ตอนที่ 13 นางร้ายเข้าเมือง
หนิงหนิงเปิดสมุดที่ใช้แลกสิ่งของอย่างสนใจ เพราะตอนนี้มีสิ่งของที่เธออยากได้หลายอย่าง ดีที่สิ่งของแลกเปลี่ยนสามารถแลกได้จากยุคที่เธอจากมาและสามารถแลกสิ่งของที่มาจากยุคโบราณ ซึ่งมันช่างอัศจรรย์มาก นั่นคือหินที่เป็นสี ๆ ที่ระบุว่าเป็น หินแร่ธาตุ
หากเป็นหินธาตุน้ำจะมีน้ำไหลออกมาตลอด หากอยากได้บ่อน้ำเพียงขุดบ่อลงไปแล้วนำหินไว้ก้นบ่อก็จะมีน้ำไหลออกมาทันที ไม่ต้องขุดจนเจอตาน้ำก็ได้ ซึ่งหนิงหนิงคิดว่ามันดีมาก เพราะหากเธอต้องการบ่อน้ำใช้สำหรับเพาะปลูกพืชมันจะง่ายมาก ไม่ต้องเดินไปถึงลำธารเพื่อตักน้ำ หรือทำทางน้ำไหลให้ยุ่งยาก มันเลยทำให้เธอสนใจสิ่งนี้มาก ๆ เพราะเธออยากเป็นนางร้ายปลูกผักบ้าง อย่างไรก็มีกิน ไม่อดตายแน่ ๆ
"ดูเมียจ๋าสนใจเจ้าสิ่งนี้" ฉิงหมิงทำหน้าที่ปิดบ้านพร้อมกับเตรียมตัวพากันเข้าเมือง
"จะมีคนมาขโมยไหมคะ" หนิงหนิงไม่ได้สนใจตอบคำถามสามี แต่กลับถามคำถามอื่นแทนพร้อมกับมองไปที่กองหิน กองทราย และอิฐแดง
"หากเอาไปก็เอาไปได้ไม่เยอะ และก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าในหมู่บ้านนี้ยังไม่มีใครจะต่อเติมบ้าน หากมีคนทำก็เอามาจากของเราทั้งนั้น และที่สำคัญ ภรรยาเก็บไว้ในช่องว่างแทบหมด เหลือเพียงนิดเดียวไม่ใช่เหรอครับ" ฉิงหมิงบีบแก้มคนที่ทำและแสร้งไม่รู้
"นึกว่าจะไม่สังเกต ไปกันค่ะ จะได้รีบทำรีบเสร็จ อยากไปที่โรงขยะหาพวกของเก่า ลองดูว่าพอมีสิ่งไหนที่สามารถแลกเปลี่ยนได้" การเข้าเมืองวันนี้ไม่ใช่แค่ไปเดินเรื่องเอกสารเพียงอย่างเดียว จุดประสงค์ของหนิงหนิงคือการตามหาสิ่งของแลกเปลี่ยนแบบอื่นที่ไม่ใช่ต้นไม้แบบที่เธอทำอยู่ทุกวัน เพราะพวกต้นไม้ต่าง ๆ แลกเหรียญได้น้อยมาก ๆ
"ผมก็สงสัยเท่านั้นเอง" ฉิงหมิงบอกไปตามตรง ซึ่งมันก็ดีที่ภรรยาเอาเข้าไปเก็บในช่องว่าง ถึงเขาไม่ค่อยรู้เรื่องว่ามันสามารถเก็บแบบไหนยังไง แต่หากภรรยาเป็นคนจัดการ เขาก็เชื่อใจและตามใจภรรยาทุกอย่าง เขามีหน้าที่แค่ทำตามคำสั่งก็พอแล้ว
การเข้าเมืองมีรถโดยสารประจำทางวิ่งอยู่สามเวลา ค่อนข้างสะดวก และอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน นั่งรถไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว ก่อนออกมาหนิงหนิงได้แวะหาป้าเหลียน ถามเรื่องเกี่ยวกับที่พัก ทั้งลุงและป้าจะเป็นคนจัดการให้ จึงทำให้เธอหมดห่วงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหลือแค่รอเวลาให้เพื่อนสามีมาเท่านั้นเอง ซึ่งกำหนดเวลาก็น่าจะเป็นอาทิตย์หน้า ยังพอมีเวลาให้เตรียมตัวเตรียมสิ่งของให้ครบ
ช่วงจังหวะที่รอรถ หนิงหนิงก็เดินดูต้นไม้ริมถนนไปด้วย หากมีต้นไหนที่น่าสนใจและยังไม่เคยส่งเข้าแลกเปลี่ยน หนิงหนิงจะใช้มีดด้ามเล็กขุดเพื่อส่งเข้าแลกเปลี่ยน โดยมีสามีคอยช่วยและยังตามติดไม่ยอมออกห่าง
