Share

ตอนที่ 12 แผนที่ไม่ใช่แผน

last update Last Updated: 2025-01-25 14:25:17

ตอนที่ 12 แผนที่ไม่ใช่แผน

"เรื่องทะเบียนสมรส เรียบร้อยหรือยังครับ" เมื่อมาถึงฉิงหมิงก็พูดธุระของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ทักทายเจ้าของบ้านเลยแม้แต่น้อย

"จะเรียบร้อยได้ยังไง ในเมื่อเผยหนิงยังไม่ได้ลงชื่อ" หัวหน้าชุมชนตอบกลับอย่างรวดเร็วไม่ต่างกัน คนคนนี้มาใหม่ ไม่รู้ธรรมเนียมเลยหรืออย่างไร การทำงานมันต้องมีค่าน้ำชานิด ๆ หน่อยบ้างไม่ใช่แค่ใช้งานอย่างเดียว

"อ้าว หัวหน้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเรื่องลงชื่อไม่มีปัญหา ยังบอกอีกว่าประทับตราด้วยลายนิ้วมือก็ได้ พอมาวันนี้จะมาบอกแบบนี้คืออะไร" เรื่องนี้คุยตั้งแต่วันแรกแล้ว บอกเองว่าจัดการได้ 

"ตอนนั้นนึกว่าได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว รอไปก่อน เข้าเมืองต้องใช้เงิน รอให้มีหลาย ๆ คนยื่นเรื่องค่อยเข้าเมืองทีเดียว" พูดขนาดนี้หากเงินไม่มา ก็รอไปก่อนได้เลย 

"ถ้าอย่างนั้นผมขอเอกสารคืนทั้งหมดด้วย" ฉิงหมิงตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ 

"จะไม่ทำแล้วหรืออย่างไร หากอยากได้วันหลังค่อยมาเอา มาถึงจะเอาทันทีทันใดได้อย่างไร ไม่ได้ทำงานให้คนคนเดียวนะ" หัวหน้าหมู่บ้านไม่สนใจทหารที่ลาออกมาอยู่บ้านเพราะบาดเจ็บอยู่แล้ว หายไปตั้งหลายปี พ่อแม่พี่น้องไม่มี ตัวคนเดียว จะมีปัญญาทำอะไรได้ เขามีลูกบ้านมากมายที่คอยสนับสนุน

"แล้วเรื่องเอกสารตัดขาดของฉันทำไมถึงยื่นได้ละคะ" ตอนแรกหนิงหนิงยืนฟังอยู่เงียบ ๆ ก็อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องตัดขาดเพิ่มเติม

"ประทับตราด้วยลายนิ้วมือก็เรียบร้อยแล้ว เรื่องนั้นง่ายนิดเดียว" หัวหน้าหมู่บ้านหันมามองเผยหนิงชัด ๆ เพิ่งรู้ว่าเด็กสาวคนนี้หน้าตาผิวพรรณดีขนาดนี้ ทำไมแต่ก่อนถึงผมเผ้ารุงรัง ผอมแห้งกว่านี้ ช่างแตกต่างจากเมื่อก่อน

"แล้วเรื่องทะเบียนสมรส ไม่ได้เอาให้ฉันประทับตราพร้อมกันกับใบตัดขาดเหรอคะ" หนิงหนิงยังควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี ทั้งที่อยากจะถีบไอ้หัวหน้าชุมชนหน้าเงิน แต่การแสดงออกของเธอกลับตรงกันข้าม

"พรุ่งนี้ค่อยเข้ามาเอา อยากไปเดินเรื่องกันเองก็ไป แต่ต้องรู้ไว้ด้วยว่า คนในชุมชนส่วนมากจะให้หัวหน้าชุมชนเป็นคนทำเรื่องให้" ฝันไปเถอะว่าจะเดินเรื่องเองได้ง่าย ๆ ทุกอย่างต้องใช้เส้นสาย และการใช้เส้นสายต่าง ๆ ส่วนมากก็ต้องมีสินน้ำใจให้ทั้งนั้น เงินไม่อยากเสียอยากเดินเรื่องเอง แบบนี้ก็ดี จะได้พูดให้ลูกบ้านคนอื่นรับรู้ว่าสองคนนี้ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตา

"ผมจะเอาวันนี้ และจะเอาตอนนี้ด้วย เป็นหัวหน้าชุมชน แต่ใช้คำพูดเหมือนกำลังข่มขู่ลูกบ้าน" จะพูดแบบไหนเขาก็ไม่สนใจ เขาแค่ต้องการเอกสารคืนตอนนี้เท่านั้น

