ตอนที่ 14 นางร้ายกับคุณป้าทั้งห้า
"อย่าทำหน้าแบบนั้น ผมแค่เดินเรื่องไว้ตั้งแต่แรกเท่านั้นเอง ผมถึงบอกว่าผมไม่รีบ เพราะเขาไม่ทำให้ ผมก็ทำเรียบร้อยแล้ว" ฉิงหมิงเดินจูงมือภรรยาออกมาข้างนอกเพื่อพาไปอีกอาคารหนึ่ง ที่มีพวกป้าในหมู่บ้านรออยู่
"แล้วคุณมีเอกสารได้ยังไง" ทุกอย่างเป็นเอกสารทางราชการทั้งนั้น เขาเป็นทหารปลดประจำการ จะมีของแบบนี้ติดตัวได้อย่างไร
"ตอนเย็นวันเกิดเรื่องผมไปบ้านหัวหน้าชุมชนเพื่อแจ้งเรื่อง ในช่วงจังหวะที่เขาเผลอ ผมก็หยิบเอกสารราชการติดมือมาด้วย พอออกจากบ้านหัวหน้า ผมไปหาคุณที่บ้าน แต่ทุกคนกลับไม่ให้เข้าไป พวกเขาจึงคุยเรื่องค่าสินสอด ผมยอมรับว่าไม่ค่อยไว้ใจ เลยต่อรองด้วยการขอลายนิ้วมือของคุณ" ฉิงหมิงหยุดเดิน หันมาพูดและจ้องตากับภรรยา เขาอยากให้ภรรยาได้เห็นว่าสิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง
"สินสอดเหรอ เยอะไหม" หนิงหนิงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
"ถามมาแบบนี้ ไม่รู้จะตอบว่าแบบไหนเลย... 100 หยวนครับ พ่อคุณเรียกค่าสินสอด 100 หยวน ซึ่งผมยินดีจ่าย แต่ต้องได้เอกสารที่ประทับตราก่อน ก็อย่างที่เห็น ผมได้มาหนึ่งฉบับ โดยที่เขาไม่ถามสักคำว่าผมเอาหนังสือราชการมาจากไหน" ที่เขาไม่ยอมพูดเรื่องนี้ในตอนแรก เพราะเขากลัวภรรยาจะรู้สึกไม่ดี มันเหมือนซื้อขายแลกเปลี่ยนคนคนหนึ่งเลย ไม่มีการยกน้ำชาให้ญาติ และยังไม่บอกเวลาว่าจะมาส่งเจ้าสาวตอนไหน บอกแค่ให้เขารออยู่ที่บ้านเท่านั้น
ในตอนแรกเขานึกว่าพ่อแม่พี่น้องจะเป็นคนมาส่ง ที่ไหนได้กลับเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในครอบครัวมาส่งภรรยา มันเลยทำให้เขานั้นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเพราะไม่ไว้ใจใคร
"ฉันเหมือนถูกคนบ้านนั้นขายเลย งานแต่งไม่มีไม่ว่า แต่เหมือนขายฉันเลย" หนิงหนิงไม่พอใจในสิ่งที่ได้รับรู้ เพราะเธอคิดว่าชีวิตคนเรามีคุณค่ามากกว่านี้ แล้วที่สำคัญเงินตั้งเยอะไม่คิดจะแบ่งให้เธอเลยสักนิด!!
