로그인
แรกเริ่ม... ก่อนที่เรื่องราวทั้งหมดจะเริ่มขึ้น...
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจาก ภูตน้อยถิงถิง ที่ได้ช่วยเหลือหญิงสาวซึ่งมีดวงชะตาถึงฆาตในโลกที่ถือกำเนิด ถิงถิงช่วยนำพาวิญญาณของสาว ๆ เหล่านั้นให้ย้อนกลับไปเป็นตัวเองในอีกโลกหนึ่ง มิติหนึ่ง ยุคหนึ่ง พร้อมกับเครื่องประดับที่มีความพิเศษ ซึ่งสามารถช่วยเหลือหญิงสาวแต่ละคนได้ แต่พรวิเศษจะเป็นอะไรนั้น... ขึ้นอยู่กับคนถือครอง บางคนอาจสามารถใช้สิ่งของวิเศษตั้งแต่ครั้งแรก บางคนต้องใช้เวลานานกว่าที่พรวิเศษจะปรากฏ
เจตนาของภูตน้อยถิงถิงไม่ใช่ช่วยเหลือ ผู้ผ่านทาง เพียงเท่านั้น เครื่องประดับวิเศษที่หญิงสาวได้ไปนั้น เปรียบเสมือนเครื่องตามหา นายหญิง ของถิงถิงด้วยเช่นกัน สิ่งที่ภูตน้อยทำนั้นได้ทั้งช่วยผู้อื่น และช่วยตัวเองตามหานายหญิงด้วย...
ตอนที่ 1 ไข่มุกเปื้อนเลือด
กู้เจ้าหรู
นักแสดงแถวหน้าผู้มีฝีมือด้านการแสดงที่หาตัวจับยาก ไม่ว่าจะเป็นงานแสดง โฆษณาทั้งหลาย ต่างรุมล้อมต้องการตัวเธอไปเป็นพรีเซนเตอร์ถูกคนจ้างงานมันก็ดีอยู่หรอก... และมันจะดีกว่านี้ถ้าไม่ต้องไปทำงานร่วมกับคนที่เธอไม่ชอบหน้า
อาจเพราะทุกคนคิดว่าเธอกับ เย่เผยหนิง นางร้ายอันดับสอง เป็นเพื่อนสนิทกัน ทุกคนเลยอยากได้พวกเธอไปทำงานรวมกัน หากเป็นเพื่อนก็คงเป็น เพื่อนรัก ที่หยิกหลังกันทุกครั้งที่สบโอกาส หยุมหัวกันบ้างเวลาอีกคนเผลอ แต่เพื่อรักษาหน้าตา การงาน และเงินทองที่จะได้มา พวกเธอเลยต้องสวมหน้ากากเข้าหากัน ฉีกยิ้ม การตลาด เพื่อสร้างภาพให้ทุกคนเห็น
แต่ถึงจะไม่ชอบกันมากแค่ไหน... พวกเธอกลับทำงานออกมาได้ดี หากงานไหนมีพวกเธอทั้งสองคน งานนั้นเตรียมรับทรัพย์อย่างมากมายมหาศาลกันเลยทีเดียว
งานจะไม่ดีได้อย่างไร... หากเป็นงานถ่ายแบบ พวกเธอต่างจัดเต็ม แอ่นอก บิดเอว จ้างร้อยเล่นล้าน มีหรือที่แม่งานจะไม่อยากจ้าง ทำงานคุ้มค่าจ้างเสียยิ่งกว่าคุ้ม
"หน้าเหวี่ยงอีกแล้วนะ" ผู้จัดการมองหน้านักแสดงในสังกัด เหวี่ยงจนคนไม่กล้าเข้าใกล้
"ยังไม่ชินอีกหรือยังไง ต้องไปขึ้นเขียงสับหน้าใหม่เลยไหม" เจ้าหรูค้อนผู้จัดการเข้าให้
"โธ่ ๆ เจ๊ก็เห็นนั่งเงียบ นึกว่ามีอะไร ที่แท้ก็ปกติ" พอเห็นอีกคนถลึงตาใส่ ผู้จัดการมือทองก็หัวเราะคิกคักชอบใจที่ได้แหย่คนที่มีหน้าเหวี่ยงตลอดเวลา
"เพราะหน้าฉันเป็นแบบนี้หรือเปล่า ถึงไม่มีใครมาเสนอบทนางเอกนุ่มนิ่ม เรียบร้อย แสนดีอะไรแบบนี้" เจ้าหรูหันไปพูดต่อทันที
"หน้าพร้อมตบคนตลอดเวลาแบบนี้... ใครจะมาจ้างไปเป็นนางเอกเรียบร้อยนุ่มนิ่ม หากได้รับบทก็ดูปลอมมากกก... " เป็นแบบที่พูดจริง ๆ เพราะหน้าของนางร้ายในสังกัดนั้นแค่อยู่เฉย ๆ ก็เหมือนโกรธใครมา
"บางทีฉันก็เบื่อที่ต้องยิ้มตลอด พอฉันยกยิ้มนิด ๆ กลับกลายเป็นแสยะยิ้มไปอีก" หากงานไหนที่ต้องใช้เวลาอยู่ในงานนาน บอกเลยว่าเมื่อยปากมาก...
