยู่ห่างจากหยางจินคนละทางเมื่อสาวใช้ตะโกนบอกว่าพวกเขามาถึงแล้ว“องค์หญิงเพคะ แม่นางกับท่านรองแม่ทัพมาถึงแล้วเพคะ”เข่ออ้ายรีบวิ่งไปที่ม้าของหย่งเล่อเพื่อรอพวกเขา หยางจินที่ยืนมองนางอยู่กำลังจะพูด แต่เข่ออ้ายหันมามองเขาและเดินเลี่ยงไปอีกฝั่งของม้าเมื่อหลานเฟินถูกอุ้มลงมาจากหลังม้าแต่นางเหมือนกับเดินไม่ไหวจนหย่งเล่อตัดสินใจอุ้มนางเดินมาหาพวกเขา“พี่หลานเฟิน เหตุใดเป็นเช่นนี้เกิดอะไรขึ้น!!”“เข่ออ้าย คือว่าข้า…”หลานเฟินนั้นไม่กล้าตอบ ใครจะกล้าพูดว่าฟู่หย่งเล่อรังแกนางจนนางเดินไม่ไหวจนเขาต้องอุ้มนางนั่งม้ามาด้วยกันเช่นนี้ แต่ฟู่หย่งเล่อนั้นเก็บอาการได้ดีกว่านางมากนัก เขาเป็นผู้เอ่ยขึ้นมา“นางตกม้าน่ะ ข้าไปช่วยเอาไว้ทันแต่ขานางยังเจ็บอยู่ ช้าไปมากเพราะมัวแต่เรียกและตามหาม้าอยู่” (ม้าบอกโบ้ยความผิดมาที่ตรูเฉยเลย พวกเอ็งนั่นแหละ)“เช่นนั้น ท่านไปนั่งรถม้าดีหรือไม่”“ดีเหมือนกัน”“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง หลานเฟินอยากจะขี่ม้า ให้กระหม่อมนั่งไปกับนางจะได้ช่วยสอนไปด้วย ไม่ต้องห่วงนะพี่ลี่”“เอ่อ น้
หลานเฟินมองเขาที่ถูกนางนอนทับอยู่จึงได้จะลุกขึ้นแต่เขาดึงนางเข้ามาพร้อมกับประกบปากจูบอย่างรวดเร็วและผลักนางลงไปอยู่ด้านล่างแทนสายคาดเอวถูกปลดออกไปจนได้ด้วยมือเขาที่ดึงออกมา มือหนาเริ่มรุกล้ำไปที่ด้านในปกเสื้อผ่านชั้นในเข้าไป นางรู้ว่ามือเขาสั่นน้อยๆเมื่อสัมผัสถูกยอดปทุมด้านในนั้น“พี่หย่งเล่อ ท่าน…ตื่นเต้นหรือเจ้าคะ”“ข้า…อยากเห็นข้างใน เจ้า..จะอนุญาตหรือไม่”“เจ้าค่ะ ตัวข้า ใจข้าเป็นของท่านทั้งหมด ในเมื่อตกลงแล้วข้าย่อมยินยอม”“หลานเฟินเจ้าพูดเช่นนี้รู้หรือไม่ว่ามันหมายความว่าเช่นไร”“ข้าเองก็อยากเห็นเช่นกันว่าในตอนนี้แผงอกกว้างของท่านยังเหมือนเดิมเหมือนครั้งที่อยู่ที่สำนักศึกษาหรือไม่”มือเรียวบางนั้นเอื้อมไปปลดเข็มขัดของเขาออกเช่นกัน ฟู่หย่งเล่อรู้งานทันที เขาถอดชุดคลุมด้านนอกออกและปูรองเอาไว้ที่พื้นและพาหลานเฟินไปนอนที่ชุดคลุมของเขาลิ้นที่ยังพัวพันกันไม่หยุดและเริ่มถอดชุดของนางออก เขาเริ่มเห็นเนินอกขาวเนียนนั้นแต่เขาอยากเห็นมากกว่านั้นเมื่อหลานเฟินเริ่มครางอย่างพอใจ“หลานเฟิน เจ้างามจริงๆ”ปากของเข้าเปลี่ยนมาครอบครองหน้าอกขาวตรงหน้าทันที ช่างพอเหมาะพอดีมือของเขาเสียยิ่งนัก เสียง
