LOGINห้องหนังสือชั้นสองของจวนแม่ทัพ
หยางอี้คังนั่งอยู่ในนั้น สีหน้าเคร่งขรึมอยู่สักหน่อย หลายคืนแล้วที่ไม่ได้ออกไปโรงสุราหรือเที่ยวหาความสำราญยังสำนักโคมเขียว ทั้งหมดเป็นเพราะจิตใจกระวนกระวายอยู่กับสาวงามของที่ชื่อซูกุ้ยฟาง!!
มันเป็นเวรกรรมโดยแท้ เขาไม่น่ายื่นมือเข้าไปช่วยสตรีผู้นี้ นางอาจนำภัยใหญ่หลวงมาให้ กระนั้นเมื่อมองโฉมสะคราญ ใจก็อยู่เหนือเหตุผลทั้งหมด
แต่แรกเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับนาง กระนั้นภาพสาวงามถูกเร่ขายในตลาดทำให้สงสารและเห็นใจ ทว่าหลังจากที่รับนางมาไว้ที่เรือน ซูกุ้ยฟางก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ทั้งหมดนี้เขาล่วงรู้ว่านางกำลังเล่นละครตบตา หวังให้เขาข่มเหง ซึ่งจะเพื่อการใดหากไม่ใช่นางอยากตกเป็นของเขา จากนั้นคงใช้เรื่องนี้ยกฐานะตนกลับคืน เปลี่ยนหนังสือซื้อขายตัวเป็นหนังสือตบแต่งฮูหยินเข้าสกุลหยาง ความฉลาดของนางนั้นนับว่าไม่เบาทีเดียว
“ซูกุ้ยฟาง ข้าหายินดีหากต้องถูกเจ้าหยามหมิ่นความเป็นชาย!”
เมื่อเขากล่าวจบประตูด้านหน้าจึงถูกเคาะ อึดใจต่อมาเขาได้ยินเสียงหวานหยดที่พยายามปั้นแต่งของซูกุ้ยฟาง
“ได้เวลาน้ำชาและของว่างแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ!”
“ข้าอยากอยู่แบบสงบๆ ไม่ได้รึอย่างไร” หนุ่มหล่อแสร้งปั้นเสียงขรึมเพื่อปรามทั้งนางและสติตนที่ว่อกแว่กเหลือเกิน
“มิได้เจ้าค่ะ ผู้น้อยมีหน้าที่ดูแลความสุขแก่ท่าน ลืมแล้วหรือไรว่ากุ้ยฟางถูกซื้อมา และชีวิตนับจากนี้เป็นของท่านแม่ทัพหยางแต่เพียงผู้เดียว”
“ฮ่าๆๆ คำพูดเจ้าช่างน่าเอ็นดู”
สิ้นคำประชดประชันบานประตูก็ถูกเปิดเข้ามา และภาพที่ดวงตาคมกริบดุจพญานกอินทรีได้พบคือสตรีที่ใส่เสื้อผ้าบางเบา เป็นเสื้อที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันรัดอยู่เหนือเนินหน้าอกอวบอิ่มสะดุดตา และนางเผยไหล่ขาวนวลเนียน มีเพียงผ้าคลุมไว้อย่างหมิ่นเหม่ อีกทั้งกิริยาเยื้องย่างน่าดูชม คล้ายนางแมวน้อยยั่วยวนกิเลส มิหนำซ้ำยังทำตาโตและแสร้งหลบสายตาเขายามถูกจ้องมองเป็นระยะๆ
หยางอี้คังกระแอมกระไอสองสามหน เขาต้องการดึงสติตนที่เตลิดไปไกลกลับคืน ไม่ให้คิดหื่นกระหายต่อหญิงสาวที่แต่งตัวเปิดเผยเนื้อหนังตรงหน้า