"อย่าคิดแบบนั้น ผมคิดว่ามันคือเงินสินสอด แล้วเชื่อไหมว่าคุณมีค่ามากกว่า 100 หยวน" ฉิงหมิงพยายามพูดให้ภรรยาสบายใจและเขาหมายความว่าแบบนั้นจริง ๆ
"ฉันรู้ว่าฉันสวย มีค่ามากกว่านั้นแน่นอน แต่ฉันเจ็บใจที่พวกเขาได้ค่าสินสอดแล้วกลับเงียบ แม้แต่เฟินเดียวยังไม่ให้ฉันเลย มันเลยเสียดาย แต่คุณสบายใจได้เลย ฉันไม่เสียใจสักนิดที่เหมือนเขาขายฉันออกมา แต่ฉันเจ็บใจที่แม้แต่การออกมาของฉัน พวกเขาก็ยังเรียกร้องเงิน" อยากเอาคืน ไม่ได้เสียใจกับคนพวกนั้นเลยสักนิดเดียว อยากตบ อยากระบาย อยากกระชากพวกนั้นแล้วจับหัวโขกพื้นให้เลือดชั่ว ๆ มันออกบ้าง
"หากอยากเอาคืนผมจะช่วย อย่าเพิ่งคิดมาก คนพวกนั้นไม่หนีไปไหน ได้เอาคืนแน่นอน แต่ตอนนี้เราไปช่วยพยานเรากันดีกว่า เอาคืนทีละคน ผมจะเป็นคนช่วยคุณเอง สั่งมาได้เลยเมียจ๋า สามีคนนี้จะจัดการให้" ฉิงหมิงดีใจที่ภรรยาไม่ได้น้อยใจในเรื่องนั้น และเขาพร้อมช่วยภรรยาตามที่เขาบอกจริง ๆ
"ขอบคุณนะ ฉันต้องได้เอาคืน ไม่อย่างนั้นฉันจะอึดอัดตรงนี้" หนิงหนิงชี้ไปที่หน้าอกของตัวเอง ไม่อย่างนั้นเธออึดอัดตายแน่ ๆ
"เมียจ๋าอย่าอึดอัดเลย... ตรงนั้นก็แทบไม่มี... ยังจะอึดอัดอีกเหรอ" ฉิงหมิงพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ที่พูดแบบนี้เพื่อให้ภรรยาจดจ่อแต่กับเขา ไม่ต้องคิดถึงเรื่องไร้สาระพวกนั้น
หนิงหนิงเดินตามสามี แต่สายตายังคงจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง มีอย่างที่ไหนชอบยั่วโมโหอยู่เรื่อย ถึงจะรู้ว่าเขาทำไปเพื่อไม่ให้เธอมานั่งเสียเวลาคิดเรื่องที่ผ่านมา และมันได้ผล ได้ผลมากด้วยกับการที่เขาชอบว่าหน้าอกเธอเล็กเนี่ย!! มันทำให้เธอลืมเรื่องอื่นจริง ๆ
"อ้าวเสร็จแล้วเหรอ ทำไมพากันมาเร็ว" เมื่อเห็นว่าคนที่กำลังรออยู่มาแล้ว ก็ถามอย่างแปลกใจ เพราะรอไม่นาน ทำไมทำเรื่องรวดเร็วแบบนี้
"เรียบร้อยแล้วจ้ะ ฉันก็เพิ่งรู้ว่าทำเรื่องไม่นาน ได้มาครบทุกอย่างเลยจ้ะ" หนิงหนิงรีบตอบ เพราะอยากให้ทุกคนรู้ว่ามาเดินเรื่องเองก็สามารถทำได้ และยังรวดเร็วทันใจ เชื่อเถอะว่าป้าทั้ง 5 คนนี้ต้องเอาไปพูดต่อแน่ ๆ เพราะไม่มีใครรู้ว่าสามีเธอมาเดินเรื่องไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว
"ช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนเลยเสร็จเร็วครับ หากเจ้าหน้าที่มีงานเยอะ ก็ประมาณอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ก็เรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะแจ้งตอนที่เราทำเรื่องครับ" เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาในอนาคตเขาเลยต้องบอกไปตามความจริง
"อาทิตย์สองอาทิตย์ก็ไม่ถือว่านานหรอก" ไม่ต้องเสียเงิน รอเพียงสองอาทิตย์นั้นบอกเลยว่าไม่นาน