"มากไปแล้วไอ้หนุ่ม เป็นแค่ลูกบ้านอย่ามาดูถูกเจ้าหน้าที่ อยากย้ายไปอยู่อื่นหรือยังไง ทุกเรื่องก็ต้องผ่านหัวหน้าชุมชนทั้งนั้น" ในเมื่อเด็กมองข้ามหัว มีหรือที่เขาจะยอม ทำงานมาตั้งกี่ปี มีแต่คนเข้าหา มีแต่คนพูดจาดี ๆ ด้วย เพิ่งจะมาเจอสองคนนี้แหละที่กล้ามาพูดแบบนี้กับเขา

"อยากจะทำอะไรก็ทำ แต่ตอนนี้เอาเอกสารมาคืนได้แล้ว" ความหงุดหงิดเริ่มพุ่งขึ้นสูง มองอีกคนอย่างหาเรื่อง

"ไหนบอกจะใจเย็น" เมื่อเห็นหัวหน้าชุมชนเดินเข้าบ้านด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยพอใจมากนัก หนิงหนิงก็หันไปพูดกับสามีที่ยืนทำหน้าบึ้งตึง

คนคนนี้ความอดทนช่างต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหลือเกิน ตอนออกมาบอกเธอ กำชับเธอให้ใจเย็น ๆ ให้อยู่นิ่ง ๆ ทุกอย่างจะเป็นคนจัดการเอง แต่ดูจากท่าทางแล้ว เหมือนจะพุ่งเข้าหาเรื่องหัวหน้าหมู่บ้านมากกว่า

"เอาไป!! ทีหลังเดือดร้อนอะไรมาไม่ต้องมา อยากดูน้ำหน้าพวกแกทั้งสองคนจะอยู่ยังไง!! " ทหารก็ไม่ได้เป็นแล้ว หากไม่ทำงานในชุมชนหรือในคอมมูนจะเอาอะไรกิน อย่าหวังว่าเขาจะช่วย เขาจะเป็นคนกีดกันจนถึงที่สุด!!

หนิงหนิงรับเอกสารมาจากมือหัวหน้าหมู่บ้าน โดยไม่พูดอะไร พร้อมกับเดินจูงมือสามีให้ออกมาข้างนอก เธอยังไม่อยากให้มีเรื่องกัน ดีที่ว่าวันนี้ไม่มีใครอยู่ในบ้าน ไม่อย่างนั้นต้องมีคนเอาไปพูดจนเรื่องราวบานปลาย ต่อไปเธอสองคนจะทำอะไรลำบากมากกว่าเดิม ไม่ได้กลัวการมีปัญหาหรือมีเรื่องกับหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ตอนนี้ยังเสียเปรียบจึงจำเป็นต้องใจเย็นก่อน

"ทีหลังคุณต้องบอกตัวเองด้วย ไม่ใช่บอกแต่ฉันให้ใจเย็น ๆ " เมื่อเดินออกมาแล้วหนิงหนิงก็บอกสามี แล้วมุ่งหน้าพากันไปที่สหกรณ์ของหมู่บ้านตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก

"หนิงหนิงเหรอ... " คนที่สหกรณ์ร้องทัก แต่ไม่แน่ใจว่าใช่ไหม เพราะไม่เคยเห็นหน้าชัด ๆ เลยสักครั้ง

"ใช่จ้ะ ฉันอยากได้นมผง มีไหมจ๊ะ" หนิงหนิงยิ้มให้คนที่ถาม ซึ่งมีชาวบ้านอยู่กันหลายคน เป็นเรื่องปกติที่ชาวบ้านจะรวมตัวพูดคุยกันอยู่แล้ว และที่สหกรณ์ร้านค้าหมู่บ้านคือสถานที่ที่ทุกคนจะมารวมตัวกันเป็นประจำ

"ไม่มีหรอก หมดตั้งแต่สองวันก่อน ของยังไม่มีมาเลย ตั้งใจมาซื้อของหรือจะพากันไปไหน" ในหมู่บ้านมีไม่กี่เรื่องที่คนอยากรู้อยากเห็น นั่นคือเรื่องของคนอื่นที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง และยิ่งคนที่ถูกตัดขาดจากครอบครัวเพราะกระโดดเข้าหาผู้ชายอย่างเผยหนิง คนยิ่งพากันพูดไปสามบ้านแปดบ้าน ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วยังไม่เลิกพูดถึงเรื่องนี้เลย

"ไปเอาเอกสารที่บ้านหัวหน้ามาจ้ะ เขานัดให้มาเอา แต่พอมาเอามันยังไม่เรียบร้อย ฉันเลยต้องเอาเอกสารกลับคืน เพื่อไปทำเรื่องเอง" หนิงหนิงแสดงสีหน้าท่าทางที่ไร้เดียงสา ส่วนมือก็หยิกสามีไว้ กลัวเขาพูดอะไรแปลก ๆ ออกมา ของแบบนี้ต้องให้ผู้หญิงลงมือ รับรองได้ผลแน่นอน

