LOGINหยางอี้คังถอนหายใจเสียงดัง ภาระดังกล่าวเขาไม่อาจเลี่ยง
“มันคือหน้าที่ชายชาติทหาร”
“ท่านพูดถูก สำหรับข้าก็เช่นกัน ถึงเป็นสตรีแต่ไม่ถนัดเย็บปักถักร้อย แม้แต่เรื่องอาหารยังไร้ฝีมือ เช่นนี้ยากจะเป็นหลังบ้านให้ท่าน รู้แล้วก็ลองตรองดูเถิดท่านพี่”
ม่านลั่วลั่วไม่ใช่หญิงสาวอ่อนหวาน นางเรียนรู้วรยุทธ์จากบิดา และท่านปู่ยังเป็นถึงเจ้าสำนักกระบี่มือหนึ่งในยุทธภพ
“ถึงกระนั้น คำสัญญาของเราข้ายังยึดมั่น”
“ท่านแม่ทัพ จิตใจข้านับถือท่านมิน้อย กระนั้นเราต่างรู้ดีว่าสายน้ำมิไหลย้อนกลับ หลายสิ่งไม่อาจย้อนคืน เมื่อครั้งยังเด็กข้านิยมชมชอบท่าน มิต่างจากเด็กหญิงตัวน้อยที่โหยหาพี่ชายซึ่งเป็นตัวแทนของความกล้าหาญ และยังหล่อเหลาหาผู้ใดเทียบติด แต่เมื่อเติบใหญ่ข้ากลับชอบท่องเที่ยวไปทั่วหล้า สตรีเช่นนี้สมควรเป็นหยางฮูหยินของท่านหรือ”
หยางอี้คังนิ่วหน้า กระนั้นเขายังคิดว่าม่านลั่วลั่วเหมาะสมกับตน ดังนั้นจึงได้ทำสัญญากับนางไว้ว่า ในเทศกาลไว้บ๊ะจ่างของปีหน้า เขากับนางนัดพบกันที่เนินเขานิรนามเพื่อตกลงกันเรื่องคำมั่นในการแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ทว่าเมื่อถึงวันจริง เขาไม่ทันได้พบหน้าหญิงคนรัก หยางอี้คังต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือสตรีผู้หนึ่ง ซึ่งเขาทราบภายหลังว่าเป็นการยุ่งเรื่องที่ไม่สมควรโดยแท้ เพราะนางคือ ซูกุ้ยฟาง สตรีที่ครั้งหนึ่งสร้างบาดแผลไว้บนร่างกายและจิตใจเขา!
“ข้าไม่ควรข้องเกี่ยวกับนางตั้งแต่แรก สตรีโฉมงามแต่อับจนปัญญาเช่นนั้น และยังมักใหญ่ใฝ่สูงเกินตัว ทั้งที่พื้นเพเป็นเพียงลูกพ่อค้าที่สร้างตัวขึ้นจากการขูดรีดผู้อื่น”
หยางอี้คังนึกแค้นใจ เขากับซูกุ้ยฟางมีเรื่องบาดหมางกันเมื่อสิบปีก่อน เรื่องซึ่งเขายังไม่อาจให้อภัยคนในตระกูลซูได้ ด้วยมันสร้างความอับอายให้เขา
“แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวกับคุณหนูซูนะขอรับ ชีวิตนางน่าสงสาร และใจก็ไม่ต้องการตกเป็นของเล่นแก่ผู้อื่น เท่าที่ทราบ เจ้าบ้านซูยกนางให้กับคุณชายเอี้ยเติ้งฉวนแห่งเรือนตะวันแดงที่อยู่ทางทิศตะวันออกติดแม่น้ำแดงเพื่อเป็นการชดใช้หนี้พนันที่เจ้าบ้านซูติดค้างไว้มากโข แต่ฝ่ายนั้นหาได้นิยมสตรี เขาต้องการซูมู่เหยา ซึ่งเป็นพี่ชายของคุณหนูกุ้ยฟาง แต่มู่เหยาเป็นคนขี้ขลาดและเจ้าสำราญ แถมไหวพริบเป็นเลิศ จึงไหวตัวทัน รีบไปขอความช่วยเหลือจากองค์หญิงเก้าซึ่งเป็นคนรัก สุดท้ายคนที่ถูกส่งตัวมาให้แก่คุณชายเอี้ยจึงเป็นคุณหนูกุ้ยฟางผู้โชคร้าย และเท่าที่บ่าวทราบ เรื่องนี้สร้างความโกรธแค้นให้คุณชายเอี้ยอย่างหนัก จึงตั้งใจขายคุณหนูซูกุ้ยฟางในตลาดในราคาที่ถูกแสนถูกเทียบเท่ากับบ๊ะจ่างหนึ่งลูก เพื่อหวังให้ตระกูลซูขายหน้า และมันก็สำเร็จเป็นอย่างดี”
อาเปี่ยวมีหูตากว้างไกล อดีตเป็นถึงทหารองครักษ์เสื้อแพร อีกทั้งมีความเก่งรอบรู้เรื่องต่างๆ ผิดแต่พักหลังสุขภาพกายไม่สู้ดี จึงถูกส่งตัวให้มารับใช้หยางอี้คัง ด้วยเขาเป็นลูกของอนุน้องชายบิดาชายหนุ่ม
“และข้าคือผู้โชคร้าย ที่ต้องเสียเงินน้อยนิดและเสียเวลา แล้วยังต้องมาดูแลผู้หญิงที่สติไม่สมประกอบ ซ้ำร้ายยังดูบ้าตัณหา”
ที่เขากล่าวเช่นนั้น เพราะหยางอี้คังคาดคะเนว่าหลังจากศีรษะนางได้รับการกระทบกระเทือนหนัก ความคิดความอ่านจึงเปลี่ยนไป จากเด็กหญิงที่เคยกล่าวหาว่าเขาเป็นขโมย กลับกลายเป็นสาวงามสมองฝ่อที่คิดทำตัวเยี่ยงหมูและเอาแต่นุ่งชุดวิวาห์สีแดง ปากก็ร่ำร้องให้ผู้ชายอุ้มขึ้นเตียง!!
อาเปี่ยวมองหน้าคนเป็นนาย ก่อนอ้อมแอ้มตอบว่า “ข้าเกรงว่าสวรรค์เท่านั้นจึงจะล่วงรู้เรื่องนี้ แต่อย่างไรเสียคุณหนูกุ้ยฟางก็งามเหนือผู้ใด นางคงสร้างความพึงพอใจให้ท่านแม่ทัพได้บ้าง”
ได้ยินเช่นนั้น มือยาวและแข็งแกร่งก็ยกจอกสุราขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด และสั่งให้อาเปี่ยวเร่งเติมอย่างไว
“ยามนี้ ข้าเป็นห่วงลั่วลั่วเหลือเกิน ป่านนี้นางจะไปซุกซนอยู่ที่ใด”
“ข้าก็ประหลาดใจยิ่งนัก และม้าเร็วของเราสืบได้ว่าแม่นางลั่วลั่วได้ออกจากเรือนหลายชั่วยามแล้ว แต่เหตุใดยังเดินทางมาไม่ถึงจุดนัดพบก็มิอาจทราบได้”
