6
ตัวซวยที่ไม่อยากเข้าใกล้
บนโต๊ะอาหารบุรุษตระกูลจางสามคนต่างคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจจนชามข้าวนางพูนใกล้ล้น
“ท่านปู่ ท่านลุงและพี่ใหญ่เจ้าขา พวกท่านกินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่าเอาแต่คีบให้ข้าเลย”
“เจ้าตัวเล็กยิ่งนัก ต้องกินให้มากหน่อย” อดีตราชครูของฮ่องเต้และชินอ๋องกล่าว
“นั่นสิ เดือนหน้าก็จะปักปิ่นแล้ว ตัวยังเล็กกว่าคุณหนูวัยเดียวกันมากนัก เจ้าต้องกินให้มากๆ หน่อยนะหนี่ว์เอ๋อร์” ท่านลุงที่เป็นราชครูให้กับองค์รัชทายาทและชินอ๋องซื่อจื่อกล่าว
“พูดถึงปักปิ่น เจ้าตอบรับเทียบเชิญงานปักปิ่นของคุณหนูเจิ้งแล้วใช่หรือไม่”
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ พี่ใหญ่จะไปกับข้าด้วยหรือไม่”
“ชิงเทียนต้องไปอยู่แล้ว จะทิ้งเจ้าให้ไปร่วมงานจวนอื่นลำพังได้อย่างไร” เป็นท่านปู่จางจื้อกล่าวตอบ
“ท่านปู่ ท่านลุงเจ้าขา ข้ามีเรื่องสงสัยอยากสอบถามพวกท่านสักนิด”
“ถามแต่ท่านปู่กับท่านลุงแล้วพี่ล่ะ หรือเจ้าคิดว่าพี่มีความรู้ไม่มากพอ” จางชิงเทียนแสร้งเล่นบทโศกแย่งชิงความรักจากน้องสาว
“มีสิเจ้าคะ แต่พี่ใหญ่มีงานค่อนข้างรัดตัวอาจจะไม่รู้เรื่องราวความเป็นไปข้างนอก”
“เจ้าอยากรู้เรื่องใดเอ่ยปากถามมาได้เลย ปู่ยินดีตอบเจ้า” จางจื้อจ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยสายตาเอ็นดู
หากไม่เป็นเพราะเรื่องบ้านเมือง หลานสาวตัวน้อยผู้นี้ก็คงไม่ต้องสูญเสียมารดาและบิดาในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน
“พวกท่านพอจะรู้จักองค์รัชทายาทแห่งแคว้นสือเจ้าหรือไม่เจ้าคะ”
“องค์รัชทายาทแคว้นสือเจ้าหรือ ก็พอจะเคยเจอตอนมาเจริญสัมพันธไมตรีอยู่สองสามครั้ง อายุก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับชิงเทียน”
“เจ้าถามเช่นนี้มีเรื่องใดหรือไม่”
“ข้าเคยได้ยินว่าเขามักจะปลอมตัวเข้ามาเดินเล่นในแคว้นจงฉื้ออยู่เสมอ จริงเท็จประการใดเจ้าคะ”
“เป็นเรื่องจริง บุรุษผู้นั้นแม้จะเป็นถึงองค์รัชทายาท แต่ก็มักจะติดเล่นอยู่บ้าง” ท่านจางจื้อตอบ
“แล้วเขาเป็นอันตรายต่อแคว้นเราหรือไม่เจ้าคะ”
“ลุงคิดว่าไม่ เพราะองค์รัชทายาทผู้นี้ชอบการบริหารบ้านเมืองมากกว่าการสงคราม”
“เจ้าดูสนใจองค์รัชทายาทแคว้นสือเจ้ามากนะชิงหนี่ว์” จางชิงเทียนที่เงียบมานานเอ่ยถามหลังจากยกชาขึ้นจิบ
“พอดีวันนั้นที่ข้าออกไปเดินเล่นในตลาด ข้าเจอบุรุษท่าทางสง่างาม ได้ยินพ่อค้าแถวนั้นพูดกันว่าเขาคือองค์รัชทายาทแคว้นสือเจ้า ข้าที่เป็นบุตรสาวแม่ทัพจึงใส่ใจเป็นห่วงความมั่นคงของแคว้นเลยมาซักถามหาคำตอบเจ้าค่ะ”
“พี่คิดว่าเจ้าถูกบุรุษผู้นั้นล่อลวงไปเสียอีก”
“พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงไป ข้าไม่มีวันถูกบุรุษล่อลวงแน่นอนเจ้าค่ะ”
“พี่จะจำที่เจ้ากล่าวไว้”