"หนิงหนิง เข้าเมืองเหรอ" เสียงเรียกถามทำให้หนิงหนิงต้องหันไปมอง
"ใช่จ้ะ ป้าก็จะเข้าเมืองเหมือนกันเหรอจ๊ะ" หนิงหนิงหันไปมองแล้วถามกลับ ทั้งที่มั่นใจว่าใช่ แต่ก็ต้องถามพร้อมกับตีสีหน้าใสซื่ออย่างไร้เดียงสาอีกด้วย
"ใช่... จะลองไปถามเรื่องลงชื่อซื้อของซ่อมบ้าน" คนถูกถามเดินเข้าไปกระซิบตอบเสียงเบา
"ทั้งหมดเลยเหรอ" หนิงหนิงมองทุกคนที่ยืนอยู่รอบ ๆ เพราะกลุ่มนี้คือกลุ่มเดียวกับที่เจอเมื่อวานที่ร้านค้าสหกรณ์ ซึ่งทั้งหมดได้รับข่าวสารที่สามีเธอเป็นคนพูดไว้ และเป็นอย่างที่สามีเธอคาดเดาไว้ไม่มีผิด
"ใช่ สามีหนิงหนิงพาเราไปได้ไหม น้าจะจ่ายค่าเสียเวลาให้" พอมีคนเริ่มพูด คนที่เหลือก็พยักหน้าสนับสนุนความคิดอีกคนทันที
"ไม่ต้องจ่ายหรอกครับ ไปด้วยกันเพราะผมก็ต้องไปที่นั่นเหมือนกัน" ฉิงหมิงส่งมีดกับต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ที่เพิ่งขุดเสร็จให้ภรรยา พร้อมกับพูดคุยกับพวกป้า ๆ ไปด้วย
"จริงใช่ไหม ขอบใจมากพ่อหนุ่ม" ทุกคนต่างดีใจ อย่างน้อยยังมีคนที่เคยเดินเรื่องไปด้วย ที่พวกเธอรวมตัวกันมาในวันนี้ก็เพื่อที่จะลองเข้าไปดูว่าจริงไหม และได้รู้ว่าสองคนนี้ก็จะเข้าไปในเมืองเช่นกัน อย่างน้อยยังมีคนรู้จักไปด้วย ยอมแม้แต่จะจ่ายค่าจ้างให้พาไปด้วยซ้ำ อาจเพราะพวกเธอเคยชินที่ต้องทำแบบนี้ พอมาเจอคนไม่คิดค่าจ้างยิ่งทำให้ทุกคนยิ้มออกมาอย่างดีใจ
"มันอยู่ไม่ไกลกันมาก ทุกคนเอาทะเบียนบ้านมาก็สามารถตรวจสอบหรือลงชื่อได้แล้วครับ แต่หากอยากรู้ระยะเวลาสามารถถามเขาได้เลย แต่ทำแบบนี้ระวังหัวหน้าชุมชนไม่พอใจนะครับ" ฉิงหมิงยังคงแนะนำและยังไม่ลืมที่จะโยนเชื้อเพลิงใส่กองไฟกองน้อย ๆ นี้ด้วยเช่นกัน
"พวกเราไม่พูดแน่นอน อีกอย่างวันนี้เขาไม่ได้เข้าไปในเมืองเพราะเมื่อวานเขาเพิ่งเข้าเมือง หัวหน้าจะเข้าเมืองวันเว้นวัน และวันนี้มีงานที่หน่วยคอมมูน ไม่มีทางที่เขาจะรู้เรื่องแน่นอน" ก่อนออกมาก็ต้องตรวจสอบให้เรียบร้อย เพราะยังไงก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่สองสามีภรรยาบอกมานั้นเชื่อถือได้ไหม พวกเธอเลยต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน รู้กันแค่ในครอบครัวไม่กี่คนเท่านั้น
"ครับ หากเคยลงชื่อไว้แล้ว ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้ได้เลย" ฉิงหมิงส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ทุกคนก่อนที่จะหันมาส่งยิ้มหวานให้ภรรยาที่ยืนฟังอยู่เงียบ ๆ
เมื่อมาถึงสถานที่ราชการ ซึ่งมีอาคารหลายหลังตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน แยกเป็นสัดส่วนของแต่ละหน่วยงาน หนิงหนิงเดินตามสามีไปเรื่อย ๆ สายตาสำรวจและจดจำเส้นทาง เพราะนี่คือครั้งแรกที่เย่เผยหนิงทั้งโลกเก่าและโลกนี้ได้เข้ามาในเมือง และยังเข้ามาในสถานที่ราชการอีกด้วย จึงทำให้ต้องสำรวจและจดจำให้ได้หลาย ๆ อย่าง เพราะเธอไม่ได้รู้เรื่องในโลกนี้มากนัก จึงต้องศึกษา หากสิ่งไหนหลีกเลี่ยงได้ก็ต้องหลีกเลี่ยง