"แต่หากให้หัวหน้าทำให้ก็เร็วนะจ๊ะ ที่บ้านทำเรื่องตัดขาดให้ฉันได้ภายในวันเดียว" ช่องไหนเสียบได้ หนิงหนิงก็เสียบทันที ไม่มีปล่อยให้ว่างโดยเปล่าประโยชน์
"วันเดียวนั้นต้องจ่ายค่าเดินเรื่องมากโข หนิงหนิงไม่รู้เลยเหรอ" เพราะคิดว่าเด็กคนนี้ช่างไร้เดียงสา ช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ทุกคนที่มาวันนี้ต่างคิดว่าหนิงหนิงคือคนที่ไม่ทันคน เพราะวัน ๆ ทำแต่งานอยู่ในบ้าน หากทำงานเสร็จยังต้องไปช่วยงานข้างนอก ไม่เคยได้ออกไปไหน เลยยิ่งทำให้ทุกคนเตือนและบอกให้รู้ไว้ สามีก็เพิ่งกลับมาจะไปรู้เรื่องราวในหมู่บ้านดีเท่าพวกเธอได้อย่างไร
"น่าจะเป็นแบบที่ป้าบอก เพราะตอนเย็นวันเกิดเรื่อง ผมไปที่บ้านแล้วพ่อตาบอกว่าต้องการเงินสินสอดตอนนั้นเลย" เมื่อรู้ว่าภรรยาอยากเอาคืน ฉิงหมิงก็ไม่รอช้ารับไม้ต่อจากภรรยาทันที
"จริงเหรอ เรียกตอนนั้นเลยเหรอ บอกได้ไหมค่าสินสอดหนิงหนิงเท่าไหร่ ที่ถามไม่ใช่อะไร... รู้ไหมว่าคนที่หมู่บ้านพูดกันออกเป็นหลายเสียง บางคนบอกไม่ได้ บางคนบอกได้ บางคนบอกไม่ได้ไม่ว่ายังต้องให้เงินหนิงหนิงไปตั้งตัวอีกด้วย" เรื่องนี้ชาวบ้านพูดกันทั่วทั้งหมู่บ้าน หากฟังจากบ้านเดิมของหนิงหนิงเอง คนพวกนั้นบอกไม่ได้และยังให้เงินลูกสาวออกไปอีกด้วย คนก็เชื่อเรื่องนี้เยอะ เพราะคนที่พูดคือคนในครอบครัว
"วันนั้นพ่อตาเรียก 100 หยวน" ในเมื่อเปิดมาขนาดนี้แล้ว ก็ช่วยแก้ข่าวให้ภรรยาเลยแล้วกัน
"เรื่องนี้ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกัน สามีเพิ่งจะมาบอก" หนิงหนิงตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องจริงให้บรรดาป้าทั้งหลายรับรู้
"ผมว่าเราไปจัดการเรื่องที่เราตั้งใจมาตั้งแต่แรกดีกว่าครับ" เมื่อเปิดแล้วก็รีบพูดเรื่องอื่นให้เหมือนเรื่องที่พูดก่อนหน้านี้มันไม่ได้สำคัญ ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่ได้อะไรแล้วเพราะตัดขาดแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าคนที่ได้ยินสามารถไปเล่าต่อได้อย่างแน่นอน
"อือ ๆ ไปกัน" ถึงจะตอบแบบนั้น แต่คำว่า 100 หยวนยังติดอยู่ในหู เงินไม่ใช่น้อย ๆ ค่าสินสอดที่แพงกว่าสาว ๆ ในหมู่บ้าน ขนาดสาว ๆ ที่เรียนหนังสือยังไม่เคยได้ยินใครได้ค่าสินสอดมากขนาดนี้ นั่นอาจเป็นเงินแทบทั้งหมดจากการปลดประจำการของสามีหนิงหนิงก็ได้
หนิงหนิงนั่งรออยู่ด้านนอก โดยให้สามีพาป้าทั้งหลายเข้าไปสอบถามกันเอง เธอไม่อยากเข้าไปให้เกะกะ เธอมั่นใจว่าสามีจัดการคนเดียวได้อย่างแน่นอน
"เพิ่งรู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านหลอกเอาเงินพวกเราไปกินไปใช้อย่างสบายใจ" หากไม่มาในวันนี้ไม่มีทางที่จะได้รู้ ยังดีนะที่วันนี้มา ไม่อย่างนั้นต้องเสียรู้เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