"วันนี้เขาก็เข้าเมืองไม่ใช่เหรอ" เมื่อมีประเด็น ชาวบ้านก็เริ่มถกกันต่อ และพวกเขารู้ดีว่าสองสามีภรรยาคงไม่มีสินน้ำใจจ่ายให้ ไม่อย่างนั้นเรื่องน่าจะเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ว่าสองสามีภรรยาเท่านั้นที่โดนแบบนี้ ใครยื่นเอกสารราชการแล้วไม่มีน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ มอบให้หัวหน้า ก็ต้องรอนานเป็นธรรมดา

"หนิงหนิง หากไม่มีเงินก็ให้อาหารหรือไข่ไก่ก็ได้" ชาวบ้านบางคนไม่มีเงินก็เปลี่ยนเป็นอาหารหรืออะไรที่พอหาได้ให้เขาไป เวลาเข้าเมืองเขาอาจจะถือเอกสารไปยื่นให้ก็ได้ ยังไงเขาก็ต้องเข้าไปในเมืองแทบทุกวัน

"ต้องให้ด้วยเหรอจ๊ะ เขาต้องเป็นคนทำให้ไม่ใช่เหรอ ในเมื่อเขาเป็นตัวแทนของพวกเรา และเป็นตัวแทนของรัฐด้วย เขากินเงินเดือนไม่ใช่เหรอ หรือว่าหัวหน้าใจดีทำงานโดยไม่ได้รับเงินเดือน ฉันไม่รู้ว่าเขาไม่ได้รับเงินจากรัฐ เลยไม่ได้เอาอะไรติดไม้ติดมือไปให้" หนิงหนิงยังคงสวมบทบาทนางสาวไม่รู้ และยังอ่อนด้อยไร้เดียงสาอย่างที่สุด และเท่าที่ดูแล้วทุกคนเชื่อสนิทใจเลยว่าเธอไม่รู้จริง ๆ 

"รับสิ ทำไมจะไม่รับ แต่หากไม่จ่าย เขาก็ทำงานให้ช้าแบบนี้แหละ ไม่รู้ว่าหมู่บ้านอื่นเป็นแบบนี้ไหม แต่ที่หมู่บ้านเราเป็นแบบนี้มานานแล้ว" เมื่อมีคนมาเปิดประเด็น ไม่มีชาวบ้านคนไหนที่จะอยากเสียเงิน ยิ่งยุคข้าวยากหมากแพง ยิ่งทำให้ทุกคนประหยัด

"แล้วแบบนี้ ฉันต้องทำยังไงต่อดี... ฉันเอาเอกสารกลับมาแล้วด้วย" นางไม่รู้แบบหนิงหนิงยังตีหน้าซื่อถามคำถามต่อ

"หากไม่รีบก็ให้เขาทำให้ แต่หากรีบก็อย่างที่บอก" เพราะทุกคนอยู่แต่หมู่บ้าน ไม่รู้ว่าตอนนี้ข้างนอกเป็นแบบไหนยังไง ส่วนมากก็ต้องให้เขาเดินเรื่องให้ทั้งนั้น

"แต่หัวหน้าบอกว่าให้พวกฉันทำเอง เขาไม่ทำให้แล้ว" หนิงหนิงยังตีหน้าเศร้า เล่าเรื่องราวได้อย่างน่าสงสาร

"พรุ่งนี้เราก็เข้าเมืองไปเดินเรื่องเองได้ ไม่นานครับ" แค่มองตาก็รู้ใจคงเป็นแบบนี้ เพราะแค่ภรรยาปรายตามามองเท่านั้น ฉิงหมิงก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองต้องพูดหรือทำยังไงต่อ

"มันยุ่งยากไหม หนังสือหนังหาอ่านไม่ออกอีก" เมื่อได้ยินว่าเดินเรื่องเองได้ ไม่นานอีกด้วย ชาวบ้านต่างก็พากันอยากรู้ แต่เพราะไม่เคยทำเอง กลัวไปแล้วทำไม่ถูก ส่วนมากชาวบ้านก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น และที่สำคัญไม่ค่อยมีเอกสารหรือเรื่องอะไรให้ต้องเข้าไปทำอยู่แล้ว

"มีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดครับ ช่วยอ่าน ช่วยอธิบายให้เราเข้าใจ ที่สำคัญไม่ต้องรอนานเลยครับ" ฉิงหมิงเพิ่งจะไปเดินเรื่องซื้อของมาสร้างกำแพง เขารู้เรื่องนี้ดี

"พ่อหนุ่ม ที่เดินเรื่องซื้อของนั้นทหารทำให้หรือว่าทำเอง ชาวบ้านอย่างเราลงชื่อได้ไหม" ช่วงนี้เห็นรถบรรทุกอิฐวิ่งเข้าไปท้ายหมู่บ้านหลายรอบ ทุกคนรู้ดีว่าขนของมาสร้างบ้านสร้างกำแพงให้นายทหารที่ลาออกกลับมาอยู่บ้านเดิม

