ตอนที่ 11 จับมือลงเรือลำเดียวกัน
ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ที่ทั้งสองพูดคุยเปิดเผยเรื่องราวของตนเองและเริ่มใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ทั้งสองตกลงจะอยู่ร่วมกันและศึกษากันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยยุคสมัยและสังคมที่ไม่ได้เปิดกว้าง ทำให้ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก และที่สำคัญทั้งสองไม่ได้รังเกียจกัน ค่อนข้างที่จะพึงพอใจกันและกันมากพอสมควร เมื่อเปิดใจพูดคุยเรื่องความลับของแต่ละคนมาขนาดนี้แล้ว เลยลองเปิดใจในเรื่องอื่นด้วยเช่นกัน
สำหรับหนิงหนิงมันเหมือนทดลองใช้ชีวิตการมีครอบครัว มีคนอีกคนมาเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวัน นอนด้วยกัน แต่ยังไม่มีอะไรลึกซึ้งไปมากกว่า กอด หอม เพราะตกลงกันไว้แบบนั้น แต่ทุกคืนน้องชายของเขาก็ทิ่มตามร่างกายเธอตลอด ไม่รู้จะตื่นมาทำไมทุกคืน เขาขยับตัวทีไรน้องชายของเขาก็ทิ่มสะเปะสะปะไปทั่ว พอเขาขยับตัว หนิงหนิงต้องรีบยกสองมือมาปิดน้องสาวของตัวเองทันที ไม่ใช่ว่าเธอกลัวเขา แต่เธอกลัวน้องสาวของตัวเองอยากรู้จักน้องชายเขามากกว่า เลยต้องรีบห้ามเอาไว้ไม่ให้ทั้งสองรู้จักกัน ไม่อย่างนั้นคำว่าค่อยเป็นค่อยไปไม่น่าจะมีอยู่จริงแน่นอน
วันนี้มีรถขนอิฐแดงมาส่งที่บ้านจำนวนหลายคัน ในตอนแรกฉิงหมิงต้องการเอามาเพื่อสร้างบ้าน แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจสร้างกำแพงให้แน่นหนาน่าจะดีกว่า เพราะรู้ถึงสิ่งที่ติดตัวภรรยามาแล้ว ที่เขาหายไปในเมืองสองวันก็ไปเดินเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน การที่จะสั่งซื้อของ สร้างบ้าน หรือต่อเติมบ้าน ต้องขออนุญาตเสียก่อน ขอแล้วต้องลงชื่อรอซื้ออิฐ หิน ปูน ทราย เขาเลยต้องให้ผู้ใหญ่ช่วย ยังดีผู้ใหญ่คนนั้นก็เต็มใจช่วย ไม่อย่างนั้นต้องรอคิวกว่าจะได้ก็เกือบสองปี และโชคดีที่เขาไม่ได้สนิทกับชาวบ้านแถวนี้ ทุกคนเลยคิดว่าเขาได้มาจากการลาออกจากทหาร ต้องบอกว่าชาวบ้านคิดไปเอง ในเมื่อเขาไม่ได้เดือดร้อนก็ปล่อยให้ชาวบ้านคิดไปแบบนั้นตามสบาย ดีเสียอีกไม่ต้องมาหาข้ออ้างเวลาคนสงสัย
"ตกลงเราจะจ้างคนมาช่วยหรือทำกันเองค่ะ" หนิงหนิงเดินถือถ้วยน้ำแกงไก่มาส่งให้สามีที่กำลังยืนดูจำนวนอิฐที่วางเรียงอยู่ข้าง ๆ บ้านหลังน้อย
"ไม่ต้องจ้างคนอื่นครับ พอดีพวกเพื่อน ๆ ได้หยุดพร้อมกัน พวกเขาจะมาช่วย ไม่เกินสองอาทิตย์ก็น่าจะเสร็จ อาจต้องรบกวนภรรยาตัวน้อยทำอาหารและจัดที่นอนให้ชายวัยฉกรรจ์ประมาณ 5 - 6 คนด้วยนะครับ" ฉิงหมิงรับน้ำแกงไก่มากินอย่างช้า ๆ พร้อมกับบอกแผนงานที่จะกำลังจะทำ
"ดูบ้านก่อนไหมคะ มีอยู่เท่านี้ เราจะรับแขกได้อย่างไร" หนิงหนิงมองหน้าสามีอย่างจนใจ รู้ว่าผู้ชายนอนไหนก็ได้ แต่ตอนนี้อากาศหนาว จะให้นอนข้างนอกก็กระไรอยู่
"หรือเราควรทำกระท่อมไม้ไผ่หลังเล็ก ๆ ไว้ให้พวกเขานอน" จริง ๆ เขาตั้งใจให้นอนด้านนอกนั่นแหละ แต่พอคิดว่าชายฉกรรจ์หลายคนมานอนที่บ้าน มันอาจไม่เหมาะสักเท่าไหร่ เขามีภรรยาแล้วถึงจะมีห้องนอนส่วนตัว แต่เวลาเข้าห้องน้ำอาบน้ำของภรรยามันจะไม่สะดวกสักเท่าไหร่