"ทุกคนเขาก็รู้อยู่แล้ว จะไปคิดอะไรมาก" คนเขารู้กันทั่วทั้งประเทศแล้วว่า นางร้ายกู้เจ้าหรูหน้าเหวี่ยงตลอดเวลา คนเขาชินกันหมดแล้ว
ตอนนี้พวกเธอกำลังนั่งรถไปงานประมูลเพื่อการกุศล เธอเฝ้ารองานวันนี้มานาน วันที่จะได้เห็นสีหน้าผิดหวังของใครอีกคน แค่คิดก็แสนจะมีความสุขแล้ว
"เจ๊ว่าข่าว วงใน ที่อาหรูได้มานั้น... อาจไม่จริงก็ได้" ผู้จัดการบอกนางร้ายคนสวยก่อนที่จะลงจากรถ
"หมายความว่ายังไงเจ๊" เจ้าหรูขมวดคิ้วสงสัย เธอเป็นคนที่ถึงแม้จะเชื่อเรื่องข่าววงในที่ได้รับมา เพราะปกติแล้วจะเป็นข่าวจริงและแม่นยำตลอด แต่หากมีคนทัก เธอจะหยุดฟังก่อน ไม่ด่วนตัดสินใจเป็นอันขาด
"มันแปลกไหมล่ะ รู้ได้ยังไงว่ามีของชิ้นไหนบ้าง เขาไม่ได้แจ้งไม่ใช่เหรอว่ามีอะไรบ้าง แจ้งแต่ของชิ้นใหญ่ ๆ หรือชิ้นที่สำคัญเท่านั้น และหนิงหนิงไม่น่าจะชอบอะไรแบบนั้น" มันแปลกทุกอย่างนั่นแหละ แต่ไม่รู้แปลกอะไร
"รอดูท่าทีของ ยัยปีศาจ ก่อน หากไม่สนใจฉันก็ไม่ลงมือแข่งหรอก แต่หากเล็งชิ้นไหนฉันจะฉกชิ้นนั้นแหละ" พูดจบพลางยกยิ้มอย่างเหนือกว่า เธอคิดว่าตัวเองรอบคอบกว่ายัยปีศาจแน่นอน
"เจ๊ว่าควรเปิดใจคุยกัน อยู่สังกัดเดียวกัน ดังเหมือนกัน หากจับมือกันต้องพากันรวยจนไม่รู้จะรวยยังไง" ไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะเธอคิดว่าทั้งสองไม่ได้เกลียดกัน แต่ทำไมทำเหมือนเกลียดกันก็ไม่รู้
"เจ๊ชาติ ปากเสีย! จับมืออะไร ยัยนั่นมันไม่น่าคบ" เจ้าหรูรีบเถียงทันที
"ตายแล้ว! เจ๊ชื่อเชอรี่จ้ะ ไม่ใช่ชาติ ไปเข้างานได้แล้วย่ะ" เธอไม่ได้ใช้ชื่อนั้นตั้งนานแล้ว... ชาติเชิดอะไรไม่รู้จัก!!