ซึ่งปกติเขาหลงใหลความอ่อนหวานและเรือนกายหอมๆ ของสตรีอีกทั้งยังขยันอุ่นเตียงอยู่เสมอ แต่จู่ๆ เมื่อพบหญิงงามนางนี้กลับรู้สึกแตกต่าง มิใช่ไร้ความสิเน่หา แต่เป็นเพราะเขาอยากให้ทุกอย่างถูกต้อง อีกทั้งต้องการได้หัวใจซูกุ้ยฟาง หัวใจที่จะรักเขาอย่างแท้จริง มิใช่เคลือบแคลงด้วยเล่ห์กลอื่น
ในห้วงเวลานี้เขาตระหนักถึงเขาคำพูดของหมอดูตาบอดพเนจรที่บอกว่า เขาจะได้ช่วยชีวิตหญิงสาวนางหนึ่ง สตรีผู้นี้จะพลิกชีวิตเขาไปอีกด้าน แต่ให้พึงระวังเรื่องอุ่นเตียง ซึ่งเขาก็แปลกใจอยู่ครามครัน ในใต้หล้านี้จะมีสตรีนางใดปราบแท่งหยกงดงามและอันใหญ่ยักษ์ของเขาให้สงบและเชื่องลงได้
แน่ละ ชื่อเสียงแม่ทัพเตียงหักมิใช่เป็นเพียงเรื่องเล่าขานเล่นๆ แต่มันเกิดขึ้นเมื่อตอนเขารับตำแหน่งใหม่ๆ องค์รัชทายาทได้เสนอหญิงงามให้เขาถึงสามคน เพื่อไม่ให้พวกนางน้อยหน้ากัน เขาจึงได้มอบความสำราญแก่หญิงงามเหล่านั้นบนเตียงไม้หลังใหญ่อย่างพร้อมเพรียง และนั่นกลายเป็นข่าวใหญ่โต เพราะยังไม่ทันได้เสร็จกิจขาเตียงก็หักดังโครม!
กระทั่งมีช่างตีเหล็กฝีมือดีเสนอจะทำเตียงเหล็กให้เขา แต่แม่ทัพหยางปฏิเสธ ข่าวนี้ยิ่งเป็นที่กล่าวขานไปทั่ว ในที่สุดหยางอี้คังจึงมีฉายาว่า ‘แม่ทัพเตียงหัก’ ไปโดยปริยาย
หลังเหตุการณ์ขาเตียงหักก็มีเหตุร้ายตามมา สามปีหลังจากนั้นเขาก็ชนะสงครามทางใต้ ได้หญิงงามเป็นของขวัญ คราวนี้พวกนางมากันถึงห้าคน ชายหนุ่มก็ปรนเปรอมอบความสุขให้อย่างถ้วนทั่ว เพราะเขาอยู่ในวัยกลัดมันและลุ่มหลงเรื่องอุ่นเตียงเป็นทุนอยู่แล้ว ทว่าพอเสร็จกิจหญิงสาวทั้งห้าต่างเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา จะว่าตายคาอกก็มิผิด เรื่องดังกล่าวจึงฝังใจเขาเรื่อยมาก พลอยให้หยางอี้คังไม่อยากยุ่งเกี่ยวเสพรักกับสตรีนางใด
ดวงตาคมหรี่มองหญิงงามตรงหน้า นางสวยบาดตามากด้วยแรงขับเคลื่อนทางเพศ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกไม่ไว้วางใจ คือหญิงสาวผู้นี้ดูอย่างไรก็ผิดแผกจากสตรีทั่วไป จนเขาเกรงว่านางอาจมีประสงค์ร้ายแอบแฝง แต่เขายังไม่แจ้งใจเรื่องนี้
“เจ้านึกเช่นไร ถึงได้แปลงโฉมตนเป็นหญิงในสำนักโคมเขียว”
หยางอี้คังถาม เขามิอาจละสายตาจากสตรีเบื้องหน้า หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงจนรู้สึกประหม่า ด้วยซูกุ้ยฟางกะพริบแพขนตาถี่ๆ และยังทำปากเผยอราวกับซดน้ำแกงร้อนๆ และมีรสจัด
“เจ้าดูเหมือนร้อนและเผ็ด!”