"หากเป็นคนของรัฐ การกินอยู่ไม่ค่อยลำบากเหมือนชาวบ้านทั่วไป" ฉิงหมิงกระซิบบอกภรรยาเพราะรู้ว่าภรรยากำลังสำรวจพื้นที่ และรู้ว่าภรรยาไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับที่นี่ เขาเลยทำหน้าที่คอยบอกและแนะนำไปด้วยตลอดทาง
"หนุ่ม ๆ สาว ๆ แต่งงานกันใหม่ ๆ นี่ดีอย่างนี้นี่เอง" เสียงป้า ๆ ที่เดินตามมาต่างพากันหัวเราะและยิ้มตามสองสามีภรรยาที่ดูแล้วสามีจะดูแลภรรยาอย่างดี คอยคุยคอยบอกว่าตรงไหนคืออะไร ถึงแม้จะไม่ได้ยินทั้งหมดที่สองสามีภรรยาพูดคุย แต่รู้ได้ในทันทีว่าสามีช่างเป็นคนที่เอาใจใส่ภรรยาเป็นอย่างดี
"ฉันไม่เคยเข้ามาในเมืองเลยจ้ะ" หนิงหนิงก็หันไปบอกและยิ้มให้ทุกคนเช่นเดียวกัน
"ดีแล้ว ต่อไปก็ได้ใช้ชีวิตของตัวเองสักที" ทุกคนรู้ดีว่าหนิงหนิงต้องทำงานอยู่ในบ้านหลังนั้นตลอด ไม่มีโอกาสออกมาข้างนอก แต่ทุกคนก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเพราะมันคือเรื่องของครอบครัว จะมีแต่เหลียนฮวาที่เข้าไปหาบ่อย ๆ เพราะอย่างน้อยเหลียนฮวาก็สนิทกับแม่ของหนิงหนิง คนที่ไม่ได้สนิทเข้าไปเฉียดหรือถามหาหนิงหนิงได้ที่ไหน บ้านนั้นไม่สนใจใครทั้งนั้น
"ขอบคุณจ้ะป้า" หนิงหนิงยิ้มให้ทุกคน ดูแล้วทุกคนก็ไม่ได้มีพิษภัยเท่าไหร่ หนิงหนิงสามารถคุยได้กับทุกคน ขอเพียงไม่ร้ายกับเธอ เธอก็ไม่ทำอะไรพวกเขาอยู่แล้ว
"หนิงหนิงเหมือนแม่ไม่มีผิด และตอนนี้รู้ตัวไหมว่าทั้งสวยทั้งน่ารัก หน้าตาสดใส อย่าบอกนะว่าเพราะมีสามีดี" พูดจบก็พากันหัวเราะคิกคักตลอดทาง
"ตั้งแต่มีสามี ฉันก็มีเวลาดูแลตัวเองมากขึ้น" หนิงหนิงพูดเหมือนปกติ แต่เธอคิดว่าคำพูดของเธอนั้น สามารถทำให้พวกป้า ๆ ทั้งหลายเชื่อมโยงไปถึงเรื่องอื่นได้อย่างแน่นอน
"นั่นสิ... แต่ก่อนเห็นทำแต่งาน แต่งออกมาแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องดี" ทุกคนในหมู่บ้านรู้เรื่องหนิงหนิงดี วัน ๆ ทำแต่งานให้คนทั้งบ้าน หากไม่ได้ทหารบาดเจ็บเป็นสามี ไม่รู้ว่าจะหาสามีได้ไหม พ่อกับแม่เลี้ยงก็ไม่คิดที่จะให้แต่งออกไป
หนิงหนิงยิ้มให้ทุกคนโดยไม่พูดอะไรต่อ ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดเดาไว้ทั้งหมด พวกป้าทั้งหลายเก่งมาก เชื่อมโยงทุกเรื่องเข้าด้วยกันได้โดยไม่มีอะไรติดขัดเลยสักนิด
"ถึงแล้วครับ เข้าไปในอาคารนี้แล้วถามเจ้าหน้าที่เลยครับ" ฉิงหมิงหยุดเดินแล้วหันมาแนะนำคนที่มาด้วยกัน
"ถามเขาได้เลยไหม ต้องทำแบบไหน พาพวกเราเข้าไปก่อนได้ไหม" ครั้งแรกที่มาเพราะความอยากรู้ แต่ก็ยังกลัวเจ้าหน้าที่อยู่ดี
"ผมไปยื่นเอกสารของตัวเองให้เรียบร้อยก่อน แล้วผมจะรีบมา" ฉิงหมิงไม่คิดที่จะทิ้งพยานทั้งหลายอย่างแน่นอน คนกลุ่มนี้เป็นพยานชั้นดีที่จะเอาผิดหัวหน้าชุมชน ยังไงเขาก็ต้องมาช่วยให้ถึงที่สุด