"ผมลงชื่อด้วยตัวเอง และหน่วยงานทหารเข้ามาช่วยทีหลังครับ" 

"ชาวบ้านลงได้ไหม" เรื่องนี้ชาวบ้านสนใจเป็นอย่างมาก เพราะลงชื่อกับหัวหน้าหมู่บ้านแล้วยังเงียบอยู่เลย บางคนก็จ่ายเงินให้ช่วยตามเรื่อง หรือที่รู้ ๆ กันอยู่คือหากได้ก่อนยิ่งดี แต่ก็ยังช้าอยู่เลย

"ผมเห็นคนอื่น ๆ ไปลงชื่ออยู่นะครับ หากสร้างบ้านใหม่ใช้ของเยอะก็อาจนานสักหน่อย แต่หากต่อเติมไม่นานครับ" บอกไปตามตรง และเพื่อกระตุ้นชาวบ้านด้วยเช่นกัน เดินเรื่องเอกสารอาจนาน ๆ ที แต่เรื่องซ่อมแซมต่อเติมบ้านนั้นแทบทุกครัวเรือนที่ยื่น แต่ก็ต้องรออยู่อย่างนี้ไม่ถึงคิวตัวเองสักที

สองสามีภรรยาวางเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัย ความอยากได้ ความอยากรู้ เพื่อกระตุ้นชาวบ้าน รู้ดีว่าเรื่องไหนที่ชาวบ้านต้องการก็เอาเรื่องนั้นออกมาพูดคุย เหมือนเป็นเรื่องทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วกลับมีความนัยแอบแฝง หากมีคนไปเดินเรื่องเอง นั่นหมายถึง หัวหน้าหมู่บ้านจะขาดรายได้จากตรงนี้ ชาวบ้านส่วนมากต้องเสียเงินให้หัวหน้าตามเรื่องนี้ให้

พูดง่าย ๆ คือติดสินบนให้เขาตามเรื่อง บางคนติดสินบนเพื่อที่จะได้แซงคิวให้ได้ของเร็วที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านไม่มีความสามารถช่วยชาวบ้านได้ขนาดนั้น แต่เขามีวิธีพูดให้ชาวบ้านเชื่อ และเงินที่ได้มาเขาก็เก็บไว้ใช้เองอย่างสบาย หากชาวบ้านได้เข้าไปฟังที่เจ้าหน้าที่บอก ชาวบ้านจะรู้เองว่ามันเป็นแบบไหน และแน่นอนว่าสิ่งที่หัวหน้าชุมชนพยายามปกปิดก็จะถูกเปิดเผยออกมา 

"ผมเพิ่งรู้ว่าภรรยาเก่งก็วันนี้" ฉิงหมิงเดินโอบไหล่ภรรยากลับบ้านพร้อมทั้งเอ่ยชมไม่ขาดปาก เคยได้ยินแต่ภรรยาบอกว่าตัวเองเป็นนักแสดงนางร้ายอันดับหนึ่ง เพิ่งรู้ว่านางร้ายแสดงได้หลายบทบาท ภรรยาเขาตีสีหน้าได้ใสซื่อ ถึงขนาดเขาที่มาด้วยกันยังเชื่อเลย

"ไม่เสียชื่อนางร้ายอันดับหนึ่งแน่นอน แต่คุณไม่นิ่ง เคยได้ยินไหมทำงานใหญ่ ใจต้องนิ่ง" หนิงหนิงหันมาต่อว่าสามี

"ภรรยาครับ หากผมไม่ทำแบบนั้นจะส่งไม้ต่อให้ภรรยาได้อย่างไร" ฉิงหมิงพูดจบพร้อมกับหัวเราะในลำคอ

"หือ... อย่าบอกนะว่านั่นคือการแสดง" ...หากเป็นแบบนั้นถือว่าเก่งกว่าเธอเสียอีก เพราะเธอมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขากำลังแสดง

"ไม่ถึงกับแสดง โมโหจริง อยากจะซัดสักสองหมัด คืนนี้เมียจ๋านอนคนเดียวได้ไหม ขอไปเอาคืนสักหน่อย หากไม่ได้เอาคืนอาจนอนไม่หลับไปหลายวันแน่ ๆ " ก่อนออกไป อุตส่าห์คิดว่าจะเป็นสามีที่ดี ไม่ให้ภรรยาลงมือเอง แต่ก็ยังต้องให้ภรรยาช่วยอยู่ดี ไม่อย่างนั้นมันไม่สมจริง

"ไม่ต้องหรอกค่ะ ในเมื่อคุณคิดจะเล่นงานแบบนี้ตั้งแต่แรก ช้าหน่อย แต่เล่นให้หนักแบบนี้ดีแล้ว" หากสามีไม่บอกก่อนว่าจะทำอย่างไร เธอก็คงตามไม่ทัน ดีที่พอจะรู้เรื่องบ้าง หากไปแบบไม่รู้อะไรเลย อาจเป็นเธอที่โดดโหยง ๆ เพราะโมโหกับคำพูดของหัวหน้าชุมชนอย่างแน่นอน