“เปล่าเสียหน่อยท่านแม่ทัพ ผู้น้อยแค่หิว!”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วหนาเป็นแพทั้งสองข้างขึ้น สตรีเช่นนี้เขาไม่เคยพบพาน
“โอ้ ผู้น้อยเพียงแค่เย้าท่านแม่ทัพ ที่ทำทั้งหมดนี้เพราะอยากเป็นอาหารตาให้ท่านสำราญใจ”
หญิงสาวตอบอย่างเปิดเผยเจตนาชวนอุ่นเตียง ส่งผลให้แม่ทัพหนุ่มทำเสียงคำรามเตือน เขาอยากเอ่ยปากต่อว่านางอยู่บ้าง แต่เห็นว่าศีรษะนางได้รับการกระทบกระเทือนหลายส่วน และยังจากบ้านจากเมืองมาไกล เขาเลยต้องเก็บคำพูดร้ายๆ เอาไว้ กระนั้นยังไม่วายเหน็บนางพอให้รู้จักสงวนท่าที
“ข้าควรเรียกหมอจากสำนักแพทย์ประจำเมืองหรือไม่ เหตุใดถึงทำตัวเหมือนสตรีประหลาดที่ถูกนางจิ้งจอกสิงร่าง”
ซูกุ้ยฟางยืนตะลึงนานหลายอึดใจ ก่อนบีบน้ำตาออกมา กิริยานางทำให้หยางอี้คังแปลกใจ
“ทะ ที่ผู้น้อยทำไปทั้งหมด เพราะไม่อยาก...ถูกท่านแม่ทัพส่งตัวไปยังชายแดน หรือต้องกลายเป็นเมียโจร หากร้ายแรงกว่านั้น ทะ ท่านคงขายให้ไปเป็นคณิกา ตอนที่อยู่ในตลาดผู้น้อยกลัวจับใจ ท่านแม่ทัพอย่าได้กระทำต่อผู้น้อยเยี่ยงนั้นเลย หากต้องตกต่ำอีกหน สตรีแซ่ซูขอกัดลิ้นตัวเองตาย หรือไม่ท่านแม่ทัพโปรดมอบยาพิษแก่ผู้น้อย แต่หากยังมีเมตตา ขอเป็นยาพิษที่ไม่ทำให้ร่างกายงดงามนี้อุจาดตาเมื่อสิ้นลมหายใจ”
ชายหนุ่มได้ฟังคำสาธยายยาวเหยียดก็ทึ่งในความช่างเจรจาของสาวงามจนต้องอมยิ้ม ซูกุ้ยฟางเป็นหญิงสาวที่แตกต่างจากผู้ใดที่เขาเคยเกี้ยว กระนั้นเขาก็เลือกทำเสียงคำรามดุๆ ใส่สาวงาม
“เหลวไหล เห็นข้าเป็นบุรุษใจดำอำมหิตเช่นนั้นหรือ”
“ผะ ผู้น้อยผิดไปแล้ว แต่เท่าที่ทราบตอนนี้ ทะ ท่านแม่ทัพ...ไม่อยากเหลียวแล ผู้น้อย!”