เป็นไปตามที่ได้ข่าวมาจากวงใน เย่เผยหนิงต้องการประมูลสร้อยไข่มุกเส้นนั้น ทั้งที่มันไม่ได้น่าสนใจสักนิดเดียว แต่หากอีกคนอยากได้ เธอก็พร้อมกระโจนลงไปเล่นด้วยอย่างเต็มใจ...
การประมูลสร้อยไข่มุกดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มมีราคาสูงกว่าของชิ้นอื่นที่นำมาประมูลในงาน สองสาวส่งยิ้ม การตลาด ให้คนรอบข้าง รวมถึงส่งยิ้มให้กันและกันอีกด้วย ทุกคนอาจเห็นเป็นรอยยิ้มอ่อนหวาน นักข่าวต่างบอกว่านางร้ายทั้งสองนั้นช่างมีจิตใจที่ดี แข่งประมูลสร้อยไข่มุกเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับงานการกุศลในครั้งนี้
อาจเพราะฝีมือการแสดงของทั้งคู่ที่ยากจะหาใครเทียบได้ จึงไม่มีใครรู้เลยว่าทั้งสองกำลังแข่งขันเอาชนะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย หากไม่ใช่คนสนิท รับรองไม่มีใครรู้ และคนสนิทที่รู้ก็เพราะได้ยินจากปากของเจ้าตัวเท่านั้นที่เป็นคนบอก
ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม เสนอราคาเพิ่มเรื่อย ๆ สองสาวไม่กลัวอยู่แล้ว งานนี้ได้หน้าเต็ม ๆ แถมได้หักหน้าอีกฝ่าย มีแต่คุ้มกับคุ้ม...
ด้วยความใจบุญของสองสาว ทำให้ต้องใช้เวลาในการประมูลสร้อยไข่มุกนานกว่าสิ่งของอย่างอื่น จึงทำให้คนจัดงานประมูลขอเวลาพักการประมูลก่อน 30 นาที แล้วค่อยเริ่มประมูลใหม่อีกครั้ง ผู้จัดงานต้องเชิญนักแสดงทั้งสองคนเข้าไปหารือในห้องรับรอง ทั้งสองฝ่ายต่างแยกเข้าห้องรับรองคนละห้อง ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ
เวลาผ่านไปไม่ถึง 20 นาที นางร้ายทั้งสองก็ออกจากห้องรับรองด้วยรอยยิ้ม ที่ต่างคนต่างคิดว่าตัวเองเหนือกว่า ก่อนจะแยกย้ายให้นักข่าวถ่ายรูปและให้สัมภาษณ์ในสิ่งที่นักข่าวอยากรู้ ซึ่งเรื่องที่นักข่าวไม่ถามไม่ได้เลย นั่นคือเรื่อง สร้อยไข่มุกโบราณ สรุปแล้วใครเป็นคนได้ไปครอบครอง
"เรื่องนี้คงตอบไม่ได้ค่ะ หนิงหนิงรับปากเจ้าของงานไว้แล้ว ขอโทษพี่ ๆ นักข่าวด้วยนะคะ" หนิงหนิงพูดด้วยรอยยิ้มหวานหยดย้อย
เจ้าหรูปรายตามองหญิงสาวอีกคนที่กำลังยืนให้นักข่าวสัมภาษณ์ คำพูดและรอยยิ้มนั้นบ่งบอกชัดเจนว่าตนเองคือคนที่ได้สร้อยไป ตลกสิ้นดี!! ปลอมสุด ๆ แต่ต้องชมเย่เผยหนิงที่แสดงได้เนียนกริบ... ไม่ทำให้ผู้คนสงสัยเลยแม้แต่น้อย
ถึงจะแสดงดีแค่ไหน เจ้าตัวก็น่าจะรู้ดีแก่ใจว่าตัวเองนั้นพ่ายแพ้แล้ว เท่านี้แหละที่เธอต้องการ ไม่จำเป็นต้องประกาศให้ใครรู้ ให้เจ้าตัวรู้และเจ็บใจเท่านั้นก็พอ เท่านี้ก็ถือว่าวันนี้เธอประสบผลสำเร็จแล้ว...