"ถ้าอย่างนั้นผมจะลองไปคุยกับหัวหน้าชุมชน ว่ามีบ้านว่างบ้างไหม" ฉิงหมิงรีบหาทางออก ที่เขาไม่จ้างชาวบ้านในหมู่บ้านเพราะอยากตัดปัญหาที่ชอบพูดปากต่อปาก
หากจ้างเพื่อนทหาร อีกไม่นานพวกเขาก็กลับเข้าค่าย ไม่ได้อยู่เห็นความเปลี่ยนแปลง ชาวบ้านเห็นแล้วว่ามีรถขนอิฐ ปูน ทรายมาจำนวนหลายคัน คงคิดไปเองโดยที่เขาไม่ต้องพูดอะไรอีกเหมือนเคย มันอาจยุ่งยากเรื่องหาที่อยู่ แต่มันดีกว่าจ้างชาวบ้านแน่นอน
"เงินเราเหลือเยอะไหมคะ จะพอไหม" หนิงหนิงห่วงเรื่องนี้ อาทิตย์ที่ผ่านมาเธอหาเงินได้ 10 หยวน ไม่พอที่จะช่วยเขา เงินที่ใช้จ่ายซื้อของทั้งหมดมาจากสามี ซึ่งเธอไม่เคยถามเลยว่ามีเท่าไหร่ และไม่เคยคิดอยากได้ของเขา มันเหมือนเงินเก็บทั้งชีวิตของเขา และอีกอย่างเขานำมาเพื่อสร้างบ้านเพื่อครอบครัวแล้ว เธอเลยไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเงินของเขา แค่กังวลที่ตัวเองยังหาเงินได้ไม่เยอะเท่านั้นเอง
"ผมจัดการเองไม่ต้องห่วง" ฉิงหมิงบอกให้ภรรยาได้สบายใจ เขาไปเป็นทหาร 7 ปี เงินเดือนเขาไม่เคยได้ใช้ และยังมีเงินที่เขาลาออกจากกองทัพมาอีกก้อนหนึ่ง เขาสามารถเลี้ยงภรรยาได้อย่างสบาย เพียงแต่เขายังไม่ได้บอกให้ภรรยารู้เท่านั้นเอง
"แบบนี้ดีหน่อย พอที่จะกล้าฝากชีวิตไว้ด้วย" ถึงจะคิดไปอีกอย่าง แต่ปากก็ตอบอีกอย่าง เพราะความหมั่นไส้สามีล้วน ๆ สามีของเธอดูเป็นผู้ใหญ่เวลาที่อยู่กับคนอื่น แต่เขากลับกลายเป็นเหมือนเด็กเวลาที่อยู่กับเธอ
"โธ่เมียจ๋าา... ระวังคืนนี้ไม่ได้นอน" ฉิงหมิงเย้าแหย่คนตัวเล็กพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี กลางคืนแม้ไม่ได้มีอะไรกัน แต่เขาก็ยังสามารถกลั่นแกล้งภรรยาและได้แนบชิดกันพอสมควร ที่เขาเลือกสร้างกำแพงก่อนสร้างบ้าน เพราะยังอยากได้เตียงเตาแคบ ๆ จะได้อิงแอบคนตัวหอมให้สมใจ
"คุณจะเข้าไปในหมู่บ้านเมื่อไหร่คะ ฉันจะไปด้วย อยากไปดูด้วยว่าที่สหกรณ์มีอะไรน่าสนใจบ้างไหม" ตั้งแต่มาอยู่ได้อาทิตย์กว่า ไม่เคยได้เดินเข้าไปในหมู่บ้านเลย และเธออยากเอาของกินไปให้ป้าเหลียนฮวาด้วย ถึงแม้จะมีอาหารไม่มาก แต่เธอพอที่จะสามารถแบ่งให้ป้าเหลียนได้อย่างสบาย
"เย็น ๆ อยากเข้าไปบ้านเก่าด้วยไหม" ฉิงหมิงยังคงเย้าแหย่ต่อ เพราะรู้เรื่องของภรรยาดีว่าไม่ถูกกับคนบ้านเก่ามากแค่ไหน
"วัน ๆ ไม่โดนบ่นโดนว่านี่คือจะนอนไม่หลับใช่ไหม" พูดจาดี ๆ ได้ไม่ถึง 5 นาที สามีก็ชอบหาเรื่องมายั่วโมโหให้เธอตลอด
"โธ่ หนิงหนิงคนสวย... สามีคนนี้ไม่ปล่อยให้ภรรยาถูกรังแกแน่นอน หากคุณเป็นอะไรไป ผมจะอยู่ยังไง ใครจะบ่นผม แล้วผมจะนอนกอดใคร" ฉิงหมิงเดินเข้ามากอดคนตัวเล็กที่ยืนถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่อง
ฉิงหมิงไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ไม่รู้ทำไมเขาถึงชอบเย้าแหย่ก่อกวนภรรยาให้โมโหบ่อย ๆ และเขายอมรับว่าหากอยู่กับคนอื่นเขาไม่ค่อยพูด เขาจะพูดมากเวลาอยู่กับภรรยา มันเหมือนกับว่าเขาไม่ต้องปิดบังหรือเก็บอะไรเอาไว้ คิดแบบไหนก็พูดแบบนั้น แกล้งบ้าง หยอกล้อบ้าง แอบหอม แอบจูบบ้าง...