แม่ทัพหนุ่มรูปงามตบโต๊ะไปหนึ่งที และกล่าวขึ้น
“เฮ้อ ข้าคิดว่าผู้ที่ขัดขวางเรื่องนี้คงไม่พ้นเกาจื้อเฉิง เพื่อนรักของข้าเป็นแน่” เมื่อกล่าวจบก็วางจอกสุราลงบนโต๊ะเสียงดัง ก่อนสั่งให้อาเปียวนำป้านสุรามาส่งให้ จากนั้นก็กรอกมันเข้าปาก หวังให้เมามายเพื่อลืมเรื่องที่ทำให้จิตใจหนักอึ้ง
*******************
ซูกุ้ยฟางหลับๆ ตื่นๆ อยู่เกือบสองวันเต็มๆ ในห้องนอนของหยางอี้คัง นางได้รับการดูแลอย่างดีจากฝูและบ่าวรับใช้อีกสองคน ซึ่งล้วนเป็นคำสั่งของหยางอี้คัง
ช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ซูกุ้ยฟางต้องคอยหลบหน้าบุรุษรูปงาม ด้วยเขาดื่มหนักจนน่ากลัว และยังจู้จี้ขี้บ่นไปเสียทุกเรื่อง แม้แต่การแต่งตัวของหญิงสาว
“ผู้หญิงสกุลซูนิยมนุ่งห่มชุดเจ้าสาวตลอดเวลารึอย่างไร แล้วไฉนมันถึงเป็นสีแดงดั่งโลหิตเช่นนี้”
ริมฝีปากอวบอิ่มพยายามขยับโต้ตอบ แต่สมองของนางเหมือนยังไม่เข้าที่เข้าทาง และดูเหมือนจะขาวโพลนไปเสียทุกครั้ง โดยเฉพาะยามที่บุรุษเจ้าของเรือนทำสุ้มเสียงเข้มใส่ๆ พร้อมแสดงอาการเกรี้ยวกราดเกินจริง
“ผู้น้อยหาได้มีอาภรณ์อื่น และเรือนของท่านมีแต่ผ้าดิบสีดำทึมทึบเนื้อหยาบชวนให้ระคายผิว ไม่ก็สีขาวซีดๆ ราวผ้าห่อศพ!”
“นี่เจ้ากำลังกล่าวว่าข้าไร้รสนิยมเยี่ยงนั้นหรือ”
“โอ้ มิได้ ผู้น้อยมิกล้า” ซูกุ้ยฟางปฏิเสธเสียงตื่น
“ฮ่าๆๆ ใครเชื่อเจ้าคงแปลก สตรีตระกูลซูร้ายกาจและอำมหิตเพียงใด ข้าคนนี้ย่อมรู้ดีแก่ใจ”
หญิงสาวฉงนหนัก หยางอี้คังทำราวกับรู้จักนางมาตั้งแต่ชาติปางก่อน และท่าทางเขาดูรังเกียจนาง แต่พอตกดึกกลับปีนขึ้นเตียงแถมยังพยายามขยับเข้ามาใกล้ๆ การกระทำแสนพิลึกพิลั่นนี้สร้างความพิศวงแก่ซูกุ้ยฟางยิ่งนัก
“เอาละ เข้านอนได้หรือยัง ข้าง่วงเต็มทน พรุ่งนี้เช้ามีธุระต้องเข้าเมืองเพื่อเจรจางานสำคัญ”
“เจ้าค่ะ ชะ เชิญท่านแม่ทัพ” หญิงสาวบอก และค้อมตัวเดินไปตรวจสอบความเรียบร้อยของเตียงนอนหลังใหญ่ด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ......