"คืออะไรเหรอจ๊ะ" หนิงหนิงเงยหน้าถามคนที่ออกมานั่งลงใกล้ ๆ
"พอให้เจ้าหน้าที่ตรวจดู บางคนลงชื่อแล้ว บางคนยังไม่ได้ลงนะสิ แต่หัวหน้าบอกลงชื่อหมดแล้ว และยังมีใบลงชื่อให้เราเก็บไว้ ไอ้เราก็ดีใจ นึกว่าแค่รอเวลาถึงคิวตัวเองเท่านั้น ที่ไหนได้ของฉันยังไม่ได้ลงชื่อเลย" พอรู้ยิ่งโมโห และยิ่งเสียรู้ก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิมอีก
"อาจเป็นการเข้าใจผิดก็ได้นะจ๊ะ" เมื่อจุดไฟติดแล้ว ก็ควรปล่อยให้ไฟเผาไหม้เองและค่อย ๆ เติมน้ำมันทีละนิดเท่านั้นพอ หากมากไปมันอาจลามมาถึงตัวเธอได้ แบบนั้นไม่ดีแน่ ๆ
"เฮ้อ... ผิดอะไรล่ะอาหนิง เจ้าหน้าที่หาให้หลายรอบมาก สามีของอาหนิงก็ช่วยหา" เสียเงินไม่ว่า แต่กลับไม่มีรายชื่อ
"แล้วป้าสองคนลงชื่อหรือยังจ๊ะ"
"คงต้องมาใหม่ เอาเอกสารมาไม่ครบ แต่เจ้าหน้าที่เขียนบอกแล้วว่าต้องเอาอะไรมาบ้าง คงต้องรบกวนสามีหนิงหนิงช่วยอ่านเอกสารให้หน่อย เพราะป้าอ่านไม่ออก" ยังดีที่วันนี้ได้สองสามีภรรยามาช่วย ไม่อย่างนั้นอาจยุ่งยากมากกว่านี้
"เอ่อ... หากหัวหน้ารู้ เขาจะว่าพวกฉันไหมจ๊ะ" ทุกอย่างต้องตีกรอบให้ดี ในเมื่อเขายังอยู่ในตำแหน่งก็ต้องระวังไว้
"ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนมืด ๆ จะให้ลูกกับสามีถือกระดาษไปหา ป้ารับประกันไม่เดือดร้อนแน่นอน" เรื่องนี้จะพูดมั่ว ๆ ไม่ได้ มันมีทั้งคนที่ได้ผลประโยชน์และเสียผลประโยชน์
"ฉันแค่กลัว แค่ฉันไปเอาเอกสารคืน เขาก็บอกว่าจะไม่ช่วยทำเรื่องอะไรให้อีก" หนิงหนิงยังคงหยอดน้ำมันทีละนิด
"โอ๊ย... ถึงอยากช่วยก็ไม่ให้ช่วยแล้ว ช่วยทีไม่ต่ำกว่า 5 หยวน เรื่องยากหน่อย 10 หยวน บางทีก็ 20 หยวน ไม่ใช่น้อย ๆ " เมื่อได้มารู้ข้อมูลที่ตัวเองไม่เคยรู้ เลยยิ่งทำให้เจ็บใจ นับถือเขานึกว่าเขาใจดีช่วยลูกบ้าน ที่ไหนได้ ช่วยใช้เงินจากลูกบ้านนะสิไม่ว่า
"แล้วแบบนี้คนที่ไม่รู้ในหมู่บ้านล่ะ เราจะบอกพวกเขาไหม" หนิงหนิงเพียงหยั่งเชิง ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้สนิทหรือรู้จักทุกคนในหมู่บ้าน ไม่รู้ว่าพอถึงเวลาแล้วจะเข้าข้างหัวหน้าอีกไหม
"หนิงหนิงอย่าไปพูดเชียวนะ หมู่บ้านเราก็มีคนของเขาด้วย ยิ่งไม่ทันคนอยู่ เราเงียบไว้เข้าใจไหม" สำหรับพวกเธอ 5 คนนั้นผ่านอะไรมาหลายอย่าง เอาตัวรอดได้ กลัวแต่หนิงหนิงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนี่แหละจะไปพูด
"คนอื่นที่ไม่รู้ เขาก็น่าเห็นใจนะจ๊ะ ป้าบอกเองว่าเสียเงินไม่ใช่น้อย ๆ " บทนางเอกแสนดีที่ปกติไม่ได้แสดง พอมาอยู่ที่นี่เธอสวมบทบาทนี้บ่อยมาก ๆ
"หนิงหนิงรู้เหรอว่าใครเป็นยังไง รู้ไหมคนไหนคือคนของหัวหน้า พูดไปทั่ว เรานั่นแหละจะเป็นคนเดือดร้อน" บอกคนอื่นนั้นบอกแน่ แต่เลือกบอกเป็นบางคนเท่านั้น