บางทีก็ได้กำปั้นทุบหัวบ้าง ทุบตัวกลับมาบ้าง แทนที่เขาจะไม่พอใจ แต่เขากลับชอบ มันทำให้เขาหัวเราะได้อย่างอารมณ์ดี ภรรยาของเขาคือคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด หากถามว่าชอบไหม เขายอมรับว่าเขาชอบ ไม่อย่างนั้นเขาไม่หาเรื่องภรรยาให้ตัวเองเจ็บตัวอยู่บ่อย ๆ แน่นอน
"พวกเขาอาจจำฉันไม่ได้ก็ได้ เพราะฉันลอกคราบมาแล้ว สวยขึ้น สวยจนคนบางคนแถวนี้หลงหัวปักหัวปำ" เรื่องชมตัวเองไว้ใจเธอได้แน่นอน
"จ้ะ เมียจ๋าสวยสุด แต่หากแก้ผ้าอาจไม่สวยสุด เพราะมองไม่ออก ว่าไหนด้านหน้า ไหนด้านหลัง" ฉิงหมิงพูดจบก็รีบยัดชามน้ำแกงคืนภรรยา ก่อนจะไปเอาผ้ามาคลุมอิฐให้เรียบร้อย
"เฮ้อ... จบกันผู้ชายในฝัน หล่อใส ออร่าปัง นิ่งขรึมพูดน้อย ๆ ทุกอย่างตรงกันข้ามหมด" หนิงหนิงส่ายหัวไปมาอย่างระอา
ยอมรับว่าสามีคือตรงข้ามกับสิ่งที่หนิงหนิงคิดไว้เลย ยอมรับว่าฉลาด เพราะหากไม่ฉลาด เขาไม่สามารถจับผิดนักแสดงมืออาชีพอย่างเธอได้ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ หรอก แต่อย่างอื่นนั้นตรงข้ามกับสิ่งที่เธอวาดฝันไว้เลย แต่แปลก เขากลับทำให้เธอเป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่กับเขา ไม่ต้องพยายามสวย เป็นแบบไหนก็เป็นแบบนั้น มันค่อนข้างรู้สึกดี ผ่อนคลายเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน คนเราไม่ได้สวยงามตลอด มันต้องมีตอนที่ขี้เหร่บ้าง และแน่นอนว่าเขาเห็นมุมขี้เหร่ของเธอจนหมดแล้วด้วย
"เราจะได้ทะเบียนสมรสเมื่อไหร่คะ" เมื่อคิดได้ก็ต้องรีบถาม
"เดี๋ยววันนี้จะถามหัวหน้าชุมชน" เดินเรื่องมาเป็นอาทิตย์ จริง ๆ แล้วน่าจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาจเพราะเขาไม่ได้จ่ายเงินเพิ่มจากค่าดำเนินการ ถึงได้ช้า ขนาดภรรยาของเขาที่ถูกตัดขาดจากบ้านเก่ายังรวดเร็วทันใจเพียงคืนเดียวเรื่องก็เสร็จเรียบร้อย
"ช้าเกิน เขาคงดึงเวลาให้นานเพื่อเรียกเงิน ปากไม่ต้องพูด แต่รู้ได้จากการกระทำ" หนิงหนิงบอกให้สามีได้รับรู้ว่าหัวหน้าชุมชนเป็นคนแบบไหน
"ผมรู้ครับ ถ่วงไปเลย ผมไม่รีบ" ฉิงหมิงหัวเราะในสิ่งที่หัวหน้าชุมชนทำ ทำไมเขาจะไม่รู้ และอย่าหวังว่าจะได้เงินจากเขา ในเมื่อรับเงินเดือนรัฐก็ต้องทำงาน ไม่มีสิทธิ์มาเรียกเก็บเพิ่ม คงทำเรื่องแบบนี้จนเป็นเรื่องปกติ และชาวบ้านคิดว่าเป็นสินน้ำใจ แต่จริง ๆ แล้วมันผิด เขาไม่ทำแบบชาวบ้านเด็ดขาด
"คนเรานี่ยังไง อย่าให้ถึงทีฉันก็แล้วกัน" หนิงหนิงบ่นเสร็จก็เดินเข้าครัว เก็บชามน้ำแกงให้เรียบร้อยจะได้ออกมาช่วยงานสามี โดยที่ไม่รู้เลยว่าสามีคิดเอาคืนหัวหน้าชุมชนโดยไม่รอเวลาเหมือนภรรยา
สองสามีภรรยาเดินเข้ามาในหมู่บ้านด้วยกัน ชาวบ้านเริ่มกลับมาจากทำงาน เมื่อเจอทั้งคู่ต่างพากันมองอย่างอยากรู้ แต่หนิงหนิงไม่ได้สนใจ อยากมองก็มองไป ทุกคนไม่เคยเห็นที่เธอเป็นแบบนี้ เพราะแต่ก่อนสภาพมอมแมม ผอมแห้ง เนื้อตัวมีแต่รอยแผล มือด้านจนแตก แต่ตอนนี้มันต่างกันลิบลับ และเธอไม่ได้สนใจด้วยว่าคนจะสงสัยหรืออะไร เพราะจริง ๆ แล้วน้อยคนนักที่จะเห็นหน้าตาเธอว่าแท้จริงแล้วเป็นแบบไหน