ร่างสูงลุกขึ้นจากม้านั่ง ส่งสายตาคมมองร่างเย้ายวนที่มีกลิ่นกายหอมหวาน พลางคิดในใจว่า หากเขาจะลิ้มชิมรสชาตินางสักคราจะเป็นการดีหรือไม่
“บุรุษเช่นข้าย่อมมีเหตุผล และหญิงงามเช่นเจ้า หากผู้ชายมิตายด้านหรือนิยมการตัดแขนเสื้อ ย่อมสยบแทบเท้ามิอาจหันใจไปทางอื่น”
ซูกุ้ยฟางมองใบหน้าคมคาย ก่อนหยุดที่ดวงตาดุจพญานกอินทรีของหยางอี้คัง
“แล้วท่านแม่ทัพเล่า คิดเห็นการใดต่อผู้น้อย”
“กุ้ยฟาง หากไม่หลงเสน่ห์เจ้า มีหรือที่ข้าจะยื่นมือเข้าไปช่วย ทั้งที่รู้ว่าในภายภาคหน้าอาจมีเรื่องยุ่งยากตามมาไม่จบสิ้น”
หญิงสาวสะดุดใจในถ้อยคำของเขา
“ผู้น้อยเป็นเพียงสตรีบอบบาง หวังพึ่งต้นไม้ใหญ่เยี่ยงท่านแม่ทัพ อาศัยหลบฝน หลบแดด ไฉนจะกล้าสร้างความรำคาญใจ”
“ฮ่าๆๆ กล่าวได้ดี เจ้าเป็นสตรีซึ่งมีความคิดความอ่านหาได้ยากยิ่ง เช่นนี้ข้าควรทำอย่างไรกับเจ้า”
คำถามนั้นสร้างความปั่นป่วนในใจของซูกุ้ยฟาง ในหัวตอนนี้คือทำอย่างไรก็ได้ให้เขาพานางขึ้นเตียง และมอบบุตรหัวปีท้ายปีเข้าไปอยู่ในเรือนกายสวยงามนี้
“แม่ทัพหยาง สตรีต่ำต้อยที่ถูกบิดาผลักไสออกจากเรือนมาเป็นของกำนัล และโชคร้ายกลายไปเป็นสินค้าในตลาดด้วยราคาเทียบเท่าบ๊ะจ่างหนึ่งลูก ท่านยังจะสนใจเหลียวแลหรือไม่”
หยางอี้คังพิศใบหน้าของซูกุ้ยฟาง มิใช่เพียงความงามที่นางมี สตรีผู้นี้ยังเฉลียวฉลาด ช่างเอาอกเอาใจ และแฝงความเจ้าเล่ห์อยู่หลายส่วน
“กุ้ยฟาง อย่าได้กล่าวดูถูกตน”
เอ่ยจบแม่ทัพหยางก็ประคองซูกุ้ยฟาง พาหญิงสาวออกไปสูดอากาศที่ระเบียงด้านนอก
ห้องหนังสือชั้นสองของจวนแม่ทัพ หยางอี้คังนั่งอยู่ในนั้น สีหน้าเคร่งขรึมอยู่สักหน่อย หลายคืนแล้วที่ไม่ได้ออกไปโรงสุราหรือเที่ยวหาความสำราญยังสำนักโคมเขียว ทั้งหมดเป็นเพราะจิตใจกระวนกระวายอยู่กับสาวงามของที่ชื่อซูกุ้ยฟาง!!มันเป็นเวรกรรมโดยแท้ เขาไม่น่ายื่นมือเข้าไปช่วยสตรีผู้นี้ นางอาจนำภัยใหญ่หลวงมาให้ กระนั้นเมื่อมองโฉมสะคราญ ใจก็อยู่เหนือเหตุผลทั้งหมดแต่แรกเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับนาง กระนั้นภาพสาวงามถูกเร่ขายในตลาดทำให้สงสารและเห็นใจ ทว่าหลังจากที่รับนางมาไว้ที่เรือน ซูกุ้ยฟางก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ทั้งหมดนี้เขาล่วงรู้ว่านางกำลังเล่นละครตบตา หวังให้เขาข่มเหง ซึ่งจะเพื่อการใดหากไม่ใช่นางอยากตกเป็นของเขา จากนั้นคงใช้เรื่องนี้ยกฐานะตนกลับคืน เปลี่ยนหนังสือซื้อขายตัวเป็นหนังสือตบแต่งฮูหยินเข้าสกุลหยาง ความฉลาดของนางนั้นนับว่าไม่เบาทีเดียว“ซูกุ้ยฟาง ข้าหายินดีหากต้องถูกเจ้าหยามหมิ่นความเป็นชาย!”