ห้องหนังสือชั้นสองของจวนแม่ทัพ หยางอี้คังนั่งอยู่ในนั้น สีหน้าเคร่งขรึมอยู่สักหน่อย หลายคืนแล้วที่ไม่ได้ออกไปโรงสุราหรือเที่ยวหาความสำราญยังสำนักโคมเขียว ทั้งหมดเป็นเพราะจิตใจกระวนกระวายอยู่กับสาวงามของที่ชื่อซูกุ้ยฟาง!!มันเป็นเวรกรรมโดยแท้ เขาไม่น่ายื่นมือเข้าไปช่วยสตรีผู้นี้ นางอาจนำภัยใหญ่หลวงมาให้ กระนั้นเมื่อมองโฉมสะคราญ ใจก็อยู่เหนือเหตุผลทั้งหมดแต่แรกเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับนาง กระนั้นภาพสาวงามถูกเร่ขายในตลาดทำให้สงสารและเห็นใจ ทว่าหลังจากที่รับนางมาไว้ที่เรือน ซูกุ้ยฟางก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ทั้งหมดนี้เขาล่วงรู้ว่านางกำลังเล่นละครตบตา หวังให้เขาข่มเหง ซึ่งจะเพื่อการใดหากไม่ใช่นางอยากตกเป็นของเขา จากนั้นคงใช้เรื่องนี้ยกฐานะตนกลับคืน เปลี่ยนหนังสือซื้อขายตัวเป็นหนังสือตบแต่งฮูหยินเข้าสกุลหยาง ความฉลาดของนางนั้นนับว่าไม่เบาทีเดียว“ซูกุ้ยฟาง ข้าหายินดีหากต้องถูกเจ้าหยามหมิ่นความเป็นชาย!”เมื่อเขากล่าวจบประตูด้านหน้าจึงถูกเคาะ อึดใจต่อมาเขาได้ยินเสียงหวานหยดที่พยายามปั้นแต่งของซูกุ้ยฟาง“ได้เวลาน้ำชาและของว่างแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ!”“ข้าอยากอยู่แบบสงบๆ ไม่ได้รึอย่างไร” หนุ่มห
ซูกุ้ยฟางดึงตนกลับคืนสู่โลกโบราณที่นางรู้เรื่องราวไม่ถึงแปดบรรทัด เป็นแปดบรรทัดที่ชีวิตของสตรีนางหนึ่งต้องสยิวเสียวซ่านกับบุรุษขาเตียงหักหยางอี้คัง!ความสับสนประดังประเดเข้ามาในหัว นางก็รับมือไปตามสภาพ แน่นอนใครต่อใครต่างมองหญิงสาวแปลกๆ บ้างกล่าวหาว่าซูกุ้ยฟางเป็นหญิงงามวิปลาสล่มเมืองหญิงสาวถอนหายใจพรูใหญ่อย่างเบื่อหน่าย กระทั่งฝูปรากฏตัวทางด้านหลัง“โอ้ คุณหนู”“อื้อ เมื่อไหร่เจ้าจะหยุดร้องโวยวายเสียที” ซูกุ้ยฟางตำหนิอีกฝ่าย ฝู คือผู้ติดตามและเป็นแม่นมหญิงสาวมาตั้งแต่มารดาเสียชีวิต ซึ่งจะว่าไปหน้าตาก็คุ้นตั้งแต่ซูกุ้ยฟางพบครั้งแรก“บ่าวผิดไปแล้ว บ่าวจะโขกศีรษะกับพื้นเดี๋ยวนี้”“หยุดเลย” มุกนี้ใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่ซูกุ้ยฟางโผล่มาอยู่ในร่างนี้ฝูมองคุณหนูของตน ทั้งคู่เดินทางมาจากเมืองหลวงด้วยกัน กระทั่งถูกส่งตัวไปขายในตลาด และแม่ทัพหยางยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ“เมื่อคืน ทุกอย่างสำเร็จหรือไม่คุณหนู”หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ รู้สึกรังเกียจตนเองที่ต้องพยายามทำตัวเยี่ยงนางคณิกา ซึ่งฝูบอกให้ซูกุ้ยฟางเดินหมากเช่นนี้ ด้วยหยางอี้คังมีสตรีที่อยู่ในใจ ฝ่ายนั้นเป็นลูกสาวเจ้าสำนักคุ้มภัยจากเม