"หนิงหนิง จะพากันไปไหน" เสียงเรียกดังมาจากด้านหลังทำให้หนิงหนิงหันกลับไปทันที
"ป้าเหลียน ฉันกำลังจะไปหาป้าอยู่พอดี" หนิงหนิงยิ้มกว้างทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร
"มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า แล้วนี่ตัดผมแล้วเหรอ พอเจอแบบนี้หน้าตาน่ารักเชียว เหมือนแม่เราไม่มีผิด" เหลียนฮวามองหน้าหลานสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อ ที่เธอจำได้เพราะหน้าตาเหมือนเพื่อนเธอไม่มีผิด
"แต่ก่อนไม่มีเวลา ตอนนี้พอมีเวลาเลยได้กลับมาดูแลตัวเอง"
"ดีแล้ว หมดทุกข์หมดโศกสักทีลูก มาหาป้ามีอะไรหรือเปล่า" เหลียนฮวายังคงถามต่อ เพราะสองคนนี้เพิ่งออกเรือนไป บางทีอาจมีปัญหา และที่สำคัญทั้งสองไม่มีผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง
"เข้าบ้านก่อนดีกว่าค่ะ" หนิงหนิงคล้องแขนคนเป็นป้า พร้อมกับมองตะกร้าใส่ผักป่าที่มีผักป่าไม่กี่ต้น เธอรู้ได้ทันทีว่าป้าต้องขึ้นเขามาแน่นอน
เมื่อเข้ามาถึงบ้านป้าแล้ว หนิงหนิงก็ส่งของที่เอามาให้พร้อมกับแนะนำสามีให้รู้จักกันอีกครั้ง จริง ๆ แล้วทั้งสองเคยเจอกันแล้ว แต่หนิงหนิงอยากเป็นคนแนะนำอีกรอบ เพราะป้าเหลียนคือคนเดียวที่คอยช่วยเหลือเธอ เป็นคนเดียวที่กล้าเข้าไปหาเธอตอนที่อยู่ในบ้านหลังนั้น ความทรงจำดี ๆ เกี่ยวกับบ้านหลังนั้นแทบไม่มี เพราะมันถูกความทรงจำเลวร้ายปกปิดจนหมด ไม่เหลือสิ่งไหนให้น่าจดจำ นอกจากช่วงเวลาที่แม่ของเธอยังอยู่ คิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็แน่นอยู่ในอก หากไม่ได้ระบายเธออาจอกแตกตายแน่ ๆ
"สามีฉันได้เนื้อและไข่มาจากในเมือง เลยแบ่งมาให้ค่ะ" หนิงหนิงหยิบสิ่งของต่าง ๆ ออกมาวาง
"หนิงหนิง ทำไมไม่เก็บไว้กินเอง เนื้อนั้นหายากและยังเก็บไว้กินนาน ๆ ได้ด้วย ทำเป็นไหม หากไม่เป็นน้าจะสอน" เหลียนฮวารีบถามหลานสาว ถึงหลานทำงานหนักทำทุกอย่าง แต่รู้ดีว่าหากเป็นอาหารที่หายาก คนบ้านนั้นจะทำกินเองไม่ให้หลานสาวแตะ เพราะกลัวว่าหลานสาวจะแอบแบ่งไว้กินเอง จึงไม่แน่ใจว่าหลานจะถนอมอาหารไว้กินเป็นไหม
"ทำเป็นค่ะ ฉันยังมี ป้าเหลียนเก็บไว้ได้เลย แต่ก่อนป้าเอาอาหารไปให้ฉันกินบ่อย ๆ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ" หนิงหนิงสำนึกในบุญคุณเสมอ ถึงแม้อาหารที่ป้าเหลียนแบ่งไปให้จะไม่ได้มากมาย แต่มันทำให้เธอคลายหิวในวันที่ไม่มีอะไรตกถึงท้อง
"ขอบใจมาก ช่างกตัญญู ทีหลังไม่ต้องเอามาให้ป้า เก็บไว้กินเข้าใจไหม" ถึงจะรับไว้ แต่ก็ยังคงสอนหลานสาวไปด้วย
"เข้าใจแล้วค่ะ ป้าเหลียน พอดีฉันจะก่อกำแพงและสร้างบ้าน มีนายช่างแล้ว แต่ว่าฉันไม่มีที่พักให้พวกเขา น้าพอรู้ไหมว่าที่ไหนพอที่จะพักได้บ้าง ตอนแรกฉันว่าจะเข้าไปปรึกษาหัวหน้าชุมชน แต่กลัวจะต้องเสียเงินให้ก่อน เขาถึงจะช่วย ฉันไม่อยากเสียเงินในเรื่องที่ไม่ควรเสีย" หนิงหนิงบอกไปตามตรง จริง ๆ แล้วเรื่องแบบนี้ควรบอกหัวหน้าชุมชน แต่หนิงหนิงไม่อยากบอก เพราะรู้ดีว่าทุกอย่างที่ให้เขาช่วยต้องมีสินน้ำใจ ไม่อย่างนั้นเรื่องจะช้ามาก ๆ