"ถ้าอย่างนั้นก็รีบ ๆ ไปก่อน จะได้รีบ ๆ มา ป้าจะอยู่แถว ๆ นี้แหละ" อย่างน้อยมีคนที่เคยมายื่นเรื่องมาช่วยจะได้อุ่นใจ
เมื่อแยกย้ายกันแล้วฉิงหมิงก็พาภรรยาไปยื่นรับเอกสารอย่างง่ายดาย แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เหมือนมีคนทำไว้รออยู่แล้ว เลยทำให้หนิงหนิงมองสามีที่ก้มลงเขียนหนังสือเหมือนเขาทำเป็นประจำจนคล่องแคล่ว
"คุณเป็นทหาร แต่ทำงานเอกสารคล่องเหมือนทำบ่อย ๆ " เมื่อสงสัยก็ถามไม่ปล่อยไว้นาน เดี๋ยวจะอึดอัดเพราะความอยากรู้
"ทหารอยู่แทบทุกหน่วยงาน และทหารก็ทำหน้าที่ได้หลายอย่างเช่นกันครับ ไม่ใช่แค่อยู่แต่ในค่ายเท่านั้น ทหารอยู่ทุกที่ของประเทศนี้ครับ" ฉิงหมิงบอกคนที่ชอบสงสัยทุกเรื่องและเขาต้องรีบบอกรีบอธิบาย ไม่อย่างนั้นจะนั่งขมวดคิ้วอยู่อย่างนั้น
"แล้วเอกสารนี่คือเรียบร้อยแล้วเหรอคะ" หนิงหนิงไม่เข้าใจว่ายื่นเรื่องแบบไหน เหมือนเขาเดินเรื่องไว้แล้ว แค่มารับเอกสารเท่านั้นเอง
"เรียบร้อยแล้วครับ ผมจัดการตั้งแต่วันที่เข้ามาในเมือง" ฉิงหมิงตอบแต่ไม่ได้มองหน้าภรรยา เพราะมัวแต่เขียนรายงานเพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนพร้อมหลักฐาน
"เดี๋ยวก่อนค่ะ เรื่องนี้คุณทำเองและก็ยังให้หัวหน้าชุมชนทำด้วยเหรอคะ"
"ครับ ผมเดินเรื่องเอง ส่วนเรื่องที่ให้หัวหน้าชุมชนทำให้นั้น เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเอาคุณมาพูดเสีย ๆ หาย ๆ "
"แล้วไม่กลัวทำเรื่องซ้ำซ้อนเหรอคะ" เรื่องเดียวแต่เดินเรื่องสองทาง แบบนี้จะผิดไหม
"ผมคุยกับเจ้าหน้าที่จนเข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมค่อยเล่าให้ฟังทีหลัง ตอนนี้ผมส่งเรื่องร้องเรียนหัวหน้าชุมชนก่อน เราจะได้ไปช่วยป้า ๆ ไขข้อข้องใจกันเร็ว ๆ " เมื่อเขาเขียนเสร็จก็โบกมือเรียกคนมาเอาเอกสารเพื่อเดินเรื่องต่อทันที
หนิงหนิงมองสามีอย่างไม่เชื่อสายตา เขาเป็นใครกันแน่ หากเขาเป็นทหารที่ปลดประจำการมาจริง ๆ ทำไมถึงสามารถเรียกเจ้าหน้าที่ให้มาเอาเอกสารได้ ทั้งที่ปกติแล้วประชาชนต้องเป็นคนเข้าไปหาเจ้าหน้าที่มากกว่า หรือว่าเขายังมีตำแหน่งในนี้อยู่ ตอนนี้มีหลาย ๆ เรื่องที่ทำให้หนิงหนิงต้องใช้ความคิดจนคิ้วขมวดเป็นปม เข้าใจว่าเธอและเขานั้นยังไม่รู้เรื่องราวของแต่ละคนมากนัก แต่เรื่องนี้มันเกินความคาดหมายไว้จริง ๆ
ตอนที่ 48 บทส่งท้ายห้าปีผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือสุขภาพร่างกายของคนในครอบครัว หลี่อี้สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยแล้ว สามารถช่วยงานลูกเขยได้อย่างสบายซูหรงเป็นคุณย่าและคุณย่าทวดที่แข็งแรงเช่นเดียวกัน รับหน้าที่ช่วยหลานเขยและลูกชายในการดูแลสวนผัก บ่อปลา