เมื่อไปถึงบ้านของมาติน ซึ่งสถานที่แห่งนั้นควรถูกเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะเหมาะสม แสนเสน่ห์ก็นั่งรอเอกสารอยู่นานเกือบสามสิบนาที กระทั่งลายสิงห์เดินเข้ามาและบอกว่ามีบ๊ะจ่างมาฝาก แต่ลืมเอาให้หล่อนตอนอยู่ออฟฟิศ“ขอบคุณค่ะ แต่แสนยังไม่หิว”ลายสิงห์ไม่ได้เซ้าซี้อะไร ก่อนขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ เพราะมีสายเรียกเข้ามาพอดี ระหว่างนั่งรอเอกสารจากมาติน สายตาของหญิงสาวก็หันไปมองถุงกระดาษที่ด้านในมีบ๊ะจ่างจากร้านดังแสนเสน่ห์สะดุดรูปวาดผู้หญิงในชุดจีน ดูแล้วเหมือนถูกดึงดูดด้วยมนตร์สะกดลึกลับ กระทั่งหล่อนได้สติจึงเกิดความครั่นคร้ามใจ แวบหนึ่งเกิดภาพประหลาดในหัว ประหนึ่งว่าหญิงสาวเป็นแม่นางซูกุ้ยฟาง เจ้าของเรื่องราวที่อยู่ข้างถุงกระดาษ“บ้าบอ สงสัยหมู่นี้จะอ่านนิยายท่านแม่ทัพและจิ้นการอุ่นเตียงหนักเกินไป” แสนเสน่ห์เอ่ยแล้วจึงยิ้มน้อยๆ พร้อมเปิดถุงกระดาษ หล่อนเห็นว่ามีบ๊ะจ่างที่ส่งกลิ่นหอมยั่วใจหลายชิ้น“อร่อยนะครับ ผมซื้อฝากคุณแม่ประจำเลย” เสียงลายสิงห์ลอยมาเข้าหูในตอนที่อารมณ์แสนเสน่ห์เบื่อหน่ายกับการรอคอยอย่างที่สุด“แต่มันดูไม่คลีนเลยนะคะ แสนไม่อยากอ้วน”ชายหนุ่มมองหน้าหล่อน แววตาคมๆ มีประกายวิบว
แสนเสน่ห์คอยติดตามข่าวบอสหนุ่มอยู่เสมอ หลายครั้งพยายามสื่อสารด้วย ซึ่งเจ้านายรูปหล่อฟังภาษาไทยได้ดีมาก แถมยังพ่นภาษาอังกฤษและจีนได้ไฟแลบไม่แพ้กัน หญิงสาวจึงทำได้แค่ยิ้มหวานๆ กลายเป็นคนบื้อใบ้เกือบทุกครั้งที่พบหน้ากัน ภาษาอังกฤษนั้นยังพอลื่นไหลเอาตัวรอดได้สบาย แต่เมื่อใดที่เขาใช้ภาษาจีนหรือไต้หวัน แสนเสน่ห์จึงได้แต่ทำหน้าเหวอพร้อมยิ้มกว้างเป็นตุ๊กตาไร้สมองอย่างไรก็ตามหญิงสาวล่วงรู้ถึงรสนิยมของมาติน อีกฝ่ายชอบผู้หญิง สวย สุภาพ อ่อนหวานแสนเสน่ห์จึงปรับเปลี่ยนตัวเองครั้งมโหฬาร ทว่าสุดท้ายอกกลับหักดังเป๊าะ เมื่อบอสหนุ่มหล่อมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เธอเป็นหญิงไทยแท้แต่ย้ายไปอยู่ไต้หวันกับบิดาและมารดา และครอบครัวของทั้งคู่หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่แรกเกิด เธอมีชื่อว่านาตาลี หรือลีน่า สวย เก่ง ฉลาด และรูปร่างดีมาก แถมหน้าอกหน้าใจบิ๊กไซซ์ จนแสนเสน่ห์อยากหาเงินสักก้อนไปเสริมสองเต้าของตนให้เทียบเท่าเธอ“อูย คู่นี้เขาเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก” เสียงของป้าศรีทำให้แสนเสน่ห์ต้องช้ำใจหนักเข้าไปอีก“ป้าทำให้อารมณ์หนูบูดแต่เช้าเลยรู้ไหม” แสนเสน่ห์ถอนหายใจเป็นครั้งที่สิบหลังจากได้ข่าวว่าบอสมีเจ้าสาวตัวจริง