"มีกี่คน หากไม่เยอะมาอยู่บ้านป้าไหม ลูกสาวป้าไปอยู่บ้านย่า หมดห่วงเรื่องมีผู้หญิงที่ยังไม่ออกเรือน" คนที่มาทำงานส่วนมากจะเป็นผู้ชาย การหาที่อยู่ไม่ควรมีผู้หญิงที่ยังไม่ออกเรือน
"5-6 คนค่ะ อยู่ได้เหรอคะ รอปรึกษาลุงก่อนไหมคะ" บ้านป้าเหลียนไม่ได้ใหญ่มาก แต่หากให้อยู่จริง ๆ น่าจะอยู่ได้ เพราะมีห้องน้ำสองห้อง และมีห้องโถงที่พอจะนอนได้ 5-6 คน
"ผมว่าปรึกษากันก่อนดีกว่าครับ เพราะมาอยู่เกือบสองอาทิตย์หรือจนกว่าจะเสร็จงาน หากคุยแล้วให้พักที่นี่ ผมจะจ่ายค่าที่พัก และจะจ้างป้าทำอาหารมื้อเช้าและมื้อเย็นให้พวกเขา ส่วนมื้อกลางวันจะให้หนิงหนิงจัดการเองครับ" ฉิงหมิงพูดต่อ เพื่อที่ป้าจะได้มีข้อมูลไปปรึกษากับสามี
"เลี้ยง 3 มื้อเลยเหรอ ไม่สิ้นเปลืองไปเหรอ" คนส่วนมากกินแค่มื้อเดียว พอมีฐานะหน่อยจะกิน 2 มื้อ แต่นี่กินสามมื้อ มันมากเกินไป มีแต่พวกเศรษฐีเท่านั้นที่กินอาหารสามเวลา
"พวกเขาเคยกินแบบนั้นครับ คนที่มาเป็นทหารเป็นพรรคพวกกันครับ ถึงกินสามมื้อ แต่ส่วนมากจะเป็นอาหารง่าย ๆ ไม่ได้เรื่องมากอะไร ผมจะเตรียมทุกอย่างให้เอง ป้าแค่ทำก็พอครับ" เลี้ยงอาหารสามมื้อ สำหรับเขาคิดว่ามันไม่ได้มากมาย พวกเขากินง่ายอยู่ง่าย มีนมถั่วเหลืองกับซาลาเปาในมื้อเช้าพวกเขาก็อยู่ได้แล้ว
"เอาแบบนี้แล้วกัน ป้าจะรับหน้าที่นี้เอง หาที่นอนให้ด้วย ส่วนเรื่องค่าจ้างไม่เป็นไร ช่วงนี้ป้าไม่ได้มีงานอะไรมาก หากไม่ได้พักที่นี่ก็ยังมีที่พักอื่น ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น" เพราะรู้ว่าหากไปหาหัวหน้าชุมชนจะต้องเสียเงินให้เขาอีกหลายหยวน เงินไม่ได้หาง่าย ๆ
"ถ้าอย่างนั้นฉันฝากเรื่องกับป้าด้วยนะคะ พรุ่งนี้เช้าฉันค่อยมาหาป้าใหม่ ตอนนี้ฉันจะไปบ้านหัวหน้าชุมชนก่อน" เมื่อมีคนอาสาช่วยและคนนั้นก็ไว้ใจได้ หนิงหนิงก็ยินยอม มีคนช่วยดีกว่าไม่มี เพราะเธอยังมีอย่างอื่นที่ต้องทำอีกเยอะ
"ไปทำไมเหรอ หากเขาพูดเรื่องเงินอย่าให้เชียวนะ!! " เรื่องนี้เรื่องใหญ่ สามีของหลานก็ไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหน หากเจอผู้ใหญ่หว่านล้อมขึ้นมาอาจยอมควักเงินจ่ายง่าย ๆ
"ฉันจะไปตามเรื่องทะเบียนสมรส เป็นอาทิตย์แล้วยังเห็นเงียบอยู่เลยค่ะ" หนิงหนิงบอกไปตามความจริง เพราะไม่อยากให้ป้าเป็นห่วง
"หากมีเรื่องเงินเกี่ยวข้อง อย่าไปยอม ช้าหน่อยก็รอไปก่อนเข้าใจไหม" เหลียนฮวาคิดว่าช่างแตกต่างจากตอนที่ทำเรื่องตัดขาด เรื่องนั้นเพียงวันเดียวก็เรียบร้อย แต่เรื่องนี้ผ่านมาเป็นอาทิตย์ เงินมางานก็เดินหน้าอย่างเร็ว ชาวบ้านก็ตัดปัญหา หากรีบก็ต้องจ่ายเงิน
"ไม่ต้องห่วงครับ หากเขาไม่รีบทำให้ ผมจะกระตุ้นเขาเองครับ" ฉิงหมิงยืนยันอีกเสียง
"ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยคุยกันว่าจะเอายังไง"
สองสามีภรรยาเดินจูงมือกันออกมา มุ่งหน้าไปบ้านหัวหน้าชุมชนทันที ฉิงหมิงรู้ว่าต้องทำยังไง และรับรองได้เลยว่าเขาจะไม่เสียเงินแม้แต่เฟินเดียว และเขาต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ภรรยาเขาจะเป็นคนจัดการ สามีที่ดีต้องชิงลงมือก่อน อย่าให้ภรรยาต้องเหนื่อยกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง...