"เรียบร้อยแล้วเหรอ" เมื่อเห็นว่าเพื่อนเดินออกมาก็รีบถามทันที
"รู้เรื่องแล้ว ของฉันยังไม่ถึงคิว อีกสองสามเดือนนั่นแหละ เจ้าหน้าที่บอกว่าเข้ามาถามได้ตลอด ฉันไม่คิดว่าจะเข้าถึงได้ง่ายขนาดนี้" ทุกคนดูแปลกใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ในวันนี้
"มันมีทั้งเข้าถึงง่ายและยากครับ เรื่องไหนที่เขามีบริการประชาชนอยู่แล้วก็ง่ายหน่อย" ฉิงหมิงบอกให้ทุกคนรับรู้ว่ามันมีทั้งยากและง่าย เหมือนคนนั่นแหละที่พูดง่ายและยากแตกต่างกันไป แต่ก่อนที่นี่ไม่เป็นแบบนี้ เข้าหายาก แต่ละคนพูดจากับคนอื่นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพิ่งถูกจัดระเบียบเมื่อไม่นานนี้เอง ไม่อย่างนั้นชาวบ้านก็ยังเข้าหาได้ยากอยู่ดี
"ยังไงก็ขอบใจมาก หากไม่มาคือไม่รู้อะไรเลย และอย่าเอาไปพูดเข้าใจไหม เดี๋ยวเจอหัวหน้ามาเล่นงาน ถึงจะเป็นเรื่องจริง แต่หากไม่มีพรรคพวกก็สู้ไม่ได้อยู่ดี" ทั้งห้าคนนั้นผ่านอะไรมาเยอะกว่าสองสามีภรรยา จึงต้องกำชับไว้
"วันนี้ผมมาเดินเรื่องของผมครับ" ฉิงหมิงรีบบอกให้ทุกคนสบายใจ เพราะอย่างไรเสียเรื่องนี้เขาก็ยังไม่อยากให้คนอื่นรู้เหมือนกัน
"ฉันห่วงอาหนิงนี่แหละ ซื่อ ๆ ตามคนไม่ทัน อย่าไปพูดเชียว เข้าใจไหม วันนี้เราไม่ได้มาด้วยกัน ต่างคนต่างมา" ในเมื่อเห็นว่าคนเป็นสามีพอจะพูดเข้าใจง่าย ก็หันมากำชับอีกคนที่ดูเหมือนจะซื่อเหลือเกิน กลัวคนอื่นมาหลอกถามจริง ๆ
"ฉันรู้จ้ะ" ...ลงทุนเล่นเป็นนางเอกขนาดนี้แล้ว เพราะต้องการให้ผลลัพธ์มันออกมาแบบนี้แหละ
เมื่อทุกคนพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว ก็ต่างคนต่างแยกกันไปทำธุระอย่างอื่นต่อ เพราะเข้ามาไม่ถึงสองชั่วโมงทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว ยังมีเวลาให้ไปเดินดูของ ไปกินข้าว หรือทำธุระอย่างอื่นอีกมาก
สองสามีภรรยาเดินพูดคุยกันตลอดทาง วันนี้เข้าเมืองได้ทำธุระส่วนตัวของตัวเองเรียบร้อย รวมถึงได้ยื่นเรื่องร้องเรียนหัวหน้าชุมชน หลักฐานก็ได้มาจากเอกสารที่นำกลับมาจากหัวหน้าหมู่บ้านนั่นแหละ ด้วยความเคยชินในการทำงาน ฉิงหมิงได้ลงวันที่ดำเนินการไว้เรียบร้อยหมดแล้ว และในวันที่ยื่นเรื่องหัวหน้าก็เป็นคนลงชื่อไว้ด้วยเช่นกัน
ส่วนเรื่องที่เขารับสินบนนั้นต้องให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบอีกครั้ง แต่ที่แน่ ๆ ได้พวกป้าทั้งห้าคนเป็นพยาน โดยป้าทั้งห้าคนยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่แล้ว ทุกคนมีใบจองคิวรอซื้อวัสดุต่าง ๆ คนที่ออกให้คือหัวหน้าชุมชน เอกสารทุกใบหัวหน้าเป็นคนลงชื่อไว้ในเอกสารด้วยเช่นกัน ตอนนี้ที่สามารถเอาผิดได้เลยคือปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ แต่ทุกอย่างก็ต้องรอให้เจ้าหน้าที่เป็นคนจัดการ...