"พรุ่งนี้เข้าเมืองกัน ทำเรื่องให้เรียบร้อย และจะได้ไปยื่นเรื่องร้องเรียนด้วย สามีจะพาเมียจ๋าไปลองกินอาหารในเมืองด้วย" ฉิงหมิงก้มลงหอมหัวภรรยาอย่างมันเขี้ยว เขารู้สึกว่ายิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งเหมือนกัน และแค่มองตาก็พากันไปต่อได้โดยที่ไม่ต้องพูดหรือบอกอะไร

"เขาจะได้หลุดจากตำแหน่งจริง ๆ ใช่ไหมคะ" การทำแบบนี้ใช้เวลานานในการตรวจสอบ กว่าจะเอาคืนได้ก็ลืม แบบนั้นมันไม่ค่อยทันใจเธอสักเท่าไหร่

"เมียจ๋า... สามีคนนี้มีทางลัด อย่าห่วงเลย นานสุดไม่เกินหนึ่งเดือนแน่นอน เรามีหลักฐานและพยานครบ ก่อนหน้านี้เราก็สร้างพยานไว้แล้ว อย่าห่วงเลย" ฉิงหมิงไม่อยากให้ภรรยาคิดเรื่องนี้แล้ว เพราะเขามั่นใจและคิดว่ามันจบแน่ ๆ และจบได้สวย ๆ เพราะได้ความร่วมมือจากภรรยา

"ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าคุณหรือฉันกันแน่ที่แสดงเก่ง เริ่มไม่น่าไว้ใจแล้ว" เพราะจากที่ดูเหมือนทุกอย่างเป็นแผนที่เขาวางไว้ และเหมือนเธอเป็นหมากให้เขาอีกด้วย

"จำไว้หนิงหนิง ผมเป็นตัวเองเวลาอยู่กับคุณเท่านั้น นี่คือตัวตนที่แท้จริงของผม กับคนอื่นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ว่าไปแล้วเมียจ๋านี่น่าทำงานในกองทัพ น่าจะสืบข่าวได้ดี แสดงเนียนกริบ และเราทำงานเข้าขากันสุด ๆ ทั้งที่ผมไม่ได้บอกแผนทั้งหมด แต่สามารถรุกและรับได้ทัน เนื้อคู่กันจริง ๆ เนอะ" ฉิงหมิงยังคงเย้าแหย่ภรรยาอย่างอารมณ์ดี

"โอ๊ย... อยากจะบ้าตาย" เพราะความกะล่อนของเขาที่พลิกไปพลิกมา เธอก็เริ่มปวดหัวแล้วเหมือนกัน

"ไม่แกล้งแล้ว ไม่ปวดแล้วเนอะ" ฉิงหมิงเลิกเล่นทันทีที่เห็นท่าทางของภรรยา เขารู้ว่าควรหยุดตอนไหน ไม่อย่างนั้นได้ทะเลาะกันจริง ๆ แน่

"ฉันหวังว่าวันหนึ่งคุณจะไม่วกกลับมาเล่นงานฉัน" เมื่อรู้ถึงความร้ายกาจของสามีภายใต้ใบหน้าทะเล้น หนิงหนิงรู้เลยว่าหากเป็นศัตรูกับเขา ต้องรับมือยากมากแน่ ๆ 

"ไม่มีทาง ผมไม่ทำแบบนั้นกับภรรยาตัวเองเด็ดขาด แต่หากคุณคิดหย่าขาดเมื่อไหร่ ก็ค่อยเตรียมรับมือผมเมื่อนั้นได้เลย" เรื่องอื่นยอมหมด มีเรื่องหย่านี่แหละห้ามเด็ดขาด เรื่องนี้เรื่องเดียวที่เขาจะไม่ยอมภรรยา

หนิงหนิงแหงนหน้ามองคนข้าง ๆ เธอคงหนีเขาไม่พ้นแน่ ๆ เห็นไส้เห็นพุงกันขนาดนี้ ขนาดแผนที่เธอคิดว่าไม่ใช่แผน ยังเป็นแผนจริง ๆ ของเขาเลย และเธอดันไปเป็นคนเดินหมากให้เขาอย่างไม่รู้ตัวอีกด้วย 

"อย่าคิดมาก เราเข้ากันได้ดี นี่ขนาดยังไม่แก้ผ้ายังเข้ากันขนาดนี้ หากเราแก้ผ้ารับรองเข้ากันจนมิดเลย... ลองไหม" เมื่อรู้ว่าแกล้งได้แล้ว เขาก็แกล้งต่อทันที