เมื่อเขากล่าวจบประตูด้านหน้าจึงถูกเคาะ อึดใจต่อมาเขาได้ยินเสียงหวานหยดที่พยายามปั้นแต่งของซูกุ้ยฟาง“ได้เวลาน้ำชาและของว่างแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ!”“ข้าอยากอยู่แบบสงบๆ ไม่ได้รึอย่างไร” หนุ่มห
ซูกุ้ยฟางดึงตนกลับคืนสู่โลกโบราณที่นางรู้เรื่องราวไม่ถึงแปดบรรทัด เป็นแปดบรรทัดที่ชีวิตของสตรีนางหนึ่งต้องสยิวเสียวซ่านกับบุรุษขาเตียงหักหยางอี้คัง!ความสับสนประดังประเดเข้ามาในหัว นางก็รับมือไปตามสภาพ แน่นอนใครต่อใครต่างมองหญิงสาวแปลกๆ บ้างกล่าวหาว่าซูกุ้ยฟางเป็นหญิงงามวิปลาสล่มเมืองหญิงสาวถอนหายใจพรูใหญ่อย่างเบื่อหน่าย กระทั่งฝูปรากฏตัวทางด้านหลัง“โอ้ คุณหนู”“อื้อ เมื่อไหร่เจ้าจะหยุดร้องโวยวายเสียที” ซูกุ้ยฟางตำหนิอีกฝ่าย ฝู คือผู้ติดตามและเป็นแม่นมหญิงสาวมาตั้งแต่มารดาเสียชีวิต ซึ่งจะว่าไปหน้าตาก็คุ้นตั้งแต่ซูกุ้ยฟางพบครั้งแรก“บ่าวผิดไปแล้ว บ่าวจะโขกศีรษะกับพื้นเดี๋ยวนี้”“หยุดเลย” มุกนี้ใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่ซูกุ้ยฟางโผล่มาอยู่ในร่างนี้ฝูมองคุณหนูของตน ทั้งคู่เดินทางมาจากเมืองหลวงด้วยกัน กระทั่งถูกส่งตัวไปขายในตลาด และแม่ทัพหยางยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ“เมื่อคืน ทุกอย่างสำเร็จหรือไม่คุณหนู”หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ รู้สึกรังเกียจตนเองที่ต้องพยายามทำตัวเยี่ยงนางคณิกา ซึ่งฝูบอกให้ซูกุ้ยฟางเดินหมากเช่นนี้ ด้วยหยางอี้คังมีสตรีที่อยู่ในใจ ฝ่ายนั้นเป็นลูกสาวเจ้าสำนักคุ้มภัยจากเม
เมื่อไปถึงบ้านของมาติน ซึ่งสถานที่แห่งนั้นควรถูกเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะเหมาะสม แสนเสน่ห์ก็นั่งรอเอกสารอยู่นานเกือบสามสิบนาที กระทั่งลายสิงห์เดินเข้ามาและบอกว่ามีบ๊ะจ่างมาฝาก แต่ลืมเอาให้หล่อนตอนอยู่ออฟฟิศ“ขอบคุณค่ะ แต่แสนยังไม่หิว”ลายสิงห์ไม่ได้เซ้าซี้อะไร ก่อนขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ เพราะมีสายเรียกเข้ามาพอดี ระหว่างนั่งรอเอกสารจากมาติน สายตาของหญิงสาวก็หันไปมองถุงกระดาษที่ด้านในมีบ๊ะจ่างจากร้านดังแสนเสน่ห์สะดุดรูปวาดผู้หญิงในชุดจีน