หลังจากนั้นเจ้าหรูก็ให้สัมภาษณ์ต่อ แต่เธอไม่ได้หักหน้าหรือเปิดเผยว่าตนเองคือคนที่ได้สร้อยไข่มุกมาครอบครอง เธอไม่นิยมแฉให้คนเสียหน้าแบบนั้น เธอชอบพูดให้คนไปตีความหมายเอาเอง และแน่นอนการแสดงออกของเธอก็ไม่แตกต่างจากเย่เผยหนิงแม้แต่น้อย ของแบบนี้รู้ ๆ กันอยู่ การแสดงนั้นเหนือขั้นอยู่แล้ว
หลังจบงาน ผู้จัดการก็มาส่งเธอที่สถานที่แห่งหนึ่ง คนใกล้ชิดจะรู้เสมอว่า หากหาเธอไม่เจอจะต้องมาหาเธอที่บริเวณนี้ มันเป็นสวนสาธารณะขนาดเล็กที่คนส่วนมากไม่สนใจ แต่เจ้าหรูกลับชอบมาที่นี่เป็นประจำ ซึ่งการมาของเธอคือช่วงเวลากลางคืนดึก ๆ ที่ผู้คนต่างหลับใหล นั่นคือช่วงเวลาที่เธอจะมา
"ผมนึกว่า หมวย จะไม่มา... " ถึงจะคิดแบบนั้น แต่เขาก็ยังนั่งรออยู่ไม่ไปไหน
"ของฝาก ดึกแล้วทำไมไม่กลับ" เจ้าหรูยื่นถุงกระดาษให้คนที่นั่งหน้าบึ้ง
"ผมรอหมวยอยู่ ไปงานมาเหรอครับ เหนื่อยไหม" เมื่อเห็นอีกคนยังอยู่ในชุดที่เหมือนกับออกงานก็ถามอย่างแปลกใจ เพราะปกติแล้วหากมีงาน ผู้หญิงตรงหน้าจะไม่ค่อยแวะมาที่นี่
"อือ พี่รู้สึกแปลก ๆ เลยอยากแวะมาที่นี่" เจ้าหรูยื่นมือไปจับหัวเด็กหนุ่มโยกไปมา
"ผมโตแล้ว อย่าทำเหมือนผมเป็นเด็ก"
"เด็กสิ อายุน้อยกว่าพี่ตั้งหลายปี... ยังไงก็เด็ก"
เจ้าหรูมาที่นี่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่เมื่อประมาณสองปีก่อนเธอเจอเด็กหนุ่มคนนี้ ตอนนั้นเขาอายุน่าจะประมาณ 14 ปี เพราะแววตาของเขาบ่งบอกว่ากำลังเศร้า เธอเลยตัดสินใจเข้าไปหาและได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเขาตั้งแต่ตอนนั้น
"หมวยถืออะไร" เมื่อเห็นสิ่งของแปลกตาก็ถามขึ้นทันที
"อ้อ... สร้อยที่พี่ประมูลมา" เจ้าหรูยิ้มกว้างส่งให้เด็กหนุ่ม กับเด็กคนนี้เธอเปิดเผยตัวตนเสมอ ยิ้มกว้างแค่ไหนก็ได้ จะวีนจะเหวี่ยงมากแค่ไหนก็ไม่มีปัญหา หรือทำตัวบ้า ๆ ก็ไม่ต้องสนใจว่าเขาจะคิดยังไง
"ผมใส่ให้หมวยได้ไหม" ถึงปากจะถามแบบนั้น แต่มือก็ยื่นเข้าไปหยิบสร้อยมาถือไว้
"เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่าทำตัวเหมือนเป็นหนุ่ม ๆ สวมสร้อยให้สาว ๆ หน่อยเลย" เจ้าหรูมองเด็กหนุ่มพร้อมกับส่ายหัวไปมา
"ผมโตแล้ว อีกหน่อยผมก็สามารถดูแลหมวยได้แล้ว" เขาสวนกลับทันควัน ทำไมต้องให้พูดคำนี้บ่อย ๆ
"ผมทำตามคำพูดเสมอ และผมจะแต่งงานกับหมวย ห้ามไปมีแฟนหรือแต่งงานกับคนอื่นเป็นอันขาด" เน้นย้ำทุกคำพูด พร้อมกับจ้องตายืนยันว่าเขาจะทำแบบนั้นจริง ๆ
"ย้ำเก่ง" เจ้าหรูไม่ได้คิดอะไร เพราะเด็กหนุ่มพูดแบบนี้ประจำอยู่แล้ว