"ฉันบอกให้เงียบ ๆ นิ่ง ๆ เข้าใจไหม" หนิงหนิงหยิกเข้าที่สีข้างพร้อมกับเอ่ยเสียงลอดไรฟันให้อีกคนรับรู้

"โอ๊ย... ยอมครับ ยอมทุกอย่างเลยเมียจ๋า นิ่งแล้ว เงียบแล้ว ไม่พูดแล้ว เข้าใจแล้ว" เมื่อโดนบิดอย่างแรง ภรรยาสั่งอะไรรีบรับปากทันที

"เล่นให้มันรู้เวลาบ้าง ถ้ายังไม่หยุดไม่ต้องเข้ามานอนในห้อง!! "

เมื่อเจอคำขู่ของภรรยา แม้แต่เจ็บยังไม่กล้าซูดปากออกมาเลย ให้ทำอย่างอื่นที่ยากกว่านี้ยังดีกว่าไล่ออกมานอนนอกห้อง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมเขาต้องกลัวเรื่องนี้ด้วย บ้านก็บ้านของเขา แต่หากภรรยาสั่งเขากลับรีบทำ ไม่อย่างนั้นเขาได้นอนข้างนอกแน่ ๆ นอนข้างนอกไม่น่ากลัวเท่าไม่ได้นอนกอด

เขาคุ้นชินกับการนอนกอดภรรยาเสียแล้ว ตัวนุ่ม ๆ กลิ่นหอม ๆ ระยะเวลาเพียงไม่นาน เขากลับชอบที่จะนอนกอดภรรยาจนยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เพราะกลัวโดนไล่ออกจากห้องตัวเอง ไม่รู้ผู้ชายคนอื่นจะเป็นเหมือนเขาไหม แค่ภรรยาหันมาจ้องนี่ก็ร้อนตัวแล้ว คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด ไม่กล้าจ้องตาภรรยาที่กำลังโมโห

อาจเป็นอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับคนที่หยุดหายใจแล้วฟื้นขึ้นมา อาการที่เขาเป็นนั้นมันประหลาดมาก ๆ คงต้องรีบไปหาหมอ หากรักษาได้จะได้รีบรักษาแต่เนิ่น ๆ  เพราะเขากลัวเป็นหนักมากกว่าเดิม นี่ขนาดอยู่ด้วยกันยังไม่ถึงเดือนยังเป็นขนาดนี้ หากอยู่ด้วยกันนานไปเขาอาจเป็นหนักขึ้นเรื่อย ๆ ปล่อยไว้ไม่ดีแน่ ๆ ต้องรีบหาหมอโดยด่วน...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามกาลเวลามาเป็นภรรยาในยุค 70   ตอนที่ 48 บทส่งท้าย

    ตอนที่ 48 บทส่งท้ายห้าปีผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือสุขภาพร่างกายของคนในครอบครัว หลี่อี้สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยแล้ว สามารถช่วยงานลูกเขยได้อย่างสบายซูหรงเป็นคุณย่าและคุณย่าทวดที่แข็งแรงเช่นเดียวกัน รับหน้าที่ช่วยหลานเขยและลูกชายในการดูแลสวนผัก บ่อปลา และโรงเพาะเห็ดที่ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมรัฐบาลเริ่มเปิดให้ประชาชนซื้อขายที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว จึงทำให้ครอบครัวของหนิงหนิงซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน และตอนนี้ก็เริ่มเปิดให้ทำการค้าได้อย่างเสรีอีกด้วย แต่หนิงหนิงก็ยังทำการค้ากับตระกูลจ้าวเหมือนเดิม เพราะว่าทำกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม และเธอเน้นขายส่งมากกว่าขายปลีกหนิงหนิงไม่ได้ย้ายไปอยู่ในเมืองเหมือนคนอื่น ๆ ที่นิยมเข้าไปอยู่ในเมือง เนื่องจากมีการเปิดให้ค้าขายอย่างเสรีแล้ว จึงทำให้คนนิยมย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเพราะสามารถเปิดร้านค้าขาย คนเลยย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก แต่เธอยังอยู่ที่เดิม บ้านหลังเดิม เธอคุ้นเคยกับที่นี่ เธอชอบที่จะอยู่แบบนี้ มันไม่ได้วุ่นวาย มีแต่คนกันเองและคนในครอบครัวเพียงเท่านั้นส่วนครอบครัวเหอได้ย