“พี่ร้องน้องขานรับเช่นนี้ ลุงกับปู่เจ้าคงต้องรีบเร่งหาบุรุษมาเตรียมเป็นเขยแต่งเข้าเสียแล้ว” ไปหาซื้อทาสที่เป็นคุณชายตกยากมาสักคน แล้วฝึกฝนเป็นสามีที่ดีคอยปกป้องแก้วตาดวงใจของบุรุษตระกูลจาง อย่างไรหากเป็นทาสที่ไถ่ตัวมาย่อมเชื่อฟังและควบคุมง่าย
“แต่งเข้าก็ดีไม่น้อยขอรับท่านลุง ชิงหนี่ว์จะได้มีอิสระไม่ถูกกดขี่ข่มเหงจากพวกฮูหยินที่คร่ำครึพวกนั้น”
“ปู่ก็เห็นด้วย” เพราะหลานสาวผู้นี้โตมากับบุรุษทั้งสามอย่างพวกตน กิริยามารยาทนางอาจจะไม่ได้งดงามเช่นคุณหนูตระกูลใหญ่ ไม่ได้เพียบพร้อมในศาสตร์ทั้งสี่อาจจะไม่เป็นที่ถูกใจของฮูหยินเหล่านั้น
“เช่นนั้นข้าจะได้รีบมองหาบุรุษหน้าตาดีๆ สักคนมาแต่งเข้าจวน” จางชิงเทียนกล่าว
“ท่านปู่ ท่านลุง พี่ชายเจ้าขา พวกท่านเอาไว้กล่าวเรื่องนี้หลังจากผ่านพ้นงานปักปิ่นของข้าดีหรือไม่เจ้าคะ”
“งานปักปิ่นของเจ้าหรือ ข้าลืมไปได้อย่างไร” ท่านราชครูกล่าว
“เรื่องอื่นปู่ตามใจเจ้า แต่งานปักปิ่นอย่างไรต้องไปจัดที่จวนปู่”
“เจ้าค่ะ ข้าตั้งใจเช่นนั้นอยู่แล้ว” จางชิงหนี่ว์กล่าวเอาใจชายสูงวัย
“ปู่จะรีบเตรียมงานเพื่อให้งานปักปิ่นของเจ้าออกมาดีที่สุด”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านปู่” คุณหนูจางตอบรับด้วยรอยยิ้ม การเป็นแก้วตาดวงใจของบุรุษทั้งสามคนนี้ ช่างเป็นโชคดีของนางเหลือเกิน มีคนรักใคร่ห่วงใยเช่นนี้มันดีไม่น้อย
งานปักปิ่นของคุณหนูเจิ้งเข่อชิงถูกจัดอย่างเรียบง่ายกว่าที่นางคิดไว้มาก คนที่ถูกเชิญมามีแต่ญาติพี่น้อง และสหายคนสำคัญ ยกเว้นบุรุษสองคนนี้
จางชิงหนี่ว์ก้มหน้าลงเพื่อซ่อนสายตาไม่ค่อยชอบใจที่เห็นบุรุษสูงศักดิ์ทั้งสองคนมาร่วมงานด้วย พลันนึกถึงบทสนทนาที่ได้พูดคุยกับเข่อชิงซึ่งไปเยี่ยมเยียนนางที่จวนเมื่อสองวันก่อน
“ข้าจะทำเช่นไรดี บุรุษผู้นั้นไม่ยอมยกเลิกการหมั้นหมาย” แม้จะยังไม่ได้เข้าพิธีหมั้นหมายแต่คนทั้งแคว้นก็รับรู้ว่าคุณหนูเจิ้งคือคู่หมายขององค์รัชทายาท
“เจ้าคิดได้แล้วหรือ” นางเอ่ยถาม แววตามีประกายยินดีพาดผ่าน อย่างน้อยสหายผู้นี้ก็จะไม่มีชะตากรรมที่น่าสงสาร
“อืม พอได้ยินที่เจ้าเอ่ยในงานจิบชาชมดอกไม้ ข้าก็คิดได้ทันที เหตุใดข้าต้องพยายามมากมายถึงเพียงนั้นเพื่อบุรุษที่ไม่คิดจะไยดีความรู้สึกข้า”
การแต่งฮูหยินที่เร่งรีบของท่านราชครู มีคนมากมายที่อาจจะสงสัยว่าเหตุใดท่านราชครูจางเหว่ยถึงได้เร่งรีบตบแต่งเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดซือซือเข้าจวนจาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข่าวลือว่าคบหากัน หรืออาจจะเป็นเพราะได้เห็นบทเรียนจากการเล่าลือเรื่องของคุณหนูสวี่ ที่จู่ๆ คนเหล่านั้นบังเอิญลิ้นขาดกลายเป็นคนพูดไม่ได้ แต่โชคดีหนึ่งในนั้นมีคนเขียนอักษรได้ จึงได้เขียนเตือนคนรอบตัวไม่ให้เล่าลือเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์หรือตระกูลที่ใกล้ชิดราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าเล่าลือหรือสงสัยถึงความเร่งรีบของท่านราชครู “พี่เหว่ย ท่านจะไม่เสียใจทีหลังห