ตอนที่ 48 บทส่งท้ายห้าปีผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือสุขภาพร่างกายของคนในครอบครัว หลี่อี้สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยแล้ว สามารถช่วยงานลูกเขยได้อย่างสบายซูหรงเป็นคุณย่าและคุณย่าทวดที่แข็งแรงเช่นเดียวกัน รับหน้าที่ช่วยหลานเขยและลูกชายในการดูแลสวนผัก บ่อปลา และโรงเพาะเห็ดที่ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมรัฐบาลเริ่มเปิดให้ประชาชนซื้อขายที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว จึงทำให้ครอบครัวของหนิงหนิงซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน และตอนนี้ก็เริ่มเปิดให้ทำการค้าได้อย่างเสรีอีกด้วย แต่หนิงหนิงก็ยังทำการค้ากับตระกูลจ้าวเหมือนเดิม เพราะว่าทำกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม และเธอเน้นขายส่งมากกว่าขายปลีกหนิงหนิงไม่ได้ย้ายไปอยู่ในเมืองเหมือนคนอื่น ๆ ที่นิยมเข้าไปอยู่ในเมือง เนื่องจากมีการเปิดให้ค้าขายอย่างเสรีแล้ว จึงทำให้คนนิยมย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเพราะสามารถเปิดร้านค้าขาย คนเลยย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก แต่เธอยังอยู่ที่เดิม บ้านหลังเดิม เธอคุ้นเคยกับที่นี่ เธอชอบที่จะอยู่แบบนี้ มันไม่ได้วุ่นวาย มีแต่คนกันเองและคนในครอบครัวเพียงเท่านั้นส่วนครอบครัวเหอได้ย
ตอนที่ 47 ครอบครัวเราใหญ่มากหนิงหนิงกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว การเลี้ยงลูกของเธอไม่ค่อยวุ่นวายสักเท่าไหร่ เพราะฝาแฝดเลี้ยงง่าย กินแล้วก็นอนอย่างเดียว วันนี้เป็นวันแต่งงานของเหอหยวน ซึ่งคนที่เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอเจ้าสาวก็คือครอบครัวของเธอนั่นเอง แต่งเสร็จก็เข้ามาอยู่รวมกับครอบครัวของเธอ เพราะพวกเขายังไม่ได้สร้างบ้าน ก็เลยยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมซึ่งตั้งอยู่ตรงสวนหลังบ้านนั่นเองหนิงหนิงก็ไม่อยากให้ทั้งสามคนออกไปอยู่ที่อื่น หากสร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยย้าย แบบนั้นจะสบายใจมากกว่า เพราะอยู่ด้วยกันมานานและรู้ว่าพวกเขาเป็นแบบไหน มันเลยทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วงสามพี่น้องบ้านเหอมากพอสมควร"วันนี้ลูกสาวของพ่อแต่งตัวสวยจังเลย... " ฉิงหมิงเข้ามาในบ้านเห็นเจ้าตัวเล็กใส่ชุดสีแดง บ่งบอกถึงวันมงคล ถึงแม้จะห่อด้วยผ้าห่มหนานุ่ม แต่เขาก็ยังชมลูกสาวอยู่ดี"พาเฟยเฟยออกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง ให้หยางหยางกินนมให้เสร็จก่อน ยังไม่ยอมหยุดกินเลยสงสัยจะหิว" หนิงหนิงก้มมองลูกชายที่กำลังดูดนมไม่ยอมหยุดกินสักที เอาออกก็ร้องจึงต้องปล่อยให้กินต่อ"อย่าดีกว่า... กลัวคนอยากอุ้มเฟยเฟย เดี๋ยวคนสว