  • ข้ามกาลเวลามาเป็นภรรยาในยุค 70   ตอนที่ 47 ครอบครัวเราใหญ่มาก

    ตอนที่ 47 ครอบครัวเราใหญ่มากหนิงหนิงกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว การเลี้ยงลูกของเธอไม่ค่อยวุ่นวายสักเท่าไหร่ เพราะฝาแฝดเลี้ยงง่าย กินแล้วก็นอนอย่างเดียว วันนี้เป็นวันแต่งงานของเหอหยวน ซึ่งคนที่เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอเจ้าสาวก็คือครอบครัวของเธอนั่นเอง แต่งเสร็จก็เข้ามาอยู่รวมกับครอบครัวของเธอ เพราะพวกเขายังไม่ได้สร้างบ้าน ก็เลยยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมซึ่งตั้งอยู่ตรงสวนหลังบ้านนั่นเองหนิงหนิงก็ไม่อยากให้ทั้งสามคนออกไปอยู่ที่อื่น หากสร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยย้าย แบบนั้นจะสบายใจมากกว่า เพราะอยู่ด้วยกันมานานและรู้ว่าพวกเขาเป็นแบบไหน มันเลยทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วงสามพี่น้องบ้านเหอมากพอสมควร"วันนี้ลูกสาวของพ่อแต่งตัวสวยจังเลย... " ฉิงหมิงเข้ามาในบ้านเห็นเจ้าตัวเล็กใส่ชุดสีแดง บ่งบอกถึงวันมงคล ถึงแม้จะห่อด้วยผ้าห่มหนานุ่ม แต่เขาก็ยังชมลูกสาวอยู่ดี"พาเฟยเฟยออกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง ให้หยางหยางกินนมให้เสร็จก่อน ยังไม่ยอมหยุดกินเลยสงสัยจะหิว" หนิงหนิงก้มมองลูกชายที่กำลังดูดนมไม่ยอมหยุดกินสักที เอาออกก็ร้องจึงต้องปล่อยให้กินต่อ"อย่าดีกว่า... กลัวคนอยากอุ้มเฟยเฟย เดี๋ยวคนสว

  • ข้ามกาลเวลามาเป็นภรรยาในยุค 70   ตอนที่ 46 กลับบ้าน

    ตอนที่ 46 กลับบ้านนับเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่หนิงหนิงคลอดฝาแฝดชายหญิง ปกติแล้วหลังคลอดเด็กจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลไม่เกินอาทิตย์ แต่หนิงหนิงกลับอยู่ถึงหนึ่งเดือนไม่ใช่ว่าร่างกายไม่แข็งแรง ทุกอย่างสมบูรณ์แข็งแรงดีหมด แข็งแรงทั้งแม่และลูก แต่เพราะความเป็นห่วงที่สามีมีให้ทั้งแม่และลูกเลยให้อยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เพราะถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลยังมีปู่และมีย่าทวดอยู่เป็นเพื่อนอีกด้วยหากให้หนิงหนิงบอกเล่าถึงโรงพยาบาล ก็คงไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลเอกชนในโลกที่จากมา หากจ่ายค่ารักษาก็สามารถอยู่ได้นานตามที่ต้องการได้เลย ทั้งที่โรงพยาบาลนี้คือโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบการทำงานของพวกเขาสักเท่าไหร่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญนั่นคือ รอกลับบ้านพร้อมกับปู่ ซึ่งตอนนี้อาการถือว่าดีขึ้นมาก สามารถช่วยเหลือตัวเอง เดินเองในระยะใกล้ได้แล้ว แต่หากเดินในระยะไกลยังใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แล้วค่อยหัดเดินบ่อย ๆ และต้องมาหาหมอตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามอาการ ซึ่งพ่อก็รับปากหมอทุกอย่าง เพราะอยากกลับพร้อมหลานแฝด ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแล้วส่วนลูกฝาแฝดของเธอเป็นผู้หญิงและผู้ชายแฝดพี่เป็

  • ข้ามกาลเวลามาเป็นภรรยาในยุค 70   ตอนที่ 45 พวกเรามาแล้ว...

    ตอนที่ 45 พวกเรามาแล้ว...เมื่อคนเราตั้งใจทำอะไร จึงเป็นเรื่องง่ายที่มันจะสำเร็จ เจ้าก้อนแป้งที่บอกว่าจะปั้นแล้วเกิดการตื่นเต้นในวันนั้น... ผลออกมาเป็นเจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องของคนเป็นแม่ในวันนี้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าก้อนแป้งจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเท่านั้นเองชายหรือหญิงไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คนที่แพ้ท้องอย่างหนักกลับเป็นว่าที่คุณพ่อ!!"ไหวไหมคะ" หนิงหนิงเข้ามาลูบหลังสามีที่ตอนนี้นั่งหลับตาพิงกำแพงห้องน้ำอย่างหมดแรง"ขอพักสักหน่อยนะเมียจ๋า ตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ " ฉิงหมิงกอดภรรยาพร้อมกับซุกหน้าไว้บริเวณหน้าอกของภรรยา"ไปนอนบนเตียงไหม" หนิงหนิงเสนอ เพราะเขากินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาจนหมด ดูแล้วน่าจะหมดแรง"ต้องไปดูงานก่อน" เพราะวันนี้คือวันที่จับปลาจำนวนมาก เขาอยากไปดูด้วยตัวเอง"ฉันจะไปดูให้ ไม่ต้องห่วง ทนอีกหน่อย เคยได้ยินว่าแพ้ท้องแค่ไม่กี่เดือน" หนิงหนิงปลอบใจสามี เธอไม่รู้หรอกว่าแพ้ท้องเป็นแบบไหน เพราะเธอยังปกติดีทุกอย่าง"คนเราตั้งครรภ์กี่เดือนถึงจะคลอด" ฉิงหมิงหลับตาอยู่แต่ก็ยังถามคำถามที่ตัวเองอยากมั่นใจ... ว่าที่ตัวเองรู้มามันตรงกันไหม"เจ็ดถึงเก้าเดือน แต่ส่วนมากจะคลอดตอนเก้าเดือน แต่บา