และโรงเพาะเห็ดที่ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมรัฐบาลเริ่มเปิดให้ประชาชนซื้อขายที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว จึงทำให้ครอบครัวของหนิงหนิงซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน และตอนนี้ก็เริ่มเปิดให้ทำการค้าได้อย่างเสรีอีกด้วย แต่หนิงหนิงก็ยังทำการค้ากับตระกูลจ้าวเหมือนเดิม เพราะว่าทำกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม และเธอเน้นขายส่งมากกว่าขายปลีกหนิงหนิงไม่ได้ย้ายไปอยู่ในเมืองเหมือนคนอื่น ๆ ที่นิยมเข้าไปอยู่ในเมือง เนื่องจากมีการเปิดให้ค้าขายอย่างเสรีแล้ว จึงทำให้คนนิยมย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเพราะสามารถเปิดร้านค้าขาย คนเลยย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก แต่เธอยังอยู่ที่เดิม บ้านหลังเดิม เธอคุ้นเคยกับที่นี่ เธอชอบที่จะอยู่แบบนี้ มันไม่ได้วุ่นวาย มีแต่คนกันเองและคนในครอบครัวเพียงเท่านั้นส่วนครอบครัวเหอได้ย
ตอนที่ 47 ครอบครัวเราใหญ่มากหนิงหนิงกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว การเลี้ยงลูกของเธอไม่ค่อยวุ่นวายสักเท่าไหร่ เพราะฝาแฝดเลี้ยงง่าย กินแล้วก็นอนอย่างเดียว วันนี้เป็นวันแต่งงานของเหอหยวน ซึ่งคนที่เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอเจ้าสาวก็คือครอบครัวของเธอนั่นเอง แต่งเสร็จก็เข้ามาอยู่รวมกับครอบครัวของเธอ เพราะพวกเขายังไม่ได้สร้างบ้าน ก็เลยยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมซึ่งตั้งอยู่ตรงสวนหลังบ้านนั่นเองหนิงหนิงก็ไม่อยากให้ทั้งสามคนออกไปอยู่ที่อื่น หากสร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยย้าย แบบนั้นจะสบายใจมากกว่า เพราะอยู่ด้วยกันมานานและรู้ว่าพวกเขาเป็นแบบไหน มันเลยทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วงสามพี่น้องบ้านเหอมากพอสมควร"วันนี้ลูกสาวของพ่อแต่งตัวสวยจังเลย... " ฉิงหมิงเข้ามาในบ้านเห็นเจ้าตัวเล็กใส่ชุดสีแดง บ่งบอกถึงวันมงคล ถึงแม้จะห่อด้วยผ้าห่มหนานุ่ม แต่เขาก็ยังชมลูกสาวอยู่ดี"พาเฟยเฟยออกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง ให้หยางหยางกินนมให้เสร็จก่อน ยังไม่ยอมหยุดกินเลยสงสัยจะหิว" หนิงหนิงก้มมองลูกชายที่กำลังดูดนมไม่ยอมหยุดกินสักที เอาออกก็ร้องจึงต้องปล่อยให้กินต่อ"อย่าดีกว่า... กลัวคนอยากอุ้มเฟยเฟย เดี๋ยวคนสว
ตอนที่ 46 กลับบ้านนับเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่หนิงหนิงคลอดฝาแฝดชายหญิง ปกติแล้วหลังคลอดเด็กจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลไม่เกินอาทิตย์ แต่หนิงหนิงกลับอยู่ถึงหนึ่งเดือนไม่ใช่ว่าร่างกายไม่แข็งแรง ทุกอย่างสมบูรณ์แข็งแรงดีหมด แข็งแรงทั้งแม่และลูก