ตอนที่ 46 กลับบ้านนับเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่หนิงหนิงคลอดฝาแฝดชายหญิง ปกติแล้วหลังคลอดเด็กจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลไม่เกินอาทิตย์ แต่หนิงหนิงกลับอยู่ถึงหนึ่งเดือนไม่ใช่ว่าร่างกายไม่แข็งแรง ทุกอย่างสมบูรณ์แข็งแรงดีหมด แข็งแรงทั้งแม่และลูก แต่เพราะความเป็นห่วงที่สามีมีให้ทั้งแม่และลูกเลยให้อยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เพราะถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลยังมีปู่และมีย่าทวดอยู่เป็นเพื่อนอีกด้วยหากให้หนิงหนิงบอกเล่าถึงโรงพยาบาล ก็คงไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลเอกชนในโลกที่จากมา หากจ่ายค่ารักษาก็สามารถอยู่ได้นานตามที่ต้องการได้เลย ทั้งที่โรงพยาบาลนี้คือโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบการทำงานของพวกเขาสักเท่าไหร่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญนั่นคือ รอกลับบ้านพร้อมกับปู่ ซึ่งตอนนี้อาการถือว่าดีขึ้นมาก สามารถช่วยเหลือตัวเอง เดินเองในระยะใกล้ได้แล้ว แต่หากเดินในระยะไกลยังใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แล้วค่อยหัดเดินบ่อย ๆ และต้องมาหาหมอตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามอาการ ซึ่งพ่อก็รับปากหมอทุกอย่าง เพราะอยากกลับพร้อมหลานแฝด ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแล้วส่วนลูกฝาแฝดของเธอเป็นผู้หญิงและผู้ชายแฝดพี่เป็
ตอนที่ 45 พวกเรามาแล้ว...เมื่อคนเราตั้งใจทำอะไร จึงเป็นเรื่องง่ายที่มันจะสำเร็จ เจ้าก้อนแป้งที่บอกว่าจะปั้นแล้วเกิดการตื่นเต้นในวันนั้น... ผลออกมาเป็นเจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องของคนเป็นแม่ในวันนี้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าก้อนแป้งจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเท่านั้นเองชายหรือหญิงไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คนที่แพ้ท้องอย่างหนักกลับเป็นว่าที่คุณพ่อ!!"ไหวไหมคะ" หนิงหนิงเข้ามาลูบหลังสามีที่ตอนนี้นั่งหลับตาพิงกำแพงห้องน้ำอย่างหมดแรง"ขอพักสักหน่อยนะเมียจ๋า ตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ " ฉิงหมิงกอดภรรยาพร้อมกับซุกหน้าไว้บริเวณหน้าอกของภรรยา"ไปนอนบนเตียงไหม" หนิงหนิงเสนอ เพราะเขากินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาจนหมด ดูแล้วน่าจะหมดแรง"ต้องไปดูงานก่อน" เพราะวันนี้คือวันที่จับปลาจำนวนมาก เขาอยากไปดูด้วยตัวเอง"ฉันจะไปดูให้ ไม่ต้องห่วง ทนอีกหน่อย เคยได้ยินว่าแพ้ท้องแค่ไม่กี่เดือน" หนิงหนิงปลอบใจสามี เธอไม่รู้หรอกว่าแพ้ท้องเป็นแบบไหน เพราะเธอยังปกติดีทุกอย่าง"คนเราตั้งครรภ์กี่เดือนถึงจะคลอด" ฉิงหมิงหลับตาอยู่แต่ก็ยังถามคำถามที่ตัวเองอยากมั่นใจ... ว่าที่ตัวเองรู้มามันตรงกันไหม"เจ็ดถึงเก้าเดือน แต่ส่วนมากจะคลอดตอนเก้าเดือน แต่บา