  • ข้ามกาลเวลามาเป็นภรรยาในยุค 70   ตอนที่ 44 มาเถิดนะ... เจ้าก้อนแป้ง NC+++

    ตอนที่ 44 มาเถิดนะ... เจ้าก้อนแป้ง NC+++เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเข้าที่เข้าทางตามที่เคยพูดไว้ก็ถึงเวลาปฏิบัติภารกิจปั้นเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งคนที่ตื่นเต้นที่ก็หนีไม่พ้นฉิงหมิง ทั้งที่ทำอยู่แทบทุกวัน แต่วันนี้กลับตื่นเต้นเป็นพิเศษภรรยาบอกว่าหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้ว และวันนี้คือวันดี หากอยากมีเจ้าตัวเล็กก็ต้องเป็นวันนี้ เพราะวันนี้คือ วันไข่ตก เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ รู้แต่ว่าวันนี้คือวันที่เขาต้องปั้นเจ้าก้อนแป้งเท่านั้นเอง ภายในห้องนอนใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความสลัว ฉิงหมิงนั่งจ้องหน้าภรรยาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มันน่าแปลกตรงที่ว่าทุกครั้งเขาไม่เคยกังวล แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ทำไมเขาต้องกังวลมากขนาดนี้ก็ไม่รู้"คุณรู้ไหมว่า... หากเครียดมากเกินไป สิ่งที่คุณต้องการมันจะไม่สำเร็จ" ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนที่พูดอยู่แทบทุกวันว่าอยากมีลูก แต่พอถึงเวลากลับนั่งจ้องหน้าเธอ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น"คุณฟังมาจากไหน จำผิดหรือเปล่า ผมแค่กำลังคิดว่าจะทำท่าไหนดี จะลองท่าไหนก่อน ลูกชายและลูกสาวจะต้องใช้ท่าไหน... ผมกำลังคำนวณและใช้ความคิดเท่านั้นเอง" บอกภรรยาไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเขากำลังตื่นเต้นเป็

  • ข้ามกาลเวลามาเป็นภรรยาในยุค 70   ตอนที่ 43 เข้าที่เข้าทาง

    ตอนที่ 43 เข้าที่เข้าทางผ่านมาสามเดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่เริ่มแลกเปลี่ยนกับแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม หนิงหนิงได้ผู้ช่วยตัวน้อยมาคอยช่วยรดน้ำผัก และให้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อยๆ เท่าที่พอจะทำได้ หนิงหนิงส่งผลผลิตขายให้กับตระกูลจ้าวไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้เธอมีคนมาช่วยงานเพิ่มแล้ว นั่นคือครอบครัวของป้าเหลียน หลังจากวันนั้นที่นัดพูดคุยกัน เธอได้ชักชวนให้มาช่วยงาน โดยมาดูแลที่ดินผืนใหม่ที่ตอนนี้มีแปลงผักและมีบ่อปลาจำนวนมากในหมู่บ้านรู้แล้วว่าหนิงหนิงรับแลกเปลี่ยนสิ่งของ ชาวบ้านก็นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยน ถึงแม้จะได้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไป แต่ก็ยังดีกว่าทิ้งไว้แบบนั้น จึงกลายเป็นรายได้อีกทางให้ชาวบ้านได้นำของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบ้าง อาหารบ้าง"พี่สาว... จะมีโรงเรียนในหมู่บ้านจริง ๆ เหรอ" เหอเหรินถามคำถามนี้มาหลายรอบแล้ว ถามตั้งแต่เช้าก็ยังไม่หยุดถามสักที "ยังไม่แน่ใจ ต้องรอดูว่ายื่นเรื่องผ่านไหม" หนิงหนิงตอบแบบเดิม และตอบคำถามทุกครั้งที่เหอเหรินถาม จนจำไม่ได้แล้วว่าตอบไปกี่ครั้งแล้ว ที่เหอเหรินยังถามคำถามนี้ เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้ยินและได้ฟังคำตอบ เพราะตอนนี้ที่บ้านของพี่สาวไม่ได้มีเธอเป็น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status