ฮองเฮาพบปะสหาย ภายในจวนท่านราชเลขาฯจาง วุ่นวายไม่น้อยเมื่อมีผู้สูงศักดิ์มาเยือนโดยได้นัดหมายกันล่วงหน้า “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ชินอ๋องที่เพิ่งลงจากรถม้าแสดงความเคารพโอรสสวรรค์และฮองเฮา “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” พระชายาสกุลจางที่ลงรถม้ามาภายหลังทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน “ตามสบายเถิด พวกเจ้าเป็นสหายของเราใช้คำธรรมดาสามัญเถิด”
“เจ้าโอบอุ้มบุตรชายของเราให้แน่นๆ ส่วนเจ้าพี่จะจับให้แน่นๆ เอง” กล่าวจบเขาก็ใช้วิชาตัวเบาโอบอุ้มพานางและบุตรชายกลับตำหนัก ทันทีที่ถึงตำหนักโจวหลี่หมิงถูกส่งตัวให้ซานจี สาวใช้ประจำตัวคนใหม่ของนางที่ทางพระสวามีหามาให้ แน่นอนว่านางมิใช่สาวใช้ธรรมดา เพราะสตรีผู้นี้คือองครักษ์เงาที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเพื่อดูแลดวงใจของท่านอ๋อง “นำไปซื่อจื่อไปมอบให้แม่นมแล้วเจ้าไปพัก ข้าจะดูแลพระชายาเอง” บุรุษที่ชื่นชอบการปรนนิบัติฮูหยินกล่าว “แงๆ” แม้จะดีดดิ้นเพียงใด แต่บุตรชายมีหรือจะต่อต้านบิดาได้ “ท่านพี่ หากลูกไม่อยากไป...” ไม่มีมาร
เรื่องเล่าหลังเป็นพระชายาของชิงหนี่ว์ ดวงตาเมล็ดซิ่งทอดมองผืนดินที่เขียวชอุ่มไปด้วยพืชผัก ที่ดินผืนนี้นางใช้เงินที่ได้จากการวาดภาพขายมาซื้อเก็บไว้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบ่าวรับใช้ผู้ภักดีทั้งสอง ก่อนหน้าที่นางจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องไม่นาน นางก็จัดการให้จื่อรั่วและจื่อเป่าที่ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันก่อนจะคืนสัญญาทาสแล้วให้ทั้งสองคนย้ายมาปลูกจวนอยู่บนที่ผืนนี้ “พระชายาท่านนั่งพักดื่มน้ำก่อนเถิดเพคะ รอแดดร่มลมตกค่อยออกไปเดินดูด้านนอก”&
“เช่นนั้นก่อนจะลงโทษน้อง ท่านพี่กินข้าวก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” “มิต้อง” กล่าวจบเขาก็รั้งนางเข้าไปแนบชิด มือใหญ่จับยึดคางเรียวเอาไว้ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนางอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ให้นางอย่างรวดเร็ว ช่างใจร้อนเสียจริง... ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อพระสวามีของตนที่เพิ่งถอนจุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ จับจ้องนางราวกับหมาป่าหิวกระหาย “น้องหญิงของพี่เลิศรสกว่าอาหารใดๆ” กล่าวจบเขาก็ช้อนเรือนร่างเปลือยเปล่าเข้าหลังฉากกั้น ว่ากันว่าฮองเฮาชื่นชอบการแช่น้ำร้อน ภายในตำหนักจึงมีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่อยู่ติดห้องบรรทม 
ฮ่องเต้ผู้เด็ดขาดกับฮองเฮา (แค่บนเตียง) นัยน์ตาดำของบุรุษสูงศักดิ์จับจ้องใบหน้าของสตรีที่ตนรักอย่างไม่ละสายตา มือใหญ่ช่วยคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจ “ท่านพี่กินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่คีบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ” แม้ยามนี้ทั้งสอ