ตอนที่ 44 มาเถิดนะ... เจ้าก้อนแป้ง NC+++เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเข้าที่เข้าทางตามที่เคยพูดไว้ก็ถึงเวลาปฏิบัติภารกิจปั้นเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งคนที่ตื่นเต้นที่ก็หนีไม่พ้นฉิงหมิง ทั้งที่ทำอยู่แทบทุกวัน แต่วันนี้กลับตื่นเต้นเป็นพิเศษภรรยาบอกว่าหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้ว และวันนี้คือวันดี หากอยากมีเจ้าตัวเล็กก็ต้องเป็นวันนี้ เพราะวันนี้คือ วันไข่ตก เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ รู้แต่ว่าวันนี้คือวันที่เขาต้องปั้นเจ้าก้อนแป้งเท่านั้นเอง ภายในห้องนอนใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความสลัว ฉิงหมิงนั่งจ้องหน้าภรรยาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มันน่าแปลกตรงที่ว่าทุกครั้งเขาไม่เคยกังวล แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ทำไมเขาต้องกังวลมากขนาดนี้ก็ไม่รู้"คุณรู้ไหมว่า... หากเครียดมากเกินไป สิ่งที่คุณต้องการมันจะไม่สำเร็จ" ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนที่พูดอยู่แทบทุกวันว่าอยากมีลูก แต่พอถึงเวลากลับนั่งจ้องหน้าเธอ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น"คุณฟังมาจากไหน จำผิดหรือเปล่า ผมแค่กำลังคิดว่าจะทำท่าไหนดี จะลองท่าไหนก่อน ลูกชายและลูกสาวจะต้องใช้ท่าไหน... ผมกำลังคำนวณและใช้ความคิดเท่านั้นเอง" บอกภรรยาไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเขากำลังตื่นเต้นเป็
ตอนที่ 43 เข้าที่เข้าทางผ่านมาสามเดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่เริ่มแลกเปลี่ยนกับแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม หนิงหนิงได้ผู้ช่วยตัวน้อยมาคอยช่วยรดน้ำผัก และให้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อยๆ เท่าที่พอจะทำได้ หนิงหนิงส่งผลผลิตขายให้กับตระกูลจ้าวไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้เธอมีคนมาช่วยงานเพิ่มแล้ว นั่นคือครอบครัวของป้าเหลียน หลังจากวันนั้นที่นัดพูดคุยกัน เธอได้ชักชวนให้มาช่วยงาน โดยมาดูแลที่ดินผืนใหม่ที่ตอนนี้มีแปลงผักและมีบ่อปลาจำนวนมากในหมู่บ้านรู้แล้วว่าหนิงหนิงรับแลกเปลี่ยนสิ่งของ ชาวบ้านก็นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยน ถึงแม้จะได้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไป แต่ก็ยังดีกว่าทิ้งไว้แบบนั้น จึงกลายเป็นรายได้อีกทางให้ชาวบ้านได้นำของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบ้าง อาหารบ้าง"พี่สาว... จะมีโรงเรียนในหมู่บ้านจริง ๆ เหรอ" เหอเหรินถามคำถามนี้มาหลายรอบแล้ว ถามตั้งแต่เช้าก็ยังไม่หยุดถามสักที "ยังไม่แน่ใจ ต้องรอดูว่ายื่นเรื่องผ่านไหม" หนิงหนิงตอบแบบเดิม และตอบคำถามทุกครั้งที่เหอเหรินถาม จนจำไม่ได้แล้วว่าตอบไปกี่ครั้งแล้ว ที่เหอเหรินยังถามคำถามนี้ เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้ยินและได้ฟังคำตอบ เพราะตอนนี้ที่บ้านของพี่สาวไม่ได้มีเธอเป็น