ตอนที่ 48 บทส่งท้ายห้าปีผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือสุขภาพร่างกายของคนในครอบครัว หลี่อี้สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยแล้ว สามารถช่วยงานลูกเขยได้อย่างสบายซูหรงเป็นคุณย่าและคุณย่าทวดที่แข็งแรงเช่นเดียวกัน รับหน้าที่ช่วยหลานเขยและลูกชายในการดูแลสวนผัก บ่อปลา และโรงเพาะเห็ดที่ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมรัฐบาลเริ่มเปิดให้ประชาชนซื้อขายที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว จึงทำให้ครอบครัวของหนิงหนิงซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน และตอนนี้ก็เริ่มเปิดให้ทำการค้าได้อย่างเสรีอีกด้วย แต่หนิงหนิงก็ยังทำการค้ากับตระกูลจ้าวเหมือนเดิม เพราะว่าทำกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม และเธอเน้นขายส่งมากกว่าขายปลีกหนิงหนิงไม่ได้ย้ายไปอยู่ในเมืองเหมือนคนอื่น ๆ ที่นิยมเข้าไปอยู่ในเมือง เนื่องจากมีการเปิดให้ค้าขายอย่างเสรีแล้ว จึงทำให้คนนิยมย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเพราะสามารถเปิดร้านค้าขาย คนเลยย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก แต่เธอยังอยู่ที่เดิม บ้านหลังเดิม เธอคุ้นเคยกับที่นี่ เธอชอบที่จะอยู่แบบนี้ มันไม่ได้วุ่นวาย มีแต่คนกันเองและคนในครอบครัวเพียงเท่านั้นส่วนครอบครัวเหอได้ย
ตอนที่ 47 ครอบครัวเราใหญ่มากหนิงหนิงกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว การเลี้ยงลูกของเธอไม่ค่อยวุ่นวายสักเท่าไหร่ เพราะฝาแฝดเลี้ยงง่าย กินแล้วก็นอนอย่างเดียว วันนี้เป็นวันแต่งงานของเหอหยวน ซึ่งคนที่เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอเจ้าสาวก็คือครอบครัวของเธอนั่นเอง แต่งเสร็จก็เข้ามาอยู่รวมกับครอบครัวของเธอ เพราะพวกเขายังไม่ได้สร้างบ้าน ก็เลยยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมซึ่งตั้งอยู่ตรงสวนหลังบ้านนั่นเองหนิงหนิงก็ไม่อยากให้ทั้งสามคนออกไปอยู่ที่อื่น หากสร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยย้าย แบบนั้นจะสบายใจมากกว่า เพราะอยู่ด้วยกันมานานและรู้ว่าพวกเขาเป็นแบบไหน มันเลยทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วงสามพี่น้องบ้านเหอมากพอสมควร"วันนี้ลูกสาวของพ่อแต่งตัวสวยจังเลย... " ฉิงหมิงเข้ามาในบ้านเห็นเจ้าตัวเล็กใส่ชุดสีแดง บ่งบอกถึงวันมงคล ถึงแม้จะห่อด้วยผ้าห่มหนานุ่ม แต่เขาก็ยังชมลูกสาวอยู่ดี"พาเฟยเฟยออกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง ให้หยางหยางกินนมให้เสร็จก่อน ยังไม่ยอมหยุดกินเลยสงสัยจะหิว" หนิงหนิงก้มมองลูกชายที่กำลังดูดนมไม่ยอมหยุดกินสักที เอาออกก็ร้องจึงต้องปล่อยให้กินต่อ"อย่าดีกว่า... กลัวคนอยากอุ้มเฟยเฟย เดี๋ยวคนสว