แต่เพราะความเป็นห่วงที่สามีมีให้ทั้งแม่และลูกเลยให้อยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เพราะถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลยังมีปู่และมีย่าทวดอยู่เป็นเพื่อนอีกด้วยหากให้หนิงหนิงบอกเล่าถึงโรงพยาบาล ก็คงไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลเอกชนในโลกที่จากมา หากจ่ายค่ารักษาก็สามารถอยู่ได้นานตามที่ต้องการได้เลย ทั้งที่โรงพยาบาลนี้คือโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบการทำงานของพวกเขาสักเท่าไหร่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญนั่นคือ รอกลับบ้านพร้อมกับปู่ ซึ่งตอนนี้อาการถือว่าดีขึ้นมาก สามารถช่วยเหลือตัวเอง เดินเองในระยะใกล้ได้แล้ว แต่หากเดินในระยะไกลยังใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แล้วค่อยหัดเดินบ่อย ๆ และต้องมาหาหมอตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามอาการ ซึ่งพ่อก็รับปากหมอทุกอย่าง เพราะอยากกลับพร้อมหลานแฝด ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแล้วส่วนลูกฝาแฝดของเธอเป็นผู้หญิงและผู้ชายแฝดพี่เป็
ตอนที่ 45 พวกเรามาแล้ว...เมื่อคนเราตั้งใจทำอะไร จึงเป็นเรื่องง่ายที่มันจะสำเร็จ เจ้าก้อนแป้งที่บอกว่าจะปั้นแล้วเกิดการตื่นเต้นในวันนั้น... ผลออกมาเป็นเจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องของคนเป็นแม่ในวันนี้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าก้อนแป้งจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเท่านั้นเองชายหรือหญิงไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คนที่แพ้ท้องอย่างหนักกลับเป็นว่าที่คุณพ่อ!!"ไหวไหมคะ" หนิงหนิงเข้ามาลูบหลังสามีที่ตอนนี้นั่งหลับตาพิงกำแพงห้องน้ำอย่างหมดแรง"ขอพักสักหน่อยนะเมียจ๋า ตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ " ฉิงหมิงกอดภรรยาพร้อมกับซุกหน้าไว้บริเวณหน้าอกของภรรยา"ไปนอนบนเตียงไหม" หนิงหนิงเสนอ เพราะเขากินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาจนหมด ดูแล้วน่าจะหมดแรง"ต้องไปดูงานก่อน" เพราะวันนี้คือวันที่จับปลาจำนวนมาก เขาอยากไปดูด้วยตัวเอง"ฉันจะไปดูให้ ไม่ต้องห่วง ทนอีกหน่อย เคยได้ยินว่าแพ้ท้องแค่ไม่กี่เดือน" หนิงหนิงปลอบใจสามี เธอไม่รู้หรอกว่าแพ้ท้องเป็นแบบไหน เพราะเธอยังปกติดีทุกอย่าง"คนเราตั้งครรภ์กี่เดือนถึงจะคลอด" ฉิงหมิงหลับตาอยู่แต่ก็ยังถามคำถามที่ตัวเองอยากมั่นใจ... ว่าที่ตัวเองรู้มามันตรงกันไหม"เจ็ดถึงเก้าเดือน แต่ส่วนมากจะคลอดตอนเก้าเดือน แต่บา