ดูแล้วเหมือนถูกดึงดูดด้วยมนตร์สะกดลึกลับ กระทั่งหล่อนได้สติจึงเกิดความครั่นคร้ามใจ แวบหนึ่งเกิดภาพประหลาดในหัว ประหนึ่งว่าหญิงสาวเป็นแม่นางซูกุ้ยฟาง เจ้าของเรื่องราวที่อยู่ข้างถุงกระดาษ“บ้าบอ สงสัยหมู่นี้จะอ่านนิยายท่านแม่ทัพและจิ้นการอุ่นเตียงหนักเกินไป” แสนเสน่ห์เอ่ยแล้วจึงยิ้มน้อยๆ พร้อมเปิดถุงกระดาษ หล่อนเห็นว่ามีบ๊ะจ่างที่ส่งกลิ่นหอมยั่วใจหลายชิ้น“อร่อยนะครับ ผมซื้อฝากคุณแม่ประจำเลย” เสียงลายสิงห์ลอยมาเข้าหูในตอนที่อารมณ์แสนเสน่ห์เบื่อหน่ายกับการรอคอยอย่างที่สุด“แต่มันดูไม่คลีนเลยนะคะ แสนไม่อยากอ้วน”ชายหนุ่มมองหน้าหล่อน แววตาคมๆ มีประกายวิบว
แสนเสน่ห์คอยติดตามข่าวบอสหนุ่มอยู่เสมอ หลายครั้งพยายามสื่อสารด้วย ซึ่งเจ้านายรูปหล่อฟังภาษาไทยได้ดีมาก แถมยังพ่นภาษาอังกฤษและจีนได้ไฟแลบไม่แพ้กัน หญิงสาวจึงทำได้แค่ยิ้มหวานๆ กลายเป็นคนบื้อใบ้เกือบทุกครั้งที่พบหน้ากัน ภาษาอังกฤษนั้นยังพอลื่นไหลเอาตัวรอดได้สบาย แต่เมื่อใดที่เขาใช้ภาษาจีนหรือไต้หวัน แสนเสน่ห์จึงได้แต่ทำหน้าเหวอพร้อมยิ้มกว้างเป็นตุ๊กตาไร้สมองอย่างไรก็ตามหญิงสาวล่วงรู้ถึงรสนิยมของมาติน อีกฝ่ายชอบผู้หญิง สวย สุภาพ อ่อนหวานแสนเสน่ห์จึงปรับเปลี่ยนตัวเองครั้งมโหฬาร ทว่าสุดท้ายอกกลับหักดังเป๊าะ เมื่อบอสหนุ่มหล่อมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เธอเป็นหญิงไทยแท้แต่ย้ายไปอยู่ไต้หวันกับบิดาและมารดา และครอบครัวของทั้งคู่หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่แรกเกิด เธอมีชื่อว่านาตาลี หรือลีน่า สวย เก่ง ฉลาด และรูปร่างดีมาก แถมหน้าอกหน้าใจบิ๊กไซซ์ จนแสนเสน่ห์อยากหาเงินสักก้อนไปเสริมสองเต้าของตนให้เทียบเท่าเธอ“อูย คู่นี้เขาเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก” เสียงของป้าศรีทำให้แสนเสน่ห์ต้องช้ำใจหนักเข้าไปอีก“ป้าทำให้อารมณ์หนูบูดแต่เช้าเลยรู้ไหม” แสนเสน่ห์ถอนหายใจเป็นครั้งที่สิบหลังจากได้ข่าวว่าบอสมีเจ้าสาวตัวจริง
เมื่อเขาเอ่ยเชิญชวน ซูกุ้ยฟางก็สูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมตั้งสติก่อนถามถึงเรื่องสำคัญ“ตะ แต่แท่งหยกของท่านมันตายด้าน...” นางกล่าวตรงไปนิด พอนึกขึ้นได้ว่าไม่สมควรจึงรีบแสร้งทำท่าสะเทิ้นอายกระนั้นยังมิวายมองร่างกายของชายหนุ่ม กล้ามท้องเขาเป็นลอนแกร่ง ขนในที่ลับเรียงตัวเป็นแพสวย