ตอนที่ 46 กลับบ้านนับเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่หนิงหนิงคลอดฝาแฝดชายหญิง ปกติแล้วหลังคลอดเด็กจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลไม่เกินอาทิตย์ แต่หนิงหนิงกลับอยู่ถึงหนึ่งเดือนไม่ใช่ว่าร่างกายไม่แข็งแรง ทุกอย่างสมบูรณ์แข็งแรงดีหมด แข็งแรงทั้งแม่และลูก แต่เพราะความเป็นห่วงที่สามีมีให้ทั้งแม่และลูกเลยให้อยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เพราะถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลยังมีปู่และมีย่าทวดอยู่เป็นเพื่อนอีกด้วยหากให้หนิงหนิงบอกเล่าถึงโรงพยาบาล ก็คงไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลเอกชนในโลกที่จากมา หากจ่ายค่ารักษาก็สามารถอยู่ได้นานตามที่ต้องการได้เลย ทั้งที่โรงพยาบาลนี้คือโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบการทำงานของพวกเขาสักเท่าไหร่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญนั่นคือ รอกลับบ้านพร้อมกับปู่ ซึ่งตอนนี้อาการถือว่าดีขึ้นมาก สามารถช่วยเหลือตัวเอง เดินเองในระยะใกล้ได้แล้ว แต่หากเดินในระยะไกลยังใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แล้วค่อยหัดเดินบ่อย ๆ และต้องมาหาหมอตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามอาการ ซึ่งพ่อก็รับปากหมอทุกอย่าง เพราะอยากกลับพร้อมหลานแฝด ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแล้วส่วนลูกฝาแฝดของเธอเป็นผู้หญิงและผู้ชายแฝดพี่เป็
ตอนที่ 45 พวกเรามาแล้ว...เมื่อคนเราตั้งใจทำอะไร จึงเป็นเรื่องง่ายที่มันจะสำเร็จ เจ้าก้อนแป้งที่บอกว่าจะปั้นแล้วเกิดการตื่นเต้นในวันนั้น... ผลออกมาเป็นเจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องของคนเป็นแม่ในวันนี้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าก้อนแป้งจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเท่านั้นเองชายหรือหญิงไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คนที่แพ้ท้องอย่างหนักกลับเป็นว่าที่คุณพ่อ!!"ไหวไหมคะ" หนิงหนิงเข้ามาลูบหลังสามีที่ตอนนี้นั่งหลับตาพิงกำแพงห้องน้ำอย่างหมดแรง"ขอพักสักหน่อยนะเมียจ๋า ตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ " ฉิงหมิงกอดภรรยาพร้อมกับซุกหน้าไว้บริเวณหน้าอกของภรรยา"ไปนอนบนเตียงไหม" หนิงหนิงเสนอ เพราะเขากินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาจนหมด ดูแล้วน่าจะหมดแรง"ต้องไปดูงานก่อน" เพราะวันนี้คือวันที่จับปลาจำนวนมาก เขาอยากไปดูด้วยตัวเอง"ฉันจะไปดูให้ ไม่ต้องห่วง ทนอีกหน่อย เคยได้ยินว่าแพ้ท้องแค่ไม่กี่เดือน" หนิงหนิงปลอบใจสามี เธอไม่รู้หรอกว่าแพ้ท้องเป็นแบบไหน เพราะเธอยังปกติดีทุกอย่าง"คนเราตั้งครรภ์กี่เดือนถึงจะคลอด" ฉิงหมิงหลับตาอยู่แต่ก็ยังถามคำถามที่ตัวเองอยากมั่นใจ... ว่าที่ตัวเองรู้มามันตรงกันไหม"เจ็ดถึงเก้าเดือน แต่ส่วนมากจะคลอดตอนเก้าเดือน แต่บา