ตอนที่ 44 มาเถิดนะ... เจ้าก้อนแป้ง NC+++เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเข้าที่เข้าทางตามที่เคยพูดไว้ก็ถึงเวลาปฏิบัติภารกิจปั้นเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งคนที่ตื่นเต้นที่ก็หนีไม่พ้นฉิงหมิง ทั้งที่ทำอยู่แทบทุกวัน แต่วันนี้กลับตื่นเต้นเป็นพิเศษภรรยาบอกว่าหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้ว และวันนี้คือวันดี หากอยากมีเจ้าตัวเล็กก็ต้องเป็นวันนี้ เพราะวันนี้คือ วันไข่ตก เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ รู้แต่ว่าวันนี้คือวันที่เขาต้องปั้นเจ้าก้อนแป้งเท่านั้นเอง ภายในห้องนอนใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความสลัว ฉิงหมิงนั่งจ้องหน้าภรรยาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มันน่าแปลกตรงที่ว่าทุกครั้งเขาไม่เคยกังวล แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ทำไมเขาต้องกังวลมากขนาดนี้ก็ไม่รู้"คุณรู้ไหมว่า... หากเครียดมากเกินไป สิ่งที่คุณต้องการมันจะไม่สำเร็จ" ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนที่พูดอยู่แทบทุกวันว่าอยากมีลูก แต่พอถึงเวลากลับนั่งจ้องหน้าเธอ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น"คุณฟังมาจากไหน จำผิดหรือเปล่า ผมแค่กำลังคิดว่าจะทำท่าไหนดี จะลองท่าไหนก่อน ลูกชายและลูกสาวจะต้องใช้ท่าไหน... ผมกำลังคำนวณและใช้ความคิดเท่านั้นเอง" บอกภรรยาไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเขากำลังตื่นเต้นเป็
ตอนที่ 43 เข้าที่เข้าทางผ่านมาสามเดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่เริ่มแลกเปลี่ยนกับแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม หนิงหนิงได้ผู้ช่วยตัวน้อยมาคอยช่วยรดน้ำผัก และให้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อยๆ เท่าที่พอจะทำได้ หนิงหนิงส่งผลผลิตขายให้กับตระกูลจ้าวไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้เธอมีคนมาช่วยงานเพิ่มแล้ว นั่นคือครอบครัวของป้าเหลียน หลังจากวันนั้นที่นัดพูดคุยกัน เธอได้ชักชวนให้มาช่วยงาน โดยมาดูแลที่ดินผืนใหม่ที่ตอนนี้มีแปลงผักและมีบ่อปลาจำนวนมากในหมู่บ้านรู้แล้วว่าหนิงหนิงรับแลกเปลี่ยนสิ่งของ ชาวบ้านก็นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยน ถึงแม้จะได้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไป แต่ก็ยังดีกว่าทิ้งไว้แบบนั้น จึงกลายเป็นรายได้อีกทางให้ชาวบ้านได้นำของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบ้าง อาหารบ้าง"พี่สาว... จะมีโรงเรียนในหมู่บ้านจริง ๆ เหรอ" เหอเหรินถามคำถามนี้มาหลายรอบแล้ว ถามตั้งแต่เช้าก็ยังไม่หยุดถามสักที "ยังไม่แน่ใจ ต้องรอดูว่ายื่นเรื่องผ่านไหม" หนิงหนิงตอบแบบเดิม และตอบคำถามทุกครั้งที่เหอเหรินถาม จนจำไม่ได้แล้วว่าตอบไปกี่ครั้งแล้ว ที่เหอเหรินยังถามคำถามนี้ เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้ยินและได้ฟังคำตอบ เพราะตอนนี้ที่บ้านของพี่สาวไม่ได้มีเธอเป็น