ทุ่งหญ้าแคว้นฮั่วซู“เบาๆหน่อย เจ้าอย่าดึงบังเหียนแรงเกินไปหลานเฟิน หากมันเจ็บมันจะดีดเจ้าเอา”“ข้ารู้ๆ อย่าพูดมากนัก ข้าตื่นเต้นจนลนลานไปหมดแล้ว”“เจ้าอย่าเกร็งจนหลังตรงเช่นนั้นปล่อยตัวตามสบาย”“หากท่านพูดอีกอีกคำเดียวนะฟู่หย่งเล่อ ข้าจะ ว๊าย…”“หลานเฟิน!! จับให้แน่นๆ”ม้าที่นางขี่เกิดตกใจเมื่อลี่หลานเฟินเผลอใช้เท้ากระแทกไปที่ลำตัวมันเพราะโมโหฟู่หย่งเล่อ มันจึงพานางวิ่งไปยังทุ่งหญ้ากว้างด้านล่าง ตัวนางเอนไปมาเพราะยังทรงตัวไม่ได้ ฟู่หย่งเล่อเร่งความเร็วม้าของเขาตามนางไป“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!!”“ข้ามาแล้ว เจ้าอยู่นิ่งๆ จับให้แน่นๆนะ”“พี่หย่งเล่อ ช่วยข้าด้วย มัน…มันวิ่งไม่หยุดเลยข้ากลัว”“เจ้าอย่าตะโกนมันจะตกใจข้ามาแล้ว”ฟู่หย่งเล่อเร่งความเร็วม้าและขี่เข้าไปใกล้ม้าพร้อมกับกระโดดไปที่ม้าตัวที่นางนั่งอยู่ เขาซ้อนตัวอยู่ด้านหลังของนางและเริ่มคุมบังเหียนม้าให้นิ่ง ใช้เวลาไม่นานมันก็ค่อยๆสงบลงและลดความเร็วลง “จับดีๆ ค่อยๆลุกขึ้นมาสิเจ้าปลอดภัยแล้ว”“ข้า…ข้าอยากลง”“หากเจ้ากลัวมัน เจ้าก็จะขี่มันไม่ได้ เจ้าลองลืมตาดูสิ”“ข้ากลัว ไม่เอา”นางลุกขึ้นได้ก็หันเข้าซบอกของเขาทันที ฟู่หย่งเล่อนั้นเร
สิบวันถัดมาพิธีอภิเษกท่านอ๋องและหลันเยว่ซินถูกจัดขึ้นหลังจากที่จัดการเรื่องกบฏซ่งเสวียนและลงโทษขุนนางที่เป็นผู้ร่วมมือซึ่งถูกจับมาได้หมด ทั้งหมดให้การรับสารภาพ แต่ก็ถูกปลดยศขุนนางและลงโทษเนรเทศออกจากเฉินโจว“พระชายาช่างงดงามยิ่งนัก”“ข้าเคยพบนางครั้งที่มาเดินตลาด ครั้งนั้นยังจ้องมองอยู่เลยแต่มิกล้าถามว่าเป็นบุตรสาวจวนใด ทั้งหน้าตาและผิวพรรณช่างแตกต่างกับชาวบ้านธรรมดาเหลือเกิน”“ช่างเหมาะสมกับท่านอ๋องยิ่งนัก”หลังพิธีอภิเษกที่ถูกจัดขึ้นที่ท้องพระโรงแล้ว ท่านอ๋องและพระชายาก็เดินออกมาพบปะกับประชาชนที่ระเบียงชั้นสามของวังหน้า ทั้งคู่ในชุดอภิเษกสีแดงสดยืนโบกมือให้กับประชาชนด้านล่าง“พระชายา วันนี้เจ้าเหนื่อยหรือไม่”“ไม่เพคะ เพียงแค่รอยยิ้มของทุกคนด้านล่างนั้นก็คุ้มค่าเพียงพอแล้วเพคะ”“ไปกันเถอะ เราต้องไปไหว้บรรพบุรุษและทำพิธีจารึกนามของพระชายาอีก”“เพคะ”ภารกิจหลายอย่างทั้งพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน แต่งตั้งพระชายาและจารึกชื่อในศาลบรรพชนสกุลจวินอ๋องผ่านไปด้วยดี จนเมื่อถึงเวลาส่งตัวเข้าห้องส่งตัวห้องส่งตัว“หลันเยว่ซิน ในที่สุดข้าก็ทิ้งฐานะเสด็จอาได้อย่างหมดสิ้นในวันนี้เอง”“ไม่คิดว่าพระองค์จะอย