ตอนที่ 44 มาเถิดนะ... เจ้าก้อนแป้ง NC+++เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเข้าที่เข้าทางตามที่เคยพูดไว้ก็ถึงเวลาปฏิบัติภารกิจปั้นเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งคนที่ตื่นเต้นที่ก็หนีไม่พ้นฉิงหมิง ทั้งที่ทำอยู่แทบทุกวัน แต่วันนี้กลับตื่นเต้นเป็นพิเศษภรรยาบอกว่าหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้ว และวันนี้คือวันดี หากอยากมีเจ้าตัวเล็กก็ต้องเป็นวันนี้ เพราะวันนี้คือ วันไข่ตก เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ รู้แต่ว่าวันนี้คือวันที่เขาต้องปั้นเจ้าก้อนแป้งเท่านั้นเอง ภายในห้องนอนใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความสลัว ฉิงหมิงนั่งจ้องหน้าภรรยาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มันน่าแปลกตรงที่ว่าทุกครั้งเขาไม่เคยกังวล แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ทำไมเขาต้องกังวลมากขนาดนี้ก็ไม่รู้"คุณรู้ไหมว่า... หากเครียดมากเกินไป สิ่งที่คุณต้องการมันจะไม่สำเร็จ" ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนที่พูดอยู่แทบทุกวันว่าอยากมีลูก แต่พอถึงเวลากลับนั่งจ้องหน้าเธอ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น"คุณฟังมาจากไหน จำผิดหรือเปล่า ผมแค่กำลังคิดว่าจะทำท่าไหนดี จะลองท่าไหนก่อน ลูกชายและลูกสาวจะต้องใช้ท่าไหน... ผมกำลังคำนวณและใช้ความคิดเท่านั้นเอง" บอกภรรยาไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเขากำลังตื่นเต้นเป็
ตอนที่ 43 เข้าที่เข้าทางผ่านมาสามเดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่เริ่มแลกเปลี่ยนกับแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม หนิงหนิงได้ผู้ช่วยตัวน้อยมาคอยช่วยรดน้ำผัก และให้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อยๆ เท่าที่พอจะทำได้ หนิงหนิงส่งผลผลิตขายให้กับตระกูลจ้าวไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้เธอมีคนมาช่วยงานเพิ่มแล้ว นั่นคือครอบครัวของป้าเหลียน หลังจากวันนั้นที่นัดพูดคุยกัน เธอได้ชักชวนให้มาช่วยงาน โดยมาดูแลที่ดินผืนใหม่ที่ตอนนี้มีแปลงผักและมีบ่อปลาจำนวนมากในหมู่บ้านรู้แล้วว่าหนิงหนิงรับแลกเปลี่ยนสิ่งของ ชาวบ้านก็นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยน ถึงแม้จะได้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไป แต่ก็ยังดีกว่าทิ้งไว้แบบนั้น จึงกลายเป็นรายได้อีกทางให้ชาวบ้านได้นำของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบ้าง อาหารบ้าง"พี่สาว... จะมีโรงเรียนในหมู่บ้านจริง ๆ เหรอ" เหอเหรินถามคำถามนี้มาหลายรอบแล้ว ถามตั้งแต่เช้าก็ยังไม่หยุดถามสักที "ยังไม่แน่ใจ ต้องรอดูว่ายื่นเรื่องผ่านไหม" หนิงหนิงตอบแบบเดิม และตอบคำถามทุกครั้งที่เหอเหรินถาม จนจำไม่ได้แล้วว่าตอบไปกี่ครั้งแล้ว ที่เหอเหรินยังถามคำถามนี้ เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้ยินและได้ฟังคำตอบ เพราะตอนนี้ที่บ้านของพี่สาวไม่ได้มีเธอเป็น