เจ้าหรูไม่คิดอะไร... แต่คนที่พูดกลับคิดจริงและจะทำจริง ๆ หากไม่ได้ผู้หญิงคนนี้ช่วยไว้ เขาก็คงไม่มีชีวิตอยู่ต่อจนถึงวันนี้ ตั้งแต่วันที่เธอยื่นมือมาช่วย เขาก็ปฏิญาณกับตัวเองแล้วว่า ชีวิตของเขาต่อจากนี้จะเป็นของนางร้ายใจดีคนนี้ และมันจะเป็นแบบนั้นตลอดไป
วันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่เจ้าหรูจะได้มาที่สวนสาธารณะแห่งนี้ เพราะมีความรู้สึกบางอย่างย้ำเตือนให้เธอมาที่นี่ก่อนกลับบ้าน เจ้าหรูออกจากสวนสาธารณะด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
"น้องอย่าเพิ่งข้ามไป!! " เจ้าหรูตะโกนดังลั่นเมื่อเห็นว่าเด็กตัวเล็กกำลังจะข้ามถนนทั้งที่มีรถกำลังวิ่งตรงมา
โครม!!! ตุบ!!!
ชั่ววินาทีที่เจ้าหรูตัดสินใจวิ่งเข้าไปช่วยเด็กน้อยคนนั้น ทำให้ตัวเองกลายเป็นคนโดนรถชนเสียเอง แรงกระแทกทำให้ร่างของนางร้ายลอยกระเด็นไปไกลและหล่นลงมากระแทกพื้นเสียงดัง ก่อนสติจะดับวูบ เธอเห็นเด็กน้อยคนนั้นยืนร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของใครคนหนึ่ง...
อย่างน้อยน้องก็ปลอดภัย...
เจ้าหรูก้มมองสร้อยไข่มุกที่หนุ่มน้อยเป็นคนบรรจงใส่ให้... ตอนนี้สร้อยเส้นนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด...
หวังว่าหนุ่มน้อยของเธอจะมีความสุข และหวังว่าเขาจะมีอนาคตที่ดี...
เจ้าหรูจ้องมองสร้อยไข่มุกเปื้อนเลือดด้วยสายตาที่พร่ามัว ถึงแม้ความเจ็บปวดที่ได้รับจะมีมาก... แต่มุมปากของเธอยังยกยิ้มขึ้นก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงอย่างเชื่องช้า ปลดปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามชะตากรรม
เจ้าหรูไม่รับรู้เลยว่า... เลือดที่ติดอยู่ที่สร้อยไข่มุกเส้นนั้น ไม่ได้มีเลือดของเธอเพียงคนเดียว...
ตอนที่ 10 สำรวจตลาดเจ้าหรูพาทั้งสองเด็กน้อยขึ้นเขาไปตัดต้นไผ่เพื่อนำมาทดลองใช้เครื่องผลิตกระดาษ ในรายละเอียดการใช้งานเครื่องระบุว่าสามารถใช้ต้นไม้อะไรก็ได้ แต่ก็ยังมีข้อแม้ว่าจะใช้ได้เพียงต้นไม้ชนิดนั้นเท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นต้นไม้อย่างอื่นได้อีกเจ้าหรูตัดสินใจใช้ต้นไผ่ เพราะมันมีเยอะมากมาย และยังสามารถพบเจอได้ง่าย ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีต้นไผ่เกิดขึ้นมากมาย บนภูเขา ตามท้องนา หรือในหมู่บ้านก็มีต้นไผ่อยู่ทั่วทุกที่ รับรองว่าเธอไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอนผลการทดลองใช้ต้นไผ่เพียงหนึ่งลำ สามารถผลิตกระดาษอย่างดีได้ถึง 100แผ่น แต่หากคุณภาพกระดาษลดลงมาก็จะได้จำนวนกระดาษเพิ่มขึ้นเป็น 200 แผ่น แต่ต้องอยู่กับขนาดของลำต้นที่ใช้ด้วยเช่นกันส่วนการใช้ต้นไผ่นั้น... สามารถใส่ลงได้ทั้งต้น ไม่ต้องเอาใบออก เพราะส่วนใบจะนำไปผลิตยางลบกับดินสอได้ด้วย