จวินลู่หานถามชุนถง สาวใช้คนสนิทของเยว่ซินเมื่อเห็นนางเดินออกมาจากห้องของเยว่ซิน“ทูลท่านอ๋อง คุณหนูไปอาบน้ำเพคะ”“อ่อ งั้นหรือ เข้าใจแล้วเจ้าไปเถอะ”“เพคะ”เขาเดินตามเยว่ซินเข้าไปในห้องอาบน้ำทันที เมื่อเข้ามาก็เห็นว่านางนั่งพิงของสระอยู่ เขาจึงได้ค่อยๆเดินลงไปแช่น้ำกับนางทันที เมื่อลงไปแล้ว นางกลับไม่มีท่าทีตกใจหรือกล่าวว่าเขา อันที่จริง นางไม่พูดเลยต่างหาก“เยว่ซิน …เจ้ามาอาบน้ำนานแล้วงั้นหรือ”“…..”เยว่ซินมิได้ตอบเขานางหันข้างให้ท่านอ๋องเล็กน้อยแต่มิได้หนีไปที่ใด เขาจึงเดินไปอีกทางเพื่อดักนางเอาไว้“เยว่ซิน เหตุใดไม่ตอบข้า เจ้ายังโกรธข้าอยู่งั้นหรือ”นางเดินและเตรียมจะขึ้นเมื่อเขาดึงแขนนางเอาไว้ได้ทัน“เดี๋ยวสิอย่าพึ่งไป เจ้า….หากว่าเจ้าโกรธข้าจะด่าข้าก็ได้ หรือตีข้าก็ได้ แต่อย่าเดินหนีแล้วไม่คุยกับข้าเช่นนี้”หลันเยว่ซินหันไปมองท่านอ๋องแวบนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงที่เรียบไร้ความรู้สึก“รีบอาบแล้วตามขึ้นมา”“เยว่ซิน…”นางสลัดมือเขาออกและเดินขึ้นไปสวมเสื้อคลุมและเดินออกไปทันที ทิ้งให้ท่านอ๋องที่เริ่มทำตัวไม่ถูกกับท่าทีที่เย็นชานั้น เขาไม่เคยง้อสตรีที่มีอาการเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าต
มีดปลายแหลมซึ่งเป็นอาวุธลับของแคว้นอวิ๋น ทำจากทองคำขาวบริสุทธิ์ ซึ่งอาวุธนี้มีเพียงคนของแคว้นอวิ๋นเท่านั้นที่มีใช้เพราะพวกเขาทำขึ้นมาเอง ทั้งร้ายแรงและคมดุจกระบี่และยังอาบยาพิษร้ายแรงอีกด้วย ซ่งเหมยลี่พุ่งตัวเข้าไปบังท่านอ๋องไว้ พร้อมกับมีดสั้นสีเงินด้านหลังที่พึ่งปักไปที่กลางหลังของซ่งเสวียน“เยว่ซิน!!”“แม่นางซ่ง!!”ซ่งเหมยลี่ใช้ตัวบังท่านอ๋องไว้ ครานี้นางได้ปกป้องชีวิตของเขาเอาไว้ตามแผนการที่บิดานางวางไว้เสียทีในที่สุด แต่อาวุธที่ปักที่อกของนางกลับเป็นมีดที่พ่อนางซัดใส่เองกับมือ“เหมย…เหมยลี่ ทำไม!!”ร่างของนางล้มลงพร้อมกับบาดแผลจากเลือดสีแดงสด เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำเพราะยาพิษที่อาบเอาไว้ที่มีด ท่านอ๋องรับซ่งเหมยลี่เอาไว้ในอ้อมแขน ซ่งเสวียนถูกฟู่หย่งเล่อจับตัวเอาไว้ แต่เขาเองก็กำลังหายใจรวยรินอยู่เช่นกันเพราะมีดของหลันเยว่ซินที่พุ่งมาปักกลางหลังของเขา“ท่านฆ่าพ่อข้าสินะ ข้าจะไม่กลายเป็นคนบ้านแตก หากมิใช่การกระทำของท่านในครั้งนั้น วันนี้ยังกล้าลอบสังหารท่านอ๋อง ท่านคิดว่าข้าจะยอมปล่อยให้ท่านทำเช่นนั้นหรือ!!”“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ นึกไม่ถึง….ว่าข้าจะถูกบุตรของศัตรูฆ่าเอาได้ เดิมทีคิดว่าจะตายเพร