ผู้ชายในยุคโบราณคงชอบอวดเรือนร่างตนเช่นนี้ และมันตอบสนองอารมณ์ซูกุ้ยฟางได้ดีเหลือเกิน เพราะหยางอี้คังคืออาหารตาเลิศรส“ของที่มันนอนอยู่ในฝัก ไฉนเจ้าถึงเร่งเร้าอยากปลุกให้ตื่นตัว การรุกเร้าบุรุษเยี่ยงนี้ สตรีที่ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดีพึงกระทำหรือ!” คนหล่อเหลาชักสีหน้าตึง แทนที่จะดูน่ากลัว หยางอี้คังกลับพกเสน่ห์เหลือร้ายแบบชายที่มีความกราดเกรี้ยวอยู่ตลอดเวลา ทั้งดุดัน น่ากลัว หากชวนให้หวามใจในคราเดียวกัน“ผะ ผู้น้อย มิกล้า เพียงแค่พลั้งปากพูดไป”นางตอบเขาเสียงสั่น ใจเต้นตึกตัก จากนั้นมือใหญ่จึงคว้ามือเล็กไปยึดไว้ ก่อนจับไปวางบนกล่องดวงใจที่ซูกุ้ยฟางหวังใจอยากสัมผัสเหลือเกิน“อ๊ะ...อุ๊ย ทะ ท่าน มะ แม่ทัพหยาง!”ซูกุ้ยฟางร้องอย่างตื่นตกใจ แต่ความจริงนางกำลังเป็นสุข ภาพในหัวกำลังฉายชัด นี่คือประสบการณ์ครั้งแรกที
กลางดึกคืนนั้นพระจันทร์ส่องแสงนวลตา หญิงสาวที่ยามนี้เข้าใจทุกอย่างทีละน้อย และนางมั่นใจว่าตนทะลุมิติมาอยู่ในโลกโบราณนี้อย่างเต็มตัว ซึ่งยังไม่รู้ชะตากรรมของตนว่าจะมีโอกาสหวนกลับคืนสู่โลกเดิมหรือไม่ถึงหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างไม่คุ้นชิน แต่การใช้ชีวิตที่นี่ก็หาได้ลำบากจนเกินไป กระนั้นนางต้องพยายามทำให้ทุกอย่างเดินไปตามเรื่องราวแปดบรรทัดที่เคยอ่านผ่านตาหลังผล็อยหลับไปได้สักพัก ร่างทรงเสน่ห์ก็สะดุ้งตื่น และสาเหตุมิใช่เกิดจากการเห็นภาพฝันร้ายที่วิ่งวนเพียงแค่ในหัว แต่ประเด็นสำคัญคือมือเรียวสวยไปสัมผัสเข้ากับบางสิ่งทั้งที่มันควรอยู่ในร่มผ้า ทว่าปลายนิ้วกลับแตะเข้ากับความนุ่มหยุ่นแทน!!คราแรกเพียงสัมผัสใจเต้นระรัวแรง แน่ละ ถึงบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ราคี แต่นางที่จากโลกแห่งความจริงมาใช่ว่าจะไม่เคยเห็น ในเมื่อยุคสมัยของนาง หากอยากรู้อยากเห็นสิ่งใดเพียงเลื่อนหน้าจอมือถือลื่นปรื้ดๆ เลือดกำเดาก็แทบพุ่ง!“เอ ไฉนมันถึงได้นุ่มนิ่ม...และอุ่นพิลึกดีแท้!”นางว่า และยังมิวายขยับมือเลื่อนขึ้นไปเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจอีกนิด เมื่อสองสามคืนก่อนก็นอนร่วมเตียงกับหยางอี้คัง ดูเหมือนเขาจะหวงเนื้อหวงตัวยิ่งกว่านี้ เห







![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [นางร้าย]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)