ตอนที่ 9ลู่ทางหาเงินตอนนี้เจ้าหรูอยู่ในโกดังขนาดใหญ่ โกดังแห่งนี้มีสิ่งของมากมาย สิ่งของเหล่านั้นมาจากโลกต่างๆที่ถิงถิงไปเยือน แล้วนำมาเก็บไว้ในสถานที่แห่งนี้พรวิเศษที่มาจากสร้อยไข่มุกยังไม่ปรากฏ ถิงถิงให้เธอมาหาสิ่งของต่าง ๆ จากโกดังแห่งนี้เผื่อมีสิ่งไหนสามารถเอาไปสร้างอาชีพได้จึงต้องพากันเดินสำรวจก่อนตัดสินใจถิงถิงบอกว่าโกดังแห่งนี้อยู่ในมิติของนายหญิง ต้องมีถิงถิงเป็นคนพาเข้าออก คนนอกไม่สามารถเข้าออกได้ แม้แต่นายท่านยังไม่สามารถเข้ามาได้เลย เจ้าหรูไม่รู้หรอกว่านายท่านคือใคร และไม่ได้ถามต่อด้วยเช่นกัน เล่าให้ฟังแค่ไหนก็ฟังแค่นั้นเอง"เวลาในนี้กับเวลาข้างนอกเท่ากันไหม" เพราะลูกนอนหลับอยู่ข้างนอก เธอจะได้คำนวณเวลาได้ถูก ไม่อยากให้ลูกตื่นมาแล้วไม่เจอใคร"ถิงถิงหยุดเวลาไว้เจ้าค่ะ เราออกไป
ตอนที่ 8ผู้มาเยือนสองแม่ลูกกลับมาอยู่บ้านตัวเองได้เกือบสามวันแล้วเรื่องที่เธอจะหย่ากับสามี เธอได้บอกพ่อ แม่ พี่ชาย พี่สะใภ้แล้ว ทุกคนให้เธอเป็นคนตัดสินใจเอง พวกเขาจะคอยอยู่ข้าง ๆ ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจแบบไหนหรือยังไงซึ่งมันเป็นแบบนี้มาตลอด พ่อแม่ไม่เคยซ้ำเติม มีแต่คอยให้กำลังใจและพร้อมจะช่วยเหลือเสมอเจ้าหรูไม่ได้บอกเรื่องที่ตัวเองเรียกเงินจากครอบครัวสามี เพราะเธอรอก่อนว่าทางสามีจะว่าอย่างไร จะตกลงไหม เธอไม่ได้ใจเย็น รอแบบไม่มีระยะเวลากำหนด แต่เธอมีกำหนดเวลาไว้แล้วต่างหากหากว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่งดีกับลูกสาวของเธอบ้าง เธอจะไม่ทำถึงขนาดนี้ แต่ครอบครัวหลิวกลับไม่สนใจความรู้สึกของลูกสาวเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่สนใจไม่ว่า บางครั้งยังพูดจาไม่ดีใส่อิงอิงอีกด้วย"อิงอิง ลูกอยู่ไหน" เมื่อมอ
ตอนที่ 7ครอบครัวกู้"อิงอิง มาหายาย" หลินฟางเรียกหลานสาวทันทีที่มาถึง"ยายจ๋า... ตาจ๋า... สวัสดีจ้า" อิงอิงวิ่งก้นสายดุ๊กดิ๊กไปหายายกับตาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าเจ้าหรูหันไปมองพ่อกับแม่พร้อมกับยิ้มทักทาย พ่อกับแม่ยังแข็งแรงดีและยังเข้าใจเธอเป็นอย่างมากเหมือนเดิม เธอโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวนี้ เพราะพ่อกับแม่รับฟังเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ลูกจะทำผิดแค่ไหน พ่อกับแม่จะใจเย็นแล้วค่อย ๆ ตักเตือนและสอนให้ลูกเข้าใจแต่คนเราไม่ได้โชคดีทั้งหมด เธอมีครอบครัวพ่อแม่ พี่ชายพี่สะใภ้ที่ดี แต่เธอกลับมีสามีที่พยายามตีตัวออกหาก ครอบครัวสามีไม่ต้อนรับ เพราะเธอไม่ใช่คนที่พวกเขาเลือกไว้เท่านั้นเองอาจเพราะเคยผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมายแล้ว จึงคิดว่าแค่เรื่องครอบครัวสามีและสามีไม่ต้องการนั้นกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเธอไปเส
ตอนที่ 6 แม่สอนลูกสาวผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วหลังจากที่เธอพูดคุยเรื่องหย่ากับสามีเขาหายไปตั้งแต่วันนั้นและยังไม่กลับมาไม่แน่ใจว่าคำตอบจะเป็นแบบไหน แต่เจ้าหรูไม่รีบร้อน เธอใจเย็นรอได้เสมอช่วงเวลานี้เธอก็สอนลูกไปด้วย สิ่งที่แม่สอนลูกสาว ส่วนมากเป็นสิ่งที่สอนให้เข้มแข็ง กล้าแสดงออก หากเราไม่ได้ทำอะไรผิดอย่าได้กลัว จงกล้าที่จะพูดเพื่อปกป้องตัวเอง อย่ารอให้คนอื่นมาช่วย ทั้งที่รู้ว่าบางอย่างลูกยังไม่เข้าใจ แต่เธอก็พูดและอธิบายให้ฟัง และเน้นย้ำหากไม่เข้าใจหรืออยากรู้อะไรให้ถามได้เลยช่วงนี้ไม่ใช่แค่เรื่องแม่สอนลูกสาวเพียงอย่างเดียว แม่ต้องคอยถามเรื่องที่ลูกสาวบอกว่าหลิวเย่ไม่ใช่พ่อแล้วยังบอกว่าพ่อของเธอคือใครอีกคนหนึ่ง เจ้าหรูพยายามถามแต่ยังไม่ได้คำตอบอยู่ดีเจ้าหรูเลยคิดว่าลูกสาวอาจสร้างพ่อในจินตนาการขึ้นมา เพราะตอนเด็ก ๆ
ตอนที่ 5 สามีที่น่ารังเกียจผ่านมาสามวันแล้วที่เจ้าหรูมาอยู่ที่โลกใบนี้ สามวันที่เฝ้ารอว่ามีสิ่งของอะไรติดตัวมาบ้าง แต่ทุกอย่างก็ยังเงียบไม่มีปฏิกิริยาตอบรับหรือผิดปกติอะไรเลย แต่เธอก็ยังใส่สร้อยไข่มุกติดตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะจำที่ถิงถิงเคยบอกไว้ว่า... บางครั้งพรวิเศษอาจปรากฏช้า เธอเลยเฝ้ารอเวลาอย่างใจจดใจจ่อวันแรกที่เจ้าหรูพาลูกสาวไปหัดว่ายน้ำ เธอรู้ว่ามีคนมายืนดูเธอสองคนแม่ลูกเล่นน้ำ แต่ที่เธอทำตัวปกติเหมือนไม่รับรู้การมีอยู่ของเขา เพราะเขาไม่มีค่ามากพอที่จะทำให้เธอหยุดเล่นสนุกกับลูก รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของลูกสาวมีค่ามากกว่าการที่เธอจะหยุดทักทายเขาหากเดาไม่ผิด เธอคิดว่าคนรักของเขาคงไปบอกข่าวเกี่ยวกับเรื่องเธอและลูก เขาถึงออกมาดู แต่เมื่อมาเห็นแล้วว่าเธอกับลูกอยู่ดีมีความสุข เขาก็กลับไปทันที และตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ไม่เห็นเขาออกมาที่นี่อีกเลยเจ้าหรูจะพาลูกสาววิ่งออกกำลังกายในทุกเช้า และต่อด้วยฝึกท่าทางต่าง ๆ ที่เธอเคยเรียนมา ศิลปะการป้องกันตัวทั้งหลายที่เคยเรียนมา เธอก็เอาออกมาฝึกกับลูกสาว ถึงแม้ลูกสาวจะยังเล็ก แต่หากฝึกไปเรื่อย ๆ มันต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน ดีที่อิงอิงตัวน้อย