เมื่อเขาเอ่ยเชิญชวน ซูกุ้ยฟางก็สูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมตั้งสติก่อนถามถึงเรื่องสำคัญ“ตะ แต่แท่งหยกของท่านมันตายด้าน...” นางกล่าวตรงไปนิด พอนึกขึ้นได้ว่าไม่สมควรจึงรีบแสร้งทำท่าสะเทิ้นอายกระนั้นยังมิวายมองร่างกายของชายหนุ่ม กล้ามท้องเขาเป็นลอนแกร่ง ขนในที่ลับเรียงตัวเป็นแพสวย ผู้ชายในยุคโบราณคงชอบอวดเรือนร่างตนเช่นนี้ และมันตอบสนองอารมณ์ซูกุ้ยฟางได้ดีเหลือเกิน เพราะหยางอี้คังคืออาหารตาเลิศรส“ของที่มันนอนอยู่ในฝัก ไฉนเจ้าถึงเร่งเร้าอยากปลุกให้ตื่นตัว การรุกเร้าบุรุษเยี่ยงนี้ สตรีที่ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดีพึงกระทำหรือ!” คนหล่อเหลาชักสีหน้าตึง แทนที่จะดูน่ากลัว หยางอี้คังกลับพกเสน่ห์เหลือร้ายแบบชายที่มีความกราดเกรี้ยวอยู่ตลอดเวลา ทั้งดุดัน น่ากลัว หากชวนให้หวามใจในคราเดียวกัน“ผะ ผู้น้อย มิกล้า เพียงแค่พลั้งปากพูดไป”นางตอบเขาเสียงสั่น ใจเต้นตึกตัก จากนั้นมือใหญ่จึงคว้ามือเล็กไปยึดไว้ ก่อนจับไปวางบนกล่องดวงใจที่ซูกุ้ยฟางหวังใจอยากสัมผัสเหลือเกิน“อ๊ะ...อุ๊ย ทะ ท่าน มะ แม่ทัพหยาง!”ซูกุ้ยฟางร้องอย่างตื่นตกใจ แต่ความจริงนางกำลังเป็นสุข ภาพในหัวกำลังฉายชัด นี่คือประสบการณ์ครั้งแรกที
กลางดึกคืนนั้นพระจันทร์ส่องแสงนวลตา หญิงสาวที่ยามนี้เข้าใจทุกอย่างทีละน้อย และนางมั่นใจว่าตนทะลุมิติมาอยู่ในโลกโบราณนี้อย่างเต็มตัว ซึ่งยังไม่รู้ชะตากรรมของตนว่าจะมีโอกาสหวนกลับคืนสู่โลกเดิมหรือไม่ถึงหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างไม่คุ้นชิน แต่การใช้ชีวิตที่นี่ก็หาได้ลำบากจนเกินไป กระนั้นนางต้องพยายามทำให้ทุกอย่างเดินไปตามเรื่องราวแปดบรรทัดที่เคยอ่านผ่านตาหลังผล็อยหลับไปได้สักพัก ร่างทรงเสน่ห์ก็สะดุ้งตื่น และสาเหตุมิใช่เกิดจากการเห็นภาพฝันร้ายที่วิ่งวนเพียงแค่ในหัว แต่ประเด็นสำคัญคือมือเรียวสวยไปสัมผัสเข้ากับบางสิ่งทั้งที่มันควรอยู่ในร่มผ้า ทว่าปลายนิ้วกลับแตะเข้ากับความนุ่มหยุ่นแทน!!คราแรกเพียงสัมผัสใจเต้นระรัวแรง แน่ละ ถึงบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ราคี แต่นางที่จากโลกแห่งความจริงมาใช่ว่าจะไม่เคยเห็น ในเมื่อยุคสมัยของนาง หากอยากรู้อยากเห็นสิ่งใดเพียงเลื่อนหน้าจอมือถือลื่นปรื้ดๆ เลือดกำเดาก็แทบพุ่ง!“เอ ไฉนมันถึงได้นุ่มนิ่ม...และอุ่นพิลึกดีแท้!”นางว่า และยังมิวายขยับมือเลื่อนขึ้นไปเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจอีกนิด เมื่อสองสามคืนก่อนก็นอนร่วมเตียงกับหยางอี้คัง ดูเหมือนเขาจะหวงเนื้อหวงตัวยิ